ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เลี้ยงนกกับ Mr.No : เลี้ยงนกอย่างไรให้สร้างสรรค์.

เริ่มโดย Mr.No, 16:10 น. 08 ม.ค 56

Mr.No

[attach=1]

เห็นกระทู้หลายท่านพูดถึงการเลี้ยงนก... ก็เลยนึกได้ว่า พักหลัง ๆ ไม่ค่อยได้เขียนอะไรเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะเรื่องราวของ "นก" มานานพอสมควร

ก่อนหน้าผมเขียนเรื่อง มือใหม่หัดเลี้ยงนก กับ Mr.No (http://gimyong.com/talung/index.php/topic,27949.0.html) โดยสาระในบทความดังกล่าวอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับการเลี้ยงนกทั่วไปและแนะนำนกที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันทั่วโลกอย่างนกฟินซ์ที่ชื่อ "ซีบร้าฟินซ์"

เริ่มปีใหม่ 2556 ก็อยากเขียนอะไรเกี่ยวกับ "นก" เพิ่มเติม  ซึ่งสิ่งที่จะเล่าให้ฟังให้ถือว่าเป็น ความคิดเห็นและประสบการณ์เล่าสู่แล้วกัน.... เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับ "คนรักนก", "คนทีมีจิตใจรักษ์นก" แต่ไม่รวมพวกที่ชอบ "ลักนก" นะครับ ส.หัว

[attach=2]
เวลาเราคุยกันเรื่อง "นก" ผมว่ามีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับ "นก" ในความหมายของการเป็นสัตว์เลี้ยง (companion bird) ..หลายคนกระแนะกระแหนในทำนองว่า คนที่ชอบเลี้ยงนกคือพวกชอบทรมานสัตว์..โดยเฉพาะการกักขังนกที่ควรจะมีอิสรภาพในการบินอย่างเสรีในธรรมชาติ

ผมเห็นด้วยครับว่า...นกทุกตัวควรจะได้มีเสรีภาพ และอิสรภาพในฐานะสัตว์โลกที่เกิดมาอย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับมนุษย์..

แต่สิ่งที่อยากเขียนและทำความเข้าใจก็คือ การอยู่บนโลกที่หลากไปด้วยความต่าง..คนเลี้ยงนกบางคนก็อาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดกันหมด เพียงแต่ถ้าเราสามารถแยกแยะวัตถุประสงค์ที่สำคัญของการเลี้ยงให้ชัดเจนว่า "เลี้ยงเพื่ออะไร" และ "เลี้ยงได้แค่ไหน" ....

ในกระทู้สัตว์เลี้ยงจำพวก "นก" ส่วนใหญ่มักจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับนกที่ได้รับความนิยมอย่างพวก นกกรงหัวจุก ค่อนข้างมาก และมีคำถามสมาชิกท่านหนึ่งที่ชื่อ คุณ sam08 (http://gimyong.com/talung/index.php/topic,134150.msg842545.html#msg842545) สอบถามเกี่ยวกับเรื่องนกชนิดนี้...การเลี้ยง ฯลฯ และประเด็นสำคัญที่สุดก็คือคำถามที่ว่า เลี้ยงนกกรงหัวจุกผิดกฎหมายหรือไม่?.... คำตอบวันนี้ก็ยังชัดเจนว่า "ผิดกฎหมาย" แน่นอน แต่ผิดอย่างไร..และอย่างไรที่อาจไม่ผิด คงต้องติดตามอ่านกันดูครับ

    ย้อนไปในสมัยที่ผมยังนิยมเพาะพันธุ์นกสารพัดเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว จำได้ว่าในช่วงนั้นเคยมีความพยายามที่จะให้ผู้เลี้ยงนกและสัตว์ป่าหลายชนิดสามารถครอบครองสัตว์เหล่านั้นได้อย่างถูกกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้เลี้ยงนกที่เรียกว่า "นกป่า" ทั้งหลาย และหนึ่งในนั้นที่มีเสียงเรียกร้องก็คือ นกปรอดหัวโขนเคราแดง หรือนกกรงหัวจุกบ้านเรานี่ละครับ

ผมเคยมีโอกาสได้เข้าสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้าง จำได้ว่าครั้งหนึ่งมีการนำเสนอข้อมูลทางวิชาการจากนักเพาะพันธุ์นกที่มีความเชี่ยวชาญในการเพาะพันธุ์นกปากขอ(นกแก้ว) แต่ได้ทดลองเพาะพันธุ์นกกรงหัวจุกในกรงเลี้ยงอย่างได้ผลที่ดี โดยท่านได้ทำการบันทึกข้อมูลไว้ทั้งภาพนิ่ง,ภาพวีดิโอและเอกสารประกอบการเลี้ยงให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งในครั้งนั้นมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐฯ รวมทั้งนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในขณะนั้นก็ยอมรับว่า นกชนิดนี้สามารถเพาะเลี้ยงได้ในกรงเลี้ยงจริงๆ สอดคล้องกับในห้วงเวลานั้นก็มีรายงานวิจัยของอาจารย์หญิงท่านหนึ่งจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับนกขุนทองและได้ทดลองเพาะพันธุ์นกขุนทองในกรงเลี้ยงได้สำเร็จ ซึ่งข้อมูลประกอบในช่วงนั้นนับเป็นสัญญานที่ดีว่าในอนาคตอาจมีส่วนช่วยให้ค่านิยมในการนำนกป่ามาเลี้ยงอาจลดลง แบบที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศเช่นพวกนกแก้วหงษ์หยก หรืออย่างพวกนกเขาชนิดต่าง ๆ ที่ปัจจุบันกลายเป็นนกที่ปลดออกจากบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครองไปนานแล้ว

ในเวลาต่อมาก็มีการประกาศให้ผู้ที่มีนกไว้ในครอบครอง ให้ไปแจ้งขึ้นทะเบียนไว้กับกรมป่าไม้ และมีการออกระเบียบให้มีการสามารถเพาะพันธุ์นกที่มีในครอบครองนั้นได้ และถ้าเกิดได้ลูกนกแล้วก็ต้องไปขึ้นทะเบียนรายตัวเพื่อให้มีการตรวจสอบว่าเป็นลูกนกที่เกิดจากพ่อและแม่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้แล้วจริง ๆ

แต่...ในทางปฏิบัติในช่วงนั้นก็ยังพบว่ามีอุปสรรคเกิดขึ้นมากมาย ทั้งปัญหาการสวมนก..ปัญหาการละเลยจากหน่วยงานเองที่ไม่ได้มีการเข้าตรวจสอบการเลี้ยงจากผู้ที่มาขึ้นทะเบียนไว้อย่างจริงจัง...


มีเวลาผมจะมาต่อเรื่องนี้ให้จบครับ.... คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับชาวกิมหยงดอทคอมที่ชอบเลี้ยงนกกรงฯ  และ สำหรับท่านที่ไม่ชอบการกักขังนกหรือชอบเลี้ยงนก ก็ขออย่าเพิ่งติ..เพิ่งด่า นะครับ  อยากให้อ่านให้จบครับ แล้วจะทราบว่า ...ผม เห็นด้วย..หรือไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เพียงใด และอาจจะได้ทราบข้อมูลที่กว้างขวางเกี่ยวกับความหมายของคำว่า "อนุรักษ์" ในอีกมิติหนึ่ง

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คนรักนกจุก


จันทร์กระจ่างฟ้า

ตอนนี้คนกำลังนิยมนกกรงหัวจุกกันมากเลยค่ะ แถวบ้านมีเลี้ยงกันหลายบ้าน บ้านละหลายกรงด้วย
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  ส.ตากุลิบกุลิบ
ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

Vespa Alone

อ่านกระทู้มาเยอะ แต่กระทู้นี้ดีมากๆ ส.ยกน้ิวให้

ว่างๆต่อด้วยนกบินหลาด้วยก็ได้ เดียวนี้เป็นที่นิยมใน กทม.อย่างมาก
เมื่อก่อนคนบ้านเราให้กันปล่าวๆ แต่เดียวนี้ร้องดีๆขายกันในราคา4000-10000บาทเลยทีเดียว

รอติดตามครับ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

Probass

TUF ลุ้น break new high   UVAN @80 บาท --> 106.50 บาท

wareerant

อ้างถึงแต่สิ่งที่อยากเขียนและทำความเข้าใจก็คือ การอยู่บนโลกที่หลากไปด้วยความต่าง

ความต่างนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วย

Mr.No

วันนี้..ว่าง(นิดหน่อย) เลยขออนุญาตเล่าเรื่องให้ฟังต่อเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงนก โดยเฉพาะความหมายทีว่า "เลี้ยงอย่างไรให้สร้างสรรค์"

ผมขออนุญาตไม่ตอบกระทู้ที่คั่นเข้ามาตอนนี้... เพราะคิดว่าถ้าจะเสวนาต่อ..อยากให้ได้อ่านเรื่องราวและประเด็นต่าง ๆ ให้จบก่อนที่จะตั้งแง่ค่อนแคะใด ๆ  เพราะผมเคยเจอประเด็นพวกนี้มามากมายพอสมควร

[attach=1]
สมัยก่อนมีหนังสือและตำราเกี่ยวกับ "นก" ภาษาไทยเพียงไม่กี่เล่ม และที่นิยมใช้กันเพื่อศึกษากันอย่างแพร่หลายในเมืองไทยก็คือ หนังสือ นกในเมืองไทย ของคุณหมอบุญส่ง เลขะกุล

คุณหมอบุญส่ง ถือเป็นผู้มีคุณูปการให้แก่คนไทย โดยเฉพาะการได้เป็นคู่มือสำคัญที่จะได้ทราบว่าเมืองไทยมีนกชนิดใดบ้าง..อย่างไรคือนกประจำถิ่น ชนิดใดคือนกที่เพียงมาเยือนตามฤดูกาล รวมทั้งการได้เรียนรู้ด้านวงศ์วานว่านเครือว่า นกชนิดไหนเป็นเครือญาติ..เป็นสกุลหรือวงศ์หรือสายพันธุ์อะไร ฯลฯ

สมัยที่ผมเริ่มเลี้ยงนกแก้วไทย ๆ จำพวก แก้วโม่ง...แก้วหัวแพร..ฯลฯ ปัญหาสำคัญก็คือ ผมแทบไม่ทราบด้วยซ้ำว่า นกแก้วพวกนี้มันต้องเลี้ยงแบบไหน..อาหารการกิน หรือกรงใส่ต้องแข็งแรงเพียงใด..ก้าวร้าวต่อนกชนิดอื่นหรือไม่ ?ฯลฯ

ผลของความไม่รู้ ผมพบว่า กรงที่ขังเจ้าแก้วโม่งไว้มีเหลือแต่กรงเปล่า ๆ พร้อมด้วยร่องรอยการแทะซี่กรงออกเสียเป็นรูโหว่!!

กว่าจะจับเรื่องจับราวและค้นหาข้อมูลที่พอจะใช้ได้ในยุคนั้นก็ต้องเสียนกไปแบบที่ต้องคิดต่อไปว่า นกแก้วที่หลุดออกไปนั้น จะสามารถใช้ชีวิตในป่าคอนกรีตได้อย่างไร? มากกว่าที่จะเสียดายนก

ในเมืองไทย...เรามีชมรม, มีกลุ่มคนที่รักนกและดูนกมากมาย ..และส่วนใหญ่เมื่อพบเห็นใครเลี้ยงนกป่า ก็มีความรู้สึกรังเกลียดและตำหนิว่า คนเหล่านั้นคือตัวการในการทำลายสัตว์ในธรรมชาติ!!

คำตอบก็คือ มันใช่...และบ้างก็อาจไม่ใช่ เสมอไป.......

[attach=2]
โจเซฟ เอ็ม ฟอร์ชอว์
ในแวดวงคนเลี้ยงนกอย่างพวก "นกแก้ว" ระดับโลก ผมคิดว่า ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก นักปักษีวิทยาชาวออสซี่ที่ชื่อ โจเซฟ เอ็ม ฟอร์ชอว์ (Joseph M.forshaw)  เพราะเป็นผู้ที่ใช้เวลาในการเลี้ยง..ศึกษา และค้นคว้าเกี่ยวกับนกแก้วทั่วโลก จนเกิดหนังสือเล่มหนาเตอะที่ชื่อ "Parrot of the world" ที่พิมพ์ซ้ำกันมาหลายสิบปี และถือเป็นยอดตำราที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับนกแก้วทั่วโลก

[attach=7]

ฟอร์ชอว์ ปัจจุบันอายุน่าจะราว 72 ปีแล้ว ..ย้อนไปในปี พ.ศ 2492 ตอนนั้นเค้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ไม่ได้ร่ำเรียนเกี่ยวกับด้านสัตว์ศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรียนด้านเภสัช ด้วยความที่ชอบเลี้ยงนก โจเซพ สะสมนกแก้วในประเทศออสเตรเลียมาเลี้ยงไว้ในสวนหลังบ้านมากมาย และเพิ่มขึ้นๆ จนมีนกแก้วไว้ในครอบครองมากพอที่จะมีคนติเตียนและหาว่า เค้าคือคนบาปที่ชอบกักขังนกไว้!

ในปี พ.ศ 2505 ในสมาคมนักปักษีวิทยา จากคนชอบเลี้ยงนก โจเซฟถูกเชิญให้เป็นผู้เชี่ยวชาญและวิทยากรเกี่ยวกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะนกป่า (นกแก้ว) และนั่นคือเส้นทางชีวิตทีเปลี่ยนไปของโจเซฟจากคนเลี้ยงนก กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีส่วนในการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลี้ยง..ดูแล และทีสำคัญคือการรักษาเผ่าพันธุ์ของนกแก้วหายากให้สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยวิทยาการและความรู้ที่ก้าวหน้าของมนุษย์จวบจนปัจจุบัน

โจเซฟบอกว่า...ในห้วงเวลานั้นเป็นที่ยอมรับว่า ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพฤตกรรมของนกแก้วอย่างเป็นทางการ...ดังนั้น ความรู้ทั้งมวลล้วนมาจากผู้ที่ศึกษาและเฝ้าติดตามพฤติกรรมของมัน และนั่นคงหนีไม่พ้น "นักเลี้ยงนก" อย่างโจเซพนั่นเอง..

[attach=3]
โรส แมรี่ โลว์

อีกท่านที่ผมอยากเล่าให้ฟังเธอชื่อ โรส แมรี่ โลว์ (Rosemary Low) นักปักษีวิทยาชาวอังกฤษ ที่ชอบเลี้ยงนกหลากหลายโดยเฉพาะนกแก้วและกระตั้ว

จากอดีตของเด็กหญิงตัวเล็กกับนกแก้วหงส์หยก เธอเติบโตด้วยความชอบเลี้ยงนกแก้วซึ่งในเวลาโตมาพบว่าเธอเลี้ยงไว้เฉียดร้อยตัวในเวลานั้น ได้สร้างความเป็นปฎิปักษ์ให้กับนักอนุรักษ์ธรรมชาติไม่น้อย  แต่เมื่อหนังสือและแมกกาซีนชื่อดัง Cage and Aviary Bird ตีพิมพ์สาระและบทความของเธอลงเพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังจะเลี้ยงนก ภาพลักษณ์ของเธอจากพวกบ้าเลี้ยงนก กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาทั้งผู้คนและหน่วยงานรัฐได้อย่างสมเกียรติ

โรส แมรี่ โลว์ ใช้ชีวิตเกือบสิบปีที่เกาะแคนารี่ ประเทศสเปน พร้อมกับการเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำเนิด bird park Loro Pargue  ซึ่งเจ้าของก็เป็นหุ้นเดียวกับทาง siam park (http://www.siampark.net/) สวนน้ำขนาดใหญ่ทางต้อนใต้ของสเปน ที่ได้รับการยอมรับว่าน่าเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปที่ทางสวนน้ำแห่งนี้ได้เชิญเสด็จพระเทพฯ มาเป็นประธานเปิดด้วย)

[attach=4]
ที่ Loro Pargue   มีนกมากมายโดยเฉพาะนกแก้วนับหมื่นตัวอยู่ที่นี่ และที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่เพาะพันธุ์นกหายาก.. พวกนกแก้วสีน้ำเงินที่กำลังใกล้สูญพันธ์อย่าง เลียรส์ มาคอว์ (Lear's Macaw) และเป็นที่เดียวที่มีฝูงนกแก้วมาคอว์ที่เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปในธรรมชาติแล้วอย่างมาคอว์ สปิกซ์มาคอว์ (spix's macaw parrot) และที่สำคัญฝูงนกแก้วเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการเพาะพันธุ์โดยน้ำมือมนุษย์ภายใต้คำแนะนำและดูแลโดย โรส แมรี่ โลว์ ผู้ที่เป็นคนเลี้ยงนกที่เคยถูกติฉินและถากถางว่าเป็นผู้ทำลายกลายมาเป็นผู้ที่สร้างและเป็นสวนหนึ่งของการให้ความรู้แก่สาธารณะว่าด้วยการอนุรักษ์นกป่าและให้ความรู้แก่ผู้เลี้ยงนกในครอบครองอย่างถูกต้องและมีความสุขในที่สุด

  ผมยกตัวอย่างสองท่านข้างต้นให้ฟัง..เพราะกำลังจะนำเข้ามาสู่ปัญหาการเลี้ยงนกในเมืองไทย โดยเฉพาะผู้ที่เลี้ยงนกป่า...เพราะถ้าท่านเหล่านั้นมีโอกาสได้อ่านที่ผมกำลังจะเขียนต่อในตอนหน้าอาจมีคำตอบในใจว่า  ท่านควรเลี้ยงมันต่อไป...ปล่อยมันไป...หรือจะสร้างสรรค์ต่อได้อย่างไร 

ว่างแล้วแล้วจะแวะมาต่อนะครับ. .....
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

wareerant

ผมขอคั่นกระทู้เพราะอ่านจบแล้ว และขอแสดงความคิดเห็นในฐานะสมาชิกคนหนึ่งที่มีสิทธิแสดงความคิดเห็น อาจถูกใจบางคนหรือไม่ถูกใจ ท่านก็ไม่มีสิทธิ์เลือกแต่สิ่งที่ถูกใจ

สรุปคือ คนเลี้ยงนก มีทั้งเลี้ยงแบบมีความรู้และไม่มีความรู้ ถูกมั้ย

เลี้ยงเพื่อศึกษา เลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์นกหายาก เลี้ยงเพื่อเอาไปแขวนตากแดด(เจ้าของนั่งในที่ร่มจิบน้ำชาสบายใจ) เลี้ยงเพราะเขาให้มา เลี้ยงเพราะชอบเลี้ยง เห็นเขาเลี้ยงอยากเลี้ยงบ้าง ฯลฯ

เท่าที่อ่านมา ฝรั่งที่ยกตัวอย่างมา เขาเคยเลี้ยงแบบไม่รู้มาก่อน ต่อมาก็เลี้ยงแบบถูกต้อง เลี้ยงเพื่อปล่อย

สำหรับคนไทย เลี้ยงเพื่อทรมาน ตากแดด ตากลม ตากฝน ถูกมั้ย

มนุษย์เราเวลาทำสิ่งไม่ดี ก็มักหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเสมอ ในหนังสือนกกรงหัวจุก ก็ยังอุตส่าห์มีคนเขียนบทความว่า "นกมันชอบอยู่ในทึ่แคบ ๆ" ว่างั้น คิดได้งัยเนี่ย

วิธีเลี้ยงนกอย่างสร้างสรรค์ที่สุดคือ "ปล่อยให้มันอยู่ตามธรรมชาติ" นั่นแหละ

สะบายดี.....อ้าว (ยืมเขามา)

Mr.No

อ้างจาก: wareerant เมื่อ 21:09 น.  10 ม.ค 56
ผมขอคั่นกระทู้เพราะอ่านจบแล้ว และขอแสดงความคิดเห็นในฐานะสมาชิกคนหนึ่งที่มีสิทธิแสดงความคิดเห็น อาจถูกใจบางคนหรือไม่ถูกใจ ท่านก็ไม่มีสิทธิ์เลือกแต่สิ่งที่ถูกใจ

สรุปคือ คนเลี้ยงนก มีทั้งเลี้ยงแบบมีความรู้และไม่มีความรู้ ถูกมั้ย

เลี้ยงเพื่อศึกษา เลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์นกหายาก เลี้ยงเพื่อเอาไปแขวนตากแดด(เจ้าของนั่งในที่ร่มจิบน้ำชาสบายใจ) เลี้ยงเพราะเขาให้มา เลี้ยงเพราะชอบเลี้ยง เห็นเขาเลี้ยงอยากเลี้ยงบ้าง ฯลฯ

เท่าที่อ่านมา ฝรั่งที่ยกตัวอย่างมา เขาเคยเลี้ยงแบบไม่รู้มาก่อน ต่อมาก็เลี้ยงแบบถูกต้อง เลี้ยงเพื่อปล่อย

สำหรับคนไทย เลี้ยงเพื่อทรมาน ตากแดด ตากลม ตากฝน ถูกมั้ย

มนุษย์เราเวลาทำสิ่งไม่ดี ก็มักหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเสมอ ในหนังสือนกกรงหัวจุก ก็ยังอุตส่าห์มีคนเขียนบทความว่า "นกมันชอบอยู่ในทึ่แคบ ๆ" ว่างั้น คิดได้งัยเนี่ย

วิธีเลี้ยงนกอย่างสร้างสรรค์ที่สุดคือ "ปล่อยให้มันอยู่ตามธรรมชาติ" นั่นแหละ

สะบายดี.....อ้าว (ยืมเขามา)

ขอบคุณที่คั่นกระทู้อย่างสร้างสรรค์.... เอาเป็นผมขอจบกระทู้นี้ครับ.
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Vespa Alone

อ้างถึงผมยกตัวอย่างสองท่านข้างต้นให้ฟัง..เพราะกำลังจะนำเข้ามาสู่ปัญหาการเลี้ยงนกในเมืองไทย โดยเฉพาะผู้ที่เลี้ยงนกป่า...เพราะถ้าท่านเหล่านั้นมีโอกาสได้อ่านที่ผมกำลังจะเขียนต่อในตอนหน้าอาจมีคำตอบในใจว่า  ท่านควรเลี้ยงมันต่อไป...ปล่อยมันไป...หรือจะสร้างสรรค์ต่อได้อย่างไร 

ว่างแล้วแล้วจะแวะมาต่อนะครับ. .....

จะรอติดตามครับ

ส่วนมากฟาร์มนก จะไม่เพาะพันธ์เพื่อปล่อยคืนธรรมชาติ
แต่จะเพาะพันธ์ เพื่อลดจำนวนการจับนกป่ามาขาย
มันก็ไม่พ้นเรื่องธุรกิจอีกอ่ะครับ

มันก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ผมขอยกขอดีมาก่อน
เกิดการทำกรงนกขายจำนวนมาก(ส่งประเทศเพื่อนบ้านไกลเคียงที่เล่นนกกรงหัวจุก) มาเลเซีย สิงค์โปร เวียดนาม
เกิดกลุ่มอาชีพของแม่บ้าน(เย็บผ้าคลุมกรง)
เกิดร้านค้าขึ้นมามากมายที่ขายอุปกรณ์ อาหาร
เกิดอาชีพค้าขายอาหารตามสถานที่จัดแข่งนก(ตามการจัดงานถ้วนพระราชทานจะสังเกตว่าแม่ค้ามาขายของกันเยอะมาก)

ที่สำคัญมันกลายเป็นวิธีชีวิตของคนภาคใต้มานานมากแล้ว

ส่วนข้อเสีย ต้องรอฝ่ายแค้นมาตอบ(ฝ่ายค้าน) ส.บ๊ายบาย ส.โบยบิน

wareerant

ผมขอค้านแต่เพียงเท่านี้ ขออภัยหากทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง

senee

อ้างจาก: wareerant เมื่อ 21:09 น.  10 ม.ค 56
ผมขอคั่นกระทู้เพราะอ่านจบแล้ว และขอแสดงความคิดเห็นในฐานะสมาชิกคนหนึ่งที่มีสิทธิแสดงความคิดเห็น อาจถูกใจบางคนหรือไม่ถูกใจ ท่านก็ไม่มีสิทธิ์เลือกแต่สิ่งที่ถูกใจ

สรุปคือ คนเลี้ยงนก มีทั้งเลี้ยงแบบมีความรู้และไม่มีความรู้ ถูกมั้ย

เลี้ยงเพื่อศึกษา เลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์นกหายาก เลี้ยงเพื่อเอาไปแขวนตากแดด(เจ้าของนั่งในที่ร่มจิบน้ำชาสบายใจ) เลี้ยงเพราะเขาให้มา เลี้ยงเพราะชอบเลี้ยง เห็นเขาเลี้ยงอยากเลี้ยงบ้าง ฯลฯ

เท่าที่อ่านมา ฝรั่งที่ยกตัวอย่างมา เขาเคยเลี้ยงแบบไม่รู้มาก่อน ต่อมาก็เลี้ยงแบบถูกต้อง เลี้ยงเพื่อปล่อย

สำหรับคนไทย เลี้ยงเพื่อทรมาน ตากแดด ตากลม ตากฝน ถูกมั้ย

มนุษย์เราเวลาทำสิ่งไม่ดี ก็มักหาข้ออ้างมาเข้าข้างตัวเองเสมอ ในหนังสือนกกรงหัวจุก ก็ยังอุตส่าห์มีคนเขียนบทความว่า "นกมันชอบอยู่ในทึ่แคบ ๆ" ว่างั้น คิดได้งัยเนี่ย

วิธีเลี้ยงนกอย่างสร้างสรรค์ที่สุดคือ "ปล่อยให้มันอยู่ตามธรรมชาติ" นั่นแหละ

สะบายดี.....อ้าว (ยืมเขามา)

กระทู้ของท่าน ทำให้ผมไม่ถูกใจครับ
- ทำให้การรับรู้ความรู้ของผมขาดตอน หยุดชะงักและเสียอารมณ์ เจ้าของกระทู้ไม่บรรยายต่อ
- ถ้าท่านได้อ่านบทความของเจ้าของกระทู้หลายๆกระทู้ ท่านจะเห็นว่าเจ้าของกระทู้ได้บรรยายเนื้อหาสาระที่มีความรู้ เข้าใจได้ง่าย
- ผมก็เป็นคนเลี้ยงนก แม้กระทั่งนกกรงหัวจุกผมก็เลี้ยง  ที่ท่านว่า ต้องทรมาน ตากแดด ตากลม ตากฝน มันก็เป็นเพียงบางตัวไม่ใช่ทุกตัว

ห้องนี้สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง ไม่ว่า หมู หมา กา ไก่ ที่เป็นสัตว์เลี้ยง เราก็อยากแชร์ความรู้ และประสบการณ์ ซึ่งกันและกัน
ถ้าหากมีบุคคลได้ออกความเห็นแบบนี้ กรุณาทบทวนด้วยนะครับ
ขายตัวต่อเลโก้   http://gimyong.com/talung/index.php/topic,75993.0.html

Mr.No

อ้างจาก: senee เมื่อ 10:53 น.  05 ก.พ 56
กระทู้ของท่าน ทำให้ผมไม่ถูกใจครับ
- ทำให้การรับรู้ความรู้ของผมขาดตอน หยุดชะงักและเสียอารมณ์ เจ้าของกระทู้ไม่บรรยายต่อ
- ถ้าท่านได้อ่านบทความของเจ้าของกระทู้หลายๆกระทู้ ท่านจะเห็นว่าเจ้าของกระทู้ได้บรรยายเนื้อหาสาระที่มีความรู้ เข้าใจได้ง่าย
- ผมก็เป็นคนเลี้ยงนก แม้กระทั่งนกกรงหัวจุกผมก็เลี้ยง  ที่ท่านว่า ต้องทรมาน ตากแดด ตากลม ตากฝน มันก็เป็นเพียงบางตัวไม่ใช่ทุกตัว

ห้องนี้สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง ไม่ว่า หมู หมา กา ไก่ ที่เป็นสัตว์เลี้ยง เราก็อยากแชร์ความรู้ และประสบการณ์ ซึ่งกันและกัน
ถ้าหากมีบุคคลได้ออกความเห็นแบบนี้ กรุณาทบทวนด้วยนะครับ

ผมไม่ได้โกรธหรือเคืองอะไรคุณ wareerant แกหรอกครับ...เพราะก่อนหน้าจะเขียนเรื่องนี้ก็คิดอยู่แล้วว่าไม่แก..ก็ต้องมีท่านอื่นที่รักสัตว์อาจไม่พอใจ...เพียงแต่แกใจร้อนรีบแย้งไปนิด.. ผมเลยไม่อยากลากต่อให้รู้สึกไม่ดีต่อกัน

ผมบอกในกระทู้แล้วว่า..ถ้าจะเสวนาต่อก็ถือเป็นเรื่องดีครับ...เพียงแต่อยากให้อ่านจนผมเขียนถึงบทสรุปแล้ว ก็มาคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะ

ขอบคุณที่สนใจอ่านครับ....เอาเป็นว่าจะมาเขียนต่อให้จบครับ ...แต่ขอเป็นให้เขียนจบแล้วจะติชม..หรือจะด่า ก็น้อมรับครับ ส.สู้ๆ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

www.perfectfashion.net

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 15:57 น.  06 ก.พ 56
ผมไม่ได้โกรธหรือเคืองอะไรคุณ wareerant แกหรอกครับ...เพราะก่อนหน้าจะเขียนเรื่องนี้ก็คิดอยู่แล้วว่าไม่แก..ก็ต้องมีท่านอื่นที่รักสัตว์อาจไม่พอใจ...เพียงแต่แกใจร้อนรีบแย้งไปนิด.. ผมเลยไม่อยากลากต่อให้รู้สึกไม่ดีต่อกัน

ผมบอกในกระทู้แล้วว่า..ถ้าจะเสวนาต่อก็ถือเป็นเรื่องดีครับ...เพียงแต่อยากให้อ่านจนผมเขียนถึงบทสรุปแล้ว ก็มาคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะ

ขอบคุณที่สนใจอ่านครับ....เอาเป็นว่าจะมาเขียนต่อให้จบครับ ...แต่ขอเป็นให้เขียนจบแล้วจะติชม..หรือจะด่า ก็น้อมรับครับ ส.สู้ๆ

จะรอให้เขียนต่อนะครับ  ส.ยกน้ิวให้

Perfect Fashion ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าพรีเมี่ยม : www.perfectfashion.net
บริษัท สมอทองหาดใหญ่ ครบเครื่องเรื่องนักเรียน : www.samorthong.com

Vespa Alone


จันทร์กระจ่างฟ้า

ในโลกนี้ มีคนเพียงแค่ 2 คนที่ไม่มีความทรงจำ คนหนึ่งยังไม่เกิด ส่วนอีกคนตายไปแล้ว

ต้นโมกข์

ไม่ได้เป็นพ่อค้ามืออาชีพ
ขายของเฉพาะที่ไม่ได้ใช้
ค้าขายจริงใจไม่หมกเม็ด
ต่อรองราคาได้แต่อย่าแรง