ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ขายหญ้าจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง และ ไผ่ตงลืมแล้ง ที่ สวนไผ่รัตภูมิสมุนไพร

เริ่มโดย guitar, 18:18 น. 28 พ.ย 56

guitar

การตอนกิ่งไผ่กิมซุ่ง
การตอนกิ่งไผ่กิมซุ่งจะใช้ไม่ได้กับต้นไผ่ที่อยู่ในช่วงฤดูแล้ง การตอนจะทำได้ดีเมื่อต้นไผ่ได้รับความชื้นในอากาศสูง เช่นในฤดูที่ฝนตกชุก จะทำให้การตอนได้ผลดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การตอนก็จะทำได้ไม่ดีนักถ้าไม่รู้เทคนิกที่ดีซึ่งมีดังนี้

ต้องตัดยอดไผ่กิมซุ่ง ให้เหลืออยู่สูงจากพื้นดินราวๆ 3-4 เมตร ถ้าเป็นลำใหม่เมื่อลำเริ่มแทงกิ่งแขนงข้าง และกิ่งแขนงเริ่มมีใบย่อย แต่ยังไม่แก่มากนัก ก็จะเริ่มเห็นรากอากาศออกมาขาวๆ ก็ต้องรีบตอน ถ้ารากแห้งแล้วการตอนจะได้ผลน้อย แต่ถ้าเป็นลำจากต้นแก่เมื่อตัดยอดแล้วนำกิ่งที่ตัดแล้วไปชำ ก็จะมีกิ่งแขนงใหม่ออกมาและพอเริ่มมีใบกางออก ก็จะมีรากขาวๆออกมาเช่นกันก็ต้องรีบตอน
ใช้ขุยมะพร้าวแช่น้ำ 24 ชั่วโมง แล้วบีบให้น้ำออกจากขุยมะพร้าวพอชื้น นำใส่ถุงพลาสติกร้อน ขนาด 5*0 นิ้ว มัดหนังยาง เตรียมไว้ให้พอที่จะตอน
ขั้นตอนการทำ สำหรับไผ่กิมซุ่งเป็นไผ่ที่ออกรากอากาศง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เลื่อย ตัดนำสามารถที่จะนำขุยมะพร้าวหุ้มใต้ข้อกิ่งแขนงที่เราจะตอนได้เลย โดยเลือกกิ่งที่เห็นรากขาวๆออกมาก่อน จะออกรากอากาศมากหรือน้อยก็ไม่เป็นไร ส่วนกิ่งที่ยังไม่มีรากอากาศออกมายังไม่ต้องหุ้ม ไว้รอหุ้มวันหลัง มัดตุ้มขุยมะพร้าวให้แน่น กิ่งไผ่กิมซุ่งมีความยาวของกิ่งและมีใบมาก ถ้าเราใช้เลื่อยตัดนำก่อน ด้วยน้ำหนักของกิ่งที่หนักมาก จะทำให้กิ่งหักฉีกขาดได้ และทำให้ดูรก ระเกะระกะไปหมด และไม่ต้องตัดยอดของกิ่งแขนงเด็ดขาดเพราะจะทำให้รากออกช้า ไม่นานนักประมาณ 10 กว่าวันก็จะได้รากไผ่เต็มถุงและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก็สามารถตัดลงมาชำให้ถุงได้
การตัดกิ่งตอนที่มีรากมากแล้ว จะใช้เลื่อยตัด อย่าใช้ดมีดเด็ดขาด เพราะจะทำให้การสับด้วยมีดจะสับหลายครั้ง มีโอกาสพลาดไปถูก ตาที่จะแตกหน่อ และผิวของเปลือกกิ่งแขนงที่ตอน(ท่อน้ำท่ออาหารถูกทำลาย) มีผลขณะนำไปชำในถุงดำจะทำให้เกิดการแห้งข้างใดข้างหนึ่ง ให้ใช้เลื่อย โดยเลื่อยด้านบนของกิ่งแขนงจนขาด ระวังอย่าไปตัดส่วนที่เป็นเนื้อไม้ของกิ่งแขนงก็จะไม่เกิดการตายข้างใดข้างหนึ่ง เมื่อได้กิ่งตอนมาแล้วก็ให้ทำการตัดยอดของกิ่งแขนงออก แล้วตัดใบและกิ่งที่เหลือด้านข้างทิ้งเพื่อลดการคายน้ำของกิ่ง จะไม่ทำให้กิ่งเหี่ยวและชะงักการเจริญเติบโตจากนั้นให้นำไปแช่น้ำสักพักเพื่อให้กิ่งได้ดูดน้ำได้เต็มที่
เมื่อได้กิ่งตอนที่มีรากแล้วก็นำมาใส่ถุงดำ โดยใช้ถุงขนาด 5*10 นิ้ว สำหรับทำไว้เพื่อปลูกเอง จะมีรากมากหน่อยเวลานำไปปลูกจะโตเร็ว แต่ถ้าชำเพื่อการค้าก็ใช้ถุงดำขนาด 4*8 นิ้ว จะทำให้ไม่สิ้นเปลืองวัสดุเพาะชำมาก และการขนส่งก็ไม่หนักมาก ไม่กินพื้นที่ของรถ สำหรับวัสดุที่เพาะชำ ใช้ขี้เถ้าแกลบล้วนๆดีที่สุดเพราะไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ จะไม่ทำให้รากไผ่เน่า ส่วนวัสดุที่รองลงมาก็สามารถใช้ ดินผสมกับขี้เถ้าแกลบได้อัตราส่วน 1 ต่อ 2 ก็ใช้ได้ดีเช่นกัน ไม่แนะนำให้ใช้ดินล้วนๆ เพราะจะทำให้กิ่งไผ่ที่ชำเน่าได้เนื่องจากดินจะระบายน้ำได้ไม่ดีนัก และยังหนัก ทำให้การขนส่งสิ้นเปลืองน้ำมันมาก และขนไปได้น้อยก็หนักเกินความสามารถของรถยนต์แล้ว เมื่อนำกิ่งไผ่กิมซุ่งใส่ถุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้นำไปวางไว้กลางแจ้ง ไม่ต้องพรางแสงแดด ถ้าในฤดูฝนและฤดูหนาว จะทำให้การติดของกิ่งดีมาก ตายน้อย ในช่วงฤดูฝนถ้าวางในที่ร่มรำไร กิ่งที่ชำจะตายมาก เพราะความชื้นในวัสดุชำสูงมาก ถุงไม่ได้รับแดดวัสดุปลูกก็จะไม่ค่อยแห้งทำให้กิ่งพันธุ์ที่ชำไว้ตายเป็นจำนวนมาก กิ่งทีอยู่ในร่มจะไม่ค่อยคายน้ำ เมื่อไม่คายน้ำก็ไม่ดูดน้ำ การดูดน้ำของกิ่งไผ่ต้องใช้ราก เมื่อไม่ดูดน้ำก็ไม่สร้างราก แต่ถ้าวางกลางแดดแล้วรดน้ำ จะมีการคายน้ำของกิ่งไผ่มาก ไผ่ก็ต้องการน้ำก็ต้องดูดน้ำ จะดูดน้ำได้อย่างไรถ้าไม่มีราก ไผ่จึงสร้างรากได้เร็วเมื่ออยู่กลางแดด จะไม่ตาย สิ่งเหล่านี้บางท่านไม่เคยรู้เลยเพราะไม่ได้สังเกตุ แต่ผมก็ยินดีที่จะแนะนำเพื่อจะได้ทำแล้วได้กิ่งที่ดีและแข็งแรง กิ่งไม่ค่อยตาย แต่ถ้าฤดูร้อนราวๆเดือนเมษายน ก็ให้วางใต้สะแลนชนิด 50% ก็จะไม่เป็นไร เพราะไม่มีฝนรบกวน ความร้อนของบรรยากาศทำให้ไผ่ออกรากเร็วเพราะไผ่คายน้ำมาก สำหรับเกษตรกรที่ต้องการให้กิ่งพันธุ์ที่ใส่ถุงดำโตเร็วโดยมีรากเดินทะลุถุงดำ มีกิ่งและใบที่แตกใหม่ ต้องรดด้วยปุ๋ยน้ำชีวภาพที่ทำเอง โดยใช้ปุ๋ยน้ำ 100 ซีซี ต่อน้ำ 10 ลิตรรดทุกๆ 7 วัน แต่ถ้าไม่มีปุ๋ยน้ำชีวภาพ ก็ให้ใช้ ปุ๋ย 21-0-0 อัตรา 30 กรัมหรือ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตรละลายน้ำแล้วนำไปรดที่กล้าไผ่กิมซุ่งทุก ๆ 7 วัน ต้นไผ่ก็จะเติบโตและแข็งแรง ภานใน 30 วันหลังใส่ถุงดำ แต่ถ้าไม่ได้รดปุ๋ยใดๆก็จะใช้เวลาราวๆ 60 วัน
การตอนกิ่งไผ่กิมซุ่งมีข้อดีคือจะได้รากทุกกิ่งเพราะเกษตรกรเลือกตอนแต่กิ่งที่มีรากอากาศขาวๆออกมาก่อน ทำให้ได้กิ่งพันธุ์ 100 % แต่ก็เหมาะกับเกษตรกรที่ลองหัดขยายพันธุ์ใหม่ๆ หรือเหมาะกับเกษตรกรที่ทำกิ่งพันธุ์เพื่อปลูกเองเป็นส่วนใหญ่ ที่ยังไม่เน้นปริมาณมากๆ จะได้กิ่งที่อ้วน เพราะจากการตัดยอด แต่ก็มีข้อเสียคือ ทำได้ช้า ไม่มากถ้าต้องการขยายพันธุ์เพื่อขายต้องใช้เวลามาก กว่าจะได้กิ่งพันธุ์เป็นปริมาณมากๆ และถ้าการตัดกิ่งแขนงเกิดพลาดไปถูกท่อน้ำท่ออาหารของกิ่งไผ่ ก็จะทำให้มีกิ่งแห้งด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าแห้งด้านที่เป็นตาที่จะเกิดหน่อ ก็จะทำให้หน่อเกิดได้ช้า หรือไม่เกิดเลย

guitar

การปักชำกิ่งไผ่กิมซุ่ง

การปักชำกิ่งไผ่กิมซุ่ง เป็นวิธีที่เกษตรกรผู้ปลูกไผ่ต้องการขยายให้ได้กิ่งพันธุ์เร็วๆ เพื่อขายหรือนำไปปลูกเอง การขยายพันธุ์ไผ่กิมซุ่งด้วยวิธีการปักช้ำกิ่ง จะทำได้รวดเร็วกว่าการตอนด้วยขุ๋ยมะพร้าว ต้นทุนการทำจะต่ำกว่าการตอน ทำให้ครบตามยอดที่สั่งได้ แต่ถ้าเกษตรกรไม่ทราบวิธีการที่เหมาะสมก็จะทำให้กิ่งที่นำมาชำเสียหายมาก การปักชำมีวิธีการดังนี้

ไผ่กิมซุ่งที่ปลูกและดูแลมาผ่านฤดูหนาว เป็นฤดูที่ไผ่จะสะสมอาหารในรูปแป้งไว้ตามข้อของไผ่ เป็นเวลาหลายเดือน พออากาศเริ่มอุ่นย่างเข้าฤดูร้อนก่อนที่จะมีฝนมา ไผ่จะสะสมอาหารได้เต็มที่ เป็นเวลาเหมาะสมที่จะตัดต้นไผ่กิมซุ่งลงมาเพื่อเลื่อยเอาข้อที่ติดกิ่งแขนงมาด้วย การปักชำช่วงนี้จะได้กิ่งที่เติบโตเกือบทั้งหมด แทบไม่มีกิ่งเสียเลย เกษตรกรจะต้องตัดต้นกิมซุ่งทำทีละต้น แล้วเลื่อยเอากิ่งแขนงออกให้เสร็จเป็นลำๆไป เพื่อไม่ให้แห้งเร็วจากการคายน้ำที่ใบของไผ่ รีบตัดยอดของกิ่งแขนงออกให้เหลือ 3 ข้อ แล้ริดใบไผ่ออกให้หมด ส่วนในช่วงฤดูฝน ขณะที่ฝนตกชุก กิ่งแขนงของไผ่กิมซุ่งที่แตกมาใหม่ จะมีราอากาศออกมา ให้รีบตัดข้อติดกิ่งแขนง ถ้ารากอากาศแห้งจะใช้ไม่ได้ การตัดกิ่งแขนงมาชำในช่วงฤดูฝนจะไม่ติดทั้งหมด แต่จะติดราวๆ 80 % ของกิ่งในช่วงฤดูฝนที่นำมาชำ
เมื่อได้กิ่งมาพอสมควรรีบนำลงแช่น้ำที่ผสมอาหารเร่งการเจริญ เช่นสาหร่าย โดยใช้ 30 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ควรแช่น้ำไว้ให้กิ่งไผ่ได้ดูดน้ำเต็มที่ ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ถ้าตัดต้นไผ่ เลื่อยเอากิ่งแขนงมาแล้วแช่น้ำ เลื่อยไปแช่ไปพร้อมๆกันจะทำให้กิ่งเสียน้ำน้อยที่สุด เวลาน้ำไปชำจะไม่แห้งตาย
นำกิ่งขึ้นจากน้ำ นำไปชำในวัสดุที่เตรียมไว้ ตามแต่ที่จะหาง่าย เช่นทรายหยาบ แกลบเผา หรือฟางข้าว ให้เกษตรกรขุดดินเป็นร่องยาวๆ ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร กว้าง 15-20 เซนติเมตร นำกิ่งวางลงในร่อง แล้วทำหลักยึดไว้ไม่ให้กิ่งล้ม นำทรายหรือแกลบเผา หรือฟางข้าวใส่ลงไป ให้มิดข้อไผ่และโคนกิ่งแขนง จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม 2-3 วันรดครั้ง กิ่งที่ชำควรวางไว้กลางแจ้งให้ได้รับแดดเต็มที่ เพื่อกระตุ้นให้รากไผ่ออกได้ไว ราวๆ 10 กว่าวันรากไผ่ก็จะออกมามีสีขาว ประมาณ 20 วันหลังปักชำก็ขุดขึ้นมาเลือกกิ่งที่มีราก นำไปใส่ถุงดำ โดยใช้แกลบเผาเป็นวัสดุปลูก ควรใช้ถุงดำขนาด 5*10 เซนติเมตร ตั้งไว้ใต้สะแลนพรางแสง 50 % รดน้ำเมื่อถุงไผ่เริ่มแห้ง ทิ้งไว้อีก 30 วันก็สามารถจำหน่ายได้ แต่ถ้าเป็นเกษตรกรที่เคยทำแล้ว มีความชำนาญ จะนำกิ่งไผ่กิมซุ่งใส่ลงในถุงดำที่มีขี้เถ้าแกลบเป็นวัสดุปลูกโดยตรงได้เลย ตั้งไว้กลางแดด รดน้ำให้ชุ่มครั้งแรก วันต่อๆไปรดน้ำพอประมาณ ประมาณ 10 กว่าวันรากไผ่กิมซุ่งเริ่มออกมาก รอจนกว่ารากจะเต็มถุง มีใบและกิ่งมาก ก็จำหน่ายหรือนำไปปลูกได้ ตั้งแต่ปักชำจนขายหรือปลูกได้จะใช้เวลา ราวๆ 60 วัน

*******************
ขอบคุณเจ้าของข้อมูลคะ

guitar

หญ้าที่สวนรัตภูมิ ...ตัดหญ้าทุกวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ ส่งหญ้าทุกวันจันทร์คะ

*************************************************

สนใจติตด่อต เค้ก 081-7665614
email : guitar_cake@hotmial.com

guitar


guitar

ไผ่ชุดที่ 1 เจริญงอกงามดีมากคะ

guitar

รับออร์เดอร์จากคุณสมัคร ประจวบคีรีขันธ์
หญ้าเนเปียร์ 800 ท่อน
หญ้าจักรพรรดิ์ 800 ท่อน
ไผ่กิมซุง ตงลืมแล้ง 20 ตัน

ส่งสินค้าวันจันทร์หน้าคะ
ขอบคุณที่ให้ความสนใจคะ  ส-ดีใจ

*******************************
สนใจติดต่อ คุณเค้ก 081-7665614
Line Id : Mson2118


guitar

แพ็คท่อนหญ้า  สำหรับชุดทดลองปลูก ชุดละ 100 บาท ( 40 ท่อน ) ไม่รวมค่าจัดส่งคะ...
สนใจสอบถามรายละเอียดที่
คุณเค้ก 081-7665614

***************************************************************

guitar

สำหรับชุดทดลองปลูก ชุดละ 100 บาท ( 40 ท่อน ) ไม่รวมค่าจัดส่งคะ...

guitar

เนเปียร์ยักษ์เมืองจีน หญ้าจักรพรรดิ์ ไผ่ราชัน
****************************
-ลำต้นใหญ่ สูง ปลายใบแหลม ตั้ง ใบใหญ่ ไม่มีขน ไม่ทิ้งใบ
-ลำต้นใหญ่ กลม บริเวณข้อมีสีขาว กาบใบไม่หุ้มทั้งหมด ทำให้เหมือนโชว์ข้อสีขาว
-ระบบรากที่แข็งแรง แตกรากขึ้นมาจนถึงข้อที่3-4จากดิน
-การแตกหน่อจะชี้ออกด้านข้าง
-สังเกตที่ใบ ใบชี้ตรงใหญ่ นั้นคือหญ้าเนเปียร์ยักษ์ หญ้าจักรพรรดิ์ เนเปียร์เมืองจีนหรือไผ่ราชัน
-หญ้าที่กล่าวมาไม่คัน
-หญ้าที่เจริญเติบโตได้ดี มีคุณค่าทางอาหารสูง สัตว์ชอบกิน
-หญ้าชนิดนี้ มีอายุหลายปี ลักษณะของลำต้นเป็นกอแบบตั้งตรง สูงประมาณ 3-4 เมตร แตกกอดี
-มีใบดกหนากว้างและไม่ทิ้งใบ ไม่ติดเมล็ด
-มีระบบรากที่แข็งแรง แตกรากขึ้นมาจนถึงข้อที่3-4จากดินด้วย
-1 ไร่จะได้น้ำหนักสด 40 -50 ตัน/ปี ถ้าดูแลดีจะได้ 60 ตัน/ปี
-ทนแล้ง ทนหนาว โปรทีนสูง ผลผลิตต่อไร่สูง
-สามารถนำมาใช้เป็นอาหารของ โค กระบือ แพะ แกะ ม้า ไก่งวง เต่า ฯลฯ
-ปลูกครั้งเดียวใช้เก็บเกี่ยวได้นาน 3ปี
-สามารถเก็บเกี่ยวได้ สามารถเก็บเกี่ยวได้ทั้งปี ทนแล้ง ความน่ากินสูง แต่มีขนมากกว่าเนเปียร์
-ขึ้นได้ดีในดินหลายประเภท ไม่ว่าจะ ดินลูกรัง ดินทราย ดินเหนียว
-ทนแล้งแต่ไม่ทนน้ำท่วมขัง
-ความต้องการแสงแดด ถ้าปลูกใกล้ร่มเงาหรือร่มสวนผลไม้จะให้ผลผลิตต่ำลงมาก ดังนั้นควรเลือกปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ
- ถ้าตัดที่ความสูงยังไม่เกินหน้าอก วัวเนื้อจะเคี้ยวลำต้นได้จนหมด แต่ถ้าลำแก่แข็งกว่านั้นควรเข้าเครื่องสับเสียก่อน หรือจะนำไปทำหญ้าหมักถนอมอาหารไว้ใช้ในยามขาดแคลนก็ได้
-โปรตีนก็สูง ทำให้นำไปเลี้ยงสัตว์อื่นๆได้อีกหลายชนิดนอกจากวัว ทั้ง แพะ แกะ ม้า หรือแม้กระทั่ง ไก่งวง หนูตะเภา กระต่าย หรือ สุกร(ในเมืองจีนใช้เลี้ยงสุกรด้วย) ส่วนเรื่องขนและความคันของใบก็มีบ้างแต่ไม่ถึงกับคันมาก  และขอบใบก็ไม่คมด้วย
-เกี่ยวกับใบที่หนากว้างและดก จึงได้เนื้อใบเยอะ เมื่ออัตราส่วนของใบมากขึ้น
-หญ้าตัวนี้ถ้าขาดน้ำจะมีขนขึ้นตามใบขอบใบ

guitar

หญ้าเนเปียร์จักรพรรดิ์
          จะว่าไปแล้วในชีวิตการทำปศุสัตว์ของผมก็วนเวียนอยู่กับหญ้าเลี้ยงสัตว์ตระกูลเนเปียร์มาไม่น้อยกว่า 10 ปี เมื่อก่อนคนเลี้ยงวัวนมแถบ มวกเหล็ก-ปากช่อง จะคุ้นเคยกับหญ้าเนเปียร์ เนเปียร์ยักษ์ และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสมัยนั้น ก็คงจะได้แก่ เนเปียร์แคระ เพราะมี ใบดก อ่อนนุ่ม เหมาะกับวัวนมที่ค่อนข้างเลือกกินและเอาใจยาก
          สมัยต่อมาก็เริ่มมีการนำเนเปียร์ลูกสมต่างๆเข้ามาใช้งานกันมากขึ้น จึงได้ลองสัมผัสกับหญ้าบาน่าที่โตดี ลำต้นใหญ่อวบ และพอจะตอบสนองน้ำในหน้าหนาวอยู่บ้าง หรือแม้กระทั่ง หญ้าอาลาฟัล ที่ดูแล้วน่าจะเป็นหญ้าลูกผสมของเนเปียร์แคระและชื่อก็อาจเพี้ยนมาจาก อีเลเฟ่น มาจาก Elephant Grass ซึ่งก็แปลได้ตรงๆ ว่า หญ้าช้าง อันเป็นชื่อเรียกทั่วไปของหญ้าสกุลเนเปียร์ ความคุ้นเคยกับหญ้าชนิดนี้มีมากทีเดียว เพราะได้ทุ่มเททำไร่หญ้าอาลาฟัลไปหลายปี ยอมรับในผลผลิตที่สูงและใบดกนุ่ม แต่ก็ต้องทำใจว่าถ้ากระทบอากาศหนาวก็ออกดอก และไม่ว่าจะตัด อัดปุ๋ย อัดน้ำ อย่างไรแตกออกมาใหม่ก็จะออกเป็นดอกอยู่เสมอ เรียกว่าหน้าหนาวไม่ต้องหวังผลผลิตกันเลยทีเดียว ไปรอให้อากาศอบอุ่นขึ้นเดือน มี.ค. นั่นแหละถึงจะเริ่มกันใหม่ จนช่วงหลังมีหญ้าลูกผสมเนเปียร์เข้ามาเพิ่ม ที่เรียกว่า หญ้าไต้หวัน ก็ผลผลิตดี สามารถแตกกอได้มากแต่ก็ใบค่อนข้างเรียวเล็กหญ้าชนิดใหม่ล่าสุดจากเมืองจีน
          หน่วยงานพืชอาหารสัตว์กว่างซี (กวางสี)ประเทศจีน ได้ทำการพัฒนาปรับปรุงพันธ์หญ้าเนเปียร์ลูกผสมพันธุ์ใหม่ให้ดีกว่าเดิม และทำการส่งเสริมกระจายพันธุ์ไปทั่วประเทศ โดยทางการจีนตั้งชื่อให้ว่า ซินสวินฮว๋างจู๋ฉ่าว เป็นพันธุ์ลูกผสมระหว่าง ระหว่าง Pennisetum purpureum กับ Pennisetum alopecuroides (Chinese Pennisetum – หญ้าเนเปียร์ของจีน เรียกหญ้าหางหมาจิ้งจอก) บ้างก็ว่ามีการผสม Pennisetum americanum hybrid (Bana Grass) เข้าไปด้วย เป็นหญ้าที่เจริญเติบโตได้ดี มีคุณค่าทางอาหารสูง สัตว์ชอบกิน ในปี คศ. 2004 ได้เริ่มส่งออกขายให้ประเทศเกาหลี
          หญ้าชนิดนี้ มีอายุหลายปี ลักษณะของลำต้นเป็นกอแบบตั้งตรง สูงประมาณ 3-4 เมตร แตกกอดี มีใบดกหนากว้างและไม่ทิ้งใบ ไม่ติดเมล็ด มีระบบรากที่แข็งแรง แตกรากขึ้นมาจนถึงข้อที่3-4จากดินด้วย
          ข้อมูลจากเวบ http://www.gdhzc.com/tp.htm กล่าวว่ามี โปรตีนหยาบ 18.46 % โปรตีนละเอียด 16.68 % ไขมัน 1.74 % เถ้า 9.91 % เยื่อใย 17.7 % พลังงาน 3.54/กก. เยื่อใยรวมทั้งหมด 25.26 % เจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิ 15 C ขึ้นไป(เหมาะสม 25-35 C) ปริมาณน้ำฝนต้องการ 1000 มม./ปี ปลูก 1 ไร่จะได้น้ำหนักสด 40 -50 ตัน/ปี ถ้าดูแลดีจะได้ 60 ตัน/ปี
จากจีนมาถึงเมืองไทยแล้ว
          หญ้าตัวนี้ถูกนำเข้ามาจากเมืองจีน โดยลุงลิ้ม Patric Lim และ ผอ.ต้อย เจ้าของ IT Farm 2008 และได้ทำการทดลองปลูกจนผ่านหน้าหนาวปลายปี 2552 มาแล้วที่ SK พัทยาแรนซ์ โดย คุณสุริยา กิจสำเร็จ ยืนยันว่าไม่ออกดอกเมื่อกระทบหนาว และยังสามารถให้ผลผลิต เติบโตได้ดีตลอดฤดูหนาวอีกด้วย
          บางท่านอาจจะแปลชื่อภาษาจีนนี้เป็นไทยว่า หญ้าเมืองจีน ไผ่ราชันย์ หญ้าไผ่จอมราชันย์ หรือ หญ้าจ้าวแผ่นดิน แต่ลุงลิ้มบอกว่า ถ้าจะถอดความหมายจากภาษาจีนได้ถูกต้องไพเราะและเหมาะที่สุด ก็ควรจะเรียกชื่อหญ้าชนิดนี้ว่า หญ้าจักรพรรดิ์
วิธีการปลูก
          ระยะปลูก ถ้าตามตำราของเมืองจีน ใช้ 50 x 100 ซม แต่จากประสบการณ์ ในเมืองไทยควรใช้เหมือนระยะของหญ้าสกุลเนเปียร์ คือ 1x1 เมตร จะเหมาะสมที่สุด ขุดหลุมประมาณ 1หน้าจอบ รองขี้วัว1กำมือคลุกเคล้าให้เข้ากัน วางท่อนพันธุ์เฉียง 45องศา ให้ข้ออยู่จมดินประมาณ 1-2นิ้ว ปลูกหลุมละ 1-2ท่อน และท่อนพันธุ์ควรถูกแช่ด้วยน้ำยาเร่งรากก่อนนำมาปลูกประมาณ 1-2วัน (ส่วนใหญ่ผู้ขายจะแช่น้ำยามาให้แล้ว)
          ช่วงปลูกใหม่ต้องการน้ำมาก หมั่นรดน้ำให้ชุมทุกวัน แต่อย่าให้น้ำท่วมขัง หลังปลูกประมาณ 3-4อาทิตย์ สำหรับการเติบโตสู้วัชพืช ควรทำการกำจัดวัชพืชให้ ส่วนใหญ่จะทำเพียงแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นหญ้าจักรพรรดิ์ก็จะโตได้เร็วกว่าและสามารถสู้วัชพืชได้แล้ว
          สำหรับคำถามที่ว่า ปลูกด้วยหน่อกับท่อนพันธุ์ อย่างไหนดีกว่ากัน จากการทดลอง ในช่วงแรกอาจจะมีความต่างกันเล็กน้อย แต่อัตรารอดดีเหมือนกัน ส่วนการแตกกอ ช่วงแรกดูเหมือนการปลูกด้วยหน่อจะแตกกอได้มากกว่านิดหน่อย แต่พอโตผ่านเดือนไปแล้วหลังจากกำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ย ผลที่ได้ก็โตทันกันจนดูไม่เห็นความแตกต่างกัน จึงไม่จำเป็นต้องผลิตหน่อพันธุ์เพราะยุ่งยากและล่าช้ากว่า
พื้นที่ปลูกที่เหมาะสม
          หญ้าจักรพรรดิ์เป็นหญ้าสกุลเนเปียร์ ที่ขึ้นได้ดีในดินหลายประเภท ไม่ว่าจะ ดินลูกรัง ดินทราย ดินเหนียว ทนแล้งแต่ไม่ทนน้ำท่วมขัง ตามรายงานกล่าวว่าต้องการน้ำฝน 1000 มม. / ปี เมื่อเปรียบเทียบกับอ้อยเมืองไทยที่ต้องการน้ำฝน 1200-1500 มม. / ปี จึงเห็นได้ว่าหญ้าชนิดนี้ถ้าพื้นที่แห้งแล้งแต่ปลูกอ้อยได้ก็สามารถปลูกหญ้าจักรพรรดิ์ได้เช่นกัน สำหรับพื้นที่นาที่ลุ่มที่อาจจะมีน้ำท่วมขัง แนะนำให้ยกร่องเพื่อระบายน้ำก็จะสามารถปลูกได้ แต่หญ้าชนิดนี้มีความต้องการแสงแดด ถ้าปลูกใกล้ร่มเงาหรือร่มสวนผลไม้จะให้ผลผลิตต่ำลงมาก ดังนั้นควรเลือกปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ
          สรุปว่า สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ขอเพียงให้ได้รับแดดจัดและน้ำไม่ท่วมขัง
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
          ในการตัดครั้งแรก จะใช้เวลาประมาณ 75-90วัน คือไม่เกิน 3เดือน จากนั้นในการตัดครั้งต่อไป ก็จะไม่เกิน 45วัน แต่ถ้าช่วงฝนชุก เพียงแค่ 30 วันก็ได้ขนาดสำหรับตัดแล้ว วิธีการตัด เหมือนกับหญ้าสกุลเนเปียร์ทั้งหลาย คือควรตัดให้ชิดดินที่สุด ถ้าเหลือข้อไว้จะมีแขนงออกมาจากข้างข้อซึ่งลำเล็กและผลผลิตต่ำ ถ้าตัดชิดดินจะแตกเป็นหน่อใหม่ออกมามีขนาดโตอวบอ้วนงามกว่า
          ผลผลิตที่ได้ สามารถนำไปให้วัวกินได้เลยโดยไม่ต้องบดสับ จากการทดลองสังเกตุได้ว่า ถ้าตัดที่ความสูงยังไม่เกินหน้าอก วัวเนื้อจะเคี้ยวลำต้นได้จนหมด แต่ถ้าลำแก่แข็งกว่านั้นควรเข้าเครื่องสับเสียก่อน หรือจะนำไปทำหญ้าหมักถนอมอาหารไว้ใช้ในยามขาดแคลนก็ได้ แต่ควรระวังเรื่องน้ำมาก วิธีแก้ไข ตัดแล้วควรผึ่งแดดไว้ประมาณ1วัน หรือใช้หญ้าที่มีอายุ 60-70วันแทน
การให้ปุ๋ย
          ควรใส่ปุ๋ยขี้วัวหรือยูเรียพร้อมกับการกำจัดวัชพืชในครั้งแรก และใส่ทุกครั้งหลังตัดเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยการใส่ขี้วัวประมาณครึ่งบุ้งกี๋ หรือถ้าสามารถใส่ปุ๋ยยูเรีย 1 ช้อนต่อกอได้ก็จะดีมาก จะทำให้หญ้าใบเขียวเข้มดกงามดี และถ้าจะให้ดีกว่านั้นเมื่อเก็บเกี่ยวไป2-3รอบ ควรสลับมาให้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 บ้าง
          เรื่องของการให้ปุ๋ยนี้ไม่ว่าพืชชนิดใด ถ้าเราตัดใช้บ่อยๆ แล้วไม่เติมปุ๋ยให้เมื่อดินจืดจนถึงที่สุดย่อมจะให้ผลผลิตต่ำ แต่สิ่งที่คนมองกันไม่เห็นด้วยตาเปล่า และไม่ค่อยได้นึกถึงก็คือคุณค่าทางอาหาร ถ้าไม่ให้ปุ๋ยเลยหญ้าในรุ่นหลังจะเหลือโปรตีนเท่าไหร่ งานวิจัยต่างๆหลายงานก็บ่งบอกเปอร์เซนต์โปรตีนของพืชอาหารสัตว์ จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับการให้ปุ๋ยนั่นเอง ถ้าขาดปุ๋ยไนโตรเจนพืชอาหารสัตว์ที่เคยได้โปรตีนสูงก็จะลดต่ำลงไปมากจนน่าใจหาย ดังนั้น หญ้าที่ได้ก็แทบจะไม่มีคุณค่าทางอาหารเหลือเลย นี่คือเหตุผลหลักที่เราควรใส่ขี้วัวหรือปุ๋ยยูเรียให้กับพืชอาหารสัตว์ของเรา เทคนิคการใส่ขี้วัว จากที่เคยปลูกหญ้าตระกุลเนเปียร์มาหลายชนิด การใส่ขี้วัวสามารถใส่ลงไปที่โคนกอได้เลยไม่ว่าจะเป็นขี้วัวสดหรือแห้ง ยืนยันว่าทนได้ตามแบบฉบับหญ้าตระกูลเนเปียร์ไม่ต้องกลัวร้อนกลัวเน่า หรือจะทำบ่อเกรอะรองรับน้ำฉีดล้างคอกและขี้วัวให้ไหลมารวมกัน แล้วสูบไปรดหญ้าโดยตรงเลยก็ได้การให้น้ำ ถ้าสามารถวางระบบให้น้ำได้ ก็จะมีผลผลิตสูงต่อเนื่องตลอดปี และสามารถใช้ปลูกร่วมกับการให้น้ำได้ทุกระบบ ทั้ง สปริงเกิ้ลน้ำเหวี่ยง ท่อน้ำหยด เทปน้ำหยด หรือ ปล่อยไหลไปตามร่องหน้าดิน ถ้าวางแผนระบบน้ำหยดไว้ดีก็อาจจะใส่ปุ๋ยไปพร้อมกับระบบให้น้ำได้เลย จะยิ่งช่วยประหยัดเวลาได้อีกมากข้อดีหรือจุดเด่นของหญ้าจักรพรรดิ์ ทนหนาว ทนแล้ง ผลผลิตต่อไร่สูง โปรตีนสูง หญ้าจักรพรรดิ์ สามารถเติบโตได้ดีในอุณหภูมิหนาวได้ต่ำถึง 15 องศา นั่นหมายถึงหน้าหนาวในบ้านเราหญ้าชนิดนี้จะไม่พักตัวแน่นอน แค่คิดว่าปลูกแล้ววัวของเราจะมีหญ้าสดกินตลอดปี ก็คุ้มเหลือหลายแล้ว เพราะอย่างไรเสียหญ้าสดก็ย่อมมีคุณค่าครบถ้วนดีกว่าฟางหรือหญ้าหมักแน่นอน แต่ไม่ใช่แค่นั้น หญ้าจักรพรรดิ์ ยังมีรายงานวิจัยรับรองว่าสามารถให้โปรตีนได้สูงถึง18.46% นั่นหมายถึงเราสามารถลดต้นทุนอาหารข้นได้ ถ้าเราใช้หญ้าตัวนี้ สำหรับเรื่องผลผลิต ผลการวิจัยยืนยันว่าในพื้นที่ 1 ไร่ ให้ผลผลิต 40-50 ตัน/ปี และถ้าดูแลดีก็จะได้ผลผลิตถึง 60 ตัน / ปี ลำต้นแก่ไม่แข็งเท่าหญ้าเนเปียร์ชนิดอื่น ข้อดี ตัดให้กินสดไม่สับบด จะเหลือก้านลำต้นน้อยกว่าอาลาฟัล เพราะนิ่มวัวเคี้ยวได้เกือบหมด ถ้าเป็นอาลาฟัลจะต้องมาเก็บลำต้นออกไปทิ้งเกือบทั้งหมด จากจุดนี้ที่ดีเหนือกว่าหญ้าเนเปียร์ชนิดอื่น จึงสามารถช่วยให้เจ้าของฟาร์มประหยัดเงินและเวลาไปได้อีก นั่นคือ
                    - ตัดง่าย เร็วกว่า และไม่เปลืองใบมีด จากที่เคยตัดหญ้าอาลาฟัลลำต้นแก่ทุกวัน ผมใช้ใบมีดของแท้ ไม่เกิน2เดือนหมดคม
                    - ถนอมเครื่องตัดหญ้า เพราะตัดง่าย จึงไม่ต้องเร่งกำลังรอบของเครื่องมาก ก็เท่ากับเครื่งไม่โทรมไว และ ที่สำคัญ ประหยัดน้ำมันกว่า
                    - เมื่อลำต้นอ่อนนุ่มกว่าก็ทำให้ตัดง่าย ทำให้ประหยัดเวลาในการตัดมากขึ้น
                    - ถ้าเอาไปเข้าเครื่องสับ ก็จะได้ข้อดีเหล่านี้ด้วยเช่นกัน คือ สับง่าย ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมัน เครื่องไม่โทรม ไม่ต้องลับใบมีดเครื่องหรือตั้งใบมีดบ่อย
สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนแฝงของคนเลี้ยงวัวทั้งนั้นครับ
          ข้อดีอีกประเด็น เกี่ยวกับใบที่หนากว้างและดก จึงได้เนื้อใบเยอะ เมื่ออัตราส่วนของใบมากขึ้น โปรตีนก็สูง ทำให้นำไปเลี้ยงสัตว์อื่นๆได้อีกหลายชนิดนอกจากวัว ทั้ง แพะ แกะ ม้า หรือแม้กระทั่ง ไก่งวง หนูตะเภา กระต่าย หรือ สุกร(ในเมืองจีนใช้เลี้ยงสุกรด้วย) ส่วนเรื่องขนและความคายคันของใบก็มีบ้างตามสไตล์กลุ่มเนเปียร์ยักษ์แต่ไม่ถึงกับคันมาก เรียกว่าไม่หนักหนาคนเลี้ยงวัวแน่นอน และขอบใบก็ไม่คมด้วย
ทำไมถึงต้องปลูก
          ปัจจุบันการเลี้ยงวัวหรือทำปศุสัตว์แบบต้อนไปเลี้ยงหัวไร่ปลายนา ตามที่รกร้างนับวันจะหาที่เลี้ยงได้ยากขึ้นทุกที และแม้กระทั่งการไปหาตัดหญ้าตามข้างทางก็หายากและได้คุณภาพไม่ดีสม่ำเสมอ ดังนั้นถ้าเราคิดจะมีฝูงปศุสัตว์ เราควรปลูกพืชอาหารสัตว์ให้มีเพียงพอเสียก่อนเพื่อความมั่นคงของกิจการปศุสัตว์ของเรา
          เมื่อเปรียบเทียบความต่างระหว่างบ้านเรากับฝูงวัวที่ Texas ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นั่นเขาได้เปรียบเรื่องพื้นที่เป็นอย่างมาก วัวของเขามีพื้นที่แปลงหญ้ามากมายมหาศาล วัว1ตัวใช้ที่เกิน10ไร่ แม้จะเป็นหญ้าLine ต้นเล็กๆ แต่ความที่มีพื้นที่กว้างขวาง ทำให้วัวของเขาเรียกได้ว่าไม่ขาดแคลนหญ้าเลย เขาจึงมีเวลามาทำงานอื่น มาคิดพัฒนาปรับปรุงฟาร์มของเขาได้ดียิ่งขึ้น แต่สำหรับชาววัวบ้านเราแล้ว บางวันแค่หาตัดหญ้าให้วัวกินให้เพียงพอ ก็แทบจะหมดเวลาไปทั้งวันแล้ว หรือไม่ก็บางฟาร์มหมดทุนไปกับการซื้อหญ้าและอาหารหยาบต่างๆให้วัวที่ฟาร์มจนแทบไม่เหลือกำไร
          แต่เมื่อมาลองนึกดูแล้ว ประเทศไทยเองก็มีดินดี น้ำดี อุณหภูมิเหมาะสมกับการเพาะปลูกมากกว่าพื้นที่ของเขามากมาย ถ้ามุมกลับกัน เราปลูกหญ้าคุณภาพดีให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงๆ เราก็สามารถเลี้ยงวัวได้มากมายเช่นกันแม้จะใช้พื้นที่น้อยกว่าเขา ดังนั้นการปลูกหญ้าคุณภาพดีให้เพียงพอจึงเป็นเรื่องของความมั่นคงก้าวหน้าของกิจการฟาร์มอย่างแท้จริง
*************************************************************************
ขอบคุณเจ้าของข้อมูลคะ

guitar

ชื่อพันธุ์ (ไทย) หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1  (อังกฤษ) Pak Chong 1
ชื่อวิทยาศาสตร์  Pennisetum  purpureum x Pennisetum  americanum

ประวัติพันธุ์เป็นหญ้าเนเปียร์ที่นำเข้าจากไต้หวัน  แล้วนำไปปลูกคัดเลือกทดสอบที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมา
ลักษณะพันธุ์   เป็นหญ้าข้ามปี ลำต้นมีลักษณะตั้งตรงสูง 2.5- 3.5 เมตร และเมื่อออกดอกมีความสูงถึงปลายช่อดอก 3.5- 4.5 เมตร
ผลผลิต ให้ผลผลิตน้ำหนักสด 12-15 ตันต่อไร่ต่อรอบการตัดทุก 60 วัน หรือผลผลิตน้ำหนักแห้ง 2-2.5 ตันต่อไร่ต่อรอบ
คุณค่าอาหาร มีโปรตีน 13-17 เปอร์เซ็นต์ และคาร์โบไฮเดรตที่ละลายน้ำได้ (WSC) 11-12 เปอร์เซ็นต์ ที่การตัดทุก 60 วัน
การปลูก
โดยนำท่อนพันธุ์หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 มาตัดเป็นท่อนสั้นๆ ประมาณ 25-30 ซ.ม.ให้มีตาติดมาท่อนละ 2 ตา มัดรวบเป็นกำๆละ 10 ท่อนนำไปใส่ตระกล้าคลุมด้วยกระสอบป่าน หรือฟางข้าว บ่มไว้ในที่ร่ม รดน้ำให้ชุ่มประมาณ 5 – 7 วัน จะแตกรากและยอดอ่อนภายหลังจากที่เตรียมดินเสร็จ เพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้นจากดินควรปลูกทันที นำไปปลูกโดยใช้ระยะปลูกระหว่างแถว 120เซนติเมตร ระหว่างต้น 80 เซนติเมตร ปลูกหลุมละ 2 ท่อนปักไขว้ท่อนพันธุ์เอียง 30 องศาให้ 1 ข้อจมอยู่ในดินประมาณ 1-2 นิ้ว
การกำจัดวัชพืช
กำจัดวัชพืชครั้งแรก หลังจากปลูกประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยใช้แรงงานคนแรงงานสัตว์ หรือเครื่องจักรกลเกษตร ส่วนใหญ่จะกำจัดวัชพืชแค่ครั้งเดียวหลังจากกำจัดวัชพืชให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) กอละ 1 ช้อนโต๊ะ เร่งให้หญ้าตั้งตัวและเจริญเติบโตเร็ว แตกกอดี ใบเขียวเข้มดกงาม ลำต้นสูงใหญ่ ทำให้คลุมวัชพืช
การให้น้ำ
หญ้าเนเปียร์สายพันธุ์นี้ตอบสนองต่อการให้น้ำได้ดีมาก ถ้าสามารถวางระบบการให้น้ำในแปลงปลูกได้จะมีการเจริญเติบโต และให้ผลผลิตสูงต่อเนื่องตลอดทั้งปีการให้น้ำสามารถให้ได้หลายระบบ เช่น สปริงเกิ้ลน้ำเหวี่ยง มินิสปริงเกิ้ล ท่อน้ำหยดเทปน้ำพุ่ง หรือปล่อยไหลไปตามร่องหน้าดินการให้น้ำแบบระบบน้ำหยดหากสามารถใส่ปุ๋ยไปพร้อมกับน้ำได้เลย จะยิ่งช่วยประหยัดเวลา และทำให้การใส่ปุ๋ยได้ผลดีมากขึ้น พบว่าการให้น้ำแบบระบบสปริงเกิ้ลน้ำเหวี่ยง และ มินิสปริงเกิ้ล ทุกๆ 3-5 วัน หรือปล่อยน้ำไหลไปตามร่องหน้าดินทุกๆ7-10 วัน ทำให้หญ้าสามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
เพื่อให้ระบบรากของหญ้าพัฒนาเจริญเติบโตและแข็งแรงเต็มที่ ให้ตัดครั้งแรกหลังปลูก ประมาณ 75 วัน จากนั้น ให้ตัดทุกๆ 45-60 วัน การตัดหญ้าทำได้โดยการใช้มีด เคียว เครื่องตัดหญ้าสะพายไหล่ เครื่องเก็บเกี่ยว Double Chopper การเก็บเกี่ยวหญ้าเนเปียร์สายพันธุ์นี้ ต้องตัดให้ชิดดินที่สุด เพื่อให้แตกหน่อใหม่จากใต้ดิน จะทำให้มีขนาดโตอวบอ้วน แล้วจะกลายเป็นลำต้นที่สมบูรณ์ให้ผลผลิตสูง ถ้าตัดสูงเหลือข้อไว้จะมีแขนงออกมาจากข้างข้อ ลำต้นเล็กทำให้ได้ผลผลิตต่ำการปลูกในเขตชลประทานหรือเขตที่ทำการให้น้ำได้และมีการใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอตัดได้ปีละ 5-6 ครั้ง ให้ผลผลิตน้ำหนักสดประมาณ 100 ตัน/ไร่/ปี การปลูกในพื้นที่ 1 ไร่พบว่าสามารถเลี้ยงโคได้ 7-8ตัว ตลอดทั้งปี
*********************************************************************
ขอบคุณเจ้าของข้อมูลคะ

guitar

ข้อมูลหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1

ดูวิธีการแบบละเอียด
http://www.dld.go.th/ncna_nak/NP1.pdf

**************************************************************************

ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมาได้ร่วมกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ผสมพันธุ์หญ้าเนเปียร์จากแอฟริกาซึ่งเติบโตเร็วกับหญ้าท้องถิ่นพันธุ์ไข่มุกซึ่งหาอาหารเก่ง จนได้หญ้าเลี้ยงสัตว์ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ที่เจริญเติบโตเร็ว ผลผลิตสูง ตอบสนองต่อน้ำและปุ๋ยได้ดี และตั้งชื่อว่า "หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1" 

เท่าที่สัมผัสดูพบว่าพันธุ์ปากช่อง 1 มีความเหมาะสมในการใช้เป็นอาหารสัตว์มาก

   ส-ดีใจ เนื่องจากใบไม่คมเหมือนพันธุ์อื่น ๆ ในตระกูลเดียวกัน ส-ดีใจ

ไม่เพียงเท่านั้นศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมายังมีโครงการพัฒนาพันธุ์ "ปากช่อง 1" กับทางญี่ปุ่น เพื่อใช้เป็น Feedstock ผลิตพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ประโยชน์   
หญ้าเนเปียร์สดอายุประมาณ 60 วันหลังการเก็บเกี่ยว จะถูกนำมาบดให้มีความยาวประมาณ 2-5เซนติเมตร  จากนั้นนำไปใส่ในถังหมัก ซึ่งภายในมีน้ำ และหัวเชื้อจุลินทรีย์ รวมทั้งหญ้าที่ผ่านการหมักอยู่ก่อนแล้ว เพื่อให้เกิดการย่อยสลายแบบไม่มีออกซิเจน คล้ายกับการย่อยอาหารในกระเพาะของวัว ผลผลิตที่ได้คือ แก๊สชีวภาพ จะถูกเก็บไปไว้ในบอลลูน เพื่อนำไปผ่านเครื่องยนต์ ให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้า  และบางส่วนนำไปอัดลงถังใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ ส่วนผลพลอยได้อย่างปุ๋ยหมัก ที่เกิดจากย่อยสลาย จะถูกกรองแยกเนื้อและน้ำ เพื่อให้ไปใช้ในแปลงเกษตรต่อไปในเชิงพลังงานทดแทนแล้ว ภาคเอกชนทั้งบริษัทเล็กหรือใหญ่ รวมทั้งมหาวิทยาลัยบางแห่งได้มีการทดลองปลูกและทดสอบความคุ้มค่าบ้างแล้ว เช่น มีข้อมูลว่าถ้านำมาหมักเป็นก๊าซชีวภาพ อายุการตัดน่าจะอยู่ที่ 45-60 วัน และควรจะให้ปุ๋ยและน้ำให้เพียงพอ เพื่อหญ้าจะมีความหวานและหมักก๊าซได้มาก

แต่ถ้าจะใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าโดยทำให้แห้งก่อน อายุการตัดอาจต้องรอถึง 4 เดือน เนื่องจากเมื่อหญ้ามีอายุมากขึ้นความชื้นของต้นจะลดลง และให้ค่าความร้อนสูงขึ้น เป็นต้น 

บรรดาหญ้ายักษ์ทั้งหลายมีอายุหลายปี ทรงต้นเป็นกอตั้งตรง สูงประมาณ 2-4 เมตร ชอบปุ๋ยชอบน้ำเหมือนพืชทั่ว ๆ ไป สบายใจไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ต้องกังวลว่าหญ้าเหล่านี้จะกลายพันธุ์และขยายตัวไปโตตามที่ต่าง ๆ จนยากแก่การควบคุมเหมือนพืชบางชนิดในอดีต เนื่องจากหญ้าเหล่านี้ไม่สามารถขยายพันธุ์ทางดอกได้ แต่มีดอกบ้างเล็กน้อยและไม่สามารถโตได้ตามธรรมชาติ ต้องตั้งใจปลูกและตั้งใจดูแลเพื่อให้ได้ผลผลิตดี •ใ ช้เซลลูโลสเหลว เพื่อผลิตเอทานอลและบิวทานอล (Butanol)
• ผ่านกระบวนการ Pyrolysis เพื่อผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ
• เป็นสารเร่งปฏิกิริยา (Catalytic) ในการผลิตไบโอดีเซล
• ใช้เป็นวัตถุดิบผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bio-Plastic) และชีวเคมี
• ใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Gasification
• อัดแท่งใช้แทนถ่านหินเพื่อลดมลพิษในอากาศ
• ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตกระดาษและสิ่งทอ

แหล่งที่พบ   
ศูนย์วิจัยแลพัฒนาอาหารสัตว์นครราชสีมา
ตำบล   โคกสูง
อำเภอ   ปากช่อง
จังหวัด   นครราชสีมา



guitar


หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1

ลักษณะเดน
เติบโตเร็ว ใหผลผลิตตอไรสูง โปรตีนสูง มีความนากินสูง สัตวชอบกิน
ตอบสนองตอการใหน้ำและปุยดีิ แตกกอดี แกชา ทนแลง ในฤดูหนาวยังเติบโตไดดีไมชงัก
ไมมีระยะพักตัว ใบและลำตนออนนุม ขอบใบไมคมไมมีขน ที่ทำใหเกิดอาการคันคาย
ระยะออกดอกสั้น ไมติดเมล็ด ใหผลผลิตตลอดทั้งป มีปริมาณน้ำตาลในใบและลำตนสูง
ทำเปนหญาหมักโดยไมจำเปนตองเติมสารเสริมใดๆ ปรับตัวไดดีในดินหลายสภาพ
ไมมีโรคและแมลงรบกวน เก็บเกี่ยวงาย ปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวไดนานถึง 6-7 ป
เหมาะกับเกษตรกรที่มีพื้นที่จำกัด
ดูรายละเอียดที่นี่คะ.....

http://extension.dld.go.th/th1/images/stories/cattle_buff_bord/napiagrass.pdf


guitar

ส่งท่อนหญ้าเนเปียร์ปากช่อง1จำนวน800ท่อนแถม240ท่อน และ ท่อนหญ้าจักพรรดิ์จำนวน800ท่อนแถม240ท่อน
และกิ่งไผ่กิมซุง20ต้น ส่งไปประจวบคีรีขันธ์ทางบริษัมนิ่มฯวันที่24-3-57แล้วคะ ขอบคุณคะ ส.ตากุลิบกุลิบ

guitar


guitar


guitar


guitar

พักสายตา กับ สมาชิกใหญ่ของสวนสนามบินคะ  ส-ดีใจ

guitar

ตัดหญ้าจักรพรรดิ์ และ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1
อย่างละ อย่างละ 400 ท่อน ส่ง ควนขนุน พัทลุงคะ .. ส-ดีใจ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชม และ แวะมาอุดหนุนคะ ส.ตากุลิบกุลิบ  ส.ตากุลิบกุลิบ

guitar

ตระเตรียมกิ่งไผ่จำนวน 400 กิ่ง สำหรับลงเพิ่มเติมท่ี่สวนของเราคะ .... เอ้า พ่อค้ัาแม่ค้า หน่อไม้คะ .... ปีหน้าแวะมาที่สวนได้เลยนะคะ ... ขายหน่อไม้ ราคาไม่แพง ... เเบบพอเพียงคะ .. รับถึงสวนราคาประทับใจแน่นอน.. ส-ดีใจ

guitar

ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ เป้าหมายชัดเจน .... มีความสุขทุกขณะที่ลงมือทำ ... สำคัญได้ฝึกสติในระหว่างการทำงานคะ ส.หัว

guitar

การันตี ความใจดีของแม่ค้าคะ ซื้อท่อนหญ้า พร้อม ไผ่กิมซุง ... ทางสวนขายให้กิ่งละ 70 บาทคะ ไม่รวมค่าขนส่งนะคะ
สนับสนุนการปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูสภาพบรรยากาศ ลดภาวะโลกร้อนคะ... ส.ก๊ากๆ