"ไฮ-คูล"ปรับทัพกวาดลูกค้าตจว. เพิ่มไลน์ส่งฟิล์มกันรอยบุกตลาด

[ทีมงานประชาสัมพันธ์]

updated: 26 ก.พ. 2557 เวลา 16:32:59 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

"ไฮ-คูล" ปรับกลยุทธ์บุกตลาดต่างจังหวัด ทำยอดติดตั้งสูงสุด 5 แสนคันต่อปี ปีนี้เดินเกมส่งสินค้าใหม่ ฟิล์มกันรอย "ไฮ-คูล แฮนเดิล การ์ด" ต่อยอด หวังรักษาระดับยอดขาย สวนทิศทางตลาดซบเซา ยอดขายรวมหด 5%

นางสาวชลิฎา วณิชชากรพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงไฮ-คูล และซูเปอร์ไฮ-คูล เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมาว่า แม้ตลาดรถยนต์เริ่มหดตัวลงหลังหมดโครงการรถยนต์คันแรก แต่จากการที่บริษัทปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน ด้วยการรุกตลาดต่างจังหวัดเพิ่ม มีการแต่งตั้งเซลส์เข้าไปดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ก็ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดติดตั้งฟิล์มกว่า 500,000 คัน ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในตลาด และเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าราว 8%

ขณะที่ในปีนี้ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศที่มีกว่า 1,000 รายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในแง่ของการบริการและการติดตั้งฟิล์มกรองแสง โดยตั้งเป้าจะรักษายอดขายให้เท่ากับปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมของตลาดจะหดตัวลง เห็นได้จากยอดขายในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย จากความไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง

"ในส่วนของรายได้ไฮ-คูลอาจจะไม่ได้สูงสุด แต่สำหรับยอดติดตั้งนั้น เรามียอดติดตั้ง 500,000 คัน ซึ่งน่าจะสูงสุดในตลาด เพราะเราเน้นลูกค้ากลุ่มแมส และในปีที่ผ่านมา ก็เจาะตลาดต่างจังหวัดเพิ่ม ทำให้ลูกค้าที่ใช้ฟิล์มโนเนมทั่วไปหันมาติดตั้งฟิล์มไฮ-คูลมากขึ้น"

นอกจากนี้ บริษัทก็ได้เพิมไลน์สินค้าใหม่ คือฟิล์มกันรอย "ไฮ-คูล แฮนเดิล การ์ด" (Hi-kool handle guard) ที่เป็นฟิล์มใสสำหรับติดตั้งบริเวณเบ้ามือจับประตู เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน โดยมีสินค้าครอบคลุมกับรถยนต์กว่า 40 รุ่น ราคาต่อคันอยู่ที่ 1,200 บาท โดยเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งออกรถใหม่เป็นหลัก

ซึ่งได้เริ่มเปิดตัวไปในช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมาก็ถือว่าเริ่มได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าดีขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากสินค้าของบริษัทมีจุดเด่นที่เนื้อฟิล์มมีความสามารถในการคืนรูปได้ ทำให้แม้จะมีรอยขีดข่วนก็จะกลับสู่สภาพเดิมได้ ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด และในอนาคตก็เตรียมนำฟิล์มป้องกันรอยบริเวณขอบประตูเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติมด้วย

ด้านภาพรวมของตลาดฟิล์มกรองแสงนั้นในปีที่ผ่านมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2,200 ล้านบาท แต่ในปีนี้คาดว่าจากสภาพเศรษฐกิจและการเมือง อาจจะส่งผลให้ตลาดหดตัวลงประมาณ 5% ทำให้การแข่งขันในส่วนของฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์นั้นจะมีการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งบริษัทก็เน้นให้ความสำคัญกับดีลเลอร์ มีการจัดอบรมช่าง และพัฒนาเทคนิคการขายต่อเนื่อง ส่วนฟิล์มกันรอยนั้น ปัจจุบันยังมีคู่แข่งน้อยราย จึงถือเป็นโอกาสในการทำตลาด

[w_2005]

น่าสนใจครับ