ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

## น้ำท่วม คำเตือนจากธรรมชาติ ##

เริ่มโดย ฟานดี้, 09:29 น. 11 พ.ย 53

ฟานดี้

ข่าวน้ำท่วมประเทศไทยเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความวิปริตแปรปรวน
ของดินฟ้าอากาศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่วงสิบกว่าปีมานี้
มีข่าวมีคนร้อนตายในประเทศที่อยู่ในเขตอากาศหนาว มีข่าวน้ำท่วม
ทำลายบ้านเรือนในพื้นที่ที่ปกติไม่ค่อยจะได้เจอกับน้ำฝน
พายุสารพัดเรียงคิวกันเข้ามากระหน่ำ ภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้น
อย่างต่อเนื่องทั่วโลก แม้ความวิปริตของสภาพอากาศของโลกเคยเกิดขึ้นมา
หลายครั้งแล้ว แต่ในอดีต เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยแบบนี้
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณเตือนพวกเรา?

...

ข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานชื่อว่า Global Footprint Network ได้รายงาน
ค่าดัชนีการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ ซึ่งเรียกว่า EFBR

ซึ่งนำเอา
ความต้องการใช้พื้นที่และทรัพยากรธรรมชาติของมนุษย์ มาเทียบกับ
ความสามารถในการตอบสนองความต้องการเหล่านี้ของธรรมชาติ

หากค่าที่ได้ตอบว่า 1 แสดงว่า
ธรรมชาติยังพอรับมือกับความต้องการของมนุษย์ได้

ดัชนีที่มีค่ามากกว่า 1
เป็นสัญญาณเตือนว่า ความต้องการของมนุษย์นั้นสูงกว่าระดับที่
ธรรมชาติตอบสนองได้ โดยไม่ส่งผลต่อระบบนิเวศน์ของโลก

จากตารางเป็นค่าดัชนี EFBR ในรอบสี่สิบปีที่ผ่านมา ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่า
ช่วง 30 ปีมานี้ เราใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินกว่าที่ระบบนิเวศน์ของโลก
จะรับมือได้ โดยในช่วง 10 ปีให้หลังมานี้

โลกต้องรับภาระตอบสนองความต้องการของมนุษย์
เกินกว่าที่ธรรมชาติจะสร้างขึ้นมาได้เกือบห้าสิบเปอร์เซ็นต์

โดยปกติแล้ว ระบบนิเวศน์จะมีกลไกในการฟื้นฟูตัวเอง หาทางเอาทรัพยากร
ที่ถูกใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบต่างๆ เหมือนกับที่เราเคยเรียนตอน
มัธยมเรื่องของวงจรอาหาร แต่เมื่อใดที่สมดุลของวงจรนี้ถูกทำลายลง
ระบบนิเวศน์ก็จะต้องปรับตัวเพื่อหาสมดุลใหม่ และการปรับตัวเหล่านี้
ย่อมส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่ในระบบ

...



โลกถือเป็นระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด
มีระบบรักษาสมดุลที่สลับซับซ้อน
เกินกว่าองค์ความรู้ในปัจจุบันจะสามารถอธิบายได้หมด

แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโลกทุกวันนี้
ที่เราเรียกกันว่า "ปัญหาโลกร้อน" น่าจะเป็นสัญญาณบอกเหตุได้ว่า
โลกกำลังพยายามปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพเสียสมดุลที่เกิดขึ้นนี้

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นหนึ่งที่ถูกอ้างถึงบ่อย
เมื่อมีการพูดถึงปัญหาโลกร้อน คือ ผลการศึกษาของ
Intergovernmental Panel on Climate Change

ซึ่งนำมาแสดงไว้ในภาพประกอบ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า
ภาวะอากาศในปัจจุบัน มีแนวโน้มจะร้อนขึ้นมากกว่าในอดีต
และอุณหภูมิมีความผันผวนมากขึ้น เหมือนกับคนป่วยเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว

...




จะ ว่าไปแล้ว มนุษย์เรานี่แหละที่เป็นตัวการสำคัญของปัญหา
การพัฒนาโดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดของระบบนิเวศน์รอบตัวและระบบนิเวศน์
โดยรวม ของโลก เอาแต่แข่งขันกันสร้างความมั่งคั่งตามแนวคิดเศรษฐกิจ
เสรีนิยมซึ่งเชื่อกัน ว่าจะนำความผาสุกมาให้กับทุกคนกลับกลายเป็นดาบ
สองคมกลับมาทำร้ายเรา หนำซ้ำ เพื่อนร่วมโลกต่างสายพันธุ์ที่ไม่รู้อีโหน่
อีเหน่ก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย

หากความรุ่งโรจน์หมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเราและลูกหลาน
ในอนาคต แนวทางการพัฒนาแบบนี้ อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายก็ได้

ทิศทางการพัฒนาของประเทศไทยนั้นเป็นการเดินตามรอยเท้าของ
ประเทศพัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่นมาตลอด
วาดวิมานในอากาศไว้ว่าวันหนึ่งเราจะได้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
รายใหม่ของเอเชีย การเลือกมองโลกเพียงด้านเดียวแบบนี้ทำให้เรา (จงใจ)
หลงลืมด้านมืดของมันไป ไม่ได้ฉุกคิดว่ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจก็เป็นตัว
การใหญ่ในการทำลายโลกนี้ด้วยเช่นกัน

...



ข้อมูลของ Global Footprint Network อีกชิ้นหนึ่งที่ไม่ได้นำมาแสดงไว้
ชื่อว่า ดัชนีรอยประทับทางนิเวศวิทยา ชี้ให้เห็นว่า

ประเทศที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจน้อยลงมาอย่างนิวซีแลนด์ แคนาดา
สวีเดน กลับเป็นประเทศที่มีความมั่นคงในเชิงนิเวศน์มากกว่าพี่เบิ้มทั้งหลาย
เสียอีก ประเทศเหล่านี้ก็เป็นประชาธิปไตย เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วย
กลไกตลาดเช่นกัน

เหตุใดพวกเขาจึงสามารถรักษาสมดุลในการพัฒนาเอาไว้ได้?

บางทีเราอาจต้องหันไปศึกษาแนวทางการพัฒนาของประเทศเหล่านี้บ้าง แล้วนำมาปรับใช้กับบ้านเราให้เหมาะสม
ถึงแม้จะไม่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
แต่อย่างน้อยคนไทยก็จะได้อยู่กันอย่างมีความสุขมากขึ้น หากเราทำได้เป็น
ผลสำเร็จ อาจกลายเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นทำตามซึ่งจะส่งผลดีต่อโลก
ใบนี้ในระยะยาว

...

ถ้าเรายังอยากอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ร่วมทำลายโลก
ก็เดินตามเหล่ามหาอำนาจต่อไป
แต่ถ้าอยากถูกจดจำในฐานะของประเทศหนึ่งที่เป็นผู้ปกปักรักษาโลกใบนี้
ก็คงต้องเริ่มหยิบเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้อย่างจริงจังได้แล้ว
อย่ารอให้คำประท้วงจากธรรมชาติรุนแรงกว่านี้เลย
_________________


ชิมิ

เห็นด้วยอย่างแรง..หาดใหญ่ปีหน้าก็ไม่แคล้วโดนอีกแน่นอน..