ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

สรรพสิริ วิรยศิริ ...กับ ขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้ายสู่ดวงดาว..

เริ่มโดย Mr.No, 16:49 น. 18 ต.ค 55

Mr.No

[attach=1]

จะว่าไป...เดือนนี้ น่าจะเป็นเดือนที่ ประเทศไทย สูญเสียบุคคลที่มีชื่อเสียง และได้สร้างคุณประโยชน์ให้แผ่นดินในหลายมิติ หลายท่าน  ไม่ว่าจะเป็น อดีตนักแบดมินตันทีมชาติ, คุณพัชรา แวงวรรณ , นักร้องนักแสดงรุ่นเก๋า ฉายา 3 ศักดิ์ ที่ชื่อ มีศักดิ์ นาครัตน์  ที่ยุคนั้นใคร ๆ ก็คุ้นกับเพลง "แตกดังโพ๊ละ! ...

แต่ในห้วงความทรงจำที่ผมคิดว่า บุคคลที่ประเทศไทยและหลากหลายวงการนับแต่ รถแข่ง,สื่อสารมวลชน,,แวดวงนักเขียน หรือแม้แต่ วงการรถไฟสยามมาถึงรถไฟไทย ต้องบันทึกไว้ว่า บุคคลผู้นี้คือบุคคลสำคัญที่ได้สร้างสีสันและนับเป็นบุคคลตัวอย่างที่ตลอดชีวิตดำรงตนเพื่อ สร้างประโยชน์และนับเป็นตัวอย่างที่คนรุ่นหลังควรจะได้จดจำอย่างไม่ลืมเลือนเลย..

[attach=2]

คุณสรรพสิริ วิรยศิริ คือบุคคลที่ผมขออนุญาตใช้พื้นที่แห่งนี้ เพื่อขอแสดงความคารวะในคุณูปการที่ท่านได้สร้างไว้ให้แก่หลากหลายวงการของเมืองไทย....

ถ้าใครที่อายุอานามเกิน 40 ปีขึ้นไป คงจำได้กับ มายาภาพมหัศจรรย์  กับภาพขาวดำเคลื่อนไหวได้มีเสียงประกอบ ที่ปรากฏบนตู้สี่เหลี่ยม ที่เรียกกันว่า "โทรทัศน์"

โทรทัศน์ขาวดำ เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยครั้งแรกในราวปี พ.ศ.2513 และหลัง ปี พ.ศ. 2517 ก็นับเป็นยุคที่โทรทัศน์ขาวดำได้พัฒนากลายเป็นโทรทัศน์สีมาจวบจนปัจจุบัน

ทุกสิ่งที่ปรากฏในโทรทัศน์ขาวดำยุคนั้น ดูจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจทุกอย่าง จึงไม่แปลกที่คนในยุคนั้นจะสามารถจดจำ ภาพ,เสียงที่ปรากฏสารพันในโทรทัศน์ยุคนั้นได้อย่างไม่ลืมเลือน

จากบทความที่ชื่อ "วิทยุภาพ" ที่ชายคนหนึ่งนาม "สรรพสิริ วิรยศิริ" เขียนขึ้นเพื่อแจกในงานทอดกฐิน ในปี พ.ศ. 2492 กลายเป็นต้นกำเนิดของ สื่อโทรทัศน์ ครั้งแรกในประเทศไทยในเวลาต่อมา จากการที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้อ่านบทความดังกล่าวที่พูดถึง กระจายเสียงแบบวิทยุแต่สามารถนำภาพเคลื่อนไหวนำเสนอได้พร้อม  ๆ กัน

[attach=4]

4 ปีต่อมา จากบทความ "วิทยุภาพ" ได้กลายเป็นความจริง เพราะในปีนั้นประเทศไทย ได้มีการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ครั้งแรกขึ้นในประเทศไทย



โฆษณาการ์ตูนยุคขาวดำที่ติดปาก..ติดตา คนในยุคนั้น อย่าง แป้งน้ำควินนา ที่นำเอาเรื่องราวของ สโนไวท์กับแม่มดใจร้ายและกระจกวิเศษ ดูจะเป็นโฆษณาที่ได้รับความนิยมและจดจำกัน ..ไม่ต่างจากโฆษณาอื่นที่จนวันนี้กลายเป็นโฆษณาที่ถือว่า เป็นต้นแบบโฆษณาที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ด้านวงการโฆษณาอย่าง โฆษณายาหม่องบริบูรณ์บาล์ม ฯลฯ
สองโฆษณาข้างต้น...บรรยายโฆษณาโดยคุณสรรพสิริ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของวงการโฆษณาไทยในยุคแรก ๆ

หลากหลายความสามารถที่คุณสรรพสิริ เข้าไปมีส่วนช่วยผลักดัน..ช่วยอุ้มชู อาทิ การนำเรื่องราวเสนอข้อมูลด้านรถแข่งระดับโลกอย่างฟอร์มูล่าวัน ที่มีเชื้อพระวงศ์ไทย อย่างพระองค์เจ้าพีระ ได้สร้างชื่อเสียงไว้

[attach=3]

บทบาทของสื่อสารมวลชนในการเป็นผู้สื่อข่าวสำคัญ โดยเฉพาะกรณีเหตุการณ์ตุลาคม 2519 ที่ผู้ชายคนนี้ หาญกล้าเปิดเผยภาพและความโหดร้ายที่เกิดขึ้นต่อเหล่านิสิตนักศึกษา อย่างท้าทายอำนาจเผด็จการทหารในยุคนั้น   หรือการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างจิตสำนึกให้คนไทย ได้มีส่วนช่วยอนุรักษ์และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าหลวง ร.5 กับภาระกิจการจัดตั้ง "ชมรมเรารักรถไฟ" ที่ต่อมาเป็นสถานที่สุดท้ายที่ยังคงเก็บรักษาโบราณพาหนะแห่งสยามไว้ให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสศึกษา และเข้าถึง "หัวใจของคนรักรถไฟ" อย่างแท้จริง...

คุณสรรพสิริ ถือเป็นตัวอย่างแห่งบุคคลที่มีจิตสำนึกในการทำงานตอบแทนทั้งแผ่นดิน..ประเทศ และที่สำคัญ ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ไว้อย่างน่าชื่นชม...

เพราะลืมตาดูโลกใบนี้ จากบิดาคือ พระยามหาอำมาตยาธิบดี (เสง วิรยศิริ) ที่มีตำแหน่งเป็นราชเลขานุการในพระพุทธเจ้าหลวง ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ ความจงรักภักดีที่มีจะได้รับการถ่ายทอดจากบิดามาสู่บุตร จวบจนลมหายใจสุดท้าย

หลายหลากคุณูปการที่คุณสรรสิริ ได้สร้างไว้เป็นต้นแบบแห่งแผ่นดิน ที่ผมคงนำมาถ่ายทอดได้ไม่หมด และอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าชีวิตคน ๆ หนึ่ง...เกิดมา และได้ทำหน้าที่และสร้างคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน..ต่อผู้อื่น โดยมิได้มีเป้าหมายคือ อามิส เป็นตัวตั้ง  คงคาดเดาแทบไม่ถูกว่า ประเทศชาติเราจะเข้าสู่ยุคแห่งความอำไพ เจริญวัฒนาได้อย่างมีความสุขเพียงใด

พ.ศ.2463 ถึง 15 ตุลาคม 2555  สิริอายุ 92 ปี  คือบทพิสูจน์คุณค่าของผู้ชายที่ผมขอคารวะให้หมดหัวใจ....


[attach=5]

คุณอรุณ วัชระสวัสดิ์ แห่งมิติชน...เขียนภาพไว้อาลัยถึงคุณสรรพสิริ โดยตั้งชื่อภาพนั้นว่า "ขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้ายสู่ดวงดาว"  นับเป็นภาพที่สะท้อนถึงทุกสิ่งของคุณสรรพสิริ อย่างลงตัว...

.... ที่แห่งใดแห่งหนึ่งบนทางช้างเผือกอันไกลโพ้น...บางที ที่นั่นเสียงก้องกังวานของหวูดรถไฟ และภาพของชายชราที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข กับครั้งหนึ่งที่ได้สร้างเรื่องราวดี ๆ และสีสันให้แก่แผ่นดินที่ชื่อ "ประเทศไทย" ไว้อย่างสมค่าแล้ว...
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.