ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ขายหญ้าจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง และ ไผ่ตงลืมแล้ง ที่ สวนไผ่รัตภูมิสมุนไพร

เริ่มโดย guitar, 18:18 น. 28 พ.ย 56

guitar


guitar

ประมวลภาพหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1
จากที่สถานที่ต่าง ๆ

ขอบคุณเจ้าของภาพ และ เจ้าของข้อมูลคะ

*******************************

สนใจติดต่อ เค้ก 081-7665614 คะ

guitar

ประมวลภาพหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1
จากที่สถานที่ต่าง ๆ

ขอบคุณเจ้าของภาพ และ เจ้าของข้อมูลคะ

*******************************

สนใจติดต่อ เค้ก 081-7665614 คะ

guitar

ประมวลภาพหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1
จากที่สถานที่ต่าง ๆ

ขอบคุณเจ้าของภาพ และ เจ้าของข้อมูลคะ

*******************************

สนใจติดต่อ เค้ก 081-7665614 คะ

guitar

ประมวลภาพหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1
จากที่สถานที่ต่าง ๆ

ขอบคุณเจ้าของภาพ และ เจ้าของข้อมูลคะ

*******************************

สนใจติดต่อ เค้ก 081-7665614 คะ

guitar

ประมวลภาพ

หญ้าจักรพรรดิ์

จากที่สถานที่ต่าง ๆ

ขอบคุณเจ้าของภาพ และ เจ้าของข้อมูลคะ

*******************************

สนใจติดต่อ เค้ก 081-7665614 คะ

guitar

ประมวลภาพ

หญ้าจักรพรรดิ์

จากที่สถานที่ต่าง ๆ

ขอบคุณเจ้าของภาพ และ เจ้าของข้อมูลคะ

*******************************

สนใจติดต่อ เค้ก 081-7665614 คะ


guitar

ทุกวันเสาร์ และ อาทิตย์ จะเข้าสวนคะ เพื่อตัดหญ้า และ ชำกิ่งไผ่ส่งลูกค้า


guitar

วันนี้ตัดหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 400 ท่อน และ หญ้าจักรพรรดิ์ 400 ท่อน ( ลูกค้าสั่ง 300 ท่อน แถมอีก 100 ท่อนคะ)
ส-ดีใจ

guitar

จากนั้นนำมาสับเป็นท่อน ๆ คะ  ส-ดีใจ

guitar

บรรจุใส่ถุง เพื่อนำกลับไปแช่น้ำยาเร่งราก ที่หาดใหญ่ เป็นเวลา 2 คืน จากนั้น แพ็คหญ้าจัดส่งให้ลูกค้าคะ ...

http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=62061.1104

guitar


guitar

แช่ท่อนหญ้าจักรพรรดิ์ เป็นเวลา 2 วันก่อนนำส่งลูกค้าคะ ส-ดีใจ

guitar

แช่ท่อนหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 ก่อนนำส่งลูกค้าเป็นเวลา 2 วันคะ ส-ดีใจ

guitar

จัดการแพ็คหญ้าส่งลูกค้า ทุกวันจันทร์คะ ส.หลกจริง

guitar

ภาพ หญ้าจักรพรรดิ์ ที่เมืองจีน

*********************

ขอบคุณเจ้าของภาีีพคะ

guitar


guitar

 » ไผ่กิมซุง ไผ่ตงลืมแล้ง
ไผ่กิมซุง ไผ่ตงลืมแล้ง
โดย MONMAI | วันที่ 11 กรกฏาคม 2556 | ในหมวด ไม้ยืนต้น - ไม่มีความคิดเห็น
kimsungsuan
ไผ่กิมซุ่งเป็นชื่อทางการค้าของไผ่ในสกุลไผ่ป่าชนิดหนึ่ง คือสกุล Bambusa มีชื่อวิทยาศาสตรว่า Bambusa beecheyama ไผ่ตัวนี้มีชื่อทางการค้าอีกหลายชื่อคือ ไผ่ตงไต้หวัน ไผ่จีนเขียวเขาสมิง ไผ่ตงลืมแล้ง ไผ่ตงอินโด ไผ่ทองสยาม ไผ่หวานต่างๆ เป็นต้น

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dendrocalamus asper Backer
ชื่อวงศ์ Gramineae

ไผ่กิมซุ่ง เป็นอย่างเดียวกันกับไผ่ตงลืมแล้งซึ่งจากข้อมูลเป็นตระกูลเดียวกับไผ่ตง ชื่อพื้นเมือง ไผ่ตง ลาต้นสูงถึงประมาณ ๒๐ เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง ๘-๑๘ เซนติเมตร เมื่อยังอ่อนจะมีขนสีน้ำตาลละเอียดคลุมแนบเรียบ เมื่อแก่สีเขียวปล้องยาว ๔๐-๕๐เซนติเมตร ข้อนูน เห็นได้ชัด ข้อตามปล้องต่า ๆ จะมีรากเป็นฝอยแตกออกมา เนื้อหนาและ มีกิ่งเล็ก ๆ ตามข้อ หลายกิ่งกาบหุ้ม ตอนสูงๆ จะยาว ๓๐-๔๐ เซนติเมตร กาบหุ้มมีลักษณะคล้าย หนังบาง เมื่อยังอ่อนมีสีเขียวจาง ๆ จะมีขนสีน้ำตาลคลุมอยูอย่างหนาแน่น และโดยปกติเมื่อแห้ง จะมีสีน้ าตาลเข้มหรือจาง ครีบกาบหุ้มเล็กหรื อไม่มี ถ้ามีจะมีขนหรือหนามเรียวกระจังกาบหุ้มเห็นได้ชัด สูงประมาณ ๗-๑๐ มิลลิเมตร ปลายจะแยกเป็นแฉก ๆ มีขนใบยอดกาบ รูปหอก oblong-acuminate และ oblong-lanceolate ปลายใบเรียวแหลม มักจะงอกลับ ขอบหยักเป็นฟันเลื่อย ขอบม้วนเข้าข้างในใบ มีรูประหว่าง oblong-acuminate และ oblong-lanceolate ปลายใบเรียวแหลม โคนใบป้านและไม่เท่ากันขอบใบสาก คม ขนาดของใบ ยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร กว้าง ๑.๕-๓.๕ เซนติเมตรหลังใบไม่มีขน ท้องใบบางที่มีขนอ่อน เส้นลายใบ ๑๑-๑๓ คู่ ก้านใบ

kimsung

ไผ่กิมซุงเป็นแต่เดิมเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศจีน เป็นไผ่ที่โตเร็วดูแลง่ายพอ ๆ กับพืชจำพวกยูคาลิปตัส ปลูกเพียง 6-8 เดือนก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ ไผ่กิมซุงเป็นไผ่กอใหญ่ หน่อมีขนาดใหญ่ ลำต้นอวบสูงถึง 25 เมตร ลำต้นมีสีเขียวเข้ม เติบโตได้กับทุกสภาพอากาศและดินทุกประเภท โตเร็วมา 6-8 เดือนก็สามารถเก็บหน่อไปขายได้แล้ว หน่อของไผ่กิมซุงมีรสชาติหวานกรอบอร่อย โดยส่วนมากนิยมเก็บหน่อขายมากกว่าทำประโยชน์อย่างอื่น หน่อที่เหมาะสมกับการเก็บขายต้องมีขนาดไม่เกิน 40 เซนติเมตร ไผ่กิมซุงนี้ไม่มีหนามและขนแข็ง ๆ จึงเก็บง่าย

วิธีปลูกไผ่กิมซุง
ไผ่กิมซุงเจริญเติบโตได้ดีกับดินทุกประเภท ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนของประเทศไทยก็สามารถปลูกไผ่กิมซุงได้ทั้งนั้น การขยายพันธุ์ไผ่กิมซุงใช้ลำต้น แรกเริ่มให้เกษตรกรซื้อต้นไผ่กิมซุงมาปลูก ต้นทุนครั้งแรกอยู่ที่ประมาณ 60-150 บาทต่อต้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างจะแพงเมื่อเทียบกับไผ่ชนิดอื่น ให้เกษตรกรซื้อมาแต่น้อย เพราะไผ่กิมซุงเจริญเติบโตเร็ว เราสามารถขยายพันธุ์ได้เอง โดยการตัดปักชำกิ่งไผ่ เมื่อเวลาผ่านไป 6-8 เดือนต้นไผ่พันธุ์ที่ซื้อมาจะเริ่มแตกให้เราตัดกิ่งไผ่ที่มีลักษณะไม่อ่อนไม่แก่ มาปักชำ ซึ่งถ้าเราจะขายกิ่งปักชำเหล่านี้ก็ย่อมได้ค่ะ มีตลาดรับซื้อ และกำลังเป็นที่ต้องการของเกษตรกร บางคนก็มุ่งเป้าขายกิ่งพันธุ์อย่างเดียวเลย เพราะกำลังเป็นกระแส ใคร ๆ ก็อยากปลูก ปักชำ 2-3 เดือนก็ออกราก จำหน่ายได้แล้ว ต้นพันธุ์ 1 ต้นสามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้เป็นร้อย มีแต่คุ้มกับคุ้ม

วิธีการเตรียมปลูกและการดูแล

ไผ่ชอบดินร่วนซุย ดินโปร่งและร่วนซุยจะทำให้รากเจริญเติบโตดี ไผ่กิมซุงก็จะตั้งกอเร็ว เจริญเติบโตได้เต็มที่ ถ้าที่ดินของท่านเป็นดินแข็งแน่น ให้ไถกลบด้วยเศษใบไม้แห้งจะทำให้ดินร่วนซุยมากยิ่งขึ้น ช่วงเวลาเตรียมดินต้องมีเวลาให้ใบไม้ย่อยสลายสัก 1 เดือน แล้วจึงขุดหลุมปลูก หลุมปลูกเว้นระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 1 เมตร หลุมลึกประมาณ 0.5 เมตร
ไผ่กิมซุงไม่ต้องการน้ำมาก ช่วงแรกที่ปลูกให้น้ำ 3 วันครั้ง เมื่อรากลงดินและเริ่มแตกหน่อให้ลดเหลือสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
เมื่อผ่านไปประมาณ 6 เดือนสามารถเก็บหน่อได้ ให้เก็บหน่อก่อนหน่อมีความยาว 40 เซนติเมตร เพราะถ้าเก็บหลังจากนี้หน่อไผ่กิมซุงจะแข็ง มีเสี้ยน ราคาจะตกลง ในระหว่างนี้อย่าให้หน่อเจริญเติบโตเป็นลำไผ่เป็นอันขาด เพราะมันจะไปแย่งอาหารหน่อไม้จนหมด ทำให้หน่อไม้แกนไม่มีรสหวาน ให้ปล่อยไว้เพียง 2-3 ลำเท่านั้นพอ
ประโยชน์จากการปลูกไผ่กิมซุง
ประโยชน์ของการปลูกไผ่ในเนื้อลำต้นหนา เยื่อสีขาวในข้อปล้องหนา จึงเหมาะที่จะนำไปทำข้าวหลามได้ดีมาก ลำต้นยังแปรรูปทำเฟอร์นิเจอร์ และใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมากมายหน่อ มีขนาดใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 4-5 กิโลกรัม ต่อ 1 หน่อ ปัจจุบันมีผู้ปลูกเก็บหน่อขายในช่วงฤดูกาลที่แทงหน่อตามธรรมชาติมีราคาอยู่ระหว่าง กิโลกรัมละ 20-40 บาท หากเป็นหน่อที่แทงขึ้นในช่วงฤดูแล้งจะมีราคาอีกระดับหนึ่ง

รสชาติของหน่อจะออกหวานกรอบเจือขมและขื่นเล็กน้อย นิยมเอาไปปรุงเป็นอาหารหลากหลายรูปแบบ เช่น แกงจืด และแกงหน่อไม้ โดยก่อนปรุงเป็นอาหารต้องต้มกับน้ำเดือดเทน้ำทิ้งครั้งเดียวจะมีรสชาติหวานกรอบอร่อยมาก

kimsungnoe

นอกจากนี้ไผ่ยังสามารถยึดดินไม่ให้พังทลายโดยง่าย และไผ่เป็นพืชที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น จึงมีศักยภาพสูงในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และกักเก็บคาร์บอนไว้ในรูปของเนื้อไม้ ด้านชีวมวล 2-5 % ต่อปี ในขณะที่ป่าไผ่มีชีวมวลมีศักยภาพเพิ่มขึ้นถึง 30 % ต่อปี ไผ่มีความได้เปรียบเหนือไม้โตเร็วในแง่ของความยั่งยืนและความสามารถในการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ ผลผลิตชีวมวลของป่าไผ่อายุ 6 ปีสูงถึง 150 ตันคาร์บอนต่อเฮกแตร์ เปรียบเทียบได้กับไม้สักอายุ 40 ปีมีผลผลิตชีวมวล 126 ตันคาร์บอนต่อเฮกแตร์ และภายใต้การจัดการที่เหมาะสม ไผ่จะให้ผลผลิตเซลลูโลสต่อหน่วยเนื้อที่สูงกว่าไม้สน 3-6 เท่า

นอกจากนี้ ไผ่ยังเป็นไม้เบิกนำที่สามารถขึ้นได้บนพื้นที่ว่างเปล่า จึงสามารถช่วยปรับปรุงสภาพของระบบนิเวศน์ ในบริเวณป่าเสื่อมโทรมได้ในระยะเวลาอันสั้น จากระบบรากที่แผ่กว้าง และความหนาแน่นของเรือนยอด ทำให้ไผ่มีประสิทธิภาพสูงในการอนุรักษ์ดินและน้ำ ช่วยป้องกันการชะล้างและการกัดเซาะพังทลายของหน้าดินได้ดี โดยเฉพาะบริเวณริมร่องเขา คลองหรือริมตลิ่ง และยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของดินให้ดีขึ้น อันเป็นที่มาของชื่อ "ดินขุยไผ่"

ปัจจุบัน เส้นใยจากไผ่เป็นวัตถุดิบที่เป็นที่ต้องการสูงในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เนื่องจากเส้นใยไผ่นั้น มีคุณสมบัติพิเศษที่เหมาะกับการนำมาถักทอเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มระดับคุณภาพ มีความนุ่มเหมือนไหม ทนทาน ยืดหยุ่น โปร่ง และซึมซับความชื้นได้มากกว่าผ้าฝ้าย ทำให้สวมใส่สบาย สามารถดูดซับรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (UV) ป้องกันเชื้อแบคทีเรียได้ดี และที่สำคัญมีสารกำจัดกลิ่นอยู่ในตัว ทำให้เสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยไผ่ไม่ค่อยมีกลิ่นเหม็น


guitar

วีธีการปลูกไผ่กิมซุ่ง

ไผ่กิมซุ่งจะใช้ระยะปลูก ระยะระหว่างแถว 4 เมตร ระยะระหว่างต้น 4 เมตร จะใช้ต้นพันธุ์ อยู่ที่ 100 ต้นต่อไร่ จะเก็บหน่อไม้อยู่นานได้ 5 ปีถึง 7 ปี กว่ากอจะชนกัน แต่หากเกษตรกรใช้ระยะปลูกคือระยะระหว่างแถว 6 เมตร ระยะระหว่างต้น 4 เมตร จะใช้ต้นพันธุ์ 66 ต้น จะเก็บหน่อได้นานขึ้น ประมาณ 7 ปี ถึง 10 ปีกว่ากอจะชนกัน หลุมปลูกไผ่กิมซุ่ง จะขุดหลุมที่ระยะ 30*30*30 เซนติเมตรถ้าพื้นที่เป็นดินร่วนถึงร่วนปนทราย (แต่ถ้าเป็นดินลูกรังปนหินควรจะขุดให้กว้างกว่านี้เป็น 50*50*50 และหาดินดำ แกลบ ขี้เถ้าแกลบหรือปุ๋ยคอกเก่า คลุกหลุมก่อนปลูก ) ถ้าหากเกษตรกรจะรองก้นหลุมก็ควรจะใช้ ขี้เถ้าแกลบไม่ควรจะใช้ปุ๋ยคอกเพราะถ้าปลูกในฤดูฝนหากฝนตกหนักจะทำให้รากไผ่ที่กำลังออกมาใหม่ๆ เน่าได้ทำให้ต้นไผ่กิมซุ่งเหลือง ชะงักการเจริญเติบโต กว่าจะโตก็นานขึ้น เวลาปลูกที่ดีคือเดือน พฤษภาคม เมื่อได้กล้าไผ่กิมซุ่งมาก็ทำการปลูก ควรจะปลูกให้ดินที่ปากถุงเสมอดินเดิมที่ปลูก ไม่ควรจะปลูกต่ำกว่าดินเดิมที่เตรียมไว้ เพราะถ้าฝนตกหนักจะทำให้รากไผ่ที่งอกมาใหม่ๆเน่าได้จากน้ำฝนที่ขังนานๆ

ถ้าหากพื้นที่ของเกษตรกรเป็นพื้นที่ต่ำ ไม่ควรจะปลูกในฤดูฝน ในฤดูฝน ฝนจะตกหนัก ทำให้น้ำขังหลุมบ่อย จะทำให้ไผ่กิมซุ่งเหลืองและจะไม่โต แม้ว่าไม่ตายแต่ก็ไม่โต ไผ่กิมซุ่งแม้ว่าน้ำท่วมจะไม่ตายแต่ก็ต้องกอใหญ่มากกว่า 1 ปีไปแล้ว แต่ถ้าปลูกใหม่ๆยังไม่ทนต่อน้ำท่วมขังบ่อยๆ พื้นที่ต่ำควรจะปลูกในเดือนตุลาคม ในฤดูแล้งก็ต้องให้น้ำ แต่พอย่างเข้าฤดูฝนไผ่กิมซุ่งก็ตั้งตัวได้และทนสภาพน้ำขังเมื่อฝนตกหนักได้ พื้นที่ต่ำควรจะขึ้นแปลงทำร่องระบายน้ำด้วยครับ

การให้ปุ๋ยกับไผ่กิมซุ่ง

หลังจากปลูกไผ่กิมซุ่งไปแล้ว ให้น้ำเพียงอย่างเดียวไปสักระยะหนึ่ง (ถ้าฝนตกก็ไม่ต้องให้) รอเวลาผ่านไปประมาณ 40 วันสังเกตุต้นไผ่กิมซุ่งดู ถ้ามียอดอ่อนแตกใหม่ หมายความว่ารากของไผ่กิมซุ่งเริ่มออกหาอาหารแล้ว ก็สมควรให้ปุ๋ยได้แล้ว ไผ่กิมซุ่งถ้ายังสร้างใบได้ไม่มากพอก็จะยังไม่ยอมแตกหน่อใหม่ เกษตรกรควรจะให้ปุ๋ยอย่างต่อเนื่องและพอเพียง ไผ่กิมซุ่งถึงจะมีใบเขียวเข้มและพร้อมที่จะสร้างหน่อแรก การให้ปุ๋ยเมื่อปลูกไผ่กิมซุ่งในระยะแรกๆ ต้นไผ่ยังเล็กอยู่ต้องระวังเรื่องปุ๋ยต้องไม่มากจนเกินไปเพราะความเข้มข้นของปุ๋ยจะทำให้รากไผ่ที่แตกออกมาใหม่ๆและมีน้อยอยู่เน่าและแห้งไปได้

ปุ๋ยครั้งแรกเมื่อปลูกไผ่ผ่านไปประมาณ 40 วัน ถ้าใช้มูลวัวแห้ง 3 กระป๋องนมมะลิโรยรอบๆกอไผ่ พอเดือนที่ 3 หลังปลูกใช้มูลวัวแห้งเพิ่มขึ้นได้ เป็น 10 กระป๋องนมมะลิ โรยรอบๆกอไผ่ พอเข้าเดือนที่ 6 หลังปลูกก็ให้เพิ่มเป็น 1 ถังน้ำขนาด 10 ลิตรที่ใช้ทั่วๆไปโรยรอบๆกอไผ่ให้กว้างขึ้น ก่อนให้มูลวัวควรกำจัดหญ้าก่อนทุกครั้งเพื่อไม่ให้แย่งปุ๋ยกับไผ่และควรหาฟางข้าวหรือแกลบหรือหญ้าแห้งกลบเมื่อไผ่ยังเล็กๆอยู่จะทำให้หญ้าขึ้นช้าและอุณหภูมิของดินไม่เปลี่ยนแปลง ต้นไผ่จะโตเร็วขึ้น
ปุ๋ยครั้งแรกถ้าให้เป็นมูลไก่ไข่จะให้น้อยกว่ามูลวัวเพราะมูลไก่มีความเข้มข้นสูงกว่า จะให้ครั้งแรกเมื่อปลูกไผ่ผ่านไปประมาณ 40 วัน ใช้มูลไก่ไข่ 1 กระป๋องนมมะลิ โรยรอบๆต้นไผ่ห่างจากโคนต้นไผ่ประมาณ 20 เซนติเมตร อย่าใส่ชิดโคนไผ่เด็ดขาดเพราะมูลไก่ไข่มีความเข็มข้นสูงมาก ใส่ห่างให้รากไผ่ออกไปเลือกกินเอง รากไผ่จะรู้วิธีว่าจะเข้าหามูลไก่ยังไงเอง พอเดือนที่ 3 หลังจากปลูก ให้มูลไก่ไข่ 2 กระป๋องนมมะลิ โดยโรยรอบๆกอไผ่ห่างจากโคนไผ่ราวๆ 20 เซนติเมตรเช่นเดิม (แต่กอไผ่เริ่มมีหน่อใหม่การใส่จึงห่างจากจุดเดิม) พอเข้าเดือนที่ 6 หลังจากปลูกให้ใส่มูลไก่ไข่ประมาณ 1 กระป๋องน้ำมันเครื่องขนาด 5 ลิตรตัดเป็นปากฉลามแล้วตัดใส่ 1 ครั้งโรยรอบๆ กอไผ่ห่างจากกอราวๆ 20-30 เซนติเมตร (กอไผ่เริ่มมี หลายลำ) ก่อนที่จะใส่มูลไก่ควรจะกำจัดหญ้ารอบๆกอไผ่ก่อนเพื่อไม่ให้แย่งปุ๋ยกับต้นไผ่ และเมื่อใส่ปุ๋ยแล้วหาวัสดุคลุมดินเช่นฟางข้าว หญ้าแห้ง หรือแกลบใส่รอบๆโคนไผ่เพื่อไม่ให้หญ้าขึ้นไวและรักษาอุณหภูมิของดินและความชื้น
ส่วนการใช้ปุ๋ยเคมี ถ้าใช้ได้ร่วมกับปุ๋ยมูลวัวแห้งหรือมูลไก่ไข่ก็จะยิ่งทำให้ต้นไผ่โตดีและเร็ว ในระยะ 40 วันหลังจากปลูกไผ่แล้ว ก็ให้ใช้ปุ๋ยยูเรียละลายน้ำโดยใช้ปุ๋ยยูเรีย 3 ช้อนโต๊ะ(ห้ามใช้ยูเรียมากกว่านี้เพราะจะทำให้ต้นไผ่เหี่ยวตายได้เพราะต้นไผ่ยังเล็กและมีรากน้อยอยู่) ต่อน้ำ 10 ลิตร ละลายให้เข้ากับน้ำ แล้วนำไปรดที่โคนไผ่โดยให้ต้นละ 1 แก้วน้ำ รดทุกๆ 15 วันจนไผ่มีใบเขียวเข้มและเริ่มสร้างหน่อแรก และเมื่อสร้างหน่อที่สอง ก็เริ่มหยุดรดปุ๋ยน้ำได้ ต่อไปเมื่อไผ่มีอายุได้ 4 เดือนหลังจากปลูกเป็นต้นไป (กอไผ่เริ่มมีลำและหน่อไม่ต่ำกว่า 3-4 ลำแล้ว) ก็ให้ใช้ปุ๋ย แล้วนำไปใส่บริเวณรอบๆโคนไผ่ โดยใส่ใต้ปุ๋ยคอกที่ใส่ไว้แล้ว โดยแบ่งใส่สัก 4 จุด ห่างจากโคนต้นไผ่ราวๆ 30 เซนติเมตร ใส่จุดละ ครึ่งช้อนโต๊ะ จะใส่ปุ๋ยสูตรนี้เดือนละ 1 ครั้ง เพราะเป็นช่วงที่ไผ่กิมซุ่งสร้างกอ จะมีหน่อแทงออกมาตลอด เกษตรกรจะได้ลำไผ่ใหญ่เร็วภายในไม่เกิน 8 เดือน
เกษตรกรบางท่านอาจจะใช้ปุ๋ยน้ำหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่ทำเองมารดร่วมได้เพื่อเพิ่มจุลลินทรีย์ในดินใต้กอไผ่ และบางสวนก็อาจจะมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดตราต่างๆผสมกับปุ๋ยเคมีที่ใส่ได้ ซุ่งการให้ปุ๋ยก็เป็นการเพิ่มต้นทุนอย่างหนึ่งอยู่ที่ตัวเกษตรกรเองแต่ขอให้ใส่แล้วงามไม่ใช่ปุ๋ยปลอม

เมื่อเริ่มเก็บหน่อจำหน่ายจะใส่ปุ๋ยเดือนละครั้งหรือเร็วกว่านี้ขึ้นอยู่กับว่าเกษตรกรตัดหน่อออกไปมากน้อยเพียงใด ถ้าตัดหน่อไปมาก ต้นไผ่จะเสียอาหารมาก อาหารที่ให้จะถูกใช้หมดอย่างรวดเร็ว ให้สังเกตุดูว่าถ้าหน่อมีขนาดเล็กลง หลายหน่อเริ่มลีบนั่นก็คือต้องให้ปุ๋ยได้แล้วโดยใช้ปุ๋ยคอกเช่นมูลไก่ร่วมกับปุ๋ยเคมี( 46-0-0 บวกกับ 15-15-15 อัตรา 1 ต่อ 1 ใส่กอละ สองกำมือ) ใส่โดยใช้หว่านให้ทั่วๆ ทรงพุ่มได้แล้วเพราะใต้โคนไผ่ไม่มีแดดส่องและรากไผ่มีอยู่กระจายทั่วไป ปุ๋ยที่ใส่จะไม่สูญเสียไปไหน เมื่อใส่ปุ๋ยต้องให้น้ำทันทีเพื่อให้ปุ๋ยละลาย และเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนและเกษตรกรไม่เก็บหน่อแล้วก็ลดปุ๋ยลงได้เหลือเพียงใส่พอประมาณโดยให้ปุ๋ยคอกเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ลำแม่สร้างลำแม่ใหม่ได้สมบรูณ์


guitar

การให้น้ำไผ่กิมซุ่ง

หากเกษตรกรปลูกไผ่ในฤดูฝน แทบจะไม่ต้องให้น้ำเลย จะให้ก็ครั้งแรกที่ปลูกให้รดน้ำทันทีให้ชุ่มเพื่อให้ดินจับกันแน่น รากไผ่จะดูดน้ำได้ดินจะต้องจับกันแน่นกับรากเพื่อให้รากไผ่ดูดน้ำแบบระบบดูดชึม(ออสโมซิส) ถ้าไม่รดน้ำทันที ถ้ามีแดดออกต้นไผ่จะเหี่ยว ฝนจะตกหรือไม่ตกต้องรดน้ำครั้งแรกที่ปลูกไว้ก่อน ตรงนี้สำคัญ เกษตรกรหลายคนไม่เข้าใจ คิดว่าปลูกในฤดฝนดินยังมีความชื้นอยู่ก็ไม่รดน้ำ หากฝนไม่ตกในวันที่ปลูกแบบหนักๆ ไผ่จะตายไปหลายต้นทีเดียว ส่วนเกษตรกรที่เลือกปลูกไผ่ในฤดูแล้งเพราะที่ดินเป็นที่ลุ่มต่ำ ก็ต้องหาวิธีการให้น้ำ ถ้าปลูกใหม่ยังไม่ต้องลงทุนมากก็ใช้น้ำเข้าร่องตักรดไปก่อนได้ หรือถ้าปลูกไม่มากก็ใช้สายยางรดเป็นต้นๆไปก่อนได้ แต่เมื่อไม่ว่าจะปลูกหน้าฝนหรือหน้าแล้งพอปลูกไปได้ 8 เดือนไผ่กิมซุ่งพร้อมจะให้หน่อ ก็จำเป็นต้องลงทุนเรื่องระบบน้ำ เพราะกำลังจะมีรายได้จากการจำหน่ายหน่อ และไผ่กิมซุ่งต้องการน้ำมากในการให้หน่อ

ถ้าพื้นที่ปลูกเป็นที่ต่ำเช่นที่นา เกษตรกรอาจจะใช้การสูบน้ำเข้าขังท่วมพอประมาณโดยให้ทั่วๆทุกแปลงไผ่จากนั้นก็หยุดให้น้ำ ปล่อยให้แห้งภายใน 1 วัน วิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัดและได้ผลดี เพราะต้นไผ่ได้น้ำเต็มที่จะทำให้หน่อดกมาก และความชื้นอยู่ได้นานหลายวัน พอเห็นว่าดินเริ่มแห้งก็สูบน้ำให้ใหม่ ราวๆประมาณ 10-15 วันก็สูบน้ำได้ แต่ในฤดูฝนไม่ต้องให้น้ำอาศัยน้ำฝนแต่หน่อก็ราคาถูกมากเหลืออยู่ที่กก.ละ 3-6 บาท
ถ้าพื้นที่ปลูกไผ่เป็นที่ลาดเท ที่ดอน พื้นที่ไม่เท่ากัน ก็จำเป็นต้องให้น้ำแบบสปิงเกอร์ โดยใช้สายพีอี ดีที่สุดใช้สายพีอีแบบ 25 มิลลิเมตร พื้นที่ 1 ไร่จะใช้สายพีอี 2 ม้วน ( 400 เมตร) ต่อกับท่อพีวีซี 2 นิ้วซึ่งเป็นท่อเมนต์ใช้ข้อต่อทดและวาวน้ำ และใช้ปั้มน้ำ 2 นิ้วมอเตอร์ 2-3 แรงม้า แถวของไผ่ที่ใช้สายพีอีไม่ควรจะเกิน 50 เมตรเพราะน้ำจะแรงจากต้นสายถึงปลายสาย ต้นไผ่ 1 กอถ้าช่วงที่ให้หน่อแล้วควรจะเจาะรูใต้กอไผ่ราวๆ 2-3 รูน้ำถึงจะพอที่จะทำให้หน่อออกดกและต่อเนื่อง ไผ่กิมซุ่งกินน้ำเก่งมาก ถ้าให้น้ำไม่พอหน่อจะไม่ค่อยออกในช่วงฤดูแล้ง การให้น้ำในช่วงฤดูแล้งคือเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน จะให้ทุกๆ 3 วัน ครั้งละ 1-2 ชั่วโมงต่อแถวของไผ่ที่ให้ สังเกตุดูว่าจะให้น้ำนานเท่าไหร่ก็หาเหล็กเส้น 2 หุนแทงลงดินรอบๆกอไผ่ที่น้ำซึงไปถึง ถ้าแทงไม่เข้าก็ให้น้ำต่อไปอีก ถ้าแทงเข้าไป 10 เซนติเมตรก็ยังไม่พอ จะต้องแทงเหล็กให้เข้าดินลึกราวๆ 25 เซนติเมตรถึงจะชุ่ม เกษตรกรหลายคนบอกให้น้ำทุกวัน แต่ไม่เคยเอาเหล็กทดสอบแทงลงดินดู คิดว่าให้ทุกวันแล้วต้นไผ่พอกิน สายพีอีเป็นสายเล็กๆ ถ้าใช้เวลาน้อยน้ำที่ให้ไผ่จะไม่พอให้ไผ่กิน หน่อจะไม่ออก หรือออกน้อยในช่วงฤดูแล้งและเป็นช่วงที่หน่อมีราคาแพงเกษตรกรอยากให้หน่อออกมากๆ แต่น้ำให้ไม่มากพอหน่อก็ออกน้อย แต่พอฤดูฝนมาถึงก็อาศัยน้ำฝนต่อได้เลย แต่หน่อก็จะเริ่มถูกลงเพราะมีหน่อไม้อื่นๆออกมามากเพราะได้น้ำฝนเหมือนกัน

guitar

การตัดแต่งกิ่งและการไว้ลำไผ่กิมซุ่ง

ไผ่กิงซุ่งช่วงที่เกษตรกรไปซื้อจากร้านหรือสวนที่ขายพันธุ์ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกต้นกล้าไผ่กิมซุ่งที่มีรากเต็มถุงแล้ว สังเกตุคือถ้าจับต้นหิ้วแล้วไม่หลุดและให้ดูใต้ถุงดำว่ารากเดินทะลุถุงดำหรือยัง และถ้ามีหน่อเล็กๆโผล่ออกมาจากดินยิ่งดีนั่นหมายความว่ากล้าไผ่กิมซุ่งที่ร้านหรือสวนที่ขาย ได้ใส่ถุงนานไม่ต่ำกว่า 4 เดือนแล้วเกษตรกรจะได้กล้าที่แข็งแรงพร้อมที่จะแตกรากและออกหน่อได้ไวหลังจากปลูก ระหว่างที่ปลูกต้องดูแล ให้น้ำ ให้ปุ๋ยกำจัดวัชพืช เมื่อให้ปุ๋ยไปได้ไม่นาน หน่อแรกก็จะออกมา เมื่อเกษตรกรให้ปุ๋ยต่อเนื่องโดยไม่ขาด หน่อที่สองก็จะออกมากและมีขนาดใหญ่กว่าหน่อแรกมาก การสร้างกิ่งและใบก็จะมีมากขึ้น ไม่เกิน 3 เดือนหลังจากปลูกก็จะได้หน่อที่ สาม ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะทำเป็นต้นแม่ได้ การตัดแต่งกิ่งจะยังไม่ควรทำในช่วง1 ถึง 6 เดือนหลังจากปลูก คอยแต่กำจัดวัชพืชอย่างเดียวเพื่อไม่ให้รกและแย่งอาหารจากไผ่ ที่เราไม่ตัดแต่กิ่งและใบไผ่กิมซุ่งเลยเพราะช่วงที่ไผ่กำลังสร้างกอต้องการกิ่งและใบที่มีมากพอ ที่จะสร้างหน่ออย่างต่อเนื่อง ถ้าเราเผลอไปตัดใบไผ่ทิ้งจะทำให้การออกหน่อชะงักทันที เมื่อดูแลต่อไประหว่าง 4-6 เดือนหลังจากปลูก หน่อที่ให้ลำแม่ใหญ่จะออกมาได้ 3 หน่อโดยทะยอยออก เกษตรกรจะต้องเลือกว่าจะไว้ลำไหนให้เป็นลำแม่สังเกตุดูว่าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำจะต้องไม่ต่ำกว่า 2 นิ้ว พอหน่อเริ่มพุ่งสูงขึ้นโดยปล่อยให้สูงไปเรื่อยๆ พอเกิน 4 เมตรก็จะเริ่มเห็นข้อของลำไผ่ แต่ลำไผ่ยังไม่แตกกิ่งแขนงและใบ ลำยังอ่อนอยู่ให้ตัดยอดของลำทิ้งโดยตัดที่ประมาณ 3-4 เมตร การตัดช่วงที่ลำไผ่ยังไม่มีกิ่งและใบ เนื้อของลำไผ่ยังอ่อนอยู่จะทำให้ตัดง่าย ไม่ต้องออกแรงมาก เมื่อตัดยอดของลำไผ่แล้ว กิ่งและใบแตกเร็วขึ้นและจะไปทำให้หน่อที่โผล่ขึ้นมาเป็นลำแม่โผล่ได้เร็วขึ้น อีกไม่นานก็จะมีหน่อโผล่จากดินครบทั้ง 3 ลำพอดีพร้อมที่จะเป็นลำแม่ ให้ทะยอยตัดยอดทิ้งทั้ง 3 ลำ ที่เกษตรกรเลือกไว้เป็นลำแม่ เกษตรกรต้องรอให้ลำแม่ทั้ง 3 ลำมีกิ่งก้าน และใบแก่เป็นสีเขียวเข้มนั่นหมายความว่าลำแม่ที่เลือกไว้ทั้ง 3 ลำต่อกอพร้อมที่จะให้หน่อแล้ว ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่จะตัดลำเล็กๆที่เกิดก่อน พร้อมกับต้นตอที่ซื้อมาในถุงดำออกได้แล้ว โดยตัดให้ชิดดิน (นับเวลาจากปลูกจนตัดแต่งกิ่งได้ก็ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เมื่อตัดต้นเล็กๆทิ้งไปแล้วก็จะเหลือต้นที่เลือกไว้ กอละ 3 ต้น จากนั้นก็ริดกิ่งแขนงข้างออก โดยดูว่าเดินแล้วไม่ชนศรีษะ ไม่แทงหน้าแทงตา การตัดกิ่งแขนงข้างตัดให้พอเข้าไปเก็บหน่อสะดวก การตัดกิ่งแขนงควรตัดให้ชิดกับลำต้นไผ่ ตาจะได้ไม่แตกออกมาใหม่ (แต่ถ้าเกษตรกรต้องการปลูกเพิ่มก็ให้เกษตรกรตอนออกไปปลูกเพิ่มอีกได้โดยไม่ต้องซื้อไผ่กิมซุ่งอีกเลย) กิ่งแขนงด้านล่างมักจะไม่ถูกแดดเต็มที่ ไม่ได้สังเคราะห์แสงเพื่อสร้างแป้ง จะกินอาหารจากกิ่งด้านบนที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสงจากแดด หากเกษตรกรตัดทิ้งหรือตอนออกไปจะทำให้ต้นไผ่ไม่ต้องเสียอาหารมาเลี้ยง อาหารจะถูกส่งไปสร้างหน่อใหม่เพื่อจะขยายกอ (ไผ่กิมซุ่งเขาจะต้องสร้างกอมากๆมีหลายๆลำ เมื่อเราตัดลำออกให้เหลือกอละ 3 ลำ โดยธรรมชาติของไผ่ก็จะพยายามสร้างหน่อใหม่ขึ้นมาทดแทน) เกษตรกรก็เริ่มตัดหน่อออกจำหน่ายได้เลย การตัดหน่อควรจะตัดให้ถึงส่วนที่เป็นเส้นใย(จะเป็นที่อยู่ของตาหน่อ) ให้เหลือตาที่สำหรับเป็นหน่อได้อีก 2-4 ตา

เหตุผลที่เกษตรกรต้องตัดยอดของไผ่กิมซุ่งคือ

ระหว่างที่เก็บหน่ออยู่ พอเดือนมีนาคม เมษายน มีพายุลูกเห็บ หรือพายุฤดูร้อน พบว่าต้นไผ่กิมซุ่งที่ไม่ได้ตัดยอดจะโค่นมากมาย และระบบรากสะเทือนจากแรงลมปะทะ ทำให้การเกิดหน่อหยุดชะงักไป 1-2 เดือนและช่วงนี้เป็นช่วงที่หน่อไม้มีราคาแพง ส่วนต้นไผ่กิมซุ่งที่ตัดยอด เหลือความสูงเพียง 3-4 เมตร จะโค่นน้อยกว่าและถ้าไม่ถูกลมแรงจนเกินไปก็ไม่โค่น ระบบรากไม่สะเทือน การเก็บยังคงเก็บหน่อต่อไปได้ รายได้ไม่ขาดหาย ไผ่กิมซุ่งเป็นไผ่ที่มีกิงแขนงยาวมากและหนัก ทำให้ต้านลม ต่างจากไผ่ซางและไผ่เลี้ยงที่มีกิ่งแขนงสั้นจะลู่ลม
ถ้ามีแปลงไผ่กิมซุ่งลองแบ่งเป็นสองส่วน เพื่อเปรียบเทียบ อีกแปลงตัดยอด อีกแปลงไม่ตัดยอด ถ้าดูแลเหมือนกัน ให้น้ำพร้อมกัน ไว้ลำต้น 3-4 ต้นต่อกอเหมือนกัน พบว่าแปลงที่ตัดยอดจะให้หน่อก่อนแปลงที่ไม่ได้ตัดยอด
ในแต่ละปีต้องสางกอ ตัดไม้แก่ทิ้งไป เหลือแต่ไม้ที่เกิดในปี ตอนตัดไผ่กิมซุ่งที่ไม่ตัดยอด มีความสูงและต้นใหญ่ มีลำต้นกิ่งก้านและใบมาก ทำให้ต้องจัดการมากใช้แรงงานมากกว่าไผ่กิมซุ่งที่ตัดยอด การจัดการและการใช้แรงงานน้อยกว่า
การขยายพันธุ์ไผ่กิมซุ่งเพื่อปลูกมีด้วยกันอยู่ 3 วิธีคือ การตอน การปักชำ และการปลูกด้วยกิ่งที่ตัดมาใหม่ๆ โดยวิธีการขยายพันธุ์แต่ละชนิดก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ส่วนเกษตรกรจะนำวิธีการขยายพันธุ์แบบไหนไปใช้ก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์