ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ประวัติศาสตร์ยังจารึก "เรือรบหลวงสงขลา"

เริ่มโดย ข้าวเหนียวมะม่วง, 21:00 น. 29 เม.ย 53

ข้าวเหนียวมะม่วง

       เรือหลวงสงขลา เรือรบที่ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ตามชื่อจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทยที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน มหานาวาแห่งราชนาวีลำนี้ มีเกียรติภูมิอันเกรียงไกร ในการเป็นเรือรบทำหน้าที่ประจำการเหนือน่านน้ำไทย กินระยะเวลามายาวนาน เรือหลวงสงขลาระวางขับน้ำ ๔๕๐ ตัน สร้างความครั้นคร้ามแก่อริราชศัตรู และอาวุธยุทธโธปกรที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น ยามศึกสงครามเรือรบลำนี้มีแสนยานุภาพในการโรมรันเหนือน่านน้ำ ฟาดฟันกับเรือดำน้ำ และรุกฆาตอากาศยาน ที่หันมารุกรานพลานพล้าราชอาณาจักรไทย      
       ร่วมจดจำกันว่า เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๔๘๔ คือวันที่ "....ดอกประดู่ซึ่งเคยเหลืองสะพรั่งอยู่เต็มต้องสละต้นจมลงสู่มหาสมุทรเสียหลายชีวิต หล่นเหลืองลงพลีพระสมุทรเพื่อความอยู่รอดของชาติไทย..."
     เหตุเริ่มต้นจาก "กรณีพิพาทระหว่างไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศส" ตั้งแต่ปีที่แล้ว (พ.ศ.๒๔๘๓)  เมื่อรัฐบาลไทยเริ่มเจรจาเรียกร้องดินแดนสยามที่เสียไปครั้ง ร.ศ.๑๑๒ คืนจากฝรั่งเศสที่กำลังเพลี่ยงพล้ำสงครามในยุโรป ซึ่งนั้นก็คือสัญญาณเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งใหม่ ที่นำไปสู่ปฏิบัติการทางทหารและสงครามของสองประเทศอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ "อ่อนแอ" เหมือนก่อนอย่างแน่นอน                         
       ฝรั่งเศสส่งกองทหารผสมญวน เขมร เข้าตรึงกำลังตลอดแนวฝั่งแม่น้ำโขงในทันที ในขณะที่กองทัพไทยก็ได้จัดกำลังพลทั้งทางบก ทางเรือและทางอากาศอย่างพร้อมสรรพ ในสภาพการณ์ที่เป็นไปได้
     และเมื่อฝรั่งเศสส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเข้าโจมตีจังหวัดนครพนม นั่นก็หมายความว่า สงครามอินโดจีนได้เปิดฉากขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการแล้ว !!!         
       กองทัพไทยจึงต้องเตรียมพร้อม โดยเฉพาะกองทัพเรือ ที่จะต้องคอยระวังรักษาน่านน้ำฝั่งทะเลตะวันออก อันเป็นแนวชายแดนสำคัญทางทะเล ที่ในอดีตฝรั่งเศสเคยเอาเรือรบล่วงเข้ามาถึงพระนครได้ แต่จะไม่มีครั้งที่สองอีกแล้ว
     วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๔๘๔ น.ท.หลวงพร้อมวีรพันธุ์ ได้รับคำสั่งให้นำเรือรบ ๖ ลำออกลาดตระเวนบริเวณเกาะช้างและเกาะกูดอย่างเช่นเคยปฏิบัติ แต่ครั้งนี้กำชับว่าให้อยู่ในสถานการณ์ "พร้อมรบเต็มอัตรา"
     ๐๖.๐๐ น. ของวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๔๘๔ เครื่องบินฝรั่งเศสลำหนึ่งก็บินล่วงล้ำน่านฟ้าเข้ามา มีเป้าหมายโจมตีอาคารบนเกาะช้าง แต่ก็พลาดเป้าหมายไปมาก
     เรือตอร์ปิโด ๒ ลำของไทย คือ ร.ล.สงขลา มี น.ต.ชั้น สิงหชาญ เป็นผู้บังคับการเรือ และ เรือรบหลวง ร.ล.ชลบุรี มี ร.อ.ประทิน ไชยปัญญา เป็นผู้บังคับการเรือ ที่กำลังลาดตระเวนอยู่ทางใต้ของเกาะช้าง จึงยิงปืนต่อสู้อากาศยานบนดาดฟ้าเข้าใส่ ทำให้เครื่องบินฝรั่งเศส
เกิดไฟลุกท่วมลำไปตกลงที่เกาะหวาย ....ยุทธนาวีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว !!!
     เมื่อมาถึงก็ไม่รอท่า เรือธงลามอตต์ปิเกต์ เปิดฉากระดมยิงปืนใหญ่เรือเข้าใส่อาคารบนเกาะง่ามในทันทีที่มาถึง เรือรบหลวงชลบุรีและสงขลาที่จอดคอยท่าอยู่ในท่ามกลางหมอกเช้าเป็นอำพรางธรรมชาติ จึงยิงตอบโต้สวนกลับทันที ซึ่งก็สามารถเบี่ยงเบนให้เรือธงฝรั่งเศส
หันปากกระบอกปืนมาทางเรือรบหลวงของไทย
     เรือรบหลวงทั้งสองลำจึงแยกกันรบ ร.ล.สงขลา ระวางขับน้ำ ๔๗๐ ตัน ขอต่อกรกับเจ้ายักษ์ลามอตต์ปิเกต์ตัวต่อตัว ร.ล.ชลบุรี แยกไปสกัดเรือปืนและเรือสลุป อีก ๖ ลำ
     ร.ล.สงขลา ยิงปืนใหญ่เรือ ๓ นิ้ว ที่มีอยู่เพียงสามกระบอกเข้าใส่เรือธงลามอตต์ปิเกต์ ซึ่งก็สร้างความเสียหายให้กับเรือธงของฝรั่งเศสในทันทีที่ปะทะกัน       
     เมื่อระยะเวลาการปะทะกันเริ่มยาวนานขึ้น หมอกในยามเช้าก็เริ่มหายไปจนหมด เรือรบหลวงฝ่ายไทยจึงเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และทันทีทันใด ร.ล.สงขลา ก็ถูกกระสุนเรือลามอตต์ปิเกต์สวนกลับมาเข้าที่ท้ายเรือ ลูกประดู่ประจำปืนท้ายเรือล้มลงขาดใจตายในทันที !!!
     เทพีแห่งโชคคงไม่เข้าข้างฝ่ายไทยแล้ว เมื่อ ร.ล.สงขลา ถูกกระหน่ำยิงเข้าจุดสำคัญหลายแห่ง ไฟไหม้พลุ่งขึ้นไปทั่วเรือ แต่เสียงปืนของฝ่ายไทยก็ยังคงตอบโต้ต่อผู้รุกรานไม่ได้หยุดหย่อน
     ร.ล.ทั้งสองถูกกระสุนเข้าที่สำคัญหลายต่อหลายแห่ง ทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บมากขึ้น แต่ก็ไม่มีเสียงบ่นหรือครวญครางให้ได้ยิน มีแต่เสียงปืนที่ยิงตอบโต้โดยไม่ยอมหยุดเท่านั้น
      ในที่สุด ร.ล. สงขลา ก็ไปไม่รอดและกำลังจะจมลง ผู้บังคับบัญชาเรือจึงสั่งการให้สละเรือเมื่อเวลา ๐๖.๔๕ น.

       เรือหลวง สงขลา ถือเป็นเกียรติประวัติของกองทัพเรือไทย เป็นเรือรบที่สมบูรณ์แบบได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารเรือไทย อย่างเต็มกำลัง ซึ่งปัจจุบัน ร.ล.สงขลาที่จมลงในวันนั้น คอยเตือนความทรงจำของคนไทยทั้งชาติและทหารเรือทุกนาย ให้ได้ระลึกถึง "วีรกรรมที่เกิดขึ้นจริง" ของเหล่าผู้กล้าหาญทั้งที่มีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้ว จนถึงทุกวันนี้
     ความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนั้น ราชนาวีไทยต้องเสียเรือรบทั้งสามลำ ทหารประจำเรือสละชีพ ๓๖ นาย เป็นทหารประจำ ร.ล.ธนบุรี ๒๐ นาย ร.ล.สงขลา ๑๔ นาย ร.ล.ชลบุรี ๒ นาย สำหรับการสูญเสียของฝ่ายข้าศึกฝรั่งเศส เรือธงลามอตต์ปิเกต์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทหารเรือเสียชีวิตไม่ทราบจำนวนแน่นอน แต่ทราบกันว่าเมื่อเรือข้าศึกกลับถึงไซ่ง่อน ได้มีการขนศพทหารที่เสียชีวิต และทหารที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นบกกันตลอดคืน เรือสลุปจมลงนอกชายฝั่งทะเลสองลำ                     
     การรบทางเรือครั้งนี้นับว่าเป็นการรบทางเรือที่ได้กระทำอย่างจริงจัง ในประวัติการรบของทหารเรือไทย นับแต่ได้ดำเนินการทหารเรือตามแบบอย่างของอารยประเทศที่เจริญในการเดินเรือ ซึ่งชาวไทยทั้งหลายควรภูมิใจ เพราะนับตั้งแต่สงครามญี่ปุ่น-รัสเซีย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๗-๒๔๔๘ แล้วก็มีประเทศไทยที่เป็นประเทศในตะวันออกไกล ชาวเอเซียได้ทำการรบทางเรืออย่างแท้จริงกับชาติตะวันตกแม้ฝรั่งเศสเอง ซึ่งเป็นข้าศึกของเราในครั้งนั้นก็ยังกล่าวสรรเสริญถึงวีรกรรมของทหารเรือไทย ดังได้ปรากฏในวิทยุกระจายเสียงสถานีไซ่ง่อน เมื่อ ๑๙ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๓ มีความว่า
    "แต่เราจะลืมเสียมิได้ที่จะสรรเสริญการต่อสู้อย่างทรหดกล้าหาญของทหารไทย เราขอน้อมเคารพพวกทหารเรือไทยที่ได้สิ้นชีพในการต่อสู้อย่างถึงที่สุดสมเกียรติทหาร เพื่อบ้านเกิดเมืองนอนของเขาด้วย"
    นับจากการรบที่เกาะช้าง จนถึงวันลงนามย่อในสัญญาสันติภาพ เมื่อ ๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๔ ที่กรุงโตเกียว ไม่ปรากฎว่ามีเรือรบข้าศึกเข้ามาในอ่าวไทยอีกเลย    
      "วีรกรรม" หลากหลายในหน้าประวัติศาสตร์ การต่อสู้ที่ผู้คนชาวสยามหรือชาวไทยในอดีตได้อุทิศชีวิตของตน สละเลือดเนื้อเข้าปกป้องผืนแผ่นดินไว้ หลายคนคงจำได้เพียงแค่ปี พ.ศ. ที่เกิดเรื่อง หลายคนจดจำได้เฉพาะเนื้อหาเปลือกๆ หลายคนอาจจำไม่ได้และหลงลืมมันไปแล้ว ผู้เขียนได้จัดทำเรื่องนี้ขึ้นมาโดยหวังเพียงว่า เรื่องราวภาพรายละเอียดของวีรกรรมที่เกิดขึ้นจริงนี้ จะไม่สูญหายไปตามกาลเวลา ทุกคนจะได้ช่วยกันจดจำว่า เรื่องราวของทหารเรือไทย "ลูกประดู่" ที่อุทิศชีวิตเพื่อปกป้องมาตุภูมิ ฝากไว้ในหัวใจและความระลึกจดจำของท่าน ดังเช่นความทรงจำและความภาคภูมิใจที่ผมมีมาตลอดชีวิต
เมื่อลูกหลานคุณถามว่า 'ทำไมไม่มีหาด' แล้วคุณจะตอบว่าอย่างไร
                            "ธรรมชาติใช้เวลากว่า ๒๐๐ ล้านปี ในการสร้างชายหาด"
                               "มนุษย์ใช้เวลา ๕๐ - ๑๐๐ ปี ในการสร้างชุมชน"
                      "การสร้างเขื่อนกันคลื่นใช้เวลาเพียง ๑ - ๓ สัปดาห์ในการทำลาย"

ลูกหิน

เป็นบุญบารมีที่เกิดเป็นลูกของลูกประดู่ท่านหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ยุทธนาวีที่เกาะช้าง บิดาเป็นลูกเรือ รล.สงขลา หลังจากการต่อสู้ และเรือได้จมลง ท่านได้รับบาดเจ็บและว่ายน้ำขึ้นเกาะได้ ท่ามกลางการระดมยิงของฝรั่งเศส ท่านเสียเพื่อนไปในการยุทธ์ครั้งนั้น 14 ท่าน  ท่านถึงแก่กรรรมเมื่อ 28 มกราคม 2547 สิริอายุ 94 ปี  จำได้ว่าเมื่อยังเล็กเวลาคุณพ่อกลับจากทะเล (รับราชการต่อหลังจากยุทธนาวีอีกไม่นานนักก็ลาออก ไปประกอบอาชีพเดินเรือสินค้า) คาดคั้นให้เล่าความหลังเรื่องการรบ ท่านจะเล่าทีละเล็กละน้อยให้เรา 6 พี่น้องฟังกัน จนปะติดปะต่อได้เป็นฉาก รวมกับท่านได้ให้อ่านบันทึกก่อนและหลังการรบที่มีสีหมึกซีดจางเลอะเลือนและมีคราบน้ำทะเลมาให้ดูด้วย  กับทั้งยังได้เห็นภาพบรรดาเพื่อนของท่าน รูปถ่ายบนเรือหลวงลำที่ท่านประจำ เช่น กันตัง สงขลา ฯลฯ ปัจจุบันพี่สาวได้เก็บรักษาไว้อย่างดี   ...ทุกวันนี้จะยังเหลือผู้จดจำเหตุการณ์วันนั้นได้หรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะหากมีชีวิตอยู่ก็คงอายุ 100 ปีกว่าแล้ว   พบเรื่องนี้ในสื่อใดก็ตาม มักคิดว่าตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเสมอ  ...ระลึกถึงทุกดวงวิญญาณผู้กล้า ที่เสียสละชีวิตเพื่อรักษาอธิปไตยของไทยจนอยู่ยงมาจนถึงวันนี้  ฝากถึงผู้ที่กำลังทำลายวิถีไทย โดยการคอรัปชั่นทุกเรื่องทุกคน ท่านเป็นหนี้ดวงวิญญาณท่านเหล่านั้นนะครับ เพลา ๆการกินบ้านโกงเมืองเสียที...

ลูกแมวตาดำๆ

อ้างจาก: ลูกหิน เมื่อ 01:38 น.  03 ก.ย 54
เป็นบุญบารมีที่เกิดเป็นลูกของลูกประดู่ท่านหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ยุทธนาวีที่เกาะช้าง บิดาเป็นลูกเรือ รล.สงขลา หลังจากการต่อสู้ และเรือได้จมลง ท่านได้รับบาดเจ็บและว่ายน้ำขึ้นเกาะได้ ท่ามกลางการระดมยิงของฝรั่งเศส ท่านเสียเพื่อนไปในการยุทธ์ครั้งนั้น 14 ท่าน  ท่านถึงแก่กรรรมเมื่อ 28 มกราคม 2547 สิริอายุ 94 ปี  จำได้ว่าเมื่อยังเล็กเวลาคุณพ่อกลับจากทะเล (รับราชการต่อหลังจากยุทธนาวีอีกไม่นานนักก็ลาออก ไปประกอบอาชีพเดินเรือสินค้า) คาดคั้นให้เล่าความหลังเรื่องการรบ ท่านจะเล่าทีละเล็กละน้อยให้เรา 6 พี่น้องฟังกัน จนปะติดปะต่อได้เป็นฉาก รวมกับท่านได้ให้อ่านบันทึกก่อนและหลังการรบที่มีสีหมึกซีดจางเลอะเลือนและมีคราบน้ำทะเลมาให้ดูด้วย  กับทั้งยังได้เห็นภาพบรรดาเพื่อนของท่าน รูปถ่ายบนเรือหลวงลำที่ท่านประจำ เช่น กันตัง สงขลา ฯลฯ ปัจจุบันพี่สาวได้เก็บรักษาไว้อย่างดี   ...ทุกวันนี้จะยังเหลือผู้จดจำเหตุการณ์วันนั้นได้หรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะหากมีชีวิตอยู่ก็คงอายุ 100 ปีกว่าแล้ว   พบเรื่องนี้ในสื่อใดก็ตาม มักคิดว่าตนเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเสมอ  ...ระลึกถึงทุกดวงวิญญาณผู้กล้า ที่เสียสละชีวิตเพื่อรักษาอธิปไตยของไทยจนอยู่ยงมาจนถึงวันนี้  ฝากถึงผู้ที่กำลังทำลายวิถีไทย โดยการคอรัปชั่นทุกเรื่องทุกคน ท่านเป็นหนี้ดวงวิญญาณท่านเหล่านั้นนะครับ เพลา ๆการกินบ้านโกงเมืองเสียที...

ถ้าท่านสามารถสแกนเอกสาร บันทึก และรูปถ่ายดังกล่าว แล้วนำมาโพสลงกระทู้นี้ จักขอขอบพระคุณอย่างสูง เพื่อร่วมกันรักษาประวัติศาสตร์ อีกช่องทางครับ

Singoraman

ขอคารวะแด่ดวงวิญาณของบรรพบุรุษที่ปกป้องแผ่นดินผืนนี้ ทุกรูปนาม
ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้
ผมจำได้ว่า เมื่อครั้งก่อนนานมาแล้ว สมัยศาลากลางจังหวัดสงขลาหลังเดิม มิใช่ศูนย์ราชการหลังปัจจุบัน
ตรงโถงเมื่อขึ้นบันไดหน้ามา มีโมเดล รล.สงขลา ใส่ตู้กระจกวางไว้ ผมไปติดต่อราชการงานใด จะต้องพินิจดูเสมอ
ด้วยความภาคภูมิใจ
ณ เวลานี้โมเดลนั้นมิทราบว่าอยู่ ณ ที่ใด ใครเห็นบ้าง

ข้าวเหนียวมะม่วง

ผมเคยเห็นแต่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลาครับผม เป็นเรือสินค้าที่มีชื่อว่า "สงขลา" สวยๆ เรือลำจริงๆ ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว เห็นเทศบาลนครสงขลาเค้ามีโครงการนำเรือหลวงโพสามต้นมาตั้งที่แหลมสนอ่อน น่าจะเป็นโครงการอุทยานการเรียนรู้แหลมสนอ่อน ไม่ทราบข่าวคราวว่าไปถึงไหนแล้ว
เมื่อลูกหลานคุณถามว่า 'ทำไมไม่มีหาด' แล้วคุณจะตอบว่าอย่างไร
                            "ธรรมชาติใช้เวลากว่า ๒๐๐ ล้านปี ในการสร้างชายหาด"
                               "มนุษย์ใช้เวลา ๕๐ - ๑๐๐ ปี ในการสร้างชุมชน"
                      "การสร้างเขื่อนกันคลื่นใช้เวลาเพียง ๑ - ๓ สัปดาห์ในการทำลาย"

คนหน้าวัด13

 ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ขอสดุดีทหารกล้า ของไทยเรา  ส.ยกน้ิวให้อยากเห็นรูปเรือจริงๆ พอจะมีบ้างไหม ส.ยกน้ิวให้
วิญญาณ ปู่ ย่า ตา ยาย จะ ร่ำไห้ เพราะ ลูก หลานจัญไร

คนหน้าวัด13

วิญญาณ ปู่ ย่า ตา ยาย จะ ร่ำไห้ เพราะ ลูก หลานจัญไร

หนุ่มนครนอก

ขอร่วมสดุดีวีรกรรมของทหารหาญที่ร่วมรบเพื่อปกป้องคุ้มครองเหล่าประชาชนพลเรือนและประเทศไทยเรา ส.ยกน้ิวให้
เธอจงระวังความคิดของเธอ
เพราะความคิดของเธอจะกลายเป็นความประพฤติของเธอ
เธอจงระวังความประพฤติของเธอ
เพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ
เธอจงระวังความเคยชินของเธอ
เพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ
เธอจงระวังอุปนิสัยของเธอ
เพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนดชะตากรรมของเธอชั่วชี