ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

อาคารลึกลับ ที่ต้นถนนรามวิถี

เริ่มโดย หม่องวิน มอไซ, 14:25 น. 18 เม.ย 53

หม่องวิน มอไซ

พยายามหาร่องรอยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ที่ซ่อนอยู่ในบันไดคอนกรีต
แต่ไม่พบครับ
สังเกตเห็นมีอักษรไทย อ่านว่า กิ๊ก หรืออะไรสักอย่าง
จากการศึกษาอย่างละเอียดพบว่า เป็นอักษรไทยสมัยใหม่ครับ

ส่วนด้านบน คล้ายกับเคยมีการขีดเส้นเป็นภาพไว้แล้วลบเลือนไป
ดูคล้าย ๆ ช้างที่ปรากฏในธงชาติสมัยก่อน หันหน้าไปทางขวามือครับ


หม่องวิน มอไซ

อาคารหลังนี้ สร้างเมื่อใดยังหาหลักฐานไม่พบครับ
เมื่อลองดูในภาพถ่ายจากเขาตังกวน ในหนังสือที่รฦกแห่งการเปิดทางรถไฟหลวงสายใต้ ๒๔๕๙
http://www.songkhlaline.com/image/songkhla2459souvenir.jpg

ก็พบว่า มีอาคารคล้าย ๆ กันนี้ปรากฏอยู่ในด้านล่างสุดของภาพครับ
แต่รายละเอียด แตกต่างไปจากอาคารในปัจจุบัน แสดงว่าบริเวณนี้เคยมีอาคารมานานแล้ว
อาคารหลังปัจจุบันอาจสร้างขึ้น หรือบูรณะใหม่ในภายหลังจากอาคารที่เห็นในภาพครับ

หม่องวิน มอไซ

ภาพขยายเฉพาะส่วนครับ
ซ้ายล่างคืออาคารที่เข้าใจว่าอยู่ในตำแหน่งเดียวกับอาคารปัจจุบัน
มองเห็นถนนรามวิถี ส่วนด้านขวาคืออุโบสถวัดแจ้งครับ

คนเขารูปช้าง

พื้นที่ที่ อจ.หม่องฯ ลงแรเงาสีเหลืองไว้คือบ้านพักของกรมทางครับ  อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมแสนสำราญ และบริเณที่เคยเป็นร้านอาหารมัคร์ ขอแก้ไขใหม่ครับ

ที่บอกไว้ตอนต้นผมสันสนไปเองขออภัยครับ ลืมไปได้เลย

หม่องวิน มอไซ

ไม่เป็นไรครับท่านคนเขารูปช้าง
ประเด็นนี้เองทำให้ทราบข้อมูลใหม่ดังนี้ครับ
(ขอบคุณพี่ชายผมที่รีบอีเมล์มาบอกครับ  :D)

สถานีตรวจสอบและเฝ้าฟัง กรมไปรษณีย์โทรเลขนั้น เดิมตั้งอยู่บริเวณที่ในแผนที่ปี ๒๔๗๘ บอกว่าเป็นที่พักพนักงานไปรษณีย์โทรเลขครับ


หม่องวิน มอไซ

ปัจจุบัน สถานีตรวจสอบ(ทิศตะวันตกของถนน) เป็นสวนเฉลิมพระเกียรติ และฝั่งตรงข้าม (ทิศตะวันออกของถนน)ก็เป็น สำนักวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา ที่อ.Singoraman เล่าให้ฟังว่ามีการขุดพบตู้ไปรษณีย์เก่าแก่สมัย ร.๕ และนำขึ้นมาบูรณะ โชว์ไว้หน้าสำนักงาน ที่คุณลูกแมวตาดำดำไปถ่ายรูปมาให้ชมเมื่อไม่นานมานี้ครับ อ่านได้ที่กระทู้นี้ครับ
http://www.gimyong.com/board53/index.php/topic,2048.0.html

สถานีตรวจสอบ ปัจจุบัน ย้ายไปอยู่ที่หาดใหญ่ แถว ๆ สนามบินหาดใหญ่ เปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์ตรวจสอบการใช้ความถี่วิทยุ เขต 4 (สงขลา) http://songkhla.ntc.or.th

ด้วยความเข้าใจผิดของท่านคนเขารูปช้าง ปริศนาที่ผมสงสัยว่า ขุดพบตู้ไปรษณีย์ได้อย่างไรบริเวณนั้นก็กระจ่างครับ
เพราะเคยเป็นที่ตั้งของที่พักสารวัตรไปรษณีย์นั่นเองครับ


สงขลาเรา มีอะไรให้ค้นหาจริง ๆ ครับ

หม่องวิน มอไซ

และสำหรับป้ายที่อ่านไม่ออกนั้น คือ บ้านพักผู้ช่วยนายช่างแขวงการทางสงขลา ครับ  ;D

หม่องวิน มอไซ

ภาพโปสการ์ดเก่า จาก อ.จรัส จันทร์พรหมรัตน์ครับ
ไม่ทราบว่าอาคารหลังนี้ ตั้งอยู่บริเวณใดของสงขลาในปัจจุบัน


พี่แอ๊ด

สงสัยคะว่า  ก่อนที่จะเป็นภัตตาคารมัคร์เป็นโรงแรมหรือเปล่า

พี่แอ๊ด

จากภาพสถานกงสุลญี่ปุ่นที่สงขลา  เป็นอาคารสองชั้น  แต่โรงแรมแสนสำราญเป็นอาคารชั้นเดียว   พี่แอ๊ดขอเสนอโรงแรมอีกแห่งได้ไหมอยู่ถนนซอยก่อนถึงเขาตังกวน   ตอนนี้นึกชื่อยังไม่ออก  ลักษณะเป็นไม้สองชั้นสีเขียวมีบริเวณ

หม่องวิน มอไซ

ในหนังสือนำเที่ยวสงขลา พ.ศ. ๒๕๐๔
ระบุว่าโรงแรมแสนสำราญ เป็นอาคารไม้ ๒ ชั้นครับพี่แอ๊ด  ;)

สำหรับโรงแรมที่พี่แอ๊ดกล่าวถึง อยู่ที่ถนนชายเขา (ถนนตรังกานูในอดีต)
คือโรงแรมบ้านชายเขาหรือเปล่าครับ

คนเขารูปช้าง

อจ.หม่องฯ ครับ บ้านพักนายช่างแขวงการทางสงขลาหลังนี้ตำแหน่งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม Pavilion ด้านซ้ายสุดของภาพที่ติดกับต้นไม้ใหญ่
เดิมเป็นโรงเก็บรถกรมทางฯ ติดกับเขตรถไฟ ซึ่งเคยมีแป้นปะทะปลายทางรถไฟอยู่ ปัจจุบันกลายเป็นอาคารพาณิชย์ที่บ.มิตรทองได้เช่าที่ระยะยาว
จาการรถไฟครับ

ผมไปเจอร่องรอยมาแล้วว่าอาคารโรงแรมแสนสำราญน่าจะอยู่มาถึงปีไหนโดยประมาณ กำลังรวบรวมรูป มาตัดส่วนขยาย แล้วจะนำมาให้ช่วยออกความเห็นครับ

หม่องวิน มอไซ

ขอบคุณมากครับ รอชมครับท่านคนเขารูปช้าง  ;D

คนเขารูปช้าง

ขอเริ่มจากรูปในหนังสือของคุณ มาซาโอะ ฯ สถานกงศุลญี่ปุ่น โปรดสังเกตุบริเวณลวดลายไม้บริเวณมุมของระเบียงชั้นสอง
ของอาคารกงศุลญี่ปุ่นที่สงขลาครับ ในวงสีส้มครับ

พี่แอ๊ด

ตรงข้ามกับโรงแรมพาวิเลี่ยน

คนเขารูปช้าง

ผมนึกได้ว่างานแต่งงานของผมจัดเลี้ยงกลางวันที่ร้านอาหารมัคร์ครับ เลยได้ค้นรูปตอนตัวเองแต่งงานได้มาดังนี้
โปรดสังเกตุลวดลายไม้ของหน้ามุขชั้น ๒ ของอาคารไม้ที่เคยเป็นโรงแรมฯ ที่ผมวงไว้ในรูป

คนเขารูปช้าง

ผมแต่งงานเมื่อ ๑ มีนาคม ๒๕๒๘ ดังนั้นในวันแต่งฯ อาคารไม้ ๒ ชั้นที่เคยเป็นกงศุลญี่ปุ่นคิดว่ายังอยู่ครับ

ต่อมาเป็นภาพที่ผมถ่ายจากเขาตังกวนครับเมื่อ ๒๒ กค ๒๕๓๔

คนเขารูปช้าง

เมื่อขยายดูบริเวณมุมล่างขวาสุด ที่เป็นร้านอาหารมัคร์ จะเห็นดังนี้ครับ

ในวงรีสีส้มอาจเป็นส่วนบนของอาคารไม้ ๒ ชั้นที่เคยเป็นสถานกงศุลญี่ปุ่น

คนเขารูปช้าง

ต่อมาเป็นภาพอาคารเรียนไม้หลังเก่าของ โรงเรียนแจ้งฯ ที่ผมไปถ่ายไว้ก่อนรื้อสร้างใหม่

อาคารเก่า รร.แจ้งฯ รูปแรกยังอยู่ครับ ส่วนหลังริมถนนไชยา (รูปสอง) รื้อไปแล้วสร้างใหม่เป็น คสล.

ในกรอบที่ลงไว้ในรูปแรกคิดว่าเป็นส่วนบนของอาคารโรงแรมแสนสำราญในอดีต

ดังนั้นในปี ๒๕๓๘ อาคารที่เคยเป็นโรงแรมแสนสำราญอาจยังมีอยู่ครับ

คนเขารูปช้าง

ขอต่อด้วยแผนที่ปี ๒๔๗๘ ที่ตัดส่วนมาและลงเส้นสีต่างๆไว้ดังนี้ครับ

วงกลมเขียวคือบ้านนายช่างกรมทางที่ทีมงานเข้าไปสำรวจ

วงกลมสีส้มคืออาคารที่คาดว่าเคยเป็นกงศุลญี่ปุ่นและเป็นโรงแรมแสนสำราญในเวลาต่อมา

วงกลมสีฟ้าคืออาคารโรงเรียนแจ้งวิทยา(บูรณะใหม่แล้ว)

สี่เหลี่ยมสีม่วงคือภัตตาคารมัคร์

สี่เหลี่ยมสีกรมท่าคืออาคาร ๒ ชั้นเก่าของรร.แจ้งสร้างหลังปี ๒๔๗๘ ปัจจุบันรื้อสร้างใหม่เป็น คสล.แล้ว(ที่ลงรูปก่อนรื้อไว้)

เส้นลูกศรสีส้มคือมุมมองที่ผมถ่ายภาพอาคาร รร.แจ้ง ใต้ถุนสูง(บูรณะใหม่แล้ว)

พี่แอ๊ด

แล้วปัจจุบันบริเวณนั้นรื้อเป็นอพาร์ทเมนต์หรือเปล่า

หม่องวิน มอไซ

ดูเหมือนว่ารื้อโรงแรมแสนสำราญแล้ว ทางเข้าก็ปล่อยให้รก บริเวณที่ตั้งโรงแรมก็ไม่ได้สร้างอาคารถาวรทับแต่อย่างใดครับ

หลักฐานที่ท่านคนเขารูปช้างนำมาให้ชม ทำให้ทราบว่าปี ๒๕๓๘ อาคารโรงแรมก็ยังอยู่นะครับ เยี่ยมจริง ๆ
น่าเสียดายที่ไม่เคยมีโอกาสได้พักที่โรงแรมนี้ดูสักครั้งครับ
แม้แต่เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่มหาวชิราวุธ ผมก็ไม่เคยขี่จักรยานผ่านถนนรามวิถีช่วงนี้เลย ด้วยเหตุที่บ้านอยู่ถนนทะเลหลวง (วชิรา)
จึงไม่มีความจำเป็นต้องอ้อมไปทางนั้น
คิดแล้วเสียดายมาก บริเวณนี้นับเป็น unseen Songkhla สำหรับผมครับ