ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

น้ำตกโตนงาช้าง ผีบังตา และสักการบูชาศาลทวดเสือดำ(ทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง)

เริ่มโดย four, 07:20 น. 19 ส.ค 51

four

น้ำตกโตนงาช้าง  ผีบังตา  และสักการบูชาศาลทวดเสือดำ(ทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง)




                น้ำตกโตนงาช้างตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง(tonengachang wildlife sanctuary) สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ห่างจากอำเภอหาดใหญ่ราว 24 กิโลเมตร เหตุที่น้ำตกแห่งนี้ได้ชื่อว่า "น้ำตกโตนงาช้าง"  ก็สืบเนื่องมาจากชั้นที่ 3 ของน้ำตกที่เรียกกันว่า "โตนงาช้าง" (tone nga chang) นี้เองมีลักษณะเป็นสายน้ำตกลงมาจากหน้าผาสูงชันเป็น 2 เส้นคล้ายงาช้างคู่อย่างสวยงามและเชื่อกันว่าน้ำตกชั้นที่ 3 นี้เองเป็นชั้นที่มีความสวยงามที่สุด (คำว่า โตน ในภาษาไทยภาคใต้แปลว่า น้ำตก) น้ำตกโตนงาช้างมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้นคือ
1.โตนบ้า (tone ba)
2.โตนปลิว (tone plew)
3.โตนงาช้าง (tone nga chang)
4.โตนดำ (tone dum)
5.โตนน้ำปล่อย (tone nam proy)
6.โตนฤาษีคอยบ่อ (tone rue srikoy bo)
7.โตนเหม็ดชุน (tone met choon)
             
                มีความเชื่ออยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตป้องปกดูแลผู้คนภายในบริเวณน้ำตกโตนงาช้างมาเป็นเวลานับได้หลายร้อยปี คือความเชื่อในเรื่องทวดตาขุนดำ  ทวดโต๊ะปะหวัง ซึ่งมักปรากฏให้ชาวบ้านภายในพื้นที่เห็นในรูปของพญาเสือดำขนาดใหญ่  ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น "ทวดเสือ" ซึ่งจัดเป็น "ทวดในรูปสัตว์" อีกประเภทหนึ่ง  ซึ่งในเรื่องนี้นางวรรณา  อินทรสุวรรณ์  อายุ 44 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ได้เล่าให้ฟังถึงความเชื่อในเรื่องทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง เอาไว้ว่า  เดิมทีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณน้ำตกโตนงาช้างและบริเวณใกล้เคียงล้วนมีความเชื่ออันสืบทอดต่อกันมาว่ามีทวดเสือชื่อทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง เป็นผู้ดูแลให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย และไร้ทุกข์ภัยเข้ามากล้ำกราย  ชาวบ้านจึงจัดแจงสร้างศาลเพียงตาไว้ให้เป็นที่สถิตของดวงวิญญาณดังกล่าว(ศาลเพียงตา หมายถึงศาลที่ต้องยกขึ้น 4 เสา ยกพื้นระดับตา มีร่มกาง มีเพดาน) ซึ่งเป็นศาลเล็กๆอยู่บนไหล่เขา ปรากฏมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวบางส่วนน้ำดอกไม้และเครื่องเซ่นไหว้มาบูชาอยู่มิขาดสาย  ต่อมาราวปี พ. ศ. 2549 ได้มีนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์คนหนึ่งเดินทางมาเที่ยวน้ำตกโตนงาช้าง  จนตกช่วงเย็นชายคนดังกล่าวได้ออกเดินทางปีนขึ้นไปชมทัศนียภาพบนน้ำตกโตนงาช้างชั้นที่ 3 และชั้นที่ 4 (โตนงาช้าง และโตนดำ)จากนั้นจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  เพื่อนๆที่มาด้วยกันจึงออกตามหาแต่ก็หาไม่พบแต่ประการใด  จวบจนต้องลงมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของทางน้ำตกได้ทราบจึงออกช่วยกันตามหาอีกกลุ่มหนึ่งจนในช่วงดึกจึงต้องยกเลิกไปแล้วออกหาตอนเช้าอีกที  หาอยู่ 3 วัน 3 คืนก็ยังหานักท่องเที่ยวชายชาวสิงคโปร์คนดังกล่าวไม่พบ  สุดปัญญาจนชาวบ้านกลุ่มหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจกลัวว่าจะถูกเสือคาบไปกินเสียแล้ว  จึงได้เชิญหมอไสยศาสตร์มาทำพิธีกรรม "เข้าทรง"  และพอได้รับข้อมูลมาว่านักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ที่หลงป่ายังมีชีวิตอยู่  ประทังชีพด้วยการกินยอดไม้ และน้ำเป็นอาหาร เขาเพียงโดน "ผีบังตา" (ผีบังตา  คือการที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่มีฤทธิ์ในสถานที่นั้นๆบดบังเอาไว้ไม่สามารถให้เห็นกันและกันได้)เอาไว้ท่านมิต้องเป็นห่วงแต่ประการใด  ถึงเวลาเขาก็จะกลับมาเอง  แต่หลังจากนั้นก็ขอให้ช่วยสร้างศาลให้เราอยู่ด้วย  หัวหน้าทีมค้นหาจึงสัญญาว่าหากหาเจอก็จะสร้างศาลสถิตบูชาให้  วันที่ 4 ที่ออกค้นหาจึงหานักท่องเที่ยวคนดังกล่าวพบ หลังจากนั้นจึงมีการสร้างศาลขึ้นมาในบริเวณเดิม โดยเป็นศาลถาวรที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก ภายในปรากฏรูปประติมากรรมเคารพบูชารูปพญาเสือดำขนาดใหญ่อยู่ภายในบริเวณศาลให้ชื่อว่า "ทวดตาขุนดำ-ทวดโต๊ะปะหวัง" เป็นที่เคารพสักการบูชาของชาวบ้านในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ผู้ดูและน้ำตก ตลาดจนนักท่องเที่ยวจวบปัจจุบัน

  บันทึกข้อมูล  :  คุณาพร  ไชยโรจน์
       ถ่ายภาพ  :  กิตติพร  ไชยโรจน์
11 เมษายน ปี พ.ศ. 2551


ภาพ  :  น้ำตกโตนงาช้าง(ปี พ.ศ. 2550)

ที่มาของข้อมูล..........  http://www.siamsouth.com/smf/index.php/topic,73.0.html