ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ทำไมพุทธเราจึงมีระบบเจ้าสำนัก

เริ่มโดย เณรเทือง, 18:38 น. 12 ธ.ค 55

ฅ ฅนหลง

.


...หุ หุ เป็นเอามาก คงบรรลุแล้ว ผมใช้ชื่อ ฅนหลง ยังหลงอยู่ครับ ไม่เคยอ้างว่าบรรลุใดๆ


เรื่องถุงยางอนามัย เอามาจาก เวบ พันทิป www.pantip.com จ้า


ในกระทู้ เตรียมตัวก่อนโลกแตก มีหลายอย่าง เช่น มาม่า เทียนไข ไฟแช็ก และมีถุงยางอนามัยด้วย


ก็มีการโต้ตอบ และคุยกันเรื่องว่า ทำไมต้องเตรียมถุงยาง แต่คนทั่วไปก็สงสัยว่า เพราะอะไร จึงต้องเตรียม


เขาคุยกันตามเหตุผล ดูเป็นเรื่องสนุกไป แต่นายที่ใช้ชื่ว่าเสื่อม คงจะเสื่อมจริงๆตามชื่อ จริงจังเกินไปป่าว ส.โอ้โห


...ไปอ่านเองนะครับ ผมขี้เกียจพูดมาก เบื่อ คน คอยว่า คอยหาเรื่องฅนอื่น.... ส.ก๊ากๆ ส.หลก

หาเจอ

หาเจอแล้ว http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U13055252/U13055252.html

อ้างจาก: ฅ ฅนหลง เมื่อ 17:47 น.  14 ธ.ค 55
.


...หุ หุ เป็นเอามาก คงบรรลุแล้ว ผมใช้ชื่อ ฅนหลง ยังหลงอยู่ครับ ไม่เคยอ้างว่าบรรลุใดๆ


เรื่องถุงยางอนามัย เอามาจาก เวบ พันทิป www.pantip.com จ้า


ในกระทู้ เตรียมตัวก่อนโลกแตก มีหลายอย่าง เช่น มาม่า เทียนไข ไฟแช็ก และมีถุงยางอนามัยด้วย


ก็มีการโต้ตอบ และคุยกันเรื่องว่า ทำไมต้องเตรียมถุงยาง แต่คนทั่วไปก็สงสัยว่า เพราะอะไร จึงต้องเตรียม


เขาคุยกันตามเหตุผล ดูเป็นเรื่องสนุกไป แต่นายที่ใช้ชื่ว่าเสื่อม คงจะเสื่อมจริงๆตามชื่อ จริงจังเกินไปป่าว ส.โอ้โห


...ไปอ่านเองนะครับ ผมขี้เกียจพูดมาก เบื่อ คน คอยว่า คอยหาเรื่องฅนอื่น.... ส.ก๊ากๆ ส.หลก

เสื่อมเสีย

ถ้ารู้จักกาละเทศะซักหน่อย ก็ไม่ควรมาลงในพื้นที่ กระดานลานบุญนะ  ถ้าสำนึกผิดละอาย


แก่ใจซักหน่อย คงไม่ติดใจใคร ถึงเอามาจากไหนอ่านมาจากไหนก็น่าจะ


ไตร่ตรองก่อนเอามาลง ไม่สมควรมาแสดงอาการหื่นสองแง่สองง่ามหมิ่นเหม่กามกระหายดื่มสุรายาเมาให้คนเห็น


ในกระทู้นี้นะ ไม่ควรทำจริงๆ และไม่เป็นผลดีต่อสถาบันครอบครัวครับ มันบาป  ส.บ๊ายบาย ส.กลิ้ง
อ้างจาก: ฅ ฅนหลง เมื่อ 17:47 น.  14 ธ.ค 55
.


...หุ หุ เป็นเอามาก คงบรรลุแล้ว ผมใช้ชื่อ ฅนหลง ยังหลงอยู่ครับ ไม่เคยอ้างว่าบรรลุใดๆ


เรื่องถุงยางอนามัย เอามาจาก เวบ พันทิป www.pantip.com จ้า


ในกระทู้ เตรียมตัวก่อนโลกแตก มีหลายอย่าง เช่น มาม่า เทียนไข ไฟแช็ก และมีถุงยางอนามัยด้วย


ก็มีการโต้ตอบ และคุยกันเรื่องว่า ทำไมต้องเตรียมถุงยาง แต่คนทั่วไปก็สงสัยว่า เพราะอะไร จึงต้องเตรียม


เขาคุยกันตามเหตุผล ดูเป็นเรื่องสนุกไป แต่นายที่ใช้ชื่ว่าเสื่อม คงจะเสื่อมจริงๆตามชื่อ จริงจังเกินไปป่าว ส.โอ้โห


...ไปอ่านเองนะครับ ผมขี้เกียจพูดมาก เบื่อ คน คอยว่า คอยหาเรื่องฅนอื่น.... ส.ก๊ากๆ ส.หลก

เณรเทือง

อันที่จริงผู้ทำตนเป็นเจ้าสำนักนั้นกระผมเห็นว่ามีเป็นส่วนน้อยนะครับ
วัดส่วนใหญ่ของประเทศยังคงเป็นหลักชัยอันสำคัญของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
สำนักเรียนหลายแห่งไม่ได้เชิดชูใครเป็นเจ้าสำนัก แต่ก้ได้ผลิตพระนักวิชาการออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
นับว่ามีไม่น้อย

ฅ ฅนหลง

.



...เอ่อ..ลืมไป ว่า ไม่ควรเอาเหล้าเข้ามาในวัด และอย่าพูดเล่นกันในวัด

ขอให้วัดนี้บริสุทธิ์ตลอดไปนะครับ ส.ก๊ากๆ ส.ยกน้ิวให้ ส.บ๊ายบาย



ฅ ฅนหลง

.


....เรียน อาจารย์ ท่านคุณหลวง ที่นับถือ


   โดนข้อหาหนักแว้ว หื่นกระหาย สองแง่สามง่ามสี่ง่าม ดื่มสุราให้คนเห็น ยังสงกะสัย ว่าใครเห็นตอนดื่มหว่า


เป็นบาป ไม่เป็นผลดีกับสถาบันครอบครัว ยังดีที่ไม่โดนข้อหา ไม่เป็นผลดีต่อโลก และอื่นๆ


..คงเป็นบาปหนักจุงเบย.. ส.โอ้โห ส.ก๊ากๆ



ไม่รู้หวัน


คุณหลวง

 ส-เขิน     ฝันดีเพราะจะเจอผมหรือครับ ท่านพี่คนข้างพลาซ่าให้เกียรติกันมากไปแล้วล่ะครับท่าน เพราะบางทีก่อนนอนผมแค่เดินผ่านกระจกแล้วหันไปมองหน้าตัวเอง ยังฝันร้ายเลยท่าน  ส.หลกจริง ส่วนเรื่องเลี้ยงลูกนั้นมีความสุขดีเวลาแม่เขาเลี้ยงครับ  ส.หัว ส.หัว เวลาเลี้ยงเอง ฮ้าย แจ็บแบ็ตหัวแหม็ดนิท่าน....

     ส่วนไอ้เรื่องความเป็นปุถุชนของผมนั้น ความจริง ผมยอมรับมานาน และบ่อยครั้งด้วยในกระทู้ต่างๆตามเหมาะสม ผมทราบดีในความเลวที่ตนมี แต่ผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เพราะผมมีเพื่อนที่ดี ที่กล้ายอมรับตัวเองกันตรงๆไม่หมกเม็ด อย่างท่านพี่ Mr.No (ขออภัยที่เอ่ยนามครับ) ท่านพี่ฅนหลง เป็นต้น มันก็เลยคุยกันสบายใจหน่อย(แต่ใครเป็นอะไรแค่ไหน ไม่ทราบครับ ไม่รู้จักตัวจริงสักคน)

    ก็แปลกใจบ่อยครั้งที่มีผู้พยายามยกย่องผมเป็นอะไรๆสูงๆเกินความจริง  พอผมพูดอะไรธรรมดาๆแบบปุถุชนไปก็เลยตกใจ ก็อาจเป็นเพราะผมชอบพูดอะไรแนวนั้นมากไปหน่อย ขออภัยจริงๆครับ

    เป็นผู้แสวงหาก็อย่าขวัญอ่อนครับ เพราะยิ่งแสวงหาก็จะยิ่งพบอะไรที่ตนไม่ชอบใจมากขึ้นๆ มันเป็นการฝึกตนอย่างหนึ่ง ก่อนจะสามารถวางเฉยกับมันได้ด้วยใจยอมรับความเป็นธรรมดาของสรรพสิ่ง(เอาอีกล่ะๆ คุณหลวง  ส.หลก)

    ท่านพี่ฅนหลงครับ คราวหลังพูดอะไรแบบนี้ต้องระวัง กบว.เขาจ้องอยู่ มันไม่เหมาะสมกับเด็กๆ เยาวชนของชาติ ซ้ำล่าสุดเพิ่งทราบว่ามันเป็นอันตรายต่ออริยะบางจำพวกด้วย ส.อืม  ส.กลิ้ง

    ความจริง เรามาแลกเปลี่ยนความรู้กัน ไม่ได้เอาเป็นเอาตายกันที่ไหน ล้อเล่นกันบ้างก็นะ ช่างๆมันบ้าง โลกนี้มันปนเปกันไปนะ อะไรที่เห็นว่าไร้สาระก็ข้ามๆไปเสีย จะหาของดีโดยไม่รู้จักของเสียก็คงหาสิ่งดีจริงๆได้ลำบากอยู่ หรือแจ้งลบไปยังเจ้าหน้าที่เว็บก็ได้ครับ เขาคงยินดีพิจารณาลบให้

    เขามีส่วนเลวบ้าง...นะครับ                                  สะบายดี...


สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คนหลง ในวันโลกแตก




""" รับซาบ ครับพ้ม ท่านเจ้าคุณหลวง

เคยอ่านเจอ การพิมพ์ตัวใหญ่ เป็นการข่มขู่ วางอำนาจ และตะโกน

ลองพิมพ์ดู... ส-ดีใจ ส.ก๊ากๆ ส.หัว


... เค้ากลัวเรื่องโลกแตกกัน พรุ่งนี้แล้วซินะ....

บล.เบยลาว ดื่มแล้วสะบายดี...ส.บ๊ายบาย ส.บ๊ายบาย ส.ยกน้ิวให้ ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส.โอ้โห

เณรเทือง

อ้างจาก: JATE_Gmail เมื่อ 14:30 น.  14 ธ.ค 55
ชาวพุทธ
1.ร้อยละ 80 เป็นแค่ในนามเท่านั้น แค่ระบุในบัตรประชาชน ก็แค่นั้น
2.หมิ่นศาสนาอื่น
3.ถามเรื่องศาสนา สักข้อ ก็ตอบไม่ได้ ศาสนาตามใจ หุหุ
ตอบ ข้อ 1.
มองโลกแง่ร้ายนะครับ ร้อยละ 80 เอามาจากไหน
ตอบ ข้อ 2.
เป็นการกล่าวหา
ตอบ ข้อ 3.
คนที่ตอบได้มีเยอะทำไมไม่ถาม

sdd

เพ้อเจ้อ แต่พิธีกรรม
หลักศาสนาก็คือหลักธรรมชาติของมนุษย์นี่แหละ
ไม่ใช่แค่สวดมนต์ตามทำนองได้ก็เรียกว่า เป็นคนเคร่งศาสนา ปากขยับ ตาก็ส่ายไปมา แตกต่างอะไรกับคนสวดมนต์ไม่เป็น

ทะนงแต่ตัวเอง คิดว่าบวชเรียนมาแล้ว แอบท่องจำคนอื่นมาแล้ว จะบรรลุเป็นโสดาบัน
เที่ยวมาคาดเดาคนอื่นว่าต่ำชั้นกว่า ไม่รู้จะเรียก เดียรถีย์ได้หรือเปล่า

คงไม่ต้องบอกว่าลัทธิไหน นิกายไหน ที่อาศัยศาสนา ห่มเหลือง มาหากิน
ตอนนี้ พรุ่งนี้ ก็จะสังฆทาน สาม สี่ร้อยวัดกันอีกแล้ว
ผู้จัดก็แอบแฝงเป็นผู้ใหญ่ผู้โตในสถาบันบางแห่งนี่แหละ... รอดูหนังมัวนใหญ่ข้างหน้า คงจะสนุกพิลึก ...
นี่ดีนะตัวเอ้ ระดับนโยบายประเทศลงมาเสียได้ ม่ายงั้นคงจับบวชหากินกันทั้งสถาบัน ....

คุณหลวง

อ้างจาก: JATE_Gmail เมื่อ 14:30 น.  14 ธ.ค 55
ชาวพุทธ
1.ร้อยละ 80 เป็นแค่ในนามเท่านั้น แค่ระบุในบัตรประชาชน ก็แค่นั้น
2.หมิ่นศาสนาอื่น
3.ถามเรื่องศาสนา สักข้อ ก็ตอบไม่ได้ ศาสนาตามใจ หุหุ

สวัสดีครับท่านJATE_Gmail

    ยอมรับตรงๆๆนะครับว่าทีแรกที่อ่านกระทู้ของท่านแล้ว ผมรู้สึกว่า ผ่านๆไปเถอะ เพราะคงไม่ได้เข้ามาด้วยต้องการสาระมากมาย อาจต้องการกระแทกกระทั้นใครบางคนก็ได้ แต่ผมกลับลืมไม่ลง ยิ่งพออ่านซ้ำไปๆหลายเที่ยว   ผมก็กลับต้องขอโทษที่คิดในแง่ไม่ดีกับท่านไปก่อนนั้น

    เพราะว่าสิ่งที่ท่านพูดถึงนั้น มันเป็นสิ่งที่เคยทำร้ายจิตใจผมอย่างแสนสาหัสมาแล้ว ด้วยเหตุที่เราเจอแต่คนแบบที่ท่านว่า ในสังคมสงฆ์ที่ได้เข้าร่วมในระยะนั้นมีแต่การแก่งแย่งชิงดี วันๆได้แต่กิน นอน โม้ รับจ้างทำพิธีกรรม และยิ่งเข้าไปเจอการแก่งแย่ง ขัดขา เหยียบหัวกันขึ้นไปเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ วัตถุ ตำแหน่งต่างๆแล้วยิ่งได้แต่ท้อใจ

    แม้พระผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะยังคงสอนให้ศิษย์ทำอะไรๆเพื่อหน้าตา สรรเสริญ ลาภ ยศ เสียมากกว่าต้องการสืบพระศาสนา ทำได้แม้กระทั่งช่วยศิษย์โกงข้อสอบให้สอบผ่านกันมากๆ(ของบจากกกรมง่ายขึ้น รวมถึงตำแหน่ง) จนผมเห็นว่าการทำเพื่อพระศาสนานั้นเป็นเรื่องเกินกำลังของผมเสียแล้ว และผมถึงกับต้องการละทิ้งเรื่องของศาสนาออกไปจากชีวิตเสียเลยทีเดียว

    ผมเริ่มตั้งคำถามว่า พระพุทธเจ้าทรงประทานการบวชเพื่ออะไร ศาสนามีดีอย่างไรจึงคนมากมายยอมสละตัวเองเข้าไปศึกษามาหลายรุ่นอายุคน การได้พบหนังสือประวัติหลวงพ่อชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพงจากสำนักสงฆ์ร้างแห่งหนึ่ง ทำให้ผมได้แน่ใจว่าศาสนามีดีกว่าที่ผมรู้ และผมควรจะรู้มากกว่านั้น

    ต่อมาเมื่อสนใจท่านพุทธทาส และได้อ่านเจอประวัติตอนหนึ่งของท่านสมัยเริ่มก่อตั้งคณะธรรมทาน ท่านต้องขอทุนจากโยมแม่ของท่าน ท่านต้องอธิบายโยมแม่อยู่นานว่าสิ่งที่ท่านจะทำนั้นมีค่ากว่าการสร้างโบสถ์อย่างไร และต้องตอบคำถามมากมายจากผู้เป็นแม่ที่ต้องสละเงินเพื่อนผีให้ลูกได้ทำอย่างที่ต้องการ มีคำถามหนึ่งท่าน(แม่)ถามว่า

    "สิ่งที่ลูกจะทำนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่คิดว่ามันจะเป็นการพลิกแผ่นดินไปหรือ"
     ท่านพุทธทาสตอบว่าไม่ได้เป็นการพลิกแผ่นดินหรอก เพียงทำไปตามกำลังจะทำได้เท่านั้น แต่หากวันหนึ่งจะมีคนใหญ่โต มีทุนทรัพย์มากๆเห็นคุณค่าแล้วทำด้วยนั้นก็อาจเป็นการพลิกแผ่นดินก็ได้

    จากตอนนี้เองที่ทำให้ผมเข้าใจว่า ตัวเองคิดอะไรเกินตัวไปเสียโดยมิได้รู้จักตัวเองเลยว่ามีอะไร แค่ไหน อย่างไร คิดแต่จะพลิกแผ่นดิน พอทำไม่ได้ก็จะวิ่งหนีอย่างคนขี้ขลาด ขี้แพ้ โทษแต่คนอื่นทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่ทำอะไรเลย นั่นทำให้ผมมีกำลังใจศึกษาและทำเพื่อพระศาสนาต่อไป

    เรื่องของศาสนานั้น หากเรามองศาสนาอย่างเป็นสถาบันหนึ่งอย่างที่เรามักเข้าใจ(และถูกทำให้เข้าใจอย่างนั้น) มันก็ออกจะเป็นเรื่องหนักหนาในการบำรุงรักษา และออกจะออกนอกแนวพระพุทธประสงค์อยู่พอสมควร

    เพราะพระศาสนาหรือธรรมะที่พระองค์ประกาศนั้น ความจริงมิใช่เรื่องใหญ่โต หรือเป็นเรื่องส่วนรวมอะไรเลย มันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่เราควรศึกษาเพื่อการดับทุกข์ของตนให้ได้เท่านั้นเอง ซึ่งการมุ่งดับทุกข์นั้นก็จะเกิดขึ้นกับผู้ที่เห็นความทุกข์บ้างแล้วเท่านั้น มิใช่ทุกคน แม้คนที่ประกาศตนว่าเป็นสาวกพระพุทธองค์ก็มิใช่ทุกคนจะเห็นทุกข์และต้องการดับทุกข์ มีส่วนน้อยหรอกครับ

    สังเกตว่าพระพุทธองค์เองก็พบเจอคนมากมาย แต่ทำไมพระองค์จึงไม่สั่งสอนทุกคน ไม่เน้นทุกคน กลับเน้นไปที่บางคนเท่านั้น แม้แต่คนที่ศรัทธาในพระองค์ก็ตาม นั่นก็เพราะว่ามิใช่ทุกคนที่สนใจการดับทุกข์ พระองค์ต้องสอนคนที่สนใจต้องการก่อนเพื่อสร้างครูที่จะเผยแผ่ความรู้(เพื่อการดับทุกข์)ให้กว้างขวางแพร่หลายออกไปได้มากที่สุด

    และหากถามว่า หากเป็นเรื่องส่วนตัวมิใช่เรื่องส่วนรวมแล้วทำไมพระพุทธองค์และสาวกมากมายจึงต้องเสียเวลา ทุ่มเทมากมายเพื่อสั่งสอนคน  คำตอบคือ เพราะจิตเมตตาอันเกิดจากความรู้แจ้งแห่งทุกข์ การดับทุกข์ได้ และผลแห่งความสุขที่ได้รับ รวมถึงการแจ้งแห่งทุกข์ของสัตว์ที่วนวัฏฏ์นั้น ทำให้พระองค์และพระสาวกเหล่านั้นมุ่งมั่นที่จะบอกทางพ้นทุกข์เพื่อสรรพสัตว์จะสามารถพบสุขอันแท้จริงได้

    ดังนั้น ผู้ที่เห็นผลแก่ตนจึงสามารถบอกผู้อื่นได้อย่างแท้จริง มิใช่งมตามตำรา คำบอกเล่า และความเชื่อของตนไปอย่างตะพึดตะพือ

    ดังนั้น ปัญหาจึงมิใช่เปอร์เซ็นต์ของคนที่รู้จักศาสนา มิใช่....มิใช่ว่าใครจะตอบคำถามได้หรือไม่ แต่อยู่ที่เรารู้จักศาสนาแบบไหน และเราตอบคำถามตัวเองได้หรือไม่ เราเห็นทุกข์และต้องการดับทุกข์หรือไม่

    เราไม่สามารถทำให้คนสนใจศาสนาได้ทั้งหมด เราดับทุกข์ให้คนอื่นไม่ได้ การเอาคนอื่นเป็นเกณฑ์ที่คอยบงการกำหนดให้เราต้องทุกข์กับความคิดที่ทำไมเขาไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมเขาไมเป็นอย่างนี้ จึงยิ่งเป็นการสร้างทุกข์แก่ตนโดยใช่เหตุ

    ความสุขเกิดจากใจที่เป็นอิสระไม่เป็นทาสของความคิดตนเอง(ทั้งที่คิดได้เองและคิดตามคนอื่น)นั่นเองครับ

       ท่านsdd ครับ พระเลวมีมาตั้งแต่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์แล้วครับ จึงได้มีพระวินัยบัญญัติออกมามากมาย แต่พระเลวก็มีอยู่ และจะมีต่อไป ส่วนการปฏิบัติธรรมแล้วหลงผิดนั้นก็มีมากมายเป็นธรรมดาครับ บางคนพอมีความรู้หน่อยก็อวดเอาๆ ความจริงพวกเขาเป็นคนน่าสงสารครับ เพราะความรู้สึกว่าตนไม่สำคัญจึงพยายามดันตนให้สำคัญให้ได้ ยิ่งได้แสดงตัวในชุมชนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทะนงตน โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร(ผมก็บ่อยครั้งครับ แห่ะๆ ส.แย่จัง) แผ่เมตตาให้เถอะครับ ใจเราจะได้สุข


สะบายดี...ในโลกที่ไม่เคยมีสังขารใดพอดีได้ยั่งยืน   ครับผม

ป.ล. สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับผม มีความสุขกับความไม่ได้ดั่งใจในคน สัตว์ สิ่งของรอบตัวนะครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ฟ้าเปลี่ยนสี

เราไม่สามารถทำให้คนสนใจศาสนาได้ทั้งหมด เราดับทุกข์ให้คนอื่นไม่ได้ การเอาคนอื่นเป็นเกณฑ์ที่คอยบงการกำหนดให้เราต้องทุกข์กับความคิดที่ทำไมเขาไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมเขาไมเป็นอย่างนี้ จึงยิ่งเป็นการสร้างทุกข์แก่ตนโดยใช่เหตุ

    ความสุขเกิดจากใจที่เป็นอิสระไม่เป็นทาสของความคิดตนเอง(ทั้งที่คิดได้เองและคิดตามคนอื่น)นั่นเองครับ



อันนี้ผมถือเป็นคำมงคล ต้อนรับปีใหม่ที่จะถึงนี้ ที่ท่านคุณหลวง ให้กับกระผม เลยน่ะครับ

ผมจึงขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย บันดลบันดาลสุขขจัดทุกข์ภัยให้ท่าน และ ครอบครัว จงเป็นสุข ด้วยครับ

เลี้ยงลูก อย่างมีความสุข น่ะครับท่าน  ส.หัว
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

อย่าเชื่อ

ศืล5 ไม่มี ไม่ครบ บกพร่อง อย่าปักใจเชื่อ ดูคนดีให้ดูที่ศีล ตัวเองยังหลงอยู่ จะพาผู้อื่นข้ามพ้นได้ไง  ยาก มันต้องสอนด้วยการปฏิบัติให้เห็น ปฏิบัติ ตน เองซะ ทานข้าว มื้อเดียว หยุุดเหล้าุยาของมึนเมา หมั่นภาวนา ถือ ศีล 8-10 วันพระ เราทำมานานแล้ว และยังทำอยู่ จะได้เข้าใกล้ธรรมของจริงกันซักที ไง การรู้ธรรมมันเป็น เรื่อง ที่รู้เฉพาะตน  ไม่ปฏิบัติ ก็มีดีแต่ปากเท่านั้น

อย่าเชื่อ

มันจะกลายเป็นทำทองไม่รู้ร้อน หลงมัวเมาอยู่กับกิเลศ และหลงแก้ตัวให้ตัวเองอยู่รำ่ไปไง  เราต้องมองจุดบกพร่องของผู้อื่นเป็นกระจกสะท้อนเตือนตัวเองว่าอย่าทำไม่ทำ  แต่ไม่ใช่พยายามแก้ผู้อื่น มองจุดบกพร่องผู้อื่นเพื่อ แก้ตัวเอง  ศืลไง มีศีลกันรึเปล่า ศีล5 ให้สมบูรณ์ที่สุดเป็นอย่างน้อย ก็จบ ปากได้กลิ่นเหล้าเบียร์ มาเทศธรรม มันทำให้ธรรม เป็นของเล่นๆไปสิ  ฆาวาสที่ดีไม่บกพร่อง ต้อง ศีล5 เป็นอย่างน้อย จะไม่ตกอบายภูมิ แน่นอน

Kon long

หวัดดีปีใหม่ ขอให้สบายทั้งกายและใจนะขอรับ ส.หัว ส.หลก ส.ก๊ากๆ ส-ฝนเล็ ส-ฝนเล็บ




คุณหลวง

    ขอบคุณครับท่านพี่คนข้างพลาซ่าที่ให้เกียรติผมอย่างมากมายเสมอมา และรู้สึกดีที่สิ่งที่ผมนำเสนอออกไปเป็นประโยชน์ แม้เพียงคน สองคน หรือแค่น้อยคนก็ยังดี และต่อไปนี้พี่ก็จะเป็นเป้าสายตาของคนดี เพราะมาคบคนเลวอย่างผม หากพี่ถอนตัวจากผม เขาก็จะให้เป็นพวกเป็นบริวาร หากไม่ถอนพี่ก็จะกลายเป็นคนเลวของเขาไปด้วยอีกคน  ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ
 
    ผมเอง หากเปรียบเป็นทุเรียน ผมก็คงเป็นทุเรียนที่มีไอ้โม่เจาะอยู่เป็นบางพูบางวาง ซึ่งผมก็พยายามที่จะบอกออกมา เพราะคิดว่าหากวันหนึ่งเราท่านได้เจอกัน(ไม่ว่าตั้งใจหรือบังเอิญ)จะได้ไม่เสียความรู้สึก เพราะสิ่งที่ผมคุยในกระดานลานบุญเป็นเรื่องศาสนา เรื่องพ้นทุกข์ ซึ่งอาจจะขัดๆกันอยู่กับสภาพความเป็นอยู่จริงของผมที่ยังสนใจกิเลสของมัวเมาอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ท่านใดที่เห็นทุเรียนอย่างผมวางอยู่ หากสนใจก็เลือกพูเลือกยุม(ภาษากลางเรียกอะไรอ่ะ)ที่ดีไปนะครับ หากไปกินเอาไอ้โม่ก็โทษกันบ่ได้ ก็บอกอยู่ว่ามันมีไอ้โม่เจาะ บอกอยู่ว่าปุถุชน

    ก็เลยบอกมาเรื่อยว่าเราต่างเป็นเพื่อนร่วมทาง เพื่อนร่วมศึกษา ไม่อยากให้มองเป็นคู่แข่งขัน(แต่บางทีผมก็ทำให้หลายท่านเสียความรู้สึก-ฮา) ต่างคนต่างยังศึกษาก็ต้องช่วยเหลือกันไปตามกำลัง จะไปหาคนสมบูรณ์แบบมาแจกแจงก็ยาก ทุกวันนี้ ความเชื่อส่วนตัวของผมเรื่องหนึ่งว่า ต่อให้พระพุทธองค์ลงมาโพสต์เองในเว็บก็จะยังมีคนด่าคนค้านอยู่ดี ประสาอะไรผมและใคร

    ส่วนท่านที่ใช้นามว่าอย่าเชื่อที่เข้ามาบอกท่านอื่นๆว่าอย่าเชื่อนั้น ผมว่าเลิกเถอะครับ ผมไม่กลัวความเสียหายต่อตัวผม แต่ผมว่ามันน่ารำคาญ ท่านผู้อ่านทุกท่านมีวิจารณญาณอยู่แล้วครับ หากท่านไม่เห็นด้วยก็เอาข้อมูลเอาสาระมาแก้กัน แจกแจงกัน การที่เข้ามาด่าคนอื่นแล้วยกย่องตัวเองนั้น มันไม่ได้ประโยชน์เลย ชักจูงด้วยสาระแก่นสารจะดีกว่าชักจูงด้วยการข่มการประจานผู้อื่นแล้วโฆษณาตัวเอง

    อย่างความดีของท่านที่ท่านยกมาโฆษณาหลายๆทีนั้น มันสมบูรณ์แบบจนขี้(ขออนุญาตใช้คำนี้นะครับ ขออภัยท่านที่สาแล้วกินไปอ่านไปด้วยครับ)ต้องไม่เหม็นแล้วครับ หากท่านยังขี้เหม็นก็อย่าโฆษณามาก เพราะมันเป็นการโฆษณาเกินจริง ผมเชื่อในสิ่งที่ท่านพุทธทาสบอกว่า คนที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง(เป็นอยู่โดยชอบ)แล้ว แม้แต่ขี้ก็ไม่เหม็น ร่างของท่านพุทธทาสไม่เคยเหม็น แม้วันหามไปเผาก็ไม่เหม็น น้ำเหลือง น้ำที่ไหลมาจากร่างของท่านก็ไม่เหม็น ผู้ที่ซับไว้ต่างยอมรับว่าหอมและยิ่งหอมทวีขึ้น ประวัติหลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ ตอนอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นยามอาพาธก็ชัดเจน ท่านกอบขี้ของท่านหลวงปู่มั่นไปทิ้งด้วยมือเปล่า ไม่เหม็น ผมเองยังขี้เหม็น

    แล้วท่านยังขี้เหม็นอยู่ไหม?

    โศลกธรรมของท่านพุทธอิสระ ที่ผมใส่ไว้ในช่องลายเซ็นนั้นเป็นสิ่งที่ผมปรารถนาบอกแก่ทุกท่านที่อ่าน(ไม่ว่าสื่อใดก็ตาม)ว่า.....ลูกรัก เชื่อผู้อื่นนั้นชั่ว ไม่ฟังผู้อื่นนั้นเลว ไม่เป็นตัวของตัวเองนั้นอัปรีย์.....เป็นโศลกธรรมที่งดงามและได้ใจความเป็นอย่างยิ่ง การเอาแต่เชื่อก็ชั่ว เพราะไม่ใช้หัวคิด การไม่รู้จักฟังก็เลว เพราะหลงตัวเอง ไม่เป็นตัวของตัวเองก็อัปรีย์ เพราะไหลไปเรื่อยไร้แก่นสาร สังคมบ้านเราที่เป็นปัญหาทุกวันนี้ก็เพราะอย่างนี้ เชื่อๆๆๆๆๆๆไม่ฟังๆๆๆๆๆไหลไปเรื่อยทะเลาะไปเรื่อย ไม่รู้ว่าแก่นสารอยู่ที่ไหนและที่ทำนั้นเพื่ออะไร

    การที่มองคนอื่นแล้วปรับปรุงตัวเองนั้นดี แต่ที่ดีจริงต้องมองตัวเองด้วยสายตาที่ยอมรับตามความเป็นจริงแล้วปรับปรุง คนอื่นกับเรามีดีเลวต่างกัน จะมองคนอื่นแล้วแก้ตัวเองคงจะไม่ถูกนัก ผมยังกินเบียร์ท่านมองผมแล้วแก้ไขตัวท่านอย่างไร หรือการยกมาข่ม มาประจานว่าปุถุชนเป็นการแก้ไขตัวท่านเองอย่างนั้นหรือ? ผมเป็นปุถุชนหลงกิเลส ท่านมองผมแล้วท่านแก้ไขตัวเองอย่างไร อริยะอย่างท่านแก้ไขตัวเองอย่างไร หรือการยกมาข่มมาประจานว่าปุถุชนเป็นสิ่งที่อริยะอย่างท่านภาคภูมิใจ

    ผู้เป็นอริยะก็เป็นไปเถิด สาธุด้วย แต่เป็นอริยะอย่างไรก็ไม่อาจเป็นอรหันต์ หากเชื่อตามอรรถกถาจารย์บางท่านที่แปลงสารว่า พระศาสนาคงอยู่เพียงห้าพันปี และตั้งแต่สองพันปีขึ้นไปไม่มีพระอรหันต์อีก มีแค่พระอนาคามีและต่ำกว่านั้น แล้วกลับมองข้ามสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสว่า......ตราบใดที่ยังมีผู้เป็นอยู่โดยชอบแล้วตราบนั้นโลกจะยังไม่สิ้นพระอรหันต์..........หรือว่าทุกวันนี้ไม่มีผู้เป็นอยู่โดยชอบแล้ว ผู้เป็นอริยะย่อมเป็นอยู่โดยชอบไปตามลำดับ

    ซ้ำกลับคิดตู่คุณแห่งพระธรรมอันว่าด้วย...อกาลิโก สามารถปฏิบัติและให้ผลได้โดยไม่จำกัดกาล...เพราะจำกัดกาล ปีเท่านั้นๆจะมีแค่นี้ๆ ขนาดตอนไร้พระศาสนายังมีพระอริยะที่เรียกกันว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าเลยครับ

    ผมยอมรับว่าผมเคยจี้ใจดำท่านมาตอนทดสอบอริยะของท่าน แต่หากอริยะอย่างท่านมีความสามารถเพียงแค่อิจฉาที่ไม่มีคนยอตัวเอง แล้วพยายามประจานปุถุชนอย่างผม(ที่ดันมีปุถุชนด้วยกันยอ... ส-เขิน) มันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี ยิ่งมาท้าสละชีพเพื่อธรรมด้วยการทรมานตัวเองยิ่งน่าสงสาร เพราะการฝึกขั้นอุกฤษณ์นั้น มันจะได้รับผลสองอย่าง หนึ่งคือ ได้แค่ทน ทนได้ด้วยร่างกายและใจที่เอาแต่ทนๆๆๆ กับสองสามารถละกิเลสส่วนนั้นๆให้เบาบางลง  อย่างแรกนั้นส่วนมากภายหลังจะเอามาอวด มาบอก มาโฆษณาให้คนรู้ ว่าฉันผ่านมาหนักอย่างนั้นอย่างนี้ ส่วนอย่างที่สองนั้นไม่พูดถึงหากไม่จำเป็นไม่เห็นประโยชน์

    ความพ้นทุกข์นั้นจะเกิดขึ้นสองแบบคือ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ และปัญญาแตกฉานไปในทุกข์ ในเหตุแห่งทุกข์ ในความดับและทางดับทุกข์แล้วละได้ การถึงที่สุดแห่งทุกข์นั้นเกิดจากการปฏิบัติที่เข้มข้นจริงจัง จนเกิดความทุกข์ขึ้นเต็มที่ในจิตใจ จนใจมันยอมรับทุกข์ไม่ได้อีกมันก็จะปล่อยวางออกไป บางครั้งก็จำเพาะเรื่อง บางครั้งสามารถละทั้งยวง อย่างพระอานนท์ที่รีบปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุอรหันต์ในคืนก่อนวันสังคายนา เร่งๆๆๆจนไม่ไหวแล้วร่างกายก็ไม่ไหว ใจก็ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาล่ะๆพักก่อนดีกว่า จังหวะนี้เองใจที่มันทุกข์สุดแล้วๆ(แต่มีสติคุมอยู่)มันก็ทิ้งเลย อตัมมยตาเลย กูไม่เอากับมึงแล้วโว้ย มันทุกข์นี่หว่า แต่คนที่ไม่มีสติควบคุมนี่อาจจะหลงได้เลย

    ส่วนแบบที่สองมีปัญญาแตกฉานไปในทุกข์ ในเหตุแห่งทุกข์ ในความดับและทางดับทุกข์นั้น ก็ยกตัวอย่างได้อย่างพระสารีบุตรที่นั่งถวายงานพัดขณะพระพุทธองค์เทศนาแก่นายเล็บยาว ท่านก็ส่งจิตไปในกระแสธรรมนั้นจนรู้แจ้งเห็นจริงโดยไม่ต้องถึงที่สุดแห่งทุกข์ แต่เห็นแจ้งแล้วมันละเหตุแห่งทุกข์ไปเอง ไม่ต้องทรมานร่างกายหนักๆ

    แบบแรกนี่ บางท่านเร่งทำเต็มที่ แต่ยังไม่ทันถึงที่สุดแห่งทุกข์ ใจมันเลยยังไม่วาง บางท่านทุกข์เต็มที่ แต่ทนจนไม่มีสติ เลยมีแต่ประสบการณ์มาอวดและหลงว่าบรรลุธรรมแล้ว ไม่ยอมรับทุกข์ที่เป็นเพราะไม่เห็นไม่รู้จักทุกข์ หรือใช้ความคิดว่าตนบรรลุธรรมแล้วมาปิดความจริงของใจไว้ บางท่านมีข้อวัตรเข้มข้น แต่เกิดจากความยึดมั่นถือมั่นว่า ต้องอย่างนี้ๆเท่านั้นจึงดี บางท่านมีข้อวัตรเข้มข้นเพื่ออวด เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ

    มันมาก มันละเอียดครับ อย่ารีบร้อน

สะบายดี...ในวันที่ปีใหม่เริ่มเก่าลงเรื่อยๆครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

เณรเทือง

คิดเสียว่าเค้ายั่วยุให้ท่านได้เขียนสิ่งดีๆนะครับ

อย่าเชื่อ

จยย อย่าตบะแตกรับปีใหม่ อย่าได้โอดโอยรำพังและรำพัน

ฅ ฅนหลง

.


.....หวัดดีครับ ท่านเจ้าคุณหลวง และทุกท่าน



ปล่อยวางกันบ้างนะครับ  อย่าไปถือสา อย่าไปถือ มันหนักคับ... ส.ก๊ากๆ ส.ยกน้ิวให้ ส.สู้ๆ ส-ดีใจ

คุณหลวง

     ผมไม่คิดว่าเขายั่วยุหรอกครับท่านพี่เณรเทือง ขอบคุณที่ท่านพี่คัดสิ่งดีๆออกมาได้ และไม่ได้แบกไว้หรอกครับท่านพี่ฅนหลงครับ

   เพียงแต่อยากให้ท่านผู้นี้พูดธรรมมากกว่าการเข้ามายกตนข่มท่าน ความจริงสิ่งดีๆที่ถ่ายทอดมาก็หลายส่วน หากเพียงแค่ตัดความอยากชนะผมไปเสียได้เท่านั้นจะงามมากทีเดียว

    ผมเลยเตือนให้คิด แต่การเขียนกับการพูดต่างกัน เพราะว่าหากท่านพี่ได้เห็นได้คุยกับผมเรื่องนี้ ผมว่าเราจะมีเพียงเสียงหัวเราะครับ หัวเราะเบิกบานมิใช่เย้ยหยัน เพราะคนแบบนี้ผมเจอมาแรงกว่าท่านนี้มากครับ เล่นผมซะแทบกระอักเลือด สุดท้ายทุกวันนี้ เขา(คนที่ผมเคยเจอและอยู่ด้วยกันจริงๆ)ก็ยอมรับว่าตัวเองหลงไปมาก และละพยศไปมากทีเดียว

    กับท่านๆนี้ ผมก็เพียงคล้ายกับโดนลูกมางอแงใส่นะครับ ทั้งฉุนทั้งเอ็นดู ก็เลยดุซะบ้าง ปรามๆว่าอย่าเหลิงไปเลยลูก คนดูถูกคนไม่เคยดีจริงสักคนในชีวิตพ่อที่เคยเจอมา พ่อเองก็เคยเป็นอย่างนั้นลูก แต่ก็เข้าใจเด็กกำลังเหลิงบางทีต้องให้เขาประสบการณ์เองบ้างจึงจะรู้จักคิด หรือท่านพี่เห็นอย่างไร

    ส่วนหนึ่งของชีวิตผมมอบให้ธรรมะและทางพ้นทุกข์ อีกส่วนผมยังกั๊กไว้สนุกกับโลก เพราะโลกยังไม่แตก หากโลกแตกวันใด ผมคงสนใจธรรมะอย่างเดียว ส.หลก ส.หัว ส.หัว ส.โบยบิน ส.โบยบิน


สะบายดี...
วันที่ฝนต๊ก ฝนตกครับ ส.กลิ้ง ส.กลิ้ง ส.กลิ้ง
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

อวดเก่ง

ความคิดคุณยังแค่เด็กๆคุณหลวงเปรียบสะเหมือนขี้แยน้ำมูกไหลแล้ววิ่งไปฟ้องแม่ตบะความอดทนไม่มีเลย