ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โมเดล6ตค.19 นำออกมาอีกครั้ง ไพ่ใบสุดท้ายที่ต้องทิ้งออกมา

เริ่มโดย Anastrasia, 17:08 น. 16 เม.ย 54

Anastrasia

โมเดล6ตค.19 นำออกมาอีกครั้ง ไพ่ใบสุดท้ายที่ต้องทิ้งออกมา

อ่างขาง

ข่าวคราวปลุกกระแสให้คนไทยฆ่ากันเองกลับมาอีกครั้ง นวพลใหม่กำลังถูกสร้าง ลูกเสือชาวบ้านกำลังปลุกปั้นใหม่เคาะสนิมอีกครั้ง พระปลอมกำลังรีบเร่งผลิต ผู้นำชุมชน นักจิตวิทยาที่ใช้ในงานกอ.รมน. เรียกมาอบรม ในนโยบาย "ไทยฆ่าไทย ล้างไทยให้สิ้นก่อนแผ่นดินไม่มีให้กูอยู่"


ปี 2554ลบด้วยปี 2519 หักลบแล้ว 35 ปีพอดี ที่วงจรนี้จะนำกลับมาใช้อีกครั้ง
ใครที่เกิดทันจะรู้ว่ามันคืออะไร

วันนี้ขอให้ข้อมูลอีกด้านที่ท่านไม่เคยรู้กัน มาเล่าให้ฟังเล็กน้อยครับ

ท้องทุ่งมหาเมฆ ที่เรียกขานกันในตอนนั้นว่า "เทคนิคกรุงเทพฯ" เป็นที่รวมพลก่อนจะเข้าสังหารโหดนักศึกษาผู้บริสุทธิ์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ทุกอาชีวะในมหานครใหญ่เหล่านักเรียนที่นุ่งกางเกงขาสั้นเรียกขานตนเองว่า เด็กช่างกล เด็กก่อสร้าง รวมตัวกันในค่ำคืนวันนั้น ทั้งหญิงและชายรวมกันเต็มท้องทุ่งไปหมดคล้ายว่าในค่ำคืนวันนั้นมีงานมหกรรมใหญ่ แผนกคหกรรมฯเร่งผลิตอาหารออกมาเสริฟนักรบกล้าเพื่อพรุ่งนี้เช้าจะไปบุกธรรมศาสตร์
รถบรรทุก รสพ. วิ่งเข้าออกเทคนิคกรุงเทพฯเป็นว่าเล่น ข้าวสารอาหารสดบรรทุกกันเข้ามา   ค่ำคืนนั้น ทั้งกัญชาทั้งสุรานานาชนิดมีกันเพียบ น้ำ เครื่องดื่มไม่ต้องพูดถึงมีให้กินให้อาบกันอย่างหนำใจ ไก่ในสวนลุมฯ กะเทยในสวนลุมฯ วันนั้นเจ็บหนัก  เสียงวิ่งร้องไห้ดังเป็นระยะๆ "ช่วยด้วย ช่วยด้วย" กันอยู่แบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บนหอประชุมใหญ่ ไอ้ตึ๋งหรือผู้พันตึ๋งเป็นหัวเรือใหญ่ มีนายตำรวจนายทหารขนาบข้าง ตัวแทน นศ.เทคนิคกรุงเทพฯแต่ละคณะฯรับนโยบายจากไอ้ตึ๋ง   มีนายทหารแจกซองสีน้ำตาลกับผู้ร่วมประชุมจำได้เมื่อเปิดดูมันมากโขเอาการใน นั้นมีเงิ​น2500บาท มากพอค่าลงทะเบียนและค่าหอพักอีกสามเดือนได้เลยในตอนนั้น

เสียงจากนายตำรวจยศพ.ต.ต. สั่งการลงมา พร้อมแผนที่ประกอบคำบรรยาย
"เอ็ง" หมายถึงคุณอาของกระผม "คุมกนกอาชีวะ ปิดประตูธรรมศาสตร์ด้านท่าพระจันทร์ อย่าให้ใครออกมาได้"
คนอื่นๆถูกระบุตำแหน่งกันไป เรียงกันจนครบคน

เช้าวันวันนั้น 6ตค.19 วันที่เทคนิคกรุงเทพฯจะทำการสอบเลยไม่ได้สอบ พวกเหล่านักรบกล้าไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเลย น้ำไม่ได้อาบ ฟันไม่ได้แปลง กลิ่นเหล้ากลิ่นกัญชาเต็มร่างกาย รถ ร.ส.พ. บรรทุกพวกเขามาลงที่ท้องสนามหลวง บริเวณด้านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณ.ทันทีนั้น คุณอาของผมเล่าให้ฟังว่าท่านเองไม่ได้ทำอะไรเลย มัวแต่มองหานักเรียนช่างกลที่ปักตัวอักษรสีแดงว่าก.น.ก.เท่านั้น   พร้อมขยับริบบิ้นสีฟ้าออกมาคาดที่แขนแสดงให้นักเรียนกลุ่มนั้นได้รู้ว่าพวก   เขาต้องตา​มใคร ใครเป็นคนสั่งการ

พลัน..นักเรียนโข่งผมเกรียนก็โผล่ออกมาแต่งเครื่องแบบใหม่เอี่ยมคล้ายว่า แต่งตัวอาบน้ำมาอย​่างดีแล้ว ปืนสั้นถูกชักออกมาถือไว้ในมือพร้อมยิงเปรี่ยงๆๆๆไปที่ตัวอาคารในธรรมศาสตร์   มีบางส่วนกระโดดข้ามรั้วเข้าไปในธรรมศาสตร์ มีรถเบนซ์คันหนึ่งจอดอยู่ในนั้นและก็เรียบร้อยไม่ถึงห้านาทีรถเบนซ์คันนั้น ถูกไฟลุกท​่วม
มีรถขนน้ำอัดลมวิ่งผ่านมา ไม่ทันได้ระวัง รถคันนั้นโชคร้ายจริงๆ นักเรียนกลุ่มที่ปักอักษรย่อ ก.น.ก.ก็กระโดดขึ้นไปบนรถเรียบร้อยแล้ว ลังน้ำอัดลมถูกถีบลงมา โครมโครมโครม กระจายไปทั่วท้องถนน ไม่รู้จะกี่ลัง มีบางขวดที่ไม่แตก ถูกนำมาเปิดจุกออกแล้วถูกกรอกด้วยน้ำมันสามทหารที่มีปั้มอยู่ตรงข้างกระทรวงกลาโหมนั​่นเอง    ขวดแล้วขวดเล่าถูกกรอกลงไป คล้ายมืออาชีพ คล้ายกับว่าเตรียมการกันมาอย่างดี ผ้าไม่รู้ว่าเอามาจากไหน แต่มันถูกยัดเป็นไส้ไว้บนขวดเรียบร้อยพร้องที่จะจุดไฟแล้วขว้างเข้าไปใช้งานได้ทันท​ี

เสียงกล้องถ่ายรูปดัง "แช๊ะ!!!" คุณอาผมเหลือบไปดูเห็นเป็นฝรั่งแก่ๆคนหนึ่ง ยืนถ่ายรูปอยู่ แต่ช้าเกินไปแล้ว พลันฝรั่งแก่ๆคนนั้นก็เลือดอาบศีรษะด้วยขวดน้ำอัดลมที่ถูกปะเคนเข้าไป   พร้อมกล้องถ่ายรูปนั้นก็ถูกกระชากจากมือเอาไปด้วย

คุณอาของผมเล่าต่อ ท่านขยับแขนเสื้อให้เห็นริบบิ้นสีฟ้าว่าท่านคือใคร  หวังว่าพวกมันจะฟังและมองท่านบ้าง แต่เปล่าเลย มันหันมามองแล้วขยับเอวพร้อมเปิดเสื้อให้ดูปืนอีกกระบอกที่เอวของมัน

คุณอาผมหันรีหันขวางอยู่แบบนั้น มองไปทั่วเพื่อหานายตร.ยศ พ.ต.ต. ที่มอบหมายงานให้ แต่ก็ต้องตลึงเมื่อสายตามองไปเห็นนายตำรวจท่านนั้น ท่านไม่ใช่ตำรวจอีกแล้วท่านกลายเป็นชาวบ้านไปซะแล้ว   มีผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้านผูกอยู่ที่คออีกต่างหาก  ท่านกำลังนำมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีทั้งหญิงและชายส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เดินเข้ามา​ มีป้ายบอกมาเสร็จสรรพว่าเป็นลูกเสือชาวบ้านตลิ่งชัน

"อะไรกันวะ" คุณอาผมคิดในใจอะไรกันแน่ ไหนเมื่อกี้ยังเป็นตำรวจอยู่ดีๆทำไมกลายเป็นลูกเสือชาวบ้านไปแล้ว มันหลอกกันนี่หว่า ไหนบอกว่าให้มาปิดล้อมเฉยๆ   ไหนบอกว่าเราจะเข้าตรวจค้นในธรรมศาสตร์แค่นั้น ทั้งหมด มันวางแผนกันมาแล้วนี่หว่า มันเอาอาวุธมาด้วยมันตั้งใจมาฆ่าน.ศ.ชัดๆ

เหตุการณ์ต่อจากนั้นไม่ต้องพูดถึง ต.ร.ในเครื่องแบบเองเลยบุกเข้าไปในธรรมศาสตร์ ทหารตามมาสมทบ ไม่ได้ปิดล้อมกันแล้ว ไม่มีตาข่ายมาปิดกั้นอย่างที่ประชุมกันไว้
มันบุกเข้าไป ยิงปืนใส่เข้าไปด้วย น.ศ.ในนั้นวิ่งหนีกันอลหม่าน นศ. สาวๆนอนหมอบ มีบางคนถึงกับสติแตกฉี่ราดก็มี ด้านนอกกำลังเมามันและบ้าคลั่ง ใครวิ่งออกมาโดนตีเข้าไปที่หัวทันทีด้วยแป๊บด้วยไม้หน้าสามจอดอยู่กับที่ กองอยู่ตรงน​ั้น ต่อจากนั้นก็รุมประชาทัณฑ์กันไป แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน จนสิ้นชีวิตทุกคน ตายเหมือนสุนัขข้างถนน

ด้านในธรรมศาสตร์ อาของผมเดินตามนายตำรวจท่านนั้นเข้าไปด้วย และได้เห็นแท้จริงไอ้ขวดน้ำมันนั้นที่เอามาจากรถบรรทุก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ขวดต่อกี่ขวดถูกขว้างไปที่แห่งเดียวคือยอดโดม เสียงที่ทุกคนตะโกนออกมา "เผามันให้หมด ไอ้โดมหัวอวย" แต่ก็แปลกมาก โดมนั้นไม่ได้ถูกไฟไหม้จนหมดทั้งที่ ไฟลุกท่วมอยู่ตลอดเวลา
หนังสือในห้องสมุดถูกนำออกมากองมากมายแล้วก็เผา ควันไฟลอยโขมงบังมิดไปหมดทั่วทั้งบริเวณ จน คนภายนอกเข้าใจว่าธรรมศาสตร์โดนเผาไปหมดแล้ว

อาของผมสุดทนแต่ก็ไม่สามารถทำตัวเป็นแกะดำได้ เลยแอบกลับก่อนไม่อยากดูอะไรอีกแล้ว มันสะเทือนใจเหลือเกิน และกลับมานอนร้องไห้อยู่ที่บ้าน ไม่ดูอะไรทั้งนั้น ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ข่าวทุกข่าวล้วนโกหกทั้งสิ้น นึกรู้ทันที ประเทศนี้มีแต่เรื่องโกหก ไอ้ที่เราเชื่อถือมากนั่นแหละตัวดี ในสมัยนั้นเครื่องแบบตำรวจเครื่องแบบทหารถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก   คำพูดทุกคำ คือสัจจะขอ​งลูกผู้ชายเรื่องตลบตะแลงจะไม่มีให้เห็นกับคนสองอาชีพนี้ เป็นอันขาด
แต่.. ทุกคนคิดผิด แท้จริงสองอาชีพนี้สั่งสอนให้หน้าด้านตอแหลมากที่สุดต่างหาก และ จากนั้นเป็นต้นมาอาของผมไม่เคยเชื่อถือคำพูดทหารกับตำรวจอีกเลย อะไรที่ว่าจริงคือเท็จทั้งสิ้นเพราะมันอบรมย์สั่งสอนกันมาแบบนั้นจริงๆ

ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง มิใช่จะมาอวดอ้าง มิใช่จะเอามาประณามกัน แต่ที่เล่าให้ฟังก็เพราะอยากจะบอกเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ผู้คนในสมัยนั้น ไม่ทันได้​คิดและยังเชื่อสนิทใจว่า "เทวดาต้องดีเสมอ เทวดาต้องแตะต้องไม่ได้ เทวดาเป็นผู้มีบุญมาเกิด มีความรักและเมตตากับมนุษย์เท่านั้น ผิดจากนี้ไม่ใช่เหล่าเทวดากระทำ"
เมื่อเป็นเช่นนั้น อาผม ยังคงงมงายอยู่กับเทวดาไม่รู้ลืม มั่นใจสุดๆเทวดาไม่รู้เรื่อง เรื่องทั้งหมดเกิดจากการเมืองทั้งสิ้น เป็นแผนของทหารที่เอาเงินจากงบประมาณของแผ่นดินมาเล่น ในเกมส์ช่วงชิงอำนาจกันเองของมวลหมู่มนุษย์ด้วยกัน ไม่ใส่ใจว่าจะมีมือหรือเท้าที่มองไม่เห็นอยู่ข้างหลังอีกที

เวลาล่วงเลยไป เข้ามาปี2549 เค้าลางเริ่มแสดงออกมาใหม่ "เจ๊กกบฏลิ้ม" สำแดงออกมาให้เห็น เทวดานั้นอยู่เบื้องหลังทั้งหมดจริงๆ มันไม่แค่พูดด้วยปากเฉยๆ บางครั้ง "นางมารฟ้า"ก็ยังสำแดงเดชให้ประจักษ์แก่สายตามนุษย์อีกด้วย เช่นกัน
เรื่องทั้งหมดที่เป็นเหตุมันจึงเริ่มมาจากตรงนี้

และปี 52และ53ก็ชัดแจ่มแจ้งแดงแจ๋ขึ้นมาอีก ฆ่ากันอีกแล้วเหมือนหมูเหมือนหมาอีกเช่นเคย มันชัดยิ่งกว่าชัด เหล่าเทวดานางฟ้าบนสวรรค์ทั้งนั้นที่เป็นคนเปิดเกมส์ล่ามนุษย์ขึ้น หลายพันคนต้องคมกระสุนปืน เกือบร้อยศพที่ต้องสิ้นลมหายใจ จากไปเหตุเพราะมันย่างเข้าฤดูเปลี่ยนถ่ายอำนาจในสรวงสวรรค์แล้ว จึงต้องเร่งสังเวยมนุษย์เพื่อการดำรงคงอยู่ของหมู่มวลเทพเอง

จนกระทั้ง ณ.นาทีนี้เวลานี้ มันถลำลึกเกินกว่าจะแก้ไข เทพกลายเป็นมารกันไปหมด ไม่ว่าเทพตนไหนที่ยกย่องกันหนักหนา แท้จริงมันไม่ใช่เทพทั้งนั้นมันคือเหล่ามารแอบจุติกันลงมาเกิดกันทั้งสิ้น
เหล่าเทวดานางฟ้าแม้จะเสียรางวัดความนิยมไปมาก แต่ก็ไม่คิดกลับตัวกลับใจ คล้ายกับว่าตนเองนั้นจะทำอะไรก็ถูกต้องเสมอ เกิดมาเพื่อทำอะไรก็ไม่ผิด ระยำตำบอนแค่ไหนมนุษย์ก็ยังซื่อสัตย์กันตนเองอยู่ แล้วก็เริ่มสั่งการอย่างต่อเนื่อง วางแผนแยบยลอย่างไม่หยุด

ทาสในเรือนเบี้ยเห็นช่องการใช้เงินจึงคิดแผนกันขึ้นมา
เป็นการประจบ เป็นการเอาใจในหมู่มาร เป็นการยืดอายุตนเองให้คงกระพันตามหมู่มารเข้าไปด้วย โดยหวังว่าการยุยงส่งเสริมแล้วเอากองทัพหนุนหลังให้มนุษย์ฆ่ากันตายเองอีก ซักยกเท่าน​ั้นจึงสามารถรักษาเสถียรภาพการเป็นเหล่าเทพฯเอาไว้ได้

โมเดล 6ตค.19ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่  หวังให้มนุษย์ฆ่ามนุษย์เองอีกครั้ง เพื่อตนเองจะได้อยู่คงกระพัน โดยลืมไปว่าเมื่อ35ปีก่อนกับเวลานี้มันไม่เหมือนกันเสียแล้ว โลกเจริญไปมาก ข่าวสารต่างๆมันพรั่งพรูออกมาอย่างไม่รู้จบ จริงบ้างเสริมแต่งบ้างแต่มนุษย์เกินกว่าครึ่งประเทศก็เลือกที่จะเชื่อข้อมูล ใหม่นั้น​ๆเพราะมันเห็นกันจะจะด้วยตาตนเอง
แท้จริง ถ้ามีใครประเมินและศึกษาให้ถ่องแท้ เหตุการณ์ 6 ตค.19 มันไม่ใช่โมเดลที่จะสามารถกลับนำมาใช้ได้ซ้ำสองอีกเลย มันมีข้อบกพร่องมากมายในโมเดลนั้น และมันคนละสถานการกันด้วย

ประการที่1. วันนั้นประชาชนยังคงรักบูชาเทพฯเจ้าอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย
ประการที่2. วันนั้นข้อมูลข่าวสารยังล้าสมัยมาก ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ความจริง
ประการที่3. คู่ต่อสู้ยังเป็นผู้ด้อยประสบการณ์ส่วนใหญ่ ยังเป็นเยาวชนจึงไม่มีแผนที่จะรองรับในการตอบโต้ข้อมูลนั้นๆ
ประการที่4. ไม่มีเงินหนุนหลัง มีแต่ความศรัทธาในความเชื่อของตัวเองเท่านั้น และ ยังต้องอาศัยเงินทองจากบุพการีของตนเองอยู่
ประการที่5. เป็นแนวคิดใหม่สำหรับพวกเขา ที่ประเทศไทยถูกอเมริกาล้างสมองประชาชนมาอย่างเนิ่นนาน มากพอ จนประชาชนไม่อาจยอมรับในข้อมูลใหม่ได้
ประการที่6.คนไทยส่วนหนึ่งเชื่อจริงๆว่า ผู้ที่อยู่ในธรรมศาสตร์คือภัยของประเทศชาติจริง ต้องฆ่าทิ้งมันจริงๆ
ทั้ง6ข้อนี้ เป็นเหตุให้แผนการโมเดล6ตค.19ทำได้สำเร็จ

แต่..มาบัดนี้เกิดอะไรขึ้น
ประการที่1.ที่ราชประสงค์เมื่อมีคนถามว่าใครฆ่าประชาชน ทุกคนไม่มีเคอะเขินที่จะกล่าวร่วมกันว่า "ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า" และคำๆนี้มันกระจายไปทั่วประเทศไทยแล้ว แม้แต่คนต่างประเทศยังเข้าใจสื่อความหมายอันนี้ออกกันทุกคน แท้จริงใครเข่นฆ่าประชาชนกันแน่
ประการที่2. มีใครเชื่อบ้าง ผู้สูงอายุที่เกิดมาพิมพ์ดีดไม่เป็น แต่ กลับมาหัดเล่นอินเตอร์เน็ตกันหมด ซื้อหาง่ายไม่แพง โทรศัพท์มือถือมีให้ติดต่อคุยกัน ทุกคนได้ข้อมูลเหมือนกันหมด มีภาพถ่ายมีคลิปเสียงพร้อม ชาวไร่ชาวนาถูกดึงให้มาเปิดอินเตอร์เน็ตของลูกๆกันอย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้าใครไปต่างจังหวัดไกลๆแล้วลองไปถามคนเหล่านี้กันดู คนเหล่านี้จะรู้เรื่องการเมืองมากกว่าคนในกรุงเทพฯที่เอาแต่ทำงาน ซะอีก
ประการที่3.การฆ่าประชาชนอย่างมากมาย การใช้การประชาสัมพันธ์แบบบิดเบือน ผู้ที่ร่วมอยู่รู้ดีกันอยู่แล้ว พวกต่อต้านอำนาจเทวดาจึงมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากมาย อันนี้ทุกฝ่ายทราบดีแต่ยับยังไม่ทัน แผนต่างๆถูกกำหนดโดยธรรมชาติของตัวมันเองเพื่อป้องกันตัวเอง จึงอย่าได้หวังว่ากลุ่มประชาชนพวกนี้จะไร้เดียงสาเช่นนักศึกษาในปี19อีก การออกมาใส่ร้ายแล้วฆ่าคงไม่เกิดขึ้นง่ายดายเหมือนตอนนั้นเป็นแน่แท้
ประการที่4. มีการระดมทุนร่วมกันออกมาต่อต้านทั้งประเทศ จะเห็นได้ว่าเกือบทุกอาทิตย์มีการสัมมนามีการหาเงินทุนสำรองกันเองมากมาย ไม่จำเป็นต้องไปขอใครมาด้วย เขาสู้ด้วยพลังและเงินของตัวเองล้วนๆ
ประการที่5.แนวคิดที่จะเอาประชาธิปไตยกลับคืนมา มันถูกเพาะบ่มมากว่า5ปีเข้าไปแล้ว มันซึมเข้าไปในสายเลือดกันหมดแล้ว อะไรมาล้างสมองใหม่ก็คงไม่สำเร็จ หรือจะกล่าวแบบนี้ก็ได้ แผนการที่จะทำการล้างคนไทยด้วยกันด้วยฝีมือคนในชาติเดียวกันเพราะถูกล้าง สมองคงไม่เก​ิดขึ้นแน่
ประการที่6.สำคัญที่สุดคนไทยเกินครึ่งประเทศตาสว่างกันหมดแล้ว

ทั้ง6.ข้อนี้ ต้องคิดหนักหน่อยถ้าใครจะคิดเอาโมเดล 6ตค.19 งัดออกมาใช้อีก มันจะสำเร็จสมประสงค์เหมือนเดิมหรือไม่

ก็อยากจะบอกต่อ

ไพ่ใบสุดท้ายที่ทิ้งออกมานี้ โมเดลนี้ทำได้หรือไม่ได้ก็ไม่ว่า แต่ มันจะกลายเป็นศรย้อนกลับมาที่ตัวมันเองอีกด้วยหรือไม่ การให้อาวุธกับประชาชนเพื่อฆ่าประชาชนกันเอง
มีคนคิดกันไว้แล้ว หลอกเอาเงินมาใช้ฟรีๆกันก่อนถ้ามีการรับสมัครนวพลหรือลูกเสือชาวบ้าน เมื่อถึงเวลาอาวุธอันนั้น จะเอามาแก้แค้นให้พวกพี่น้องของเขาแทน ตำรวจและทหารจะควบคุมแบบ6ตค.19ได้ไหม คิดเอาเอง ถ้า10เปอร์เซ็นต์ของ นวพลใหม่คือไส้ศึกที่แฝงกายเข้าไป ลูกเสือชาวบ้านยุคใหม่คือคนเสื้อแดงที่เข้าไปร่วมกว่าครึ่ง..ถ้ามีสมองก็คิด กันเอาเองครับ
หรือเทวดากำลังหน้ามืดตามัวกันอยู่ แผนชั่วๆแบบนี้จึงถูกนำเอามาใช้อีก

ประเทศไทยจะได้เป็น "ไท"จริงๆก็เพราะเรื่องนี้เอง ใช่ไหม? เวลาใกล้เข้ามาแล้ว

http://www.newhidename.info/browse.php?u=c499089db4cc6b5bda4Oi8vd3d3LmludGVybmV0ZnJlZWRvbS51cy90aHJlYWQtMjA5NTcuaHRtbA%3D%3D&b=5

คนไทยในชนบท


Mr.no

มาอีกแล้ววุ้ย.... เบื่อจังพวกกระทู้ล้มสถาบัน... เวียนว่ายตายเกิดแต่เรื่องเดิม ๆ ไม่จบไม่สิ้น

เอ้า...ท่านเวบมาสเตอร์  มาอ่านหน่่อยว่ามันเค้าเค้ามั้ย...ถ้าเข้าก็ลบทิ้งซะ..

Anastrasia

ขอบคุณเจ้าของกระทู้และคุณอ่างขาง   ที่ช่วยเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในธรรมศ​าสตร์  อ่านเเล้วเห็นภาพเเทบทุกซอกมุมตามไปด้วย นับเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมจากที่เคยอ่าน     น่าจะเผยเเพร่ออกไปมากๆ    ให้คนรุ่นหลังได้เห็นถ่องเเท้ถึงความอำมหิตที่คนสามารถทำกับคนด้วยกันได้ถึงระดับนี้    คำว่าสะเทือนใจยังน้อยไป

และเหตุการณ์ต่างในบ้านเมืองที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้  หลายอย่างส่อแววว่าเขากำลังจะทำให้มันเกิดขึ้นอีก 

"เขา" ที่ทำกับนักศึกษาธรรมศาสตร์เมื่อ 6 ตุลา 19      กับที่ทำคนตาย 91 ศพ บาดเจ็บ 2000 กว่าคนกลางเมืองหลวงเมื่อปีที่แล้ว   และที่กำลังจะทำให้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้  ก็คือแหล่งเดียวกันนั่นแหละ

แหลมเทียน

  แม่ง..อามึงเล่าให้ฟังแล้วมึงก็มาขยายต่อ.ถ้ามึงเห็นกับตากูจะไม่ว่า
          ได้โปรดลบกระทู้นี้เสียที่..

Mr.no

 ไอ้นาย อ่างขาง หมอนี้ เอียงซ้าย..เลียทักษิณ ตั้งแต่อยู่พันทิพแล้ว....

  ไร้สาระ.... เขียนบทความ งู ๆ ปลาๆ  ไร้สาระความรู้และ ก้นบึ้งประวัติศาสตร์ ... จริงๆ   

ผมยังคิดเลยว่า...ยุค ตุลา หมอนี่ ยังดูดนม...กินขี้ตัวเองอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้.....

ให้รู้ซะมั่ง...ว่า ถ้าเค้าใช้โมเดล...แบบนั้น พวกเอง ไม่มีวันได้อยู่หรอก... เค้ายิงกะบาลทิ้ง ไล่ตัั้งแต่ไอ้คางคกปากดี หัวหน้าแก๊งค์เอ็งหมดแล้ว...

หน้าตัวเมียซะไม่ว่า.... ยิง ฆ่า คนเสื้อแดงกันเอง... แต่โยนบาปให้เพื่อน... เกมอำมหิตแบบนี้ มันยิ่งกว่า คอมมูน นะเฟ้ย...

หัดเงยหน้า ดูฟ้า ดูดินบ้าง.... ถ้ามันอุุึดอัดนัก อยู่แผ่นดินนี้ มันจะเป็นจะตาย เพราะไร้ประธานาธิบดี หน้าเหลี่ยม ก็ย้ายกันไปซุก ass บักเหลี่ยมที่มอนเตรฯ ซะก็สิ้นเรื่อง...เปลืองแผ่นดินเปล่า ๆ ...

นี่ขนาดไอคางคก...ยังสามหาว ด่าสถาบันได้ขนาดนี้... ไม่ลองเอาหัว...คิดดูมั่งรึ..ว่า ถ้าเค้าใช้โมเดลแบบ 6 ตุลา มันจะรอดมาจีบปากจีบคอ กันได้ทุกวันนี้หรือ...

แต่ก็ไม่แน่.... ปากคอแบบคางคก ...คงไม่นาน... อย่าลืม ว่า ...คนบ้าในคนดีก็มีแยะ..... ปากเปราะนัก...งานนี้มีลุ้นว่ะ....

ต้องรักลูกเดียว

ฝากถึง Mr.no สละเวลาที่มาคอยนั่ง ยัดเยียดระบบคิด ที่ประชาสัมพันธ์บ่มเพาะด้านเดียว ไปฟังกลุ่มนิติราษฎร์บ้างก็น่าจะดี สิ่งที่คุณว่ามาในการตอบกระทู้ที่คุณตั้งเราได้ยินมาเยอะแล้ว แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าจริง ในเมื่อตลอดเวลาไม่สามารถวิพากย์วิจารณ์ ไม่สามารถตรวจสอบได้

Mr.No

อ้างจาก: ต้องรักลูกเดียว เมื่อ 22:51 น.  18 เม.ย 54
ฝากถึง Mr.no สละเวลาที่มาคอยนั่ง ยัดเยียดระบบคิด ที่ประชาสัมพันธ์บ่มเพาะด้านเดียว ไปฟังกลุ่มนิติราษฎร์บ้างก็น่าจะดี สิ่งที่คุณว่ามาในการตอบกระทู้ที่คุณตั้งเราได้ยินมาเยอะแล้ว แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าจริง ในเมื่อตลอดเวลาไม่สามารถวิพากย์วิจารณ์ ไม่สามารถตรวจสอบได้

เฮ้ย...เดี๋ยวนี้เค้าสถาปนาตัวเป็น คณะนิติราษฎร์ แล้วไม่ใช่หรือ....  โมเดล 2475 ระวังจะหายซ่าส์ทั้งคณะ นะ... อาจง อาจารย์ นักกฎหมาย แค่ไม่่กี่คน ริอ่านร่างกฎหมายเองรึ..

คงตลกละเว้ย... ถ้ามีกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ หมอเหวง...มี ป.อาญา  ฉบับแก๊งค์นิติราฎร์ คงสำราญใจ นายจอน,นางเพ็ญ ละที่นี้.

ฝากไปบอก พวกนักกฎหมายของนายด้วยว่า... คิดจะร่าง มันต้องพิเคราะห์ ถึง ขนบธรรมเนียม และรากเหง้าด้วย ถ้าจะแก้แค่ ป.อาญา แต่มันไปทะลึ่งขัดกับ กฎหมายรัฐธรรมนูญแบบนี้ สงสัยคงวางแผนตามไปแก้ด้วยมั่ง..จะได้ใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกที ว่ามั้ย...

ต้องรักลูกเดียว

 - ตลอดมา ประเพณีการปกครองที่ชนชั้นปกครองกรอกหู และประชาสัมพันธ์ด้านเดียวทุกวันๆ เริ่มตั้งแต่เด็กชั้นอนุบาลขึ้นมา คุณคิดว่าประชาชนจะทนต่อระบบบ่มเพาะด้านเดียว แบบนี้ต่อไปได้ในอนาคตเหรอ
- ที่ชอบพูดและพูดต่อๆกัน ว่า ประเทศไทยก็ต้องปกครองแบบไทยๆ เพราะมีประเพณี มีรากเหง้าต่างจากชาติอื่น จะไปปกครองเหมือน ญี่ปุ่น เหมือนอังกฤษ หรือประเทศอื่นมันไม่ได้ มันฟังไม่ขึ้นแล้วในยุคสมัยนี้ น้อยคนนักที่จะเชื่อ
- ในเมื่อประเพณี ขนบธรรมเนียม  คือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น 
- คน หรือ ความเป็นคน อยู่ที่ไหนมันก็คือคน จะเกิดที่ไทย ก็เป็นคน จะเกิดที่อังกฤษก็เป็นคน คนคือความเท่าเทียมกัน ความเสมอภาคกัน การที่คนต้องการอยู่เหนือคนอื่น ทำตัวอยู่เหนือคนอื่น นั่นเรียกว่า อภิสิทธิชน
- และสิ่งสำคัญ หลักของธรรมชาติ คือเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การที่จะเอาประเพณีการปกครองมาฉุดเอาไว้ มันก็ทำได้ แต่ก็แค่ขณะนึงเท่านั้น แต่กลับสูญเสียชีวิตคนอย่างมาก 
        ทำไมไม่เอาพลังที่ฉุดรั้งธรรรมชาติ หรือการที่มาคอยยัดเยียดข้อกล่าวหาคนอื่น สู้เอาพลังนั้นมาปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับธรรมชาติที่เปลี่ยนไปไม่ดีกว่าเหรอ.
   

Mr.no

อ้างจาก: ต้องรักลูกเดียว เมื่อ 08:56 น.  19 เม.ย 54
- ตลอดมา ประเพณีการปกครองที่ชนชั้นปกครองกรอกหู และประชาสัมพันธ์ด้านเดียวทุกวันๆ เริ่มตั้งแต่เด็กชั้นอนุบาลขึ้นมา คุณคิดว่าประชาชนจะทนต่อระบบบ่มเพาะด้านเดียว แบบนี้ต่อไปได้ในอนาคตเหรอ
- ที่ชอบพูดและพูดต่อๆกัน ว่า ประเทศไทยก็ต้องปกครองแบบไทยๆ เพราะมีประเพณี มีรากเหง้าต่างจากชาติอื่น จะไปปกครองเหมือน ญี่ปุ่น เหมือนอังกฤษ หรือประเทศอื่นมันไม่ได้ มันฟังไม่ขึ้นแล้วในยุคสมัยนี้ น้อยคนนักที่จะเชื่อ
- ในเมื่อประเพณี ขนบธรรมเนียม  คือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น 
- คน หรือ ความเป็นคน อยู่ที่ไหนมันก็คือคน จะเกิดที่ไทย ก็เป็นคน จะเกิดที่อังกฤษก็เป็นคน คนคือความเท่าเทียมกัน ความเสมอภาคกัน การที่คนต้องการอยู่เหนือคนอื่น ทำตัวอยู่เหนือคนอื่น นั่นเรียกว่า อภิสิทธิชน
- และสิ่งสำคัญ หลักของธรรมชาติ คือเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การที่จะเอาประเพณีการปกครองมาฉุดเอาไว้ มันก็ทำได้ แต่ก็แค่ขณะนึงเท่านั้น แต่กลับสูญเสียชีวิตคนอย่างมาก 
        ทำไมไม่เอาพลังที่ฉุดรั้งธรรรมชาติ หรือการที่มาคอยยัดเยียดข้อกล่าวหาคนอื่น สู้เอาพลังนั้นมาปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับธรรมชาติที่เปลี่ยนไปไม่ดีกว่าเหรอ.
   

อ่านความคิดเห็นคุณ แล้วผมก็เข้าใจ เพราะ แนวคิดแบบคุณ มิได้พึ่งเกิดขึ้น ทว่ามันเกิดขึ้นมานาน นับแต่ยุค คอมมิวนิสต์เบิกบาน...

แน่นอน... ในยุค ตุลา 16 ซึ่งก็อยากจะบอกว่า ผมก็เคยมีแนวคิดเช่นนั้น และก็ยังได้มีโอกาสสัมผัส บรรยากาศในยามนั้น ซึ่งคงการันตีได้ว่า สิ่งที่ คอมมิวนิสต์ ได้บ่มเพาะความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ ประชาชน นักศึกษา ในยุคนั้น มันน่ากลัวเพียงใด

ทฤษฎี ปลวกกินเรือน ไม่ได้พึ่งถูกนำมาใช้ในวันนี้ แต่มันมีมานาน  ..แนวคิดในการฝังราก ให้เกลียดชนชั้นปกครองในยุคนั้นมีสูงมาก มีทั้งข้อเท็จจริง และใส่ไคล้กันก็แยะ...

คุณก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผม...แต่ผมคิดคล้ายคุณเมื่อสัก
0-40 ปีมาแล้ว...

แต่...เมื่อเวลาผันผ่าน... บ่มเพาะประสบการณ์และความนิ่งในอารมณ์จนเกิดสติ ... แยกแยะ ดีชั่ว และคนดี คนเลว รวมทัั้ง ทฤษฎีแห่งการดำรงของชีีวิตที่มีค่า...

ผมกลับคิดได้ว่า แท้ที่จริง ประเทศที่น่ากลัวที่สุด กลับเป็น ฟากฝั่งตะวันตก..อย่างอเมริกัน  และประเทศที่ต้องยอมรับความเป็นจริงของโลกว่า ระบอบคอมมูน ไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริงในโลกนี้... สุดท้าย การล่มสลายของ รัสเซีย และประเทศต่าง ๆ จึงเป็นตัวอย่างที่ดี...ว่า ในแต่ละชาติ แต่ละภาษา ย่อมมีหลักการปกครองที่เหมาะสม..สอดคล้องกับแผ่นดินถิ่นวิถีทีเกิดเช่นกัน...

สิ่งที่น่ากลัวต่อมา... คือ นักการเมือง และนายทนุ ที่กำลังมีพัฒนาการไปสู่ เผด็จการครอบงำอย่างน่ากลัว...การรุกคืบล่าอาณานิคมธุรกิจ ยิ่งน่ากลัวกว่า เพราะมันคือมะเร็งที่ค่อย ๆ ทำให้คนไทยสูญพันธุ์ และสิ้นชาติ เพราะขาดทุุกสิ่ง...

ยุค ตุลา... เราต่อสู้ในนามชาวนา..เกษตรกร..และคนใช้แรงงาน เพราะคิดว่าถูกเหย่ี่ยมย่ำ การเป็นกรรมาชน ทำให้เกิดการต่อสู้ เพราะคิดว่า ชนชั้นปกครองเอาเปรียบ...
แต่วันนี้ ..ยิ่งแย่กว่า เพราะ ชาวนา..ยิ่งกว่าทาส ที่นา ที่ดิน..ขายให้ต่างชาติ 
แรงงานยิ่งแย่กว่า..เพราะเมื่อก่อนรับใช้คนไทย แต่เดี๋ยวนี้ เป็นขี้ข้าแรงงานฝรั่งหมด....

ผมถามคุณว่า.... วันนี้ สังคมไทยมีอะไรดีบ้าง และคาดหวังอะไรได้บ้างจากที่พวกคุณกำลังอยากให้เป็น....
นักกาเรมือง...หน้าไหน เคยเฉียดกราย เข้าไปเยี่ยมชาวดอย..ชาวเขา บ้าง
มีนายทุนตัวไหน...ที่อทิศที่ดินผืนใหญ่ ให้ใช้สำหรับชาวไร่ ชาวนา ได้ทำมาหากิน หรือใช้เป็นที่เรียนรู้

ตราบใดที่คุณยังไม่คิดว่า  ขนมปัง..เบอร์เกอร์ และเปปซี่ คืออาหารหลักของคุณมากไปกว่า ข้าวไทย ก็ยังได้พยายามสร้างบรรทัดฐานตามตูดฝรั่งเลย

คนที่น่าสงสารและน่าเห็นใจอย่างท่านปรีดี นั้น คือตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า การรุกคืบและการคิดในทางที่จะพัฒนา เพื่อตามอย่างฝรั่งเศส โดยพยายามลดทอนอำนาจสถาบัน โดยไม่คำนึงถึงว่า คนไทยจะรับได้และพร้อมที่จะรับกับมันหรือยัง นั่นทำให้เกิดจุดบอดแห่งการเมืองไทย และเป็นรอยด่างมาตลอดเวลาที่เราพยายามจะอ้างว่า เรามีประชาธิปไตย...

เปล่าเลย... ที่แท้ เราเผชิญหน้ากับ เผด็จการอีกรูปแบบมาตลอด พัฒนาการจากเผด็จการท้อปบู้ท มาจนถึงเผด็จการรัฐสภาใส่เสื้อสูท แสดงให้เห็นว่า  ถ้าแค่พยายามจะลอกระบอบคนอื่น โดยไม่ได้คำนึงถึงวิถีและรากเหง้าของเรา..สุดท้ายมันก็แค่เปลือกกระพี้ ประชาธิปไตย แค่มีการเลือกตั้ง ไม่ต่างอะไรกับที่มาของฮิตเลอร์ ที่ก็ได้รับการเลือกตั้งมาเช่นกัน..

อย่าตาลีตาลาน..อยากกันนักเลย  อะไรมันจะเปลี่ยน ถึงเวลามันก็ต้องว่ากันตาม กาล และกาละ...มองไปรอบ ๆ บ้านบ้าง..อย่าคิดว่า ตนเป็นฝรั่งจ๋า.. เพราะปัญญาแค่ เงิน ยี่สิบบาทก็ซื้อเสียงได้ อย่าหมายว่า ชาติจะเจริญได้

การบ่มเพาะประชาธิปไตย...มันต้องเข้าใจ และใช้เวลา รวมทั้งต้องใช้ความเสียสละจากนักกาเรมืองและภาคประชาชนที่มีความรู้ ค่อย ๆ เผยแพร่สาระให้ประชาชนเข้าใจ โดยเฉพาะคำว่า สิทธิ และเสรีภาพ 

แต่ขอให้จำไว้ว่า...พวกคุณไม่มีวันที่มีเหตุผลดี ๆ พอที่จะทำให้คนไทยเปลี่ยนใจได้หรอก... ยกเว้นทฤษฎีสกปรก แบบพวกปลวกกินเรือน... เรื้อนชอนไช ...แอบนินทาว่าร้าย..ใส่ความ ฯลฯ ตามทฤษฎีที่อาจารย์พวกคุณ มันยัดใส่สมองแค่หางอึ่ง แล้วทำทะนงตนว่าเข้าใจสังคม... กะอีกแค่โดนล้างสมอง ก็บอกว่า ตนเป็นนักศึกษาโรงเรียนการเมืองเสื้อแดง ...กรรมเวร ที่แท้ ก็ไม่ต่างอะไรกับยุคมืด ที่คอมมิวนิสต์มันชอบใช้ล้างสมอง

และสุดท้าย.... นักกฎหมายที่คุณพยายามให้ผมไปฟังน่ะ... ผมว่า อย่าไปยึดติดนักเลย  ผมยังไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะต้องแก้ ม.112  ยกเว้นว่ามันจะช่วยให้พวกคุณก้าวไปได้อีกสเตป กับการได้ลดทอนอำนาจสถาบัน.. ..
อย่านึกว่า...วันนี้ พวกแดง ๆ จะใกล้ตกผลึก แล้วรุกคืบนะ.... อย่าลืมว่า แรงต้านที่น่ากลัวกว่า รออยู่...ถ้ามันจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง  ก็น่าจะดี เพราะอย่างน้อย คนดี ๆ จะได้เหลือไว้เยียวยาแผ่นดินบ้าง

seri

ตอนนี้ปกติ  ผมจะอ่านอย่างเดียว  ไม่ตอบกระทู้ใดๆทั้งสิ้น
แต่ขอยกเว้นนิดหนึ่ง

ผมขอให้กำลังใจคุณ Mr.no ครับ
มีผมยืนอยุ่ข้างๆคุณอีกคนหนึ่งครับ    ส.ยกน้ิวให้

ชอบ

อ้างจาก: Mr.no เมื่อ 09:37 น.  19 เม.ย 54
อ่านความคิดเห็นคุณ แล้วผมก็เข้าใจ เพราะ แนวคิดแบบคุณ มิได้พึ่งเกิดขึ้น ทว่ามันเกิดขึ้นมานาน นับแต่ยุค คอมมิวนิสต์เบิกบาน...

แน่นอน... ในยุค ตุลา 16 ซึ่งก็อยากจะบอกว่า ผมก็เคยมีแนวคิดเช่นนั้น และก็ยังได้มีโอกาสสัมผัส บรรยากาศในยามนั้น ซึ่งคงการันตีได้ว่า สิ่งที่ คอมมิวนิสต์ ได้บ่มเพาะความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ ประชาชน นักศึกษา ในยุคนั้น มันน่ากลัวเพียงใด

ทฤษฎี ปลวกกินเรือน ไม่ได้พึ่งถูกนำมาใช้ในวันนี้ แต่มันมีมานาน  ..แนวคิดในการฝังราก ให้เกลียดชนชั้นปกครองในยุคนั้นมีสูงมาก มีทั้งข้อเท็จจริง และใส่ไคล้กันก็แยะ...

คุณก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผม...แต่ผมคิดคล้ายคุณเมื่อสัก
0-40 ปีมาแล้ว...

แต่...เมื่อเวลาผันผ่าน... บ่มเพาะประสบการณ์และความนิ่งในอารมณ์จนเกิดสติ ... แยกแยะ ดีชั่ว และคนดี คนเลว รวมทัั้ง ทฤษฎีแห่งการดำรงของชีีวิตที่มีค่า...

ผมกลับคิดได้ว่า แท้ที่จริง ประเทศที่น่ากลัวที่สุด กลับเป็น ฟากฝั่งตะวันตก..อย่างอเมริกัน  และประเทศที่ต้องยอมรับความเป็นจริงของโลกว่า ระบอบคอมมูน ไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริงในโลกนี้... สุดท้าย การล่มสลายของ รัสเซีย และประเทศต่าง ๆ จึงเป็นตัวอย่างที่ดี...ว่า ในแต่ละชาติ แต่ละภาษา ย่อมมีหลักการปกครองที่เหมาะสม..สอดคล้องกับแผ่นดินถิ่นวิถีทีเกิดเช่นกัน...

สิ่งที่น่ากลัวต่อมา... คือ นักการเมือง และนายทนุ ที่กำลังมีพัฒนาการไปสู่ เผด็จการครอบงำอย่างน่ากลัว...การรุกคืบล่าอาณานิคมธุรกิจ ยิ่งน่ากลัวกว่า เพราะมันคือมะเร็งที่ค่อย ๆ ทำให้คนไทยสูญพันธุ์ และสิ้นชาติ เพราะขาดทุุกสิ่ง...

ยุค ตุลา... เราต่อสู้ในนามชาวนา..เกษตรกร..และคนใช้แรงงาน เพราะคิดว่าถูกเหย่ี่ยมย่ำ การเป็นกรรมาชน ทำให้เกิดการต่อสู้ เพราะคิดว่า ชนชั้นปกครองเอาเปรียบ...
แต่วันนี้ ..ยิ่งแย่กว่า เพราะ ชาวนา..ยิ่งกว่าทาส ที่นา ที่ดิน..ขายให้ต่างชาติ 
แรงงานยิ่งแย่กว่า..เพราะเมื่อก่อนรับใช้คนไทย แต่เดี๋ยวนี้ เป็นขี้ข้าแรงงานฝรั่งหมด....

ผมถามคุณว่า.... วันนี้ สังคมไทยมีอะไรดีบ้าง และคาดหวังอะไรได้บ้างจากที่พวกคุณกำลังอยากให้เป็น....
นักกาเรมือง...หน้าไหน เคยเฉียดกราย เข้าไปเยี่ยมชาวดอย..ชาวเขา บ้าง
มีนายทุนตัวไหน...ที่อทิศที่ดินผืนใหญ่ ให้ใช้สำหรับชาวไร่ ชาวนา ได้ทำมาหากิน หรือใช้เป็นที่เรียนรู้

ตราบใดที่คุณยังไม่คิดว่า  ขนมปัง..เบอร์เกอร์ และเปปซี่ คืออาหารหลักของคุณมากไปกว่า ข้าวไทย ก็ยังได้พยายามสร้างบรรทัดฐานตามตูดฝรั่งเลย

คนที่น่าสงสารและน่าเห็นใจอย่างท่านปรีดี นั้น คือตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า การรุกคืบและการคิดในทางที่จะพัฒนา เพื่อตามอย่างฝรั่งเศส โดยพยายามลดทอนอำนาจสถาบัน โดยไม่คำนึงถึงว่า คนไทยจะรับได้และพร้อมที่จะรับกับมันหรือยัง นั่นทำให้เกิดจุดบอดแห่งการเมืองไทย และเป็นรอยด่างมาตลอดเวลาที่เราพยายามจะอ้างว่า เรามีประชาธิปไตย...

เปล่าเลย... ที่แท้ เราเผชิญหน้ากับ เผด็จการอีกรูปแบบมาตลอด พัฒนาการจากเผด็จการท้อปบู้ท มาจนถึงเผด็จการรัฐสภาใส่เสื้อสูท แสดงให้เห็นว่า  ถ้าแค่พยายามจะลอกระบอบคนอื่น โดยไม่ได้คำนึงถึงวิถีและรากเหง้าของเรา..สุดท้ายมันก็แค่เปลือกกระพี้ ประชาธิปไตย แค่มีการเลือกตั้ง ไม่ต่างอะไรกับที่มาของฮิตเลอร์ ที่ก็ได้รับการเลือกตั้งมาเช่นกัน..

อย่าตาลีตาลาน..อยากกันนักเลย  อะไรมันจะเปลี่ยน ถึงเวลามันก็ต้องว่ากันตาม กาล และกาละ...มองไปรอบ ๆ บ้านบ้าง..อย่าคิดว่า ตนเป็นฝรั่งจ๋า.. เพราะปัญญาแค่ เงิน ยี่สิบบาทก็ซื้อเสียงได้ อย่าหมายว่า ชาติจะเจริญได้

การบ่มเพาะประชาธิปไตย...มันต้องเข้าใจ และใช้เวลา รวมทั้งต้องใช้ความเสียสละจากนักกาเรมืองและภาคประชาชนที่มีความรู้ ค่อย ๆ เผยแพร่สาระให้ประชาชนเข้าใจ โดยเฉพาะคำว่า สิทธิ และเสรีภาพ 

แต่ขอให้จำไว้ว่า...พวกคุณไม่มีวันที่มีเหตุผลดี ๆ พอที่จะทำให้คนไทยเปลี่ยนใจได้หรอก... ยกเว้นทฤษฎีสกปรก แบบพวกปลวกกินเรือน... เรื้อนชอนไช ...แอบนินทาว่าร้าย..ใส่ความ ฯลฯ ตามทฤษฎีที่อาจารย์พวกคุณ มันยัดใส่สมองแค่หางอึ่ง แล้วทำทะนงตนว่าเข้าใจสังคม... กะอีกแค่โดนล้างสมอง ก็บอกว่า ตนเป็นนักศึกษาโรงเรียนการเมืองเสื้อแดง ...กรรมเวร ที่แท้ ก็ไม่ต่างอะไรกับยุคมืด ที่คอมมิวนิสต์มันชอบใช้ล้างสมอง

และสุดท้าย.... นักกฎหมายที่คุณพยายามให้ผมไปฟังน่ะ... ผมว่า อย่าไปยึดติดนักเลย  ผมยังไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะต้องแก้ ม.112  ยกเว้นว่ามันจะช่วยให้พวกคุณก้าวไปได้อีกสเตป กับการได้ลดทอนอำนาจสถาบัน.. ..
อย่านึกว่า...วันนี้ พวกแดง ๆ จะใกล้ตกผลึก แล้วรุกคืบนะ.... อย่าลืมว่า แรงต้านที่น่ากลัวกว่า รออยู่...ถ้ามันจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง  ก็น่าจะดี เพราะอย่างน้อย คนดี ๆ จะได้เหลือไว้เยียวยาแผ่นดินบ้าง
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

me too

อ้างจาก: seri เมื่อ 14:01 น.  19 เม.ย 54
ตอนนี้ปกติ  ผมจะอ่านอย่างเดียว  ไม่ตอบกระทู้ใดๆทั้งสิ้น
แต่ขอยกเว้นนิดหนึ่ง

ผมขอให้กำลังใจคุณ Mr.no ครับ
มีผมยืนอยุ่ข้างๆคุณอีกคนหนึ่งครับ    ส.ยกน้ิวให้

เช่นเดียวกันค่ะ

แหลมเทียน

ดีใจจังโว้ย..seri มาแล้ว..ช่วยคุณ mr.no..ทีเอาให้มันจมดินที
ไอ้พวกคิดล้มเจ้า..รออยูตั้งนานหายไปใหนมา..แควนๆที่อ่านคุนเขียนคิดถึง
เข้ามาทำหน้าที่ได้แล้ว

seri

ขอบคุณครับ
แต่เนื่องจาก ผม กับ ทางทีมงาน มีความเห็นและแนวทางที่ไม่ตรงกัน
ดังนั้น ผมจึงจะยังคงขออยู่เงียบๆต่อไป

และจริงๆแล้ว  ไม่ต้องรอผมก็ได้ครับ
ทุกๆคน ล้วนแต่แสดงความเห็นได้
จะเขียนเพียงสั้นๆก็ได้ว่า    "เอ็งโกหก  ข้้าไม่เชื่อ"
ก็พอแล้วครับ   ไม่ต้องใส่เหตุผลมากมาย

เพราะพวกไอ้เหลี่ยม มันไม่ได้สนใจว่า อะไรถูก อะไรผิด  มีเหตุผลหลักฐานหรือไม่
มันทำอย่างเดียวคือ โกหก  โกหก ไปเรื่อยๆ  จนกว่าจะล้างสมองทุกๆคนได้อย่างที่พวกมันต้องการ
เราก็ด่ามันกลับสั้นๆ  ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมากนักหรอกครับ
อธิบายไปก็แค่นั้น  มันไม่อ่านอยู่แล้ว

ดูง่ายๆ อย่างนิทานที่มันแต่งขึ้นมา  ไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย  โกหกล้วนๆ ไม่มีอะไรปน
แต่พอ คดีอย่างไอ้เหลี่ยมโกงกิน  มีหลักฐานพร้อม  มันก็บอกว่า  กลั่นแกล้งยัดข้อหา  สองมาตรฐาน

แล้วพวกนี้ มันไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย  แต่ละอย่างที่เขียนเต็มไปด้วยจุดอ่อน  ช่องว่าง
เพราะพวกมันอยู่บนความฉ้อฉล ทุจริต

อย่างที่มันอ้างประชาธิปไตย  เอาเลือกตั้งเป็นตัวตัดสิน
มันก็ไม่เคยพูดเรื่องการถ่วงดุล และ การตรวจสอบ  ลงโทษ นักการเมืองที่โกงกิน
เพราะมันต้องการเข้ามาโกงกิน  และใช้อำนาจ  ได้อย่างไม่มีขอบเขต  ตามใจพวกมัน

เวลาเจอคนมาค้่่าน  มันก็หาเรื่องด่าทอ 
ไม่ก็เบี่ยงประเด็น  ไม่ตอบคำถาม 
เวลามันจนตรอก เถียงไม่ออก  มันก็เฉยๆ   แล้วก็หน้าด้านโกหกต่อในเรื่องใหม่ทันที

เชื่อเถอะครับ  ทุกคนก็ทำได้  ไม่ต้องรอผมหรอกครับ
เขียนบอกมันสั้นๆก็ได้ว่า   "โธ่ ไอ้(อี)ตอแหล" 
พอแล้วครับ    ส.บ๊ายบาย

Mr.No


ขอบคุณท่าน ๆ ที่ให้กำลังเชียร์...

จริง ๆ กระทู้เหล่านี้ ผมพยายามแจ้งผ่านทาง admin ว่า มันไม่ควรจะปล่อยให้มีคนโพส เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่ว่า วันนี้กลุ่มคนที่พยายามโค่นล้มสถาบัน มีอยู่จริง และกำลังพยายามรุกคืบที่ทำให้สิ่งนี้เป็นผลสำเร็จ...

ผมก็ไม่เข้าใจว่า ในเมื่อกฎของการตั้งกระทู้ข้อแรก เขียนไว้ชัดเจนว่า ห้ามพาดพิงถึงสถาบัน..แต่ดันไม่มีคนตรวจสอบ (หรือตรวจสอบแต่อ่านแล้วไม่เข้าใจ..หรืออ่อนด้อยการเมือง...หรือ เล่นหรี่ตาไปกับเขา ฯฯ ) ผมก็จำเป็นต้องออกมาต่อสู้ เพื่อสถาบันที่ผมและบรรพบุรุษผมรัก..เคารพ

สิ่งที่ผมรู้สึกว่า..มันน่าสมเพชก็คือ  ทุกวันนี้เราปล่อยให้มีคนเหยียบย่ำหัวใจคนไทยมานาน..แต่ทุกคนก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเข้ามาแสดงพลังในทางที่จะปกป้องสถาบัน  ราวกับว่า เรื่องพรรค์นี้ มันไม่ใช่เรื่องของเรา...

อย่างน้อย... เวบนี้ ที่ชอคุยนักคุยหนาว่ามีคนเข้าออกกันวันละหลายหมื่น.... แต่ไม่น่าเชื่อว่า ดันมีแค่ สองสามคน ที่เห็นไปในทางเดียวกันที่แสดงออกถึงการปกป้อง และตอบโต้... 

แม้จะน้อย จนน่ากังวล แต่ก็ยังดี... เพราะหากมีกระทู้แบบนี้ แหย๋มเข้ามาอีกเมื่อไหร่... ก็เมื่อนั้น... เจอแน่...

ของแบบนี้................................................ เราเรียกกันว่า "สำนึก" ครับ.