ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

หลังสนามตินเคยเป็นลานประหาร?

เริ่มโดย warodako, 21:10 น. 15 มี.ค 53

warodako

 คุณพ่อคุณแม่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า แถวสนามตินเคยใช้เป็นที่ประหารนักโทษ :o

คุณแม่เล่าว่า มีครั้งนึง  ประมาณ40ปีที่แล้ว เกิดคดีข่มขืนฆ่าที่สะเทือนขวัญชาวบ้านอยู่คดีหนึ่ง
คือ มีหนุ่มสาวคู่นึงไปพลอดรักกันที่แถวๆชายหาด แล้วโดนกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายและฆ่าผู้ชาย ก่อนที่จะข่มขืนผู้หญิง
ซึ่งกลุ่มคนร้ายเป็นลูกของคหบดีเมืองสงขลา(เจ้าของโรงกระเบื้อง?)
    และต่อมาได้มีการตัดสินประหารชีวิต ซึ่งลานประหารชีวิตก็คือแถวสนามตินในปัจจุบัน
ครั้งนั้นผู้คนต่างมาดูการประหารกันอย่างมากมาย หลายคนต้องปีนต้นสนดู คุณแม่ว่าเหมือนมีงานเทศกาลเลย
ชาวบ้านจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัดก็มี 
    เค้่าประหารด้วยการยิงเป้า โดยเอาผ้าขาวล้อมนักโทษไว้ แล้วก็ยิง :)

คือจริงๆแล้วผมอยากรู้ว่า สมัยนั้นเค้าประหารนักโทษกันที่นี่ประจำเลยเหรอครับ
หรือเฉพาะคดีนี้   searchหาก็ไม่ค่อยได้รายละเอียด :)   

พี่แอ๊ด

มีคดีนี้เกิดขึ้นจริง  แต่พี่ไม่อยากให้รื้อฟื้นเพราะเป็นคดีใหญ่และสะเทือนใจครอบครัวของฝ่ายหญิงมาก

warodako


ผมแค่อยากรู้ว่าสมัยนั้นเค้าประหารนักโทษกันที่นี่ประจำ หรือเฉพาะคดีนี้ครับ ???
รายละเอียดคงไม่เหมาะอย่างที่พี่ว่า :)

พี่แอ๊ด

ถ้าจำไม่ผิด เฉพาะคดีนี้  ยิงเป้าบริเวณที่คนร้ายกระทำ  หนังสือพิมพ์ลงทุกฉบับ

น่าว่าใช่

รู้สึกว่าญาติของฝ่ายชายจะเปิดร้านเกี่ยวกะเตาแก๊สอยู่ตรงข้ามกับแบงก์กสิไทย สงขลา สาขาใหญ่ ที่หน้อนุบาลน่ะคะ มีคนบอกมา เป็นลูกของเจ้าของ ที่นั่นเองค่ะ  ส่วนคนที่เสียชีวิตเป็นเด็กวค.สมัยรุ่นแม่เห็นจะได้ รู้สึกว่าจะรุ่นน้องนี่หละ คะ แม่เคยเล่าให้ฟังเหมือนกัน

พี่แอ๊ด

เห็นใจครอบครัวทั้งสอง อย่ารื้อฟื้นอีกเลย 

พี่แอ๊ด

วัยรุ่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ  ทุกคนย้อนอดีตไม่ได้จริง ๆ  เราไม่สามารถเอายางลบ ๆ เหมือนบทละครได้  หากย้อนอดีตเขาเหล่านั้นคงไม่ทำแน่นอน  วันนั้นแม่พี่แอ๊ดนั่งฟังข่าวน้ำตาไหล  แม่บอกว่าลูกไม่รู้หรอกคนเป็นแม่ให้อภัยลูกได้เสมอ ไม่ว่าจะดีจะชั่ว

charat

เรื่องนั้นก็เป็นอีกเรื่อง :(

แต่เหตุการณ์นั้นก็เป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่หน้าสนใจของสงขลาบ้านเรา
ถ้าคนไทยยอมรับความจริงบ้าง  เราคงมีประวัติศาสตร์ที่แท้จริงให้ลูกหลานได้ศึกษากันซะที

เหมือนอย่างประวัติheroหลายๆท่านของเราชาวไทย  ทุกวันนี้ก็ได้รับการยอมรับจากนักประวัติศาสตร์แล้วว่า ส่วนใหญ่เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาภายหลัง   แต่คงยากที่ชาวท้องถิ่นนั้นๆจะยอมรับ  จะนับถือบูชาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่ความจริงก็เป็นสิ่งที่คู่ควรแก่การศึกษาค้นคว้า ก็เท่านั้นเอง  

แยกแยะกันหน่อย

กะติ๊ก

อยากทราบรายละเอียดให้มากกว่านี้..ค่ะช่วยรบกวนค้นหาให้น่อย
คืออยากทราบรายละเอียด  ถ้ามีภาพด้วยยิ่งดีเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ

fairy_tale

ควรจะให้จบอย่างที่ คุณพี่แอ๊ดบอกดีกว่า เรามาศึกษาประวัติดีๆของสงขลาไม่ดีกว่าเหรอคะ   

ไม่ใช่อะไรหรอก  เห็นใจครอบครัวของผู้เสียหายทั้ง 2 ฝ่าย
หลงทางเสียเวลา   หลงติดฟาเสียอนาคต

ผบ.เกษียณ

รุ่นๆผมจะรู้กันดีว่าไอ้นี่มันร้าย เกะกะไปทั่ว ตอนนี้ถ้ายังอยู่คงเป็นเจ้าพ่อ เป็นพวกมีอิทธิพล
น้องๆมันก็ติดคุกอยู่สองสามคน(เรือนจำที่ผมอยู่) จริงๆบ้านพวกมันไม่ได้ร้ายอะไร แต่ลูกไปทำอะไรร้ายๆไว้ ตามประสาพ่อแม่ก็ต้องช่วย ลูกๆเลยเป็นอย่างนี้ 

สมัยนั้น จริงๆแล้วมีคดีข่มขืน คดีฆ่าแถวแหลมเกิดเป็นประจำ บางทีก็ไทย บางก็ฝรั่ง แถวนั้นฝรั่งชอบไปแคมป์กัน
แต่ตอนนั้นยุคจอมพลสฤษดิ์(ปฏิวัติ) เขาให้ใช้มาตรา17 ไม่สอบสวนอะไรมากมายก็ตัดสินกันเลย มันเลยโดนยิงเป้าในที่เกิดเหตุ แถวๆศาลทุกวันนี้ ติดคุกอยู่เดือนหนึ่งได้เอง 
ฝ่ายหญิงไม่อย่ากเล่า สงสารญาติๆ

หลังจากยิงเป้าครั้งนั้น รู้สึกว่าพอค่ำๆตำรวจจะคอยเอาสปอตไลท์ไปฉายแถวแหลมทุกคืน ไม่แล้วลูกสาวไม่ค่อยกล้าออกจากบ้านกัน

รู้จักเสือค่อยไหม นั่นแหละพรรคพวกมัน พึ่งตายไปไม่กี่ปี
จริงๆมีเรื่องเล่าตลกๆของจอมพลสฤษดิ์กับบ้านเราอีกหลายเรื่อง ว่างๆจะมาเลาให้ฟัง
เว็ปบอดนี้น่าสนใจดี ถ้าหลานชายไม่แนะนำ พวกผมคงตายไปพร้อมกับเรื่องเล่าเก่าๆพวกนี้

จริงๆแล้วเรื่องเก่าๆ คนรุ่นผมเค้าไม่ค่อยเล่นเนตกัน น่าจะมีใครไปสัมภาษณ์มาเล่าต่ออีกทอด
เรื่องน่าสนใจบ้านเราอีกตั้งมากมาย

คนเขารูปช้าง

ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับที่จะได้คนเก่าแก่อย่างท่าน ผบ.เกษียณ เข้ามาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมืองสงขลาให้รุ่นหลังๆได้ฟังกันครับ
ผมขอตั้งข้อสังเกตุสักนิดนะครับว่าถ้าผมจำไม่ผิดเรื่องนี้น่าจะเกิดในสมัยคณะรัฐบาลทหารในยุคหลังจากจอมพลสฤษดิ์
คือในยุคของจอมพลถนอม-ประภาส ครับ ที่มีคดีฆ่าข่มขืนที่ชายหาด แล้วคณะปฏิวัติใช้อำนาจตามมาตรา ๑๗ ของประกาศคณะปฎิวัติ
ไม่ต้องส่งฟ้องศาล สอบสวนหาหลักฐาน ข้อเท็จจริงแล้วสั่งลงโทษเลย

ผมจำได้ว่าขณะจอมพลสฤษดิ์เรืองอำนาจนั้นผมยังเด็กมากเรียนอยู่ที่ รร.อนุบาลสงขลา เด็กๆมายืนดูเครื่องบินแมลงปอหลายลำบินผ่านกันอย่างตื่นเต้น เมื่อจอมพลสฤษดิ์มาตรวจราชการที่สงขลา และมีเรื่องเล่าว่าเมื่อท่านไปตรวจที่หมู่บ้านประมงบ้านแหลมทรายไปเดินเหยียบเอาสิ่งไม่พึงปรารถนาเข้า

ถึงกับโกรธสั่งให้ย้ายหมู่บ้านชาวประมงจากแหลมทรายไปอยู่เก้าเส้งครับ

Big MaHad

อ้างจาก: ผบ.เกษียณ เมื่อ 20:48 น.  20 มี.ค 53
รุ่นๆผมจะรู้กันดีว่าไอ้นี่มันร้าย เกะกะไปทั่ว ตอนนี้ถ้ายังอยู่คงเป็นเจ้าพ่อ เป็นพวกมีอิทธิพล
น้องๆมันก็ติดคุกอยู่สองสามคน(เรือนจำที่ผมอยู่) จริงๆบ้านพวกมันไม่ได้ร้ายอะไร แต่ลูกไปทำอะไรร้ายๆไว้ ตามประสาพ่อแม่ก็ต้องช่วย ลูกๆเลยเป็นอย่างนี้ 

สมัยนั้น จริงๆแล้วมีคดีข่มขืน คดีฆ่าแถวแหลมเกิดเป็นประจำ บางทีก็ไทย บางก็ฝรั่ง แถวนั้นฝรั่งชอบไปแคมป์กัน
แต่ตอนนั้นยุคจอมพลสฤษดิ์(ปฏิวัติ) เขาให้ใช้มาตรา17 ไม่สอบสวนอะไรมากมายก็ตัดสินกันเลย มันเลยโดนยิงเป้าในที่เกิดเหตุ แถวๆศาลทุกวันนี้ ติดคุกอยู่เดือนหนึ่งได้เอง 
ฝ่ายหญิงไม่อย่ากเล่า สงสารญาติๆ

หลังจากยิงเป้าครั้งนั้น รู้สึกว่าพอค่ำๆตำรวจจะคอยเอาสปอตไลท์ไปฉายแถวแหลมทุกคืน ไม่แล้วลูกสาวไม่ค่อยกล้าออกจากบ้านกัน

รู้จักเสือค่อยไหม นั่นแหละพรรคพวกมัน พึ่งตายไปไม่กี่ปี
จริงๆมีเรื่องเล่าตลกๆของจอมพลสฤษดิ์กับบ้านเราอีกหลายเรื่อง ว่างๆจะมาเลาให้ฟัง
เว็ปบอดนี้น่าสนใจดี ถ้าหลานชายไม่แนะนำ พวกผมคงตายไปพร้อมกับเรื่องเล่าเก่าๆพวกนี้

จริงๆแล้วเรื่องเก่าๆ คนรุ่นผมเค้าไม่ค่อยเล่นเนตกัน น่าจะมีใครไปสัมภาษณ์มาเล่าต่ออีกทอด
เรื่องน่าสนใจบ้านเราอีกตั้งมากมาย

เห็นด้วยกับท่าน ผบ. เกษียณ ครับที่ว่า ท่านอาวุโสทั้งหลายนั้นท่านไม่เล่นเนตกันครับ เลยทำให้ข้อมูลอีกมากมายขาดหายไป เรื่องที่จะให้มีการสัมภาษณ์แล้วมาเล่านี้ ผมว่าอาจจะทำยากสักหน่อย เพราะแต่ละท่านในที่นี้ก็มีงานประจำกันแทบทั้งนั้น ที่เข้ามาแวะเวียนกันในนี้อาสัยใจรักกันแทบทั้งสิ้น นักประวัติศาสตร์ โบราณคดี อะไรทั้งหลายไม่มีมาเลยครับ แต่อีกแหล่งข้อมูลนึงก็คือพวกวิทยานิพนธ์ครับ ผมเคยเจอของบัณฑิตศิลปากร ทำเรื่องตึกเก่าในเมืองสงขลา ซึ่งท่านได้ไปเดินหาข้อมูล พร้อมทั้งเขียนแปลนบ้านแต่ละหลังเอาไว้ในย่านครนอก นครใน นางงาม ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกพอสมควร นี่ถ้าคนรุ่นใหม่สนใจทำวิทยานิพนธ์ อะไรพวกนี้เกี่ยวกับในเมืองสงขลา เพิ่มเติมคงจะดีไม่น้อยทีเดียว
อีกอย่างคือ น่าจะมีการประชาสัมพันธ์เวบกิมหยงนี้ ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพื่อที่คนทุกกลุ่มอายุจะได้เข้ามาแชร์ประสบการณ์ หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันครับ น่าจะเริ่มประชาสัมพันธ์เวบจากงานถนนคนเดิน สงขลาแต่แรกที่จะจัดในเดือนหน้านี้ ก็น่าจะดีครับ แต่ก็คงต้องวอนท่านที่เกี่ยวข้องกับท่านผู้ผู้จัดงานให้การสนับสนุนด้วยหละครับงานนี้ ผมขอแสดงความคิดเห็นแต่เพียงเท่านี้ครับ
อดีตคือรากฐานของปัจจุบัน...ปัจจุบันคือรากฐานของอนาคต

พี่แอ๊ด

เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะประชาสัมพันธ์เวบกิมหยงนี้  วันนี้พี่ได้คุยกับญาติผู้ใหญ่ที่สงขลา ท่านอายุ 88 ปีแล้วเป็นศิษย์เก่าสอบได้ที่ 1 ของโรงเรียนมหาวชิราวุธสงขลา  ในปี 2480  รับราชการทำงานรถไฟตั้งแต่หนุ่มถึงปลดเกษียณ  ความจำยังดีมาก โดยเฉพาะเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านไปหลบในคูน้ำที่บ้านบน  พี่อยากให้ทางคณะจัดงานเชิญบุคคลเหล่านี้มาร่วมในงานด้วย  รูปถ่ายท่านตั้งแต่รับราชการรถไฟในปี 2503 ก็อยู่ที่บ้านพี่  หรือแม้แต่คุณลุงที่ถีบจักรยานสามล้อ  เพราะบุคคลเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของเมืองสงขลาทั้งสิ้น

คนเขารูปช้าง

พี่แอ็ดครับ เห็นด้วยอย่างยิ่งเช่นกันครับที่จะประชาสัมพันธ์เวบกิมหยงนี้ ให้คนเก่าแก่ของเมืองสงขลา และหาดใหญ่ได้ทราบถึงกิจกรรม
ที่พวกเรากำลังทำกันอยู่ในห้องสนทนา " เรื่องราวสมัยแต่แรก" ในเวปกิมหยงนี้
จริงๆแล้วในงานที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์ก่อนสงกรานต์นี้ ผมอยากให้คณะผู้จัดงานได้ติดต่อท่านผู้อาวุโสทั้งหลายของสงขลาและหาดใหญ่
ถ้าสุขภาพท่านยังอำนวย ก็จัดตารางเชิญท่านมาเล่าเรื่องในอดีตให้รุ่นลูกหลานฟัง ถ้าสุขภาพท่านไม่อำนวยอาจส่งทีมงานไปบันทึกเทปการเล่าเรื่อง
ของท่าน นำมาเรียบเรียงและมาถ่ายทอดให้ผู้ฟังผู้ชมในงานฯ

ผมไปร่วมเล่าเรื่องเก่าเนื่องจากผมได้พยายามรวบรวมภาพเก่าๆ ใหม่ๆบ้างของสงขลาไว้พอสมควร แต่จริงๆแล้วรู้สึกว่าตนเองไม่ได้มีประสพการณ์ตรงกับเรื่องในอดีตย้อนไปมากนัก  อยากจะช่วยรวบรวมและตระเตรียมภาพ เก่าบ้าง กลางเก่ากลางใหม่บ้าง ค่อนข้างใหม่บ้าง ให้เป็นหมวดหมู่
ของเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อให้คนเก่าแก่ทั้งหลายท่านได้เห็นแล้วเกิดระลึกได้ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวให้เราบันทึกเทปไว้ให้ คนรุ่นต่อๆไปได้รับรู้กันมากกว่าครับ   แต่รู้สึกว่าเวลาเหลือน้อยก่อนถึงงาน "สงขลาแต่แรก" ครับ ไม่ทราบคณะผู้จัดงานจะติดต่อ คนเก่าแก่เช่น ท่าน ผบ.เกษียณ 
ญาติผู้ใหญ่ที่สงขลา ของพี่แอ็ด หรือท่านลุงข้วย(สามล้อเพื่อนป๋าเปรม)ทันหรือเปล่าครับ

พี่

 ฝากความหวังไว้กับ อ. Singoraman ช่วยประสานทีมผู้จัดงานสงขลาแต่แรก พิจารณาข้อเสนอแนะของท่านคนเขารูปช้าง พี่แอ๊ด
คุณ Big MaHad ท่าน ผบ.เกษียณ ด้วย

พี่แอ๊ด

คุณน้าสันติฯ ในชุดพนักงานรถไฟในปี 2506  ศิษย์เก่าโรงเรียนมหาวชิราวุธปี 2480 สอบได้ที่ 1 ของโรงเรียน  เป็นเพื่อนกับนายสุรินทร์  มาสดิตถ์  ส.ส.นครศรีธรรมราช  เคยอยู่กับคุณเปี่ยมฯ เลขาของจอมพล ป.พิบูลสงคราม  ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2

Singoraman

เมื่อวันที่ 26 มีค. ที่ผ่านมา ผมเจอกับ "กิมหยง" ในงานแถลงข่าว "สงขลาแต่แรก" ช่วงเมษายน นี้
เจอกันที่พิพิธภัณฑ์ ได้คุยกันเรื่องนี้ ผมนำเรียนท่านกิมหยงไว้ว่า ผมจะประสานกับ อ.ก้อย ซึ่งมีคิว "ภาพเก่าเล่าสงขลา" ในงานนี้ด้วย ว่าให้นำภาพที่สมาชิกห้อง เรื่องราวสมัยแต่แรก ไปขยายต่อในงานนี้ด้วย
วันนั้นผมได้ยิน อ.ก้อย ซึ่งเป็นพิธีกรในงานแถลงข่าวเอ่ยถึงเวปกิมหยงด้วย ว่าเป็นสื่อที่นำเสนอเรื่องของสงขลาแต่แรกมาตลอด เป็นศูนย์รวมดุจมหาวิชชาลัยย่อย ๆ ที่เป็นเรียนรู้ระหว่างกัน
อ.ก้อย ฝากขออนุญาตเจ้าของภาพทุกท่านในห้องนี้ ในการนำไปเป็นแหล่งเรียนรู้ในเวทีงานสงขลาแต่แรกด้วย
และหากสมาชิกท่านใดมีโอกาส มีเวลา ในช่วงดังกล่าว โปรดเตรียมภาพสงขลาแต่แรกไปร่วมเสนอกันบ้าง
โดยเฉพาะเรื่องช่วงญี่ปุ่นขึ้น เพราะหากไม่ติดขัดเรื่องใด อาจได้คุยกับ คุณมาซาโอะ เซโตะ ตัวจริงเสียงจริง
(ตอนนี้ท่านอายุมากแล้ว ฝ่ายผู้ติดต่อก็เกรงใจท่านมาก)
ฝากสมาชิกทุกท่านไปร่วมสร้างสีสันให้บ้านเมืองกันอีกสักรอบนะครับ

พี่

ห้องเรื่องราวสมัยแต่แรก ขอขอบพระคุณ อ.ก้อย ผ่านทาง อ.Singoraman เป็นอย่างสูง
จะติดตามผลงานของ อ.ทั้งสองท่านตลอดไป

นำภาพ พิธีกร ในงานแถลงข่าว สงขลาแต่แรก  26 มี.ค. 53 มาให้ชม
รู้จักแต่ 2 พิธีกรชาย คือ อ.ก้อย กับ อ.จเร 
ส่วนพิธีกรหญิง 2 ท่าน รบกวน อ.Singoraman ช่วยให้ความกระจ่าง

Singoraman

ผู้หญิงชุดสีน้ำเงิน  คือ "หมอเจน"  หมอประจำศูนย์สาธารณสุขชุมชนหลังวัดสระเกษ
ส่วนอีกท่านหญิง "หนูเจี๊ยบ" จนท.เทศบาลนครสงขลา ครับ

suksouthern

อ้างจาก: warodako เมื่อ 21:10 น.  15 มี.ค 53
คุณพ่อคุณแม่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า แถวสนามตินเคยใช้เป็นที่ประหารนักโทษ :o

คุณแม่เล่าว่า มีครั้งนึง  ประมาณ40ปีที่แล้ว เกิดคดีข่มขืนฆ่าที่สะเทือนขวัญชาวบ้านอยู่คดีหนึ่ง
คือ มีหนุ่มสาวคู่นึงไปพลอดรักกันที่แถวๆชายหาด แล้วโดนกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายและฆ่าผู้ชาย ก่อนที่จะข่มขืนผู้หญิง
ซึ่งกลุ่มคนร้ายเป็นลูกของคหบดีเมืองสงขลา(เจ้าของโรงกระเบื้อง?)
    และต่อมาได้มีการตัดสินประหารชีวิต ซึ่งลานประหารชีวิตก็คือแถวสนามตินในปัจจุบัน
ครั้งนั้นผู้คนต่างมาดูการประหารกันอย่างมากมาย หลายคนต้องปีนต้นสนดู คุณแม่ว่าเหมือนมีงานเทศกาลเลย
ชาวบ้านจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัดก็มี 
    เค้่าประหารด้วยการยิงเป้า โดยเอาผ้าขาวล้อมนักโทษไว้ แล้วก็ยิง :)

คือจริงๆแล้วผมอยากรู้ว่า สมัยนั้นเค้าประหารนักโทษกันที่นี่ประจำเลยเหรอครับ
หรือเฉพาะคดีนี้   searchหาก็ไม่ค่อยได้รายละเอียด :)