ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บันทึกของคนเดินทาง : วัฒนธรรมการตาย….ของคนติดเล (ปากรอ-สงขลา)

เริ่มโดย คุณาพร., 16:46 น. 06 ส.ค 56

คุณาพร.

บันทึกของคนเดินทาง  :  วัฒนธรรมการตาย....ของคนติดเล (ปากรอ-สงขลา)

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2556  วันนี้ช่วงบ่ายโมงครึ่งผู้เขียนต้องไปร่วมพิธีรดน้ำศพของญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง  ที่ซึ่งบ้านของท่านตั้งอยู่ก่อนถึงวัดเเหลมจาก หมู่ที่ 6 ตำบลปากรอ อำเภอเมือง (ปัจจุบัน สิงหนคร) จังหวัดสงขลา  ลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง(กันน้ำท่วมยามฤดูน้ำหลาก) ตามแบบวิถีคนติดเล (น้ำกร่อย)โดยทั่วไป......   ได้เห็นพิธีรดน้ำศพของที่นี่แล้วเห็นแปลกดีจึงขอเก็บเอามาเล่าให้ฟังเสียหน่อย  คือปกติการรดน้ำศพของคนในตัวเมืองหาดใหญ่ (ในวัด) ทางสัปเหร่อจะจัดการให้เสร็จสรรพ ไล่ตั้งแต่.......  อาบน้ำ-แต่งตัว  ยกศพขึ้นบนโต๊ะพิธี  ดัดและแต่งฝ่ามือของผู้ล่วงลับไว้บนฐานรองมือขนาดเล็ก....ไว้เป็นจุดให้ผู้มาร่วมงานได้กระทำการ "รดน้ำศพ" เป็นการระลึก  อโหสิกรรมครั้งสุดท้าย.........

แต่ปรากฏว่าพิธีรดน้ำศพของที่นี่ (บ้านปากรอ) ผิดแปลกแตกต่างไปจากพิธีของคนในเมือง  กล่าวคือ เริ่มพิธี....จะไม่มีการยกศพลงมาจากบ้านแต่ประการใด (ตั้งศพ-รดน้ำที่บ้านผู้ตาย)  แต่ให้แจกจ่ายธูปแก่แขกผู้มาร่วมพิธีคนละ 1 ดอก  กระทำการขออโหสิกรรม  พอเสร็จ.....ก็มีการนำ "ซุ้มประตูทางผีผ่าน" มาตั้ง-วางทับกับประตูทางออกของตัวบ้านไว้อีกหนึ่งชั้น  ลักษณะประตูทางผีผ่าน.....ทำแบบง่ายๆด้วยไม่ไผ่ขนาดปล้องไม่ใหญ่มากนัก  ตัดแต่งจำนวน 4 ลำไผ่  นำมาประกอบกัน (ดังรูป) ให้ได้ลักษณะเป็นกรอบแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า  ยกตั้งให้กว้างกว่าประตูทางออกของตัวบ้านเพียงเล็กน้อย  ที่มุมไม่ไผ่ทั้งสี่ด้านตอกด้วยตะปูขนาดเล็กเพียง 1 ดอก  ตอกไว้แบบหลวมๆ (ขั้นนี้สัปเหร่อจะลงคาถาไว้) ขณะที่บรรดาลูกๆหลานๆของผู้ตายยกศพลงจากบ้าน  ก็ให้ลอดผ่านประตูจริงที่มีซุ้มประตูทางผีผ่านวางทับไว้อีกชั้น (ตรงนี้ตัวสัปเหร่อจะร่ายคาถาขณะยกศพออกจากประตู)  โดยเมื่ออุ้มศพออกจากซุ้มประตูทางผีผ่านเรียบร้อย....ทางสัปเหร่อจะย้ำหลายรอบว่าให้ทุบ-ทำลายกรอบประตูทางผีผ่านทั้งสี่ทิศให้แยกออกจากกัน  เพราะถือว่าเป็นทางผ่านของคนตาย  คนเป็นที่อุ้มศพผ่านออกมาอาจเกิดอันตราย (ความเชื่อพื้นถิ่น / ปากรอ – สงขลา)  หลังจากทำลายซุ้มประตูทางผีผ่านเรียบร้อย  อาจนำไม้ไผ่ทั้ง 4 ลำไปเผาทำลาย  หรือทิ้งไว้ในสถานที่ห่างไกลผู้คน (เช่น ในป่าช้า)

พิธีการรดน้ำศพของคนติดเล (ปากรอ) จะแปลกแตกต่างจากของคนในเมืองหาดใหญ่  กล่าวคือ ทางผู้ใหญ่(ผู้อาวุโส-คนมีอายุเยอะๆ) จะเลือกให้คนที่ใกล้ชิดกับฝ่ายคนตาย  กระทำการผ่าลูกมะพร้าวสำหรับล้างหน้าศพ  เมื่อผ่ามะพร้าวเสร็จแล้ว  จะนำน้ำมะพร้าวไปผสมกับน้ำเปล่าที่มีดอกไม้นานาชนิดลอยอยู่ข้างบน (ในงาน / ที่เห็นจะใส่ตุ่มพลาสติกขนาดใหญ่ไว้กลางงาน)  สัปเหร่อจะเสกคาถาลงไปในน้ำสำหรับอาบศพ  ขั้นตอนต่อมาจะให้ลูกชายคนใดคนหนึ่งของผู้ตาย (หรือคนในครอบครัว-ผู้ชาย).....นั่งบนโต๊ะขนาดใหญ่กลางพิธี  นำศพของผู้ตายมานั่งบนตักของลูกชาย ให้ลูกชายกอดศพผู้ตายไว้ (กอดศพคุณพ่อไว้ให้แน่น)  สภาพศพ....จะสวมเพียงผ้าขาวม้าบริเวณต่ำกว่าสะดือลงไป  ท่อนบนจะปล่อยไว้แบบเปลือยเปล่า  ถึงตรงนี้สัปเหร่อจะเป็นคนรดน้ำศพ (อาบน้ำศพ) คนแรก......โดยตักน้ำใส่ขันขนาดใหญ่  เทราดศพตั้งแต่หัวจรดฝ่าเท้า 3 รอบ (พร้อมร่ายคาถา)  จากนั้นบรรดาญาติพี่น้อง-ผู้ร่วมในพิธี  จะค่อยๆทยอยต่อแถว  รับน้ำสำหรับรด (อาบศพ)  ค่อยๆทยอยกันอาบน้ำให้แก่ผู้ล่วงลับ ทีละคน โดยรดน้ำขันเล็กๆตั้งแต่บริเวณหัวไหล่ ไล่ไปจนถึงหน้าท้องของผู้ตาย  อนึ่ง คนที่มีความผูกพันกับผู้ตายมากๆ....บางรายก็จะลูบหัวผู้ตาย (ในกรณีที่อายุมากกว่า)  โดยส่วนใหญ่...เมื่อรดน้ำเสร็จ  จะมีการตบไหล่ผู้ตาย  หรือจับข้อมือของผู้ตายเพื่อระลึกถึงการจากไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสัปเหร่อจะทำการมัดตราสังข์ และนำศพลงไปบรรจุไว้ภายในโลงตามปกติ (โดยในช่วงเย็น.....จะมีการเคลื่อนย้ายศพไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดเเหลมจาก ต่อไปตามลำดับ.......)

เห็นว่าแปลกดี.....จึงเก็บเอามาเล่าสู่กันฟังแล............

(แตกต่างทางถิ่นฐาน  แตกต่างทางความเชื่อ  รากวัฒนธรรมก็ย่อมแตกต่างกัน)

ผู้บันทึก  :  คุณาพร ไชยโรจน์ (วันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2556 เวลา 13.30 น. / ปากรอ-สงขลา)

เดินทางไปปากรอ-ตำบลปากรอ อำเภอ สิงหนคร จังหวัดสงขลา  ถนนหนทางสะดวกสบายตามสมควร......


ค่อยโล่งๆ.....เจอถนนลาดยางแล้ว  ^_____^   


ผู้มาร่วมพิธีรดน้ำศพ  เยอะพอสมควร.....



ช่วงแรกของพิธี....ธูปคนละดอก / อโหสิกรรม......


น้องชายของเจ้างาน  ทำการผ่ามะพร้าว  นำน้ำข้างในมาผสมกับน้ำปกติสำหรับรด และอาบศพ



อันนี้ถ่ายภาพไว้ไม่ทันครับ(แต่จะเป็นช่วงที่มีการลำเลียงศพออกมาจาก "ซุ้มประตูทางผีผ่าน" (ลำเลียงศพออกมาแล้ว ให้รีบทำลายประตูทางผีผ่านให้เร็วที่สุด......)

รดน้ำศพ(อาบน้ำศพ)......







ส.อ่านหลังสือ








****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

อ้างจาก: เหมือนกันแหละ เมื่อ 09:22 น.  07 ส.ค 56
คุณไปอยู่ที่ไหนมา นี่ก็เป็นพิธีกรรมปกติ ของคนจังหวัดสงขลา(และจังหวัดใกล้เคียง หรืออาจจะมีทางภาคอื่นด้วยก็ได้ ) บ้านเกิดเรา ทำมาแต่ปูย่าตายาย ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนจะอำเภอไหน ๆ หมู่บ้านไหน ๆ ก็ทำแบบนี้ คนที่นั่งกอดศพต้องเป็นลูกหลานที่เป็นผู้ชาย และมีผ้าปิดหน้าศพอยู่ตลอดเวลาห้ามเปิด เวลาอาบน้ำมีถูสบู่เรียบร้อย มีน้ำหอมน้ำอบ มีแป้งเหมือนอาบน้ำปกติ ส่วนน้ำมะพร้าวคุณยากรู้ไหมเขาใช้เพื่ออะไร ลองศึกษาดูนะครับ แล้วคุณมาจากไหนเพิ่งเห็นเหรอครับ เราเห็นมาตั้งแต่ิเกิด นี่จะ 60 แล้วก็ยังทำกันอยู่ตลกมาก พวกโลกแคบเจออีกแหระ ว่างลองมาศึกษาวิถีชาวบ้านดูบ้างก็ได้นะ มีเรื่องปกติของชาวบ้าน ที่ไม่ปกติสำหรับคุณมากมาย

^

^

^

^

ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนจะอำเภอไหน ๆ หมู่บ้านไหน ๆ ก็ทำแบบนี้ >>>>  ในหาดใหญ่ไม่มีครับ / คนในเมืองส่วนใหญ่เขาไม่รู้กันจริงๆว่ามีพิธีศพเเบบนี้ด้วย



คนที่นั่งกอดศพต้องเป็นลูกหลานที่เป็นผู้ชาย และมีผ้าปิดหน้าศพอยู่ตลอดเวลาห้ามเปิด >>>  อันนี้ไม่มีผ้าปิดหน้าศพครับ  เปิดหน้าศพตลอดจนอาบน้ำเสร็จ


ส่วนน้ำมะพร้าวคุณยากรู้ไหมเขาใช้เพื่ออะไร ลองศึกษาดูนะครับ >>>  อันนี้พอรู้ครับ


แล้วคุณมาจากไหนเพิ่งเห็นเหรอครับ เราเห็นมาตั้งแต่ิเกิด >>>  ผมอยู่หาดใหญ่ครับ  เคยได้ยิน  เเต่ไม่เคยเห็นครับ  จึงมาศึกษา  เเละเล่าให้คนในเมืองเขาฟังกันครับ (หลายคนไม่ทราบครับ)



พวกโลกแคบเจออีกแหระ ว่างลองมาศึกษาวิถีชาวบ้านดูบ้างก็ได้นะ มีเรื่องปกติของชาวบ้าน ที่ไม่ปกติสำหรับคุณมากมาย >>>  อันนี้เราเรียกกันว่า  ความเเตกต่างของวิถีเมือง เเละวิถีชนบทครับ  อยากรู้จึงมาศึกษา   เห็นว่าเเปลกเเตกต่างจากในเมืองเขาทำกัน  จึงเอามาเล่าสู่กันฟังครับผม  ถือว่าเป็นวิทยาทานเเก่คนในเมืองที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็เเล้วกันนะขอรับท่าน


ปอลิง.  ขอบคุณนะครับคุณโลกกว้าง  ที่กรุณาเเนะนำ  ส.อ่านหลังสือ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

ปลาทองน้อย

พิธีศพเเบบลูกๆหลานๆในครอบครัวเอาศพบิดามารดามากอดเเล้วรดน้ำศพทั้งตัวเเบบในภาพ  หนูก็เพิ่งได้ยินเเละเห็นวันนี้เเหล่ะค่ะ  หนูคนหาดใหญ่ค่ะ  เล่าสู่กันฟังเเบบนี้ดีเเล้วค่ะ

อยู่หาดใหญ่

ตอนรดน้ำศพแม่เฒ่าภรรยาผม ก็ทำคล้ายๆกันครับ ให้หลานผู้ชายนั่งประคองตอนรดน้ำ แต่ไม่มีประตูแบบที่วาดครับ พิธีจัดที่บ้านแถวหน้าค่ายคอหงส์หาดใหญ่ ผ่านมาซักปีนึงได้

Mr.No

อ้างจาก: เหมือนกันแหละ เมื่อ 09:22 น.  07 ส.ค 56
คุณไปอยู่ที่ไหนมา นี่ก็เป็นพิธีกรรมปกติ ของคนจังหวัดสงขลา(และจังหวัดใกล้เคียง หรืออาจจะมีทางภาคอื่นด้วยก็ได้ ) บ้านเกิดเรา ทำมาแต่ปูย่าตายาย ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนจะอำเภอไหน ๆ หมู่บ้านไหน ๆ ก็ทำแบบนี้ คนที่นั่งกอดศพต้องเป็นลูกหลานที่เป็นผู้ชาย และมีผ้าปิดหน้าศพอยู่ตลอดเวลาห้ามเปิด เวลาอาบน้ำมีถูสบู่เรียบร้อย มีน้ำหอมน้ำอบ มีแป้งเหมือนอาบน้ำปกติ ส่วนน้ำมะพร้าวคุณยากรู้ไหมเขาใช้เพื่ออะไร ลองศึกษาดูนะครับ แล้วคุณมาจากไหนเพิ่งเห็นเหรอครับ เราเห็นมาตั้งแต่ิเกิด นี่จะ 60 แล้วก็ยังทำกันอยู่ตลกมาก พวกโลกแคบเจออีกแหระ ว่างลองมาศึกษาวิถีชาวบ้านดูบ้างก็ได้นะ มีเรื่องปกติของชาวบ้าน ที่ไม่ปกติสำหรับคุณมากมาย

ผมว่าคุณใช้คำพูดเหน็บแรงไปนิดนะ.... ไม่เหมาะเลย

ผมคิดว่านี่่่เป็นบทเขียนบันทึกที่น่าสนใจ...และมีประโยชน์ หรืออย่างน้อยก็จรรโลงความรู้ให้แก่เด็ก ๆ ที่เข้ามาอ่านให้เห็นถึงความต่างที่แม้นไม่แปลกจนหลุดขั้วแต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงวิถีและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นที่มีความคิดความเชื่อที่น่าสนใจ

อย่างเรื่องการให้ลูกกอดศพผู้เป็นผู้พ่อ (กอดให้แน่น ๆ ) ยิ่งเพิ่มความรู้สึกว่า นี่เป็นวัฒนธรรมที่สร้างจิตสำนึกของความผูกพันของครอบครัวให้เชื่อมั่นว่า คนไทยยังจะเป็นสังคมแห่งการเคารพต่อบุพการีและผู้อาวุโสไว้ไม่เสื่อมคลาย...

จริงๆ  ต้องขอบคุณสำหรับ...เนื้อหาดี ๆ ครับ. ส.สู้ๆ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

เพิ่งรู้

  เพิ่งรู้เหมือนกัน อยู่หาดใหญ่ไม่เคยเห็น  บังเอิญโลกแคบเหมือนเจ้าของกระทู้ครับ ส.อืม

หัวเกียงหาดใหญ่ใน21

เพิ่งรู้เหมือนกันครับว่ามีพิธีศพแบบนี้ด้วย สงสัยผมก็โลกเเคบด้วย

Big MaHad

ขอบคุณมากครับคุณคุณาพร สำหรับเนื้อหาข้อมูลพร้อมรูปภาพที่ได้ถ่ายทอดมา ผมก็เพิ่งทราบเหมือนกันครับว่ามีประเพณี ความเชื่อเช่นนี้ในท้องถิ่นแถงนั้น (ผมก็คงเป็นอีกคนที่โลกแคบ) นับว่ามีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งครับสำหรับผู้ที่สนใจ (ผู้ที่รู้แล้วหรือไม่ได้สนใจก็ไม่ต้องเข้ามาอ่าน หรือแสดงความคิดเห็นก็ได้นะครับ เพราะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา หรือเพิ่มพูนความรู้ให้กับสังคมเลยครับ)

คนบางคนถึงมีความรู้มากมายแต่ไม่เคยถ่ายทอดอะไรให้กับสังคมเลย ความรู้ที่มีอยู่กับตัวนั้นก็คงมีประโยชน์แต่กับตนเองเท่านั้นเองครับ และองค์ความรู้นั้นก็คงจะตายไปพร้อมกับตัวเอง ถ้าไม่เคยถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ให้กับลูกหลานเลย พอถึงวันสิ้นลมของตัวเองก็ไม่รู้ว่าลูกหลานจะทำศพให้ได้ถูกต้องอย่างที่ตัวเองรู้หรือไม่นะครับ เป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกัน
อดีตคือรากฐานของปัจจุบัน...ปัจจุบันคือรากฐานของอนาคต

คุณาพร.

ถ่าย "ซุ้มประตูทางผีผ่าน" ไม่ทัน  // เเต่ปรากฏว่าถ่ายติดโดยบังเอิญตอนน้องชายของคนตายกำลังผ่ามะพร้าว  ที่เห็นตามลูกศรสีเเดงนั่นเเหล่ะครับ "ซุ้มประตูทางผีผ่าน" (อันนี้ก่อนประกอบพิธีนะครับ / พอทำพิธีเสร็จ....ฝ่ายเจ้าภาพงานศพรีบดึง รีบทุบทำลายซุ้มประตูอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของสัปเหร่อ)  ส.อ่านหลังสือ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

กบในกะลา

ขอบคุณครับที่นำมาเผยแพร่ให้คนโลกแคบๆรู้ ได้อานิสงส์แรงครับ ดีกว่าคนโลกกว้างแต่เก็บไว้ในกะลา

คุณาพร.

เสริมนิดดดด.....ตำนานน้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ  // เคยเขียนเป็นบทสั้นๆไว้เมื่อปี 2551 (เผื่อใครอยากทราบที่มาของน้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ)

ว่าด้วยเรื่อง........" น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ กับ การจุดพลุในงานศพ "
อ่านต่อ >>>  http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=110.0

ส.อ่านหลังสือ


ว่าด้วยเรื่อง........?น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ กับ การจุดพลุในงานศพ?

                           เมื่อไม่นานมานี้เองผมเพิ่งได้รับทราบข่าวจากทางญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่ามารดาของท่านได้ถึงแก่กรรมไปด้วยโรคชราอย่างสงบแล้ว ครั้งเดินทางไปถึงงานศพซึ่งเพิ่งจัดขึ้นอย่างกะทันหันนั้นก็แลเห็นสัปเหร่อของงานกำลังจัดแจงปอกเปลือกลูกมะพร้าวออกอย่างประณีตบรรจง เสร็จแล้วจึงทำการผ่าส่วนกะลาออกเอาเฉพาะน้ำไปล้างหน้าให้กับศพมารดาของญาติผู้ใหญ่คนดังกล่าว หลานชายของผมที่ติดสอยห้อยตามไปด้วยเกิดความสงสัยว่า ทำไมจึงใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ? ผมจึงขอเล่าให้ฟังไว้เป็นความรู้พอเข้าใจดังนี้คือ เหตุที่คนไทยนิยมใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพนั้นก็สืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำที่สะอาดเพราะเป็นน้ำที่อยู่ในเปลือกห่อหุ้มอันแน่นหนาหลายชั้น ประกอบไปด้วยเปลือกมะพร้าวที่ห่อหุ้มเป็นชั้นแรกและกะลาที่ป้องปกอยู่ภายในเปลือกอีกชั้นหนึ่ง

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการที่มะพร้าว(ต้นที่นำมาล้างหน้าศพ)มีลำต้นยิ่งสูงใหญ่เท่าไหร่น้ำที่ได้มาก็จะยิ่งสะอาดขึ้นไปอีก(อาจจะเพราะขึ้นเอายากก็เป็นได้) การนำน้ำมะพร้าวมาล้าง ?หน้าศพ? หรือ ?หน้าผี? นั้นเชื่อกันว่าจะทำให้ผู้ตายเกิดความผ่องใสและสงบในจิตใจ รวมทั้งยังสามารถเดินทางไปยังภพหน้าได้อย่างปกติสุข ซึ่งความเชื่อดังกล่าวล้วนเป็นความเชื่อที่มีสืบทอดมาแต่ครั้งโบราณในปัจจุบันก็ยังมีให้ได้เห็นอยู่ พูดถึงเรื่องความเชื่อที่ว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาดแล้วนี่ทำให้นึกถึงเรื่องเกี่ยวกับน้ำมะพร้าวขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องที่คนไทยเชื่อกันว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาดที่มีสรรคุณในการล้างยาพิษชนิดต่างๆได้ ครับคนไทยในบางพื้นที่เชื่อกันว่าน้ำมะพร้าวเป็นยาล้างพิษ หรือยาถอนพิษได้ ยังพอจำได้ว่าเคยไปเยี่ยมญาติแถบชนบทแล้วปรากฏว่าสุนัข หรือหมาที่ญาติที่นั้นเลี้ยงไว้นี่มันไปถูกยาเข้า(ยาพิษ)ทางเจ้าของก็เลยปีนขึ้นต้นมะพร้าว ครั้งลงมาพร้อมมะพร้าวลูกขนาดกำลังงามสองลูก นำมาผ่ารินเอาน้ำได้ก็เทใส่ลงไปไว้ในกะละมังนำมาป้อน(ความจริงน่าจะเรียกว่า กรอกปาก มากกว่า)ให้สุนัขที่เลี้ยงไว้ ทิ้งไว้ไม่นาน(ราว 15 นาที)ก็ปรากฏว่าสุนัขตัวดังกล่าวสำรอกอาหารที่กินเข้าไปจนหมด(รวมทั้งยาพิษ)และก็ปรากฏว่าสุนัขตัวดังกล่าวรอดตายอย่างเหลือเชื่อ สืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำที่มีสรรคุณสามารถล้างยาได้นี่เองคนไทยจึงมีคติถือกันว่าหากใครป่วย หรือไม่สบายพอทายยาแล้วนี่ห้ามดื่ม หรือกินน้ำมะพร้าวเข้าไปเพราะมันจะไปล้างตัวยาที่กินลงไปทำให้หายช้า เป็นต้น

วกเข้ามาที่เรื่องงานศพต่อครับ(ยังไม่จบ)ผมไปนั่งฟังพวกคนเฒ่าคนแก่ในงานศพกลุ่มหนึ่งพูดและเล่าถึงเรื่องความหลังครั้งอดีตพอที่จะจับใจความได้ว่า ในสมัยก่อนนั้นก่อนการเผาศพจะเริ่มขึ้นนี่คนไทยมักที่จะนิยมจุดพลุก่อนเสมอๆ  ?จุดพลุก่อนเผาศพ? ไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ ผมเลยถามถึงเรื่องดังกล่าวประมาณว่าขอให้ผู้รู้ช่วยเล่าให้ฟังไว้เป็นวิทยาทาน ปรากฏว่ามีคุณตาท่านหนึ่ง(อายุน่าจะประมาณ 90 ปีขึ้น)ช่วยอธิบายและเล่าให้ฟังว่า การจุดพลุในงานศพนี่มีมาแต่ครั้งรุ่นปู่ย่าตาทวดแล้ว รุ่นบิดา และมารดาของตาก็เคยทำมาก่อน ส่วนสาเหตุที่ต้องจุดพลุในงานศพนี่ก็เนื่องมาจากในสมัยก่อนที่การเดินทางยังไม่สะดวกสบายเหมือนปัจจุบันนี้ ใครต้องการที่จะเดินทางไปไหนมาไหนก็จำต้องเดินด้วยเท้ากันทั้งนั้น โดยเฉพาะคนในชนบทที่ความเจริญยังเข้ามาไม่ถึง ประมาณว่าต้องเดิน หรือปั่นรถจักยานกันอย่างเดียว ครั้งเกิดคนในหมู่บ้านเสียชีวิตลงจะด้วยมูลเหตุใดใดก็ตามแต่ พอเกิดการจัดงานศพขึ้นในวันสุดท้ายยกเอาศพขึ้นเมรุเตรียมจะเผาซากสังขารก็จำต้องบอกให้ผู้ที่กำลังเดินทางมาร่วมงาน(คนที่ใกล้จะเดินทางมาถึง)ว่าจุดพลุชุดแรก แสดงความหมายว่าเอาศพขึ้นเมรุแล้วให้รีบเดินหน่อย พอทิ้งระยะไปอีกสักประเดี๋ยวจุดพลุอีกชุดหนึ่งนี่ก็ประมาณบอกให้รู้ว่า ใครที่ต้องการจะเดินทางมาร่วมงานศพน่ะ ไม่ต้องมาแล้วเพราะทำพิธีเผาศพเรียบร้อยแล้ว เป็นต้น

คุณาพร/กิตติพร / 2551

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0