ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โอล่ะพ่อ...งานนี้ MH370 งานเข้าแล้วครับ....

เริ่มโดย ฟ้าเปลี่ยนสี, 13:04 น. 16 มี.ค 57

ฟ้าเปลี่ยนสี

ความหวังใหม่! เครื่องบินตรวจการณ์ทัพฟ้าออสซี่จับ "สัญญาณ" ได้เป็นครั้งที่ 5 ขณะค้นหา MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
10 เมษายน 2557 19:21 น.

[attach=1]

เอเอฟพี - ทีมค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่หายไป ซึ่งต้องบากบั่นทำงานแข่งกับเวลาเพื่อหาตำแหน่งที่แน่ชัด ก่อนที่เครื่องส่งสัญญาณระบุตำแหน่ง "กล่องดำ" ของเครื่องบินลำดังกล่าวจะดับลง วันนี้ (10 เม.ย.) สามารถตรวจพบสัญญาณได้เป็นครั้งที่ 5 จึงจุดประกายให้เกิดความหวังว่าจะพบซากเครื่องบินลำนี้ในเร็วๆ นี้
       
       ตัวส่งสัญญาณระบุตำแหน่งกล่องดำ และกล่องดำของเที่ยวบิน MH370 ใกล้จะหยุดทำงาน ภายหลังที่เครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ลำนี้อันตรธานหายไปนานกว่า 1 เดือน ส่งผลให้ทีมค้นหาภายใต้การนำของออสเตรเลียต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดของจุดที่เครื่องบินลำนี้ตกลงไป ก่อนจะส่งเรือดำน้ำลงไปยังก้นบึ้งหาสมุทรเพื่อค้นหาซากเครื่องบินลำนี้
       
       ศูนย์ประสานร่วมระหว่างหน่วยงาน (เจเอซีซี) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเพิร์ธระบุว่า เครื่องบินตรวจการณ์ พี - 3ซี โอเรียน ของกองทัพอากาศออสเตรเลียสามารถตรวจจับสัญญาณล่าสุดได้ในช่วงบ่ายของวันนี้ (10) ภายหลังหย่อนเครื่องตรวจจับสัญญาณใต้น้ำหลายสิบเครื่องลงไปในในน่านน้ำอันห่างไกลซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการค้นหา
       
       แองกัส ฮุสตัน ผู้อำนวยการเจเอซีซี ระบุในคำแถลงว่า "ข้อมูลประเภทเสียงยังต้องรอการวิเคราะห์ในคืนนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสัญญาณที่ส่งออกมาจากอุปกรณ์ซึ่งมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น"
       
       ทั้งนี้ เรือ "โอเชียนชีลด์" ของออสเตรเลีย ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ค้นหาตำแหน่งเครื่องส่งสัญญาณแบบลากจูงชนิดพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐฯ กำลังมุ่งทำการค้นหาในมหาสมุทรอินเดีย จุดซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 2,280 กิโลเมตร ภายหลังสามารถจับสัญญาณได้สองครั้งเมื่อวันอังคาร (8)
       
       สัญญาณที่ตรวจพบได้เมื่อวันอังคาร (8) มีลักษณะสอดคล้องกับสัญญาณที่เรือลำนี้จับได้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอีก 2 ครั้ง

[attach=2]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

นกเหล็กออสซีพบสัญญาณใต้น้ำอีก ยิ่งมั่นใจปริศนา MH370 ใกล้คลี่คลาย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
10 เมษายน 2557 22:43 น.

New signals detected in MH370 search - BBC News

เอเจนซีส์ - ทีมค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เมื่อวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) สามารถตรวจจับสิ่งที่อาจจะเป็นสัญญาณเสียงชุดที่ 5 จากเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งกำลังจมอยูใต้มหาสมุทรอินเดีย จึงยิ่งเพิ่มความหวังว่าจะสามารถระบุตำแหน่งของวัตถุดังกล่าวนี้ได้ในเร็ววัน และส่งยานดำน้ำไร้คนขับออกไปพิสูจน์ทราบว่ามันเป็นกล่องดำของโบอิ้ง 777 ลำนี้ใช่หรือไม่
       
       พล.อ.อ.แองกัส ฮุสตัน อดีตผู้บัญชาการกองทัพออสเตรเลีย ที่เป็นหัวหน้าศูนย์ประสานงานการค้นหาในบริเวณด้านใต้ของมหาสมุทรอินเดียอยู่ในเวลานี้ ออกคำแถลงระบุว่า เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล AP-3 โอไรออน ของกองทัพอากาศออสเตรเลีย ซึ่งกำลังทิ้งทุ่นลอยโซนาร์ลงไปยังพื้นน้ำใกล้เคียงกับบริเวณที่เรือแดนจิงโจ้เคยพบสัญญาณเสียง 4 ชุดก่อนหน้านี้ ได้ยิน "สิ่งที่เป็นไปได้ว่าเป็นสัญญาณ" จากเครื่องมือซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นมา
       
       "ข้อมูลเสียงดังกล่าวนี้จำเป็นจะต้องมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมขึ้นในช่วงคืนนี้" คำแถลงบอก
       
       ถ้าหากได้รับการยืนยันแล้ว สัญญาณล่าสุดนี้ก็จะยิ่งช่วยลดขนาดขอบเขตของบริเวณไล่ล่าค้นหาเที่ยวบิน MH370 ซึ่งสูญหายไปในขณะกำลังบินจากกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง โดยที่มีลูกเรือและผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 239 คน
       
       ก่อนหน้านี้ เรือ "โอเชียนชิลด์" ของกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย สามารถตรวจจับเสียงน่าสงสัยจากใต้น้ำได้ 2 ชุดในวันอังคาร (8) เพิ่มเติมจากที่พบแล้ว 2 ชุดในวันเสาร์ (5) สัญญาณเสียงเหล่านี้ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความสอดคล้องกับเสียง "ping" ที่ปล่อยออกมาจาก "กล่องดำ" ซึ่งก็คืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินและเสียงในห้องนักบินของเครื่องบิน
       
       กองทัพอากาศออสเตรเลียกำลังปล่อยทุ่นลอยโซนาร์ลงน้ำ เพื่อให้สามารถระบุได้ชัดเจนยิ่งขึ้นถึงตำแหน่งที่ตั้งของเสียงสัญญาณที่เรือโอเชียน ชิลด์ ตรวจพบ
       
       น.อ.(พิเศษ) ปีเตอร์ เลียวี แห่งกองทัพเรือออสเตรเลีย ระบุว่า ทุ่นลอยเหล่านี้แต่ละทุ่นจะผูกอยู่กับ "ไฮโดรโฟน" หรือไมโครโฟนใต้ดิน ซึ่งจะจมลงไปใต้น้ำเป็นระยะประมาณ 300 เมตร และแต่ละทุ่นสามารถส่งข้อมูลที่ตรวจจับได้ผ่านทางวิทยุกลับไปที่เครื่องบิน AP-3 โอไรออน


ภาพที่เผยแพร่โดยกองทัพอออสเตรเลียเมื่อวันพุธ (9) แสดงให้เห็นเครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล AP-3 โอไรออน ของกองทัพอากาศแดนจิงโจลำหนึ่ง บินผ่านเรือโอเชียน ชิลด์ ขณะที่ทำการทิ้งทุ่นลอยโซนาร์ลงน้ำ เพื่อช่วยเหลือการค้นหาเที่ยวบิน MH370
[attach=1]

ทั้งนี้ หลังจากเรือโอเชียลชิลด์ตรวจพบสัญญาณเสียงรวม 4 ชุด ก็ช่วยให้สามารถหดพื้นที่ค้นหาในน่านน้ำมหาสมุทรอินเดีย บริเวณห่างจากทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเพิร์ท, เมืองหลวงของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ราว 2,300 กิโลเมตรลงมาได้มาก โดยที่ในวันพฤหัสบดี (10) มีการตีวงค้นหาลงมาเหลือราว 57,900 กิโลเมตร หรือราว 1 ใน 4 ของพื้นที่ค้นหาก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน
       
       ทั้งนี้ รายงานระบุว่าในวันพฤหัสบดีนี้เองเครื่องบินของนานาชาติรวม 14 ลำและเรือ 13 ลำ ได้ช่วยกันค้นหาซากเครื่องบิน จากบรรดาสิ่งที่ลอยบนผิวน้ำมากมายที่ลูกเรือสังเกตเห็นเมื่อวันพุธ แต่เท่าที่เก็บกู้ขึ้นมายังไม่มีสิ่งใดที่เชื่อได้ว่า เชื่อมโยงกับ MH370
       
       ภายในบริเวณค้นหานี้ก็ครอบคลุมพื้นที่ 1,300 ตารางกิโลเมตรใต้ทะเล ที่เรือโอเชียน ชิลด์พยายามค้นหาตำแหน่งเสียงใต้น้ำเพิ่มเติมจากที่เคยตรวจจับได้
       
       ถ้าหากจับสัญญาณเสียงได้อีกและสามารถลดพื้นที่ใต้น้ำที่ต้องค้นหาให้แคบลง ก็จะมีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการเตรียมการก่อนที่จะส่งยานใต้น้ำไร้คนขับ "บลูฟิน-21" ออกมาปฏิบัติการสร้างแผนที่โซนาร์ของบริเวณใต้สมุทรที่ซากเครื่องบินอาจจะจมอยู่
       
       บลูฟิน-21 ซึ่งมีลักษณะเป็นยานหุ่นยนต์ ต้องใช้เวลายาวนานเป็น 6 เท่าตัว ในการค้นหาพื้นที่ขนาดเดียวกันกับที่อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณจากกล่องดำ (ทีพีแอล) ซึ่งกำลังลากจูงโดยเรือโอเชียน ชิลด์ สามารถทำได้ในเวลานี้ ด้วยเหตุนี้เองในเวลานี้จึงยังพึ่งพาทีพีแอลป็นสำคัญในขณะที่ยังพอจะใช้ได้ นั่นคือ ในเวลาที่พลังงานของแบตเตอร๊ของกล่องดำยังไม่หมดเกลี้ยง
       
       เนื่องจากแบตเตอรี่ของกล่องดำโดยปกติแล้วมีอายุการใช้งานเพียง 30 วันโดยประมาณ และวันอังคาร (8) ที่ผ่านมาก็เป็นวันครบรอบ 1 เดือนที่ MH370 หายไป โดยยังไม่มีใครล่วงรู้สาเหตุ
       
       แต่หากพลังงานแบตเตอรี่หมดลงก่อนที่จะหาพบ การค้นหาใต้มหาสมุทรลึกถึง 4,500 เมตรคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
       
       ขณะเดียวกัน ที่มาเลเซีย ซาฮิด ฮามิดี รัฐมนตรีมหาดไทยแถลงว่า จากการสัมภาษณ์บุคคล 180 คน ซึ่งรวมถึงญาติของผู้โดยสารและลูกเรือ รวมทั้งพนักงานสายการบินภาคพื้นดินและวิศวกร ยังไม่พบหลักฐานที่เป็นข้อสรุปสำหรับการสอบสวนหาสาเหตุที่ MH370 เปลี่ยนเส้นทางขณะมุ่งหน้าจากกัวลาลัมเปอร์สู่ปักกิ่งแต่อย่างใด
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

นายกฯ ออสซี "มั่นใจ" สัญญาณ Ping มาจากกล่องดำ MH370 แย้มระบุพิกัดได้แล้วในรัศมี "ไม่กี่กิโลเมตร"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
11 เมษายน 2557 12:41 น.   

นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลีย
[attach=1]

เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลีย "มั่นใจ" ว่าสัญญาณ Ping ที่ตรวจพบในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ช่วง 4-5 วันที่ผ่านมาถูกส่งมาจากกล่องดำของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 และเผยด้วยว่าทีมค้นหาสามารถระบุตำแหน่งคร่าวๆ ของกล่องดำภายในรัศมี "ไม่กี่กิโลเมตร" ได้แล้ว
       
       แอบบ็อตต์ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนจีนแถลงวันนี้ (11) ว่า "เราสามารถจำกัดพื้นที่ค้นหาให้แคบลงได้แล้ว และเชื่อว่าสัญญาณที่ตรวจพบมาจากกล่องดำแน่นอน"
       
       รัฐบาลออสเตรเลียรับหน้าที่ผู้นำในการค้นหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซีย ซึ่งสูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ขณะพาผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตออกจากเดินทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่งของจีน
       
       เครื่องบินค้นหากว่า 100 เที่ยวที่ถูกส่งออกไปยังน่านน้ำห่างไกลนอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียยังไม่พบชิ้นส่วนใดๆ ที่ยืนยันได้ว่ามาจาก MH370 ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าพบจุดจบในทะเลแล้ว แต่สัญญาณ Ping ที่เรือโอเชียนชิลด์ของกองทัพออสเตรเลียตรวจจับได้ถึง 4 ครั้งในรอบ 1 สัปดาห์มานี้ก็กลายเป็นความหวังใหม่ที่ทำให้ทีมค้นหาเชื่อว่า พวกเขาเข้าใกล้จุดตกของเครื่องบินเข้าไปทุกที
       
       จากการตรวจวิเคราะห์สัญญาณ 2 ครั้งแรกซึ่งตรวจพบโดยอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณกล่องดำของสหรัฐฯ ที่ผูกติดอยู่กับเรือโอเชียนชิลด์ ได้ข้อสรุปว่า มีคลื่นความถี่ตรงกับสัญญาณที่ส่งออกมาจากกล่องบันทึกข้อมูลการบิน
       
       ระหว่างการแถลงข่าวที่นครเซี่ยงไฮ้ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระบุว่า พื้นที่ค้นหาถูก "บีบให้แคบลงมาก เนื่องจากเราพบสัญญาณ Ping อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางครั้งก็กินเวลานาน"
       
       "อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่เรามั่นใจว่ามาจากกล่องดำของเครื่องบินเริ่มจะอ่อนลงทุกที... ก็หวังแต่เพียงว่าเราจะได้ข้อมูลมากที่สุด ก่อนที่แบตเตอรีกล่องดำจะหมดลง"
       
       ผู้โดยสาร 154 คน หรือประมาณ 2 ใน 3 ของเที่ยวบิน MH370 เป็นชาวจีน
       
       แอบบ็อตต์ยืนยันว่าตนเอง "มั่นใจอย่างยิ่ง" แต่ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูลเชิงลึก จนกว่าจะแจ้งความคืบหน้าในการปฏิบัติการค้นหาให้ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ทราบเสียก่อน
       
       "เรามั่นใจว่าเราสามารถระบุพิกัดคร่าวๆ ของกล่องดำได้แล้วภายในรัศมีไม่กี่กิโลเมตร"
       
       "อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจเรื่องพิกัดของกล่องดำกับการกู้ซากเครื่องบินซึ่งน่าจะจมอยู่ที่ความลึก 4.5 กิโลเมตร หรือการระบุชัดเจนลงไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนี้ เป็นคนละเรื่องกัน"
       
       แอบบ็อตต์ยังพูดปลอบใจญาติผู้โดยสารชาวจีนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปกับโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งนี้
       
       "ผมรู้สึกเห็นใจผู้สูญเสีย โดยเฉพาะครอบครัวและเพื่อนฝูงของผู้โดยสารชาวจีน 154 ราย และขอให้พวกเขาเชื่อมั่นว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะไม่ละความพยายามจนกว่าเราจะได้ทำอย่างสุดความสามารถเพื่อสร้างความสบายใจ และปิดฉากโศกนาฏกรรมนี้ลงได้"


[attach=2]

[attach=3]

[attach=4]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ลองฟังดูครับ สงสัยไหมครับว่า

งานนี้สหรัฐอเมริกา ทำไมถึงเงียบกริบ

ไม่กระตือรือร้นกับงานนี้เลย ติดตามครับ...

วิเคราะห์โดย คุณทนง กับ  คุณวัชรา จาก https://www.facebook.com/ThanongFanclub

รายการ Top of the World : "NowTV26" 9-4-57

ปริศนา MH370 (9-4-57)

http://youtu.be/cUVOfAFW5KA
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

เซ่นพิษ MH370! จีนเลื่อนส่งแพนด้าคู่แก่มาเลเซีย รอผลค้นหาเที่ยวบินปริศนา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
11 เมษายน 2557 23:29 น.

[attach=1]

เอเอฟพี/เอพี - จีนเลื่อนแผนส่งแพนด้า 2 ตัวแก่มาเลเซียที่มีกำหนดในสัปดาห์หน้า รัฐมนตรีแดนเสือเหลืองเผยเมื่อวันศุกร์(11) ขณะที่ทั้งสองประเทศอยู่ในช่วงแห่งความสัมพันธ์อันกระสับกระส่ายเกี่ยวกับการสูญหายไปของเที่ยวบิน MH370 ส่วนหนึ่งก็เพื่อรอผลการค้นหาและที่สำคัญก็คือเพื่อแสดงความเคารพต่อความรู้สึกของญาติผู้โดยสาร
       
       สองประเทศตกลงกันในปี 2012 ว่าจีนจะมอบแพนด้ายักษ์ 2 ตัวให้มาอยู่ในมาเลเซียเป็นเวลา 10 ปี ส่วนในแผนใช้แพนด้าเป็นทูตกระชับความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆของจีน อย่างไรก็ตามนายจี.ปาลานิเวล รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมมาเลเซีย บอกกับเอเอฟพีว่า "พวกเขา(จีน) กำลังรอผลการค้นหา MH370" เขาบอกผ่านข้อความทางโทรศัพท์มือถือ "การส่งมอบถูกเลื่อนออกไป พวกมันจะถูกส่งมาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม"
       
       ขณะที่นายปาลานิเวล แถลงต่อสื่อมวลชนในเวลาต่อมาว่าจีนและมาเลเซียเห็นพ้องว่าจะมีการส่งมอบแพนด้ายักษ์ในวันที่สำคัญกว่าในเดือนพฤษภาคม ด้วยวันที่ 31 พฤษภาคม ถือเป็นวันครบรอบ 40 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองชาติ "สืบเนื่องจากเหตุการณ์ MH370 จึงมีการเลื่อนส่งมอบแพนด้า"
       
       นายปาลานิเวล บอกต่อด้วยว่าการข้อตกลงเลื่อนการส่งมอบครั้งนี้ก็เพื่อต้องการแสดงความเคารพต่อครอบครัวของผู้โดยสารขณะที่ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินเข้าสู่ขั้นสำคัญ หลังจากตรวจพบสัญญาณเสียงในมหาสมุทรอินเดียทางตอนใต้ตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเครื่องส่งสัญญาณจากกล่องดำ เพิ่มความหวังว่าใกล้พบเครื่องบินแล้วและคลี่คลายปริศนาว่ามันหายไปได้อย่างไร
       
       "ระหว่างช่วงเวลาที่ยุ่งยากนี้ มันคงดูจะไม่เหมาะสมนักทั้งการเตรียมการส่งมอบและรอรับแพนด้าในมาเลเซีย" นายปาลานิเวล กล่าวโดยไม่ได้ให้เหตุผลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเลื่อนครั้งนี้ จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 16 เมษายนและส่งมอบโดยเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส
       
       สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สและรัฐบาลมาเลเซียถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดในจีน ด้วยจากผู้โดยสารทั้งหมด 239 คนของเที่ยวบิน MH370 มีชาวจีนอยู่ถึง 153 ราย ขณะที่เที่ยวบินนี้สูญหายไปขณะกำลังเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ สู่กรุงปักกิ่งในวันที่ 8 มีนาคม และเชื่อว่ามันน่าจะตกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย โดยเวลานี้ปฏิบัติการค้นหานานาชาติกำลังหาทางระบุตำแหน่งของกล่องบันทึกข้อมูลการบินที่คาดว่าน่าจะอยู่บริเวณพื้นทะเล
       
       ญาติๆผู้โดยสารชาวจีนกล่าวหาเจ้าหน้าที่และสายการบินแห่งชาติมาเลเซียว่าตอบสนองไม่ดีพอต่อการหายไปของเครื่องบินและยังปกปิดข้อมูล ข้อกล่าวหาที่รัฐบาลแดนเสือเหลืองปฏิเสธ ขณะที่ทางการจีนได้อนุญาตไม่บ่อยครั้งนัก ให้ญาติๆจัดประท้วงบริเวณด้านหน้าสถานทูตมาเลเซียประจำปักกิ่งเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อแสดงความขุ่นเคืองและบ่งชี้ว่าทางการก็สนับสนุนเสียงวิจารณ์ของพวกเขา
       
       สื่อมวลชนหลายแห่งของมาเลเซียรายงานอ้างคำสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่รัฐบาลในวันศุกร์(11) ว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างต่ำ 30,000 คน ยกเลิกมาพักผ่อนในมาเลเซีย ตามหลังเกิดเรื่องราวเครื่องบินสูญหาย ขณะที่ภาพลักษณ์ของมาเลเซียในสายตาชาวจีน ก็ย่ำแย่หนักอีกในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนักท่องเที่ยวชาวจีนคนหนึ่งถูกลักพาตัวในรัฐทางตะวันออก โดยกลุ่มมือปืนซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นนักรบอิสลามิสต์จากทางใต้ของฟิลิปปินส์ โดยมาเลเซีย บอกว่าตอนนี้กำลังเจรจาต่อรองเงินค่าไถ่อยู่
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

Weekend Focus: เรือออสซี่พบสัญญาณ Ping ใต้น้ำ จุดความหวังเจอซาก "โบอิ้งมาเลเซีย" หลังหายสาบสูญครบ 1 เดือน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
12 เมษายน 2557 06:12 น.

ญาติผู้โดยสารร่วมกันจุดเทียนรำลึกครบ 1 เดือนที่ MH370 สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย
[attach=1]

ผ่านมาครบ 1 เดือนที่เครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมผู้คนกว่า 200 ชีวิต แต่ทว่าการตระเวนหาจุดตกของเครื่องบินบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ตลอดหลายสัปดาห์ก็ยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดที่จะยืนยันได้ว่าเครื่องบินพบจุดจบแล้ว ขณะเดียวกันก็มีเสียงเตือนจากนักวิเคราะห์ว่า ปฏิบัติการค้นหาที่ยืดเยื้อและยากเย็นที่สุดครั้งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายบานปลายถึง "หลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ" ซึ่งจะเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์การบินโลก
       
       เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส สูญหายไปจากจอเรดาร์ หลังออกจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์เพื่อมุ่งหน้าสู่ปักกิ่งเมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม โดยบนเครื่องมีผู้โดยสาร 227 คน และลูกเรืออีก 12 คน
       
       การค้นหาในขณะนี้กระจุกอยู่ในบริเวณเสี้ยววงกลม 600 กิโลเมตรของส่วนด้านใต้สุดของมหาสมุทรอินเดีย หลังอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณ Ping ของกองทัพเรืออเมริกันซึ่งลากจูงโดยเรือ โอเชียน ชิลด์ ของกองทัพออสเตรเลียตรวจพบสัญญาณใต้น้ำ 2 ครั้งเมื่อวันเสาร์ที่ 5 และวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน ซึ่งสัญญาณดังกล่าวมีความถี่ 37.5 กิโลเฮิรตซ์ตรงกับสัญญาณจากกล่องดำของเครื่องบิน
       
       สัญญาณครั้งแรกที่พบกินเวลานานถึง 2 ชั่วโมง 20 นาทีก่อนจะขาดหายไป และเมื่อเรือวนกลับย้อนเส้นทางเดิมก็ตรวจจับสัญญาณได้อีก คราวนี้กินเวลา 13 นาที โดยสัญญาณที่รับได้ในครั้งที่ 2 นั้นเป็นสัญญาณ Ping ที่ต่างกัน จึงเป็นไปได้ว่าอาจส่งออกมาจากทั้งกล่องบันทึกข้อมูลการบินและกล่องบันทึกการสื่อสารในห้องนักบินซึ่งมีตัวส่งสัญญาณแยกกัน
       
       ต่อมาในวันอังคารที่ 8 เมษายน โอเชียน ชิลด์ ก็สามารถตรวจจับสัญญาณใหม่ได้อีก 2 ครั้ง กินเวลานาน 5 นาที 32 วินาที และราว 7 นาทีตามลำดับ ทั้งยังมีคลื่นความถี่สัมพันธ์กับสัญญาณคู่แรกซึ่งตรวจพบในช่วงสุดสัปดาห์

เครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส
[attach=2]

พล.อ.อ. แองกุส ฮุสตัน อดีตผู้บัญชาการกองทัพออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมประสานงานการค้นหาแถลงว่า แม้สัญญาณ ping ที่ตรวจพบจะเป็นความคืบหน้าที่ดีที่สุดในเวลานี้ แต่ยังจำเป็นต้องให้เรือและเครื่องบินออกค้นหาต่อ จนกว่าจะมั่นใจว่าแบตเตอรีกล่องดำหมดพลังงานแล้ว เพราะหากจับสัญญาณได้อีกก็จะช่วยลดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง อันจะทำให้การปฏิบัติการของยานดำน้ำไร้คนขับ "บลูฟิน-21" ที่จะถูกส่งลงไปค้นหาใต้ทะเลมีประสิทธิภาพเต็มที่ และระหว่างการค้นหาสัญญาณจะไม่อนุญาตให้เรือลำอื่นเข้าใกล้ โอเชียน ชิลด์ เนื่องจากภารกิจนี้ต้องอาศัยสภาพแวดล้อมที่ปราศจากเสียงรบกวนมากที่สุด
       
       จุดที่ โอเชียน ชิลด์ ค้นหาในขณะนี้อยู่ทางตอนเหนือสุดของบริเวณค้นหาที่กำหนดไว้ ซึ่งน่านน้ำบริเวณนี้มีความลึกเฉลี่ย 4,500 เมตร พอดีกับขีดจำกัดการทำงานของ บลูฟิน-21 ที่ออกแบบมาเพื่อการสำรวจใต้ทะลึก
       
       หากอุปกรณ์โซนาร์ของ บลูฟิน-21 ตรวจพบสิ่งผิดปกติใต้ทะเล ยานไร้คนขับขนาดเล็กนี้ก็จะขึ้นสู่ผิวน้ำ และกลับลงไปอีกครั้งพร้อมกับกล้องวิดีโอเพื่อบันทึกภาพ
       
       จากข้อมูลที่ได้รับทั้งหมด ฮุสตัน แสดงความเชื่อมั่นว่าทีมค้นหาเข้าใกล้จุดตกของ MH370 เต็มที และอีกไม่กี่วันคงจะสามารถใช้ยานดำน้ำ บลูฟิน-21 ได้ เนื่องจากสัญญาณ Ping ครั้งสุดท้ายที่เรือ โอเชียนชิลด์ จับได้อ่อนลงมาก แสดงให้เห็นว่าแบตเตอรีกล่องดำใกล้จะหมดลงแล้ว
       
       ขณะเดียวกัน ญาติๆ ของผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 ซึ่งราว 2 ใน 3 เป็นชาวจีนก็ได้ร่วมกันจุดเทียนรำลึกในวาระครบรอบ 1 เดือนที่เครื่องบินลำนี้สูญหาย และพยายามปลอบโยนกันและกัน ระหว่างที่รอฟังความคืบหน้าในการค้นหาเครื่องบินอย่างทุกข์ทรมาน
       
       ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย ยอมรับว่าสัญญาณ Ping ที่เรือ โอเชียน ชิลด์ จับได้เป็นเบาะแสที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยังไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าผู้โดยสารบางส่วนอาจยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบาะแสที่ได้รับจากดาวเทียมไม่ได้บ่งบอกหรือแสดงให้เห็นเลยว่ายังมีผู้รอดชีวิต

เรือ โอเชียน ชิลด์ ของกองทัพออสเตรเลีย
[attach=3]

สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ประเมินค่าใช้จ่ายในปฏิบัติการค้นหา MH370 โดยอิงกับสถิติของกองทัพเกี่ยวกับต้นทุนทรัพย์สินต่อชั่วโมงที่ประเมินโดยนักวิเคราะห์ด้านกลาโหม และต้นทุนที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายงาน ซึ่งก็พบว่า ภายใน 1 เดือนที่ผ่านมาเครื่องบินและเรือจากออสเตรเลีย จีน อเมริกา และเวียดนาม ซึ่งเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ใช้เงินไปแล้วอย่างน้อย 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นปฏิบัติการค้นหาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน และยังไม่รวมทรัพย์สินด้านการทหารทั้งหมด ตลอดจนต้นทุนอื่นๆ เช่น เครื่องบินพลเรือน ที่พักสำหรับบุคลากรนับร้อยคน และค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์ข่าวกรองทั่วโลก
       
       ตัวเลขนี้ถือว่าใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายในการค้นหาเที่ยวบิน AF447 ของสายการบิน แอร์ฟรานซ์ ที่ตกลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อปี 2009 และต้องใช้เวลาค้นหาอยู่นานหลายเดือน แต่ในทำนองเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าต้นทุนที่แท้จริงของการค้นหา แอร์ฟรานซ์ อาจสูงกว่าตัวเลขที่เปิดเผย และค่าใช้จ่ายในการค้นหา MH370 ทั้งหมดจนสิ้นสุดปฏิบัติการก็มีแนวโน้มที่จะบานปลายเป็น "หลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ"
       
       แม้ออสเตรเลียซึ่งรับหน้าที่อำนวยการค้นหา และมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศที่เครื่องบินจดทะเบียนจะย้ำว่า "ค่าใช้จ่ายไม่ใช่ปัญหา" ทว่านายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ ที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายถึงครึ่งหนึ่งเนื่องจากพื้นที่ค้นหาอยู่ในน่านน้ำของตน ก็เริ่มส่งสัญญาณเตือนว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งอาจต้อง "เรียกเก็บค่าใช้จ่าย" แต่ก็สำทับว่า แคนเบอร์รายินดีให้ความช่วยเหลือแก่ทุกประเทศเท่าที่สามารถทำได้
       
       ผู้สนับสนุนสำคัญรองลงมาได้แก่ จีน และสหรัฐฯ โดยสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเปิดเผยว่าใช้งบประมาณไปกับการค้นหา MH370 แล้วกว่า 3.3 ล้านดอลลาร์
       
       เวลานี้ทุกฝ่ายต่างภาวนาให้สัญญาณที่เรือ โอเชียน ชิลด์ ตรวจพบมาจากเครื่องบินมาเลเซียที่สูญหาย เพราะหากข้อมูลนี้ผิดพลาดและจุดที่พบสัญญาณไม่ใช่จุดตกของเครื่องบิน โอกาสที่จะค้นหาMH370 พบก็ยิ่งเหลือน้อยเต็มที เพราะการค้นหาซากเครื่องบินที่นอนสงบนิ่งอยู่ใต้ทะเลอันเวิ้งว้างโดยปราศจากสัญญาณกล่องดำช่วยนำทางก็คงไม่ต่างจากการ "งมเข็มในมหาสมุทร" ดีๆ นี่เอง

ยานสำรวจใต้ทะเลไร้คนขับ บลูฟิน-21
[attach=4]

ภาพแสดงจุดที่เรือจีนและออสเตรเลียพบสัญญาณ Ping ใต้น้ำ ซึ่งเชื่อว่าถูกส่งมาจากกล่องดำของ MH370
[attach=5]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

"นายกฯออสซี" มั่นใจสัญญาณที่เรืออสเตรเลียจับได้มาจาก "กล่องดำ MH370"
ยังเดินหน้าหาต่อ ถึงแม้จะยังไม่พบสัญญาณใต้น้ำใหม่


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
12 เมษายน 2557 17:16 น.   

[attach=1]

เอพี/เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โทนี แอ็บบอตต์ ได้กล่าวในวันนี้(12)ว่า ถึงแม้ว่ายังไม่พบสัญญาณใหม่ใต้น้ำภายใน 24 ชม.ที่ผ่านมา แต่การค้นหา MH370 ต้องดำเนินต่อไปอย่างเร่งรีบ เพื่อแข่งกับสัญญาณที่ส่งออกมาจากล่องดำนั้นกำลังจะดับไปอย่างรวดเร็ว
       
       โดยคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โทนี แอ็บบอตต์ ในวันศุกร์(11)ที่ได้พบกับประธานาธิบดีจีน สี จินผิง ในช่วงเวลาเยือนจีน แอ็บบ็อตย้ำว่า เขามั่นใจว่าสัญญาณที่เรือของออสเตรเลียจับได้นั้นมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่สูญหายในมหาสมุทรอินเดียใต้
       
       และแอ็บบอตต์ยังคงแสดงความมั่นใจในการให้สัมภาษณ์ในวันนี้(12) และเสริมว่าภารกิจตามหาครั้งนี้นั้นยากมาก "ไม่ควรจะมีใครสบประมาทต่อภารกิจการค้นหา MH370 ที่มีความยากลำบากรออยู่ข้างหน้า " แอ็บบอตต์กล่าวในวันสุดท้ายของการเยือนจีน และเสริมต่อว่า "ในขณะนี้ทีมสำรวจได้จำกัดพื้นที่การค้นหา แต่พยายามจะตรวจค้นอะไรก็ตามที่อยู่ใต้ผิวมหาสมุทรลึกลงไปราว 4 กม.ครึ่ง และห่างจากฝั่ง 1,000 กม ซึ่งถือเป็นงานยักษ์ และเป็นภารกิจที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะบรรลุผล" แอ็บบอตต์กล่าว
       
       และในขณะเดียวกันในวันเสาร์(12) ทีมค้นหาที่มีทั้งเรือ 14 ลำและเครื่องบิน 10 ลำ ยังคงเดินหน้าค้นหาต่อไปท่ามกลางสภาพอากาศที่มีฝนตก และคลื่นสูง 1 ม. เพื่อระดมรวบรวมข้อมูลสัญญาณที่ตรวจจับได้ให้มากที่สุดเในการคำนวณหาจุดตกของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส โดยในวันนี้(12) หน่วยงานความร่วมมือการค้นหาที่มีออสเตรเลียเป็นผู้นำ (JACC )ได้เปิดเผยว่า ในพื้นที่ห่างไกลที่คาดว่า MH370 ตกนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้กำหนดขอบเขตการค้นหาให้เล็กลง
       
       "ในวันนี้เรือสัญชาติออสเตรเลียโอเชียนชิลด์ที่พ่วงอุปกรณ์ค้นหากล่องดำของกองทัพเรือสหรัฐฯยังคงเดินหน้าตามหาสัญญาณในพื้นที่เป้าหมาย" JACC กล่าว
       ที่ผ่านมาเรือโอเชียนชิลด์สามารถจับสัญญาณที่คาดว่ามีความเชื่อมโยงกับ MH370ได้ถึง 4 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรก สัญญาณได้รับการยืนยันว่าเหมือนสัญญาณที่ส่งออกมาจากกล่องดำของ MH370
       
       นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณในการค้นหาวันเสาร์(12)นั้นมีพื้นที่ราว 41,393 ตรกม. และบริเวณแกนกลางการค้นหาทอดยาวร่วม 2,330 กม ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเพิร์ธ ออสเตรเลีย
       
       "ทางทีมงานพยายามลดพื้นที่การค้นหาใต้น้ำให้แคบลงสำหรับการใช้โดรนใต้น้ำเข้าสำรวจต่อไป" และ JACC ยังกล่าวต่อว่า "จนถึงขณะนี้ผ่านมาแล้ว 24 ชม. ยังไม่พบสัญญาณใหม่แต่อย่างใด และยังไม่พบซากใดๆที่มาจากเครื่องบินที่สูญหาย"

[attach=2]

[attach=3]

[attach=4]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

สื่อมาเลย์ระบุ "นักบินที่ 2" เที่ยวบิน MH370 ใช้ "มือถือ" โทรศัพท์ก่อนโบอิ้งบินหายลับ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
12 เมษายน 2557 17:46 น.

ฟาริก อับดุล ฮามิด
[attach=1]

เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – รายงานฉบับหนึ่งซึ่งอ้างคำพูดพนักงานสืบสวนที่ขอสงวนนาม และนำออกเผยแพร่วันนี้ (12 เม.ย.) ระบุว่า นักบินที่สองของเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์พยายามใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อหาใครบางคนระหว่างกำลังทำการบิน เพียงไม่นานก่อนที่เครื่องบินลำนี้จะอันตรธานหายไปจากจอเรดาร์
       
       หนังสือพิมพ์ "นิวสเตรทไทมส์" รายงานโดยอ้างคำพูดแหล่งข่าวคนหนึ่งซึ่งชี้ว่า สัญญาณโทรศัพท์ขาดหายไปอย่างกะทันหัน ซึ่งอาจเป็น "เพราะอากาศลำนี้ยานบินออกห่างจากเสา (สื่อสาร) ไปอย่างรวดเร็ว"
       
       อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์มาเลเซียเจ้านี้ยังรายงานคำพูดของแหล่งข่าวอีกรายซึ่งระบุว่า ไม่ปรากฏแน่ชัดว่า ขณะที่"สายโทรศัพท์" ของฟาริก อับดุล ฮามิด "กลับมาเชื่อมต่ออีกครั้ง" นั้นเป็นการโทรศัพท์ติดต่อจากเครื่องโบอิ้ง 777-200ER ที่หายสาบสูญไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมหรือไม่
       
       อย่างไรก็ตาม รายงานที่ใช้ชื่อว่า "Desperate Call for Help" (การโทรศัพท์ขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง) ไม่ได้ระบุว่า เขากำลังพยายามติดต่อไปหาใคร
       
       ทั้งนี้ ฟาริก และกัปตัน ซาฮารี อะห์หมัด ชาห์ ถูกเจ้าหน้าที่สืบประวัติอย่างละเอียด หลังเครื่องบินโดยสารลำนี้หายไประหว่างมุ่งหน้าออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่งพร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 239 ชีวิต
       
       เมื่อเดือนที่แล้ว พนักงานสืบสวนชี้ว่า ใครบางคนบนเที่ยวบิน MH370 จงใจเปลี่ยนเส้นทางอากาศยานลำนี้โดยไต่ตรองไว้ก่อน และระบบสื่อสารบนเครื่องบินลำนี้ถูกปิดด้วยมือขณะบินออกจากน่านฟ้ามาเลเซีย จึงจุดประกายให้ตำรวจสืบสวนความเป็นไปได้ที่ว่าอาจเกิดอาชญากรรมบนเครื่องบินลำนี้ ทว่าจนถึงตอนนี้ก็แทบจะไม่พบเบาะแสเพิ่มเติม

[attach=2]

ชะตากรรมของเที่ยวบิน MH370 ยังคงเป็นปริศนา โดยมีผู้เสนอแนะทฤษฎีจำนวนมาก ซึ่งรวมถึง การจี้เครื่องบิน หรือการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ตลอดจนเป็นการลงมือก่อเหตุของกัปตันเอง
       
       ก่อนหน้านี้ มีรายงานจากสื่อมาเลเซีย ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันระบุว่า กัปตันซึ่งเป็นนักบินที่หนึ่งได้โทรศัพท์ติดต่อหาใครบางคนในช่วงก่อน หรือระหว่างทำการบิน แต่ไม่ได้มีการเผยแพร่รายละเอียดมากไปกว่านี้
       
       นิวสเตรทไทม์รายงานว่า ภายหลังที่บินออกนอกเส้นทาง เที่ยวบิน MH370 ก็ลดระดับการบิน ขณะอยู่ใกล้เกาะปีนัง ทางชายฝั่งด้านทิศตะวันตกของมาเลเซีย จนอยู่ในระดับต่ำพอที่เสาสื่อสารสามารถจับสัญญาณจากโทรศัพท์ของนักบินที่สองได้
       
       หนังสือพิมพ์ซึ่งอยู่ภายใต้ความควบคุมของรัฐบาลมาเลเซียเจ้านี้รายงานคำพูดของแหล่งข่าวรายที่สองว่า โทรศัพท์กลับมาเชื่อมต่อกับสัญญาณอีกครั้ง ในช่วงที่เครื่องบินลำนี้บินออกนอกเส้นทาง และหายไปจากจอเรดาร์
       
       "การเชื่อมต่อสัญญาณอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าโทรศัพท์ถูกใช้ติดต่อหาใคร แต่อาจเกิดจากการเปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง"
       
       ทางด้าน กระทรวงคมนาคมของมาเลเซียกล่าวกับเอเอฟพีว่า กำลังตรวจสอบรายงานของสื่อเจ้านี้ และจะแถลงชี้แจงในภายหลัง
       
       ทั้งนี้ รัฐบาลและสื่อมาเลเซียได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจค้นหาเครื่องบิน และการสืบสวนอาชญากรรมไม่ตรงกัน อีกทั้งข้อมูลที่พวกเขานำเสนอก็ยังขัดแย้งกันเองครั้งแล้วครั้งเล่า

[attach=3]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฅ ฅนหลง

.

..ขอบคุณ กิมหยง

เสียใจกับญาติผู้สูญเสีย และหวังว่า อาจจะมีชีวิตรอดอยู่..


.. อาจมีมหาอำนาจชั่วบงการ ถ้ามีหลักฐานต้องลงโทษให้สาสม ส.แย่จัง ส.แย่จัง

ฟ้าเปลี่ยนสี

อ้างจาก: ฅ ฅนหลง เมื่อ 19:12 น.  12 เม.ย 57
.

..ขอบคุณ กิมหยง

เสียใจกับญาติผู้สูญเสีย และหวังว่า อาจจะมีชีวิตรอดอยู่..


.. อาจมีมหาอำนาจชั่วบงการ ถ้ามีหลักฐานต้องลงโทษให้สาสม ส.แย่จัง ส.แย่จัง

หายไปนานเลยน่ะครับท่่าน สบายดีน่ะครับ  ส.หัว
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฅ ฅนหลง

.

....ขอบคุณ คุณข้างเนิน ที่ทักทาย และยังจำผมได้

ผมเป็นคนขี้เบื่อ ชอบเร่ร่อนไปหลายๆเวบ แต่ก็ติดตามเวบกิมหยงอยู่เสมอ

...ท่านเจ้าคุณหลวง อาจารย์ผม ก็หายไปเลย สบายดีบ่


...วันนี้ เป็นวันปีใหม่ไท ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้คุณข้างโคก  เอ่อ..จำผิด คุณข้างเนิน

เจ้าหน้าที่ ทุกคนในกิมหยง, คุณบูด หรือ บูช และคุณข้างพลาซ่า, เจ้าหน้าที่มูลนิธิ

ท่านเจ้าคุณ และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย  มีแต่ความสุข ความเจริญ ยิ่งๆขึ้นไป ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง

ฟ้าเปลี่ยนสี

อ้างจาก: ฅ ฅนหลง เมื่อ 17:24 น.  13 เม.ย 57
.

....ขอบคุณ คุณข้างเนิน ที่ทักทาย และยังจำผมได้

ผมเป็นคนขี้เบื่อ ชอบเร่ร่อนไปหลายๆเวบ แต่ก็ติดตามเวบกิมหยงอยู่เสมอ

...ท่านเจ้าคุณหลวง อาจารย์ผม ก็หายไปเลย สบายดีบ่


...วันนี้ เป็นวันปีใหม่ไท ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้คุณข้างโคก  เอ่อ..จำผิด คุณข้างเนิน

เจ้าหน้าที่ ทุกคนในกิมหยง, คุณบูด หรือ บูช และคุณข้างพลาซ่า, เจ้าหน้าที่มูลนิธิ

ท่านเจ้าคุณ และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย  มีแต่ความสุข ความเจริญ ยิ่งๆขึ้นไป ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง

ขอบพระคุณครับ

ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

รมว.คมนาคมมาเลย์ปฏิเสธข่าว "นักบินที่ 2" ใช้โทรศัพท์ก่อน MH370 หายสาปสูญ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
13 เมษายน 2557 16:09 น.

ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย เปิดแถลงความคืบหน้าในการค้นหา
เที่ยวบิน MH370 ที่ ปุตรา เวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ วันนี้(13)
[attach=1]

เอเอฟพี – รัฐบาลมาเลเซียปฏิเสธข่าวนักบินผู้ช่วยบนเครื่องมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินMH370 มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อใครบางคนก่อนที่โบอิ้งลำนี้จะหายไปจากจอเรดาร์ ทว่ายังไม่ตัดความเป็นไปได้ใดๆ เกี่ยวกับชะตากรรมของเครื่องบินลำนี้ซึ่งหายสาปสูญไปนานกว่า 1 เดือนแล้ว
       
       เมื่อวานนี้(12) หนังสือพิมพ์นิวสเตรทไทม์สได้อ้างแหล่งข่าวสงวนนามซึ่งเปิดเผยว่า ฟาริก อับดุลฮามิด นักบินที่ 2 ได้โทรศัพท์ติดต่อใครบางคนก่อนที่สายจะถูกตัดไปอย่างกะทันหัน "ซึ่งอาจเป็นเพราะเครื่องบินได้แล่นผ่านเสา (สื่อสาร) ไปอย่างรวดเร็ว"
       
       นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยันอีกว่า กัปตันซาฮารี อะหมัด ชาห์ ซึ่งเป็นนักบินที่ 1 ได้โทรศัพท์ติดต่อใครบางคน ก่อนหรือระหว่างที่นำเครื่อง MH370 ขึ้นบิน
       
       ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย เปิดแถลงข่าวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์วันนี้(13)ว่า รัฐบาลมาเลเซียไม่ได้รับข้อมูลว่าบุคคลในห้องนักบินใช้โทรศัพท์ติดต่อคนภายนอก
       
       "เท่าที่ผมทราบ ไม่มี" เขายืนยัน เมื่อถูกสื่อซักถาม
       
       อย่างไรก็ดี ฮิชามมุดดิน ออกตัวว่าไม่สะดวกที่จะเปิดเผยข้อมูล "ที่อยู่ในขอบข่ายหน้าที่ของตำรวจ หรือองค์กรระหว่างประเทศ"
       
       "ผมไม่อยากก้าวก่ายกระบวนการสอบสวนของตำรวจมาเลเซีย รวมไปถึงเอฟบีไอ, MI6, เจ้าหน้าที่ข่าวกรองจีน และหน่วยข่าวกรองอื่นๆ"
       
       ฮิชามมุดดิน ยังชี้แจงด้วยว่า ขณะนี้ผู้โดยสารทุกรายยังอยู่ในข่ายต้องสงสัย แม้ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียจะออกมายืนยันว่าไม่พบพิรุธก็ตาม
       
       "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหมายความในขณะที่พูดว่า เรายังไม่พบหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าผู้โดยสารมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลกล่องดำ ผมคิดว่าผู้บัญชาการตำรวจคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์รับรองได้ว่าผู้โดยสารทุกคนพ้นจากข่ายต้องสงสัยแล้ว"
       
       คอลิด อบูบาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ก็ได้ออกมาชี้แจงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ระหว่างที่การสอบสวนยังไม่สิ้นสุดผู้โดยสารทุกคนยังไม่ถือว่าพ้นข่ายต้องสงสัย
       
       ฟาริก และ ซาฮารี ถูกทางการสอบประวัติอย่างละเอียด นับตั้งแต่เที่ยวบิน MH370 หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พร้อมกับคนบนเครื่อง 239 ชีวิต
       
       พนักงานสอบสวนแถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า เครื่องบินลำนี้น่าจะถูกใครบางคนจงใจบังคับให้ออกนอกเส้นทาง และปิดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด ก่อนที่เครื่องบินจะแล่นออกจากน่านฟ้ามาเลเซียไป
       
       การสูญหายของ MH370 นำมาซึ่งทฤษฎีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจี้เครื่องบิน หรือแม้กระทั่งนักบินก่อการร้าย ทว่าตลอด 1 เดือนของการค้นหาแทบพลิกมหาสมุทร เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่พบแม้แต่เศษซากของเครื่องบินที่คาดว่าจะตกลงทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย และยังปราศจากข้อมูลกล่องดำที่จะช่วยไขปริศนาได้ว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินลำนี้ต้องพบจุดจบ
       
       เรือ โอเชียน ชิลด์ ของออสเตรเลียซึ่งออกไปตระเวนค้นหานอกชายฝั่งเมืองเพิร์ทสามารถตรวจจับสัญญาณ Ping ใต้ทะเลซึ่งมีความถี่ตรงกับสัญญาณกล่องดำได้หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันอังคารที่ 8 มีนาคม ซึ่งช่วยจุดประกายความหวังว่าทีมค้นหาอาจพบจุดตกของเครื่องบินในอีกไม่ช้า
       
       อย่างไรก็ตาม ศูนย์ประสานงานร่วมของออสเตรเลีย (JACC) ซึ่งควบคุมปฏิบัติการค้นหา MH370 แถลงล่าสุดวันนี้(13)ว่า ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมายังไม่พบสัญญาณใหม่ๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าแบตเตอรีกล่องดำที่ส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของมันเป็นเวลา 1 เดือนหลังเครื่องตก อาจจะหมดพลังงานไปแล้ว
       
       ภารกิจค้นหาเครื่องบินมาเลเซียในวันนี้(13) ครอบคลุมพื้นที่ 57,506 ตารางกิโลเมตรในมหาสมุทรอินเดีย ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ทไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 2,200 กิโลเมตร โดยมีเครื่องบินค้นหา 12 ลำและเรืออีก 14 ลำเข้าร่วมปฏิบัติการ รวมถึงเรือโอเชียนชิลด์ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณกล่องดำ (towed pinger locator) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ไว้ด้วย

ฟาริก อับดุลฮามิด วัย 27 ปี นักบินที่ 2 ของเที่ยวบิน MH370
[attach=2]

[attach=3]

[attach=4]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฅ ฅนหลง


ฟ้าเปลี่ยนสี

ออสซี่เตรียมส่งยานดำน้ำไร้คนขับ "บลูฟิน-21" ดำหาซาก MH370 "โดยเร็วที่สุด" หลังไม่พบสัญญาณ Ping เพิ่ม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
14 เมษายน 2557 13:05 น.

ยานสำรวจใต้น้ำ บลูฟิน-21 ซึ่งกำลังจะถูกส่งลงไปค้นหา
ซากเครื่องบิน MH370 ใต้มหาสมุทรอินเดีย
[attach=1]

เอเอฟพี – ออสเตรเลียจะส่งยานดำน้ำไร้คนขับ "บลูฟิน-21" ลงไปค้นหาซากเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์สใต้มหาสมุทรอินเดีย "โดยเร็วที่สุด" ขณะที่เรือโอเชียนชิลด์ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณ Ping จากกล่องดำ (towed pinger locator) เตรียมยุติภารกิจดังกล่าวภายในวันนี้(14)
       
       "โอเชียนชิลด์ จะยุติภารกิจค้นหาสัญญาณ Ping ภายในวันนี้ และจะส่งยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 ลงไปโดยเร็วที่สุด" พล.อ.อ. แองกัส อุสตัน ซึ่งเป็นผู้นำศูนย์ประสานงานร่วม (JACC) ในการค้นหา MH370 แถลงที่เมืองเพิร์ทในวันนี้(14)
       
       ฮุสตัน ชี้ว่า เรือโอเชียนชิลด์ตรวจจับสัญญาณใต้ทะเลซึ่งมีคลื่นความถี่ตรงกับกล่องดำของเครื่องบินโดยสารได้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อ 6 วันก่อน
       
       "เราหาสัญญาณใดๆ ไม่พบตลอด 6 วันมานี้ ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงไปค้นหาใต้น้ำ"
       
       ฮุสตัน ระบุด้วยว่า มีการตรวจพบคราบน้ำมันลอยอยู่บริเวณจุดค้นหา และเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำมันประมาณ 2 ลิตรเพื่อนำไปตรวจสอบแล้ว
       
       "เรายังต้องตรวจสอบที่มาของคราบน้ำมันเหล่านี้เสียก่อน แต่น้ำมันที่เราพบอยู่ห่างจากบริเวณที่ โอเชียนชิลด์ ตรวจพบสัญญาณ Ping ลงไปตามทิศทางลมประมาณ 5,500 เมตร"
       
       แม้จะต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะน้ำคราบน้ำมันขึ้นฝั่งและตรวจสอบจนได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ ฮุสตัน ไม่เชื่อว่าน้ำมันเหล่านี้จะรั่วไหลออกมาจากเรือค้นหาลำใดลำหนึ่ง
       
       เที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส นำผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม เพื่อจะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง ทว่าเครื่องบินได้สูญหายไปจากจอเรดาร์อย่างปริศนา
       
       ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินลำนี้ผ่านมานาน 38 วันโดยแทบไม่มีความคืบหน้า ขณะที่แบตเตอรีของกล่องดำจะส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของมันเพียงราวๆ 30 วันเท่านั้น
       
       บลูฟิน-21 เป็นยานไร้คนขับติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ความยาว 4.93 เมตร น้ำหนัก 750 กิโลกรัม และสามารถดำลงไปใต้ทะเลที่ความลึกสูงสุด 4,500 เมตร ซึ่งพอๆ กับความลึกของมหาสมุทรในจุดที่เรือโอเชียนชิลด์พบสัญญาณ Ping
       
       บลูฟิน-21 จะถูกส่งลงไปสำรวจพื้นมหาสมุทรในพื้นที่ราว 40 ตารางกิโลเมตรรอบๆ จุดที่พบสัญญาณ Ping แต่ ฮุสตัน ก็เตือนให้ทุกฝ่ายเตรียมใจล่วงหน้าว่า การทำงานของยานดำน้ำไร้คนขับจะใช้เวลาค่อนข้างมาก โดยภารกิจแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
       
       ยานดำน้ำชนิดนี้จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงเพื่อเดินทางไปยังก้นมหาสมุทร จากนั้นจะเก็บข้อมูลแผนที่ใต้น้ำแบบ 3 มิติอีกราวๆ 16 ชั่วโมง และใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงเพื่อกลับสู่ผิวน้ำ
       
       หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนของการดาวน์โหลดและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 4 ชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ

พล.อ.อ. แองกัส ฮุสตัน ผู้นำศูนย์ปฏิบัติการร่วม JACC ของออสเตรเลีย
[attach=2]

[attach=3]

[attach=4]

ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ผลโพลชี้คนมาเลเซีย "เกินครึ่ง" เชื่อรัฐบาล "ปกปิดข้อมูล" เกี่ยวกับ MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
14 เมษายน 2557 15:39 น.

[attach=1]

เอเอฟพี – ผลสำรวจซึ่งเผยแพร่วันนี้(14) พบว่าชาวมาเลเซียเกินครึ่งเชื่อว่ารัฐบาลกำลัง "ปกปิดข้อมูลบางอย่าง" เกี่ยวกับการสูญหายของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370
       
       เว็บไซต์ข่าว มาเลเซียน อินไซเดอร์ อ้างผลสำรวจซึ่งพบว่า ร้อยละ 54 ของชาวมาเลเซียที่ตอบคำถามเชื่อว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับการหายไปของเที่ยวบิน MH370 และคนบนเครื่องอีก 239 ชีวิต โดยมีเพียงร้อยละ 26 เท่านั้นที่เชื่อว่ารัฐบาลมาเลเซียพูดความจริงทุกอย่าง ขณะที่อีกร้อยละ 20 ไม่แน่ใจ
       
       มาเลเซียน อินไซเดอร์ ได้มอบหมายโครงการสำรวจความคิดเห็นต่อสถาบันวิจัยเมอร์เดกา ซึ่งได้สอบถามความเห็นชาวมาเลเซียกว่า 1,000 คน ระหว่างวันที่ 24-30 มีนาคมที่ผ่านมา
       
       ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์สซึ่งนำผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คนออกเดินทางจากัวลาลัมเปอร์ไปยังปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 มีนาคม น่าจะพบจุดจบแล้วบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ และตลอด 1 เดือนเศษที่ผ่านมาทีมค้นหานานาชาติก็ยังคงติดตามหากล่องดำของโบอิ้ง 777-200 ลำนี้ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยไขปริศนาชะตากรรมของ MH370 ได้

นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าในการค้นหา
เที่ยวบิน MH370 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม (แฟ้มภาพ)
[attach=2]

แนวร่วมรัฐบาล บาริซาน เนชันแนล (บีเอ็น) ซึ่งครองอำนาจปกครองมาเลเซียมาตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1957 กำลังเผชิญวิกฤตความเชื่อมั่นครั้งใหญ่ โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา กลุ่มบีเอ็นได้ใช้อำนาจโดยมิชอบควบคุมการทำงานของตำรวจและศาลเพื่อปิดบังพฤติกรรมทุจริตของนักการเมือง และยังใช้เป็นเครื่องมือเอาผิดผู้ที่ต่อต้านด้วย
       
       ในวันนี้ รัฐบาลมาเลเซียยังถูกทั่วโลกโลกวิจารณ์ว่าไร้สมรรถภาพในการรับมือปัญหาเครื่องบินสูญหาย เริ่มตั้งแต่การแถลงข้อมูลที่สับสนและขัดแย้งกันเอง ตลอดจนความลังเลที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการสืบสวน ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียก็อ้างว่าจำเป็นต้อง "ระมัดระวังคำพูด" แต่ไม่ได้ปกปิดข้อมูลอย่างแน่นอน
       
       นอกจากชาวมาเลเซียเองแล้ว ครอบครัวชาวจีนที่เป็นญาติผู้โดยสาร 154 คนบนเครื่องบิน MH370 ก็เชื่อว่ามาเลเซียปิดบังความจริงอยู่เช่นกัน
       
       ผลสำรวจครั้งนี้ยังพบว่า ชาวแดนเสือเหลืองร้อยละ 51 ยัง "เชื่อมั่น" ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ในขณะที่ร้อยละ 45 ไม่เชื่อมั่นอีกต่อไป
       
       สถาบันวิจัยเมอร์เดกาได้เผยแพร่ผลสำรวจอีกชิ้นหนึ่งเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน ซึ่งระบุว่า ชาวมาเลเซียร้อยละ 43 พอใจการรับมือปัญหาเครื่องบินสูญหายของรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 50 ไม่พอใจ
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

นายไข่นุ้ย

 ส.แลบลิ้น ปิดมาตั้งแต่เริ่มแล้ว เสียแบบไม่ต้องให้อภัยเลย.....Why?  ส.แย่จัง
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

ฟ้าเปลี่ยนสี

"บลูฟิน-21" เริ่มภารกิจค้นหา MH370 ครั้งที่ 2 หลังลงสำรวจใต้ทะเลครั้งแรก "ล้มเหลว" เพราะเจอน้ำลึกเกิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
15 เมษายน 2557 10:17 น.

ยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 กำลังถูกส่งลงจากเรือโอเชียนชิลด์ของออสเตรเลีย
เพื่อลงไปค้นหาร่องรอยของ MH370 ที่ใต้พื้นมหาสมุทร เมื่อวานนี้(14)
[attach=1]

เอเอฟพี - ยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 เตรียมดำดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรอินเดียเป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้(15) เพื่อค้นหาซากเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 หลังจากภารกิจครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จเพราะเจอระดับน้ำลึกเกินไป
       
       บลูฟิน-21 ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์สำหรับทำแผนที่ใต้ทะเล ถูกส่งลงไปใต้มหาสมุทรครั้งแรกเมื่อคืนวานนี้ (14) โดยเจ้าหน้าที่บนเรือโอเชียนชิลด์ ซึ่งถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการค้นหาโบอิ้ง 777-200 ที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม
       
       "หลังปฏิบัติภารกิจไปได้ราวๆ 6 ชั่วโมง บลูฟิน-21 ก็ได้ดำลงไปที่ความลึกเกิน 4,500 เมตรซึ่งเป็นขีดจำกัดของมัน ระบบความปลอดภัยจึงสั่งให้ยานขึ้นสู่ผิวน้ำ" ศูนย์ประสานงานร่วม (JACC) ของออสเตรเลียระบุในถ้อยแถลง โดยไม่ให้ตัวเลขความลึกที่แน่นอน
       
       "ข้อมูลที่ยานดำน้ำไร้คนขับเก็บมาได้ตลอดทั้ง 6 ชั่วโมง กำลังถูกดาวน์โหลดและวิเคราะห์"
       
       ตามแผนที่กำหนดไว้ บลูฟิน-21 จะต้องใช้เวลาดำสำรวจใต้พื้นมหาสมุทรประมาณ 16 ชั่วโมงก่อนกลับขึ้นสู่เรือโอเชียนชิลด์
       
       นาวาเอกมาร์ก แมทธิว แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ อธิบายว่า บลูฟิน-21 ได้เดินทางลงไปลึกเกินขีดความสามารถของมัน ระบบความปลอดภัยภายในเครื่องจึงนำยานกลับสู่ผิวน้ำโดยอัตโนมัติ
       
       "ในกรณีของบลูฟิน-21 มันถูกกำหนดให้ร่อนไปเหนือพื้นทะเลประมาณ 30 เมตร เพื่อเก็บภาพที่ชัดเจนสำหรับทำแผนที่"
       
       แมทธิว ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาและเก็บกู้ ระบุว่า ปัญหาเกี่ยวกับระดับความลึกทำให้เจ้าหน้าที่จะต้องทบทวนภารกิจให้รัดกุมยิ่งขึ้น
       
       พล.อ.อ.แองกัส ฮุสตัน หัวหน้าศูนย์ประสานงานร่วม JACC ประกาศวานนี้ (14) ว่า เรือโอเชียนชิลด์จะยุติการค้นหาสัญญาณ Ping จากผิวน้ำ และเริ่มส่งยานดำน้ำลงไปสำรวจใต้พื้นมหาสมุทรแทน หลังเชื่อแน่ว่าแบตเตอรีกล่องดำของ MH370 น่าจะหมดพลังงานไปแล้ว

[attach=2]

พยากรณ์อากาศสำหรับจุดค้นหาซึ่งห่างจากเมืองเพิร์ทไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 2,170 กิโลเมตร จะมีฝนตกปรอยๆ และพายุฝนฟ้าคะนองเป็นบางจุด คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และทัศนวิสัยอยู่ที่ประมาณ 5 กิโลเมตร
       
       เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบคราบน้ำมันลอยอยู่บริเวณจุดค้นหา และได้เก็บตัวอย่างน้ำมันประมาณ 2 ลิตรเพื่อนำไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม คงจะใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะนำคราบน้ำมันขึ้นฝั่งและตรวจสอบจนได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ ฮุสตัน ไม่เชื่อว่าน้ำมันเหล่านี้จะรั่วไหลออกมาจากเรือค้นหาลำใดลำหนึ่ง
       
       เที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส นำผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม เพื่อจะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง ทว่าเครื่องบินได้สูญหายไปจากจอเรดาร์อย่างปริศนา
       
       ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินลำนี้ผ่านมานาน 39 วันโดยแทบไม่มีความคืบหน้า ขณะที่แบตเตอรีของกล่องดำจะส่งสัญญาณระบุตำแหน่งของมันเพียงราวๆ 30 วันเท่านั้น
       
       บลูฟิน-21 เป็นยานไร้คนขับติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ความยาว 4.93 เมตร น้ำหนัก 750 กิโลกรัม และสามารถดำลงไปใต้ทะเลที่ความลึกสูงสุด 4,500 เมตร ซึ่งพอๆ กับความลึกของมหาสมุทรในจุดที่เรือโอเชียนชิลด์พบสัญญาณ Ping
       
       บลูฟิน-21 จะถูกส่งลงไปสำรวจพื้นมหาสมุทรในพื้นที่ราว 40 ตารางกิโลเมตรรอบๆ จุดที่พบสัญญาณ Ping แต่ ฮุสตัน ก็เตือนให้ทุกฝ่ายเตรียมใจล่วงหน้าว่า การทำงานของยานดำน้ำไร้คนขับจะใช้เวลาค่อนข้างมาก โดยภารกิจแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
       
       ยานดำน้ำชนิดนี้จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงเพื่อเดินทางไปยังก้นมหาสมุทร จากนั้นจะเก็บข้อมูลแผนที่ใต้น้ำแบบ 3 มิติอีกราวๆ 16 ชั่วโมง และใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงเพื่อกลับสู่ผิวน้ำ
       
       หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนของการดาวน์โหลดและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 4 ชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ

[attach=3]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ยานดำน้ำ "บลูฟิน-21" ล้มเหลวรอบ 2 หลังเจอ "ปัญหาเทคนิค" ภารกิจค้นหา MH370 ยังไม่คืบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
16 เมษายน 2557 16:27 น.

[attach=1]

เอเอฟพี – ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไปนานกว่า 1 เดือนยังไร้ความคืบหน้า ล่าสุดยานดำน้ำไร้คนขับ "บลูฟิน-21" ที่ถูกส่งลงไปสำรวจพื้นทะเลใต้มหาสมุทรอินเดียต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำก่อนกำหนดเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากประสบ "ปัญหาทางเทคนิค" ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ยอมรับว่า บลูฟิน-21 อาจต้องใช้เวลานานถึง 2 เดือนจึงจะสามารถสแกนพื้นทะเลในจุดค้นหาได้ครบถ้วน
       
       ศูนย์ประสานงานร่วมออสเตรเลีย (JACC) มีถ้อยแถลงสั้นๆ เกี่ยวกับ "เหตุขัดข้องทางเทคนิค" ที่เกิดขึ้นกับยานดำน้ำติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์ แต่ไม่ระบุชัดเจนว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับอะไร
       
       บลูฟิน-21 ได้เริ่มภารกิจค้นหาใต้ทะเลครั้งแรกเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา(14) แต่ก็ต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำก่อนเวลา เนื่องจากพื้นทะเลมีความลึกกว่า 4,500 เมตร ซึ่งเกินขีดความสามารถของยานชนิดนี้
       
       อย่างไรก็ตาม JACC กลับไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับความล้มเหลวครั้งที่สอง และยังไม่เปิดเผยด้วยว่า บลูฟิน-21 ใช้เวลาอยู่ใต้ทะเลนานเท่าใด
       
       "ยานสำรวจใต้ทะเลไร้คนขับ บลูฟิน-21 จำเป็นต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำเมื่อเช้าวันนี้(16) เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทางเทคนิค... แต่เราได้ส่งยานกลับลงไปในน้ำเพื่อปฏิบัติภารกิจค้นหาต่อแล้ว" JACC ระบุ
       
       เจ้าหน้าที่บนเรือโอเชียนชิลด์ของออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้นำในการค้นหาร่องรอยของเที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ได้ดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดที่ บลูฟิน-21 บันทึกไว้ได้ ก่อนที่มันจะถูกส่งลงน้ำเป็นครั้งที่ 3
       
       "จากข้อมูลที่ดาวน์โหลดเมื่อเช้าวันนี้ เรายังไม่พบสิ่งใดที่น่าสงสัย" JACC ระบุในถ้อยแถลง
       
       หลังพยายามจับสัญญาณ Ping จากกล่องดำของเครื่องบิน MH370 อยู่นานกว่า 3 สัปดาห์ ในที่สุดทีมค้นหาก็ตัดสินใจส่งยานดำน้ำลงไปสำรวจใต้พื้นมหาสมุทรเพื่อตามหาซากเครื่องบินเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(14)
       
       กองทัพเรือสหรัฐฯ อธิบายว่า บลูฟิน-21 ยกเลิกภารกิจแรกโดยอัตโนมัติทั้งที่เพิ่งจะดำลงไปใต้ทะเลได้เพียง 6 ชั่วโมง เนื่องจากความลึกของทะเลในจุดค้นหาเกินขีดความสามารถที่มันถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้
       
       ขณะนี้หลายฝ่ายกำลังตั้งคำถามว่า จุดที่เรือโอเชียนชิลด์พบสัญญาณ Ping เป็นครั้งสุดท้ายมีความลึกเท่าใดแน่
       
       แองกัส ฮุสตัน หัวหน้าศูนย์ JAAC เคยกล่าวเตือนว่า ยานดำน้ำ บลูฟิน-21 ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจค้นหาที่ความลึกเกิน 4,500 เมตรได้ และหากจะลงไปที่ความลึกมากกว่านั้นก็จะต้องใช้อุปกรณ์ชนิดอื่นที่มีศักยภาพสูงกว่า
       
       ฮุสตัน ประกาศยุติการส่งเรือค้นหาสัญญาณ Ping จากกล่องดำของ MH370 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(14) หลังอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณที่ติดตั้งบนเรือโอเชียนชิลด์ตรวจไม่พบสัญญาณเพิ่มเติมติดต่อกัน 6 วัน และเชื่อว่าแบตเตอรีกล่องดำซึ่งมีอายุราวๆ 30 วันน่าจะหมดพลังงานไปแล้ว
       
       บลูฟิน-21 เป็นยานไร้คนขับติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ความยาว 4.93 เมตร น้ำหนัก 750 กิโลกรัม และสามารถดำลงไปใต้ทะเลที่ความลึกสูงสุด 4,500 เมตร
       
       ตามแผนที่กำหนดไว้ ทีมค้นหาจะส่ง บลูฟิน-21 ลงไปสำรวจพื้นมหาสมุทรในพื้นที่ราว 40 ตารางกิโลเมตรรอบๆ จุดที่เรือโอเชียนชิลด์พบสัญญาณ Ping แต่ ฮุสตัน ก็เตือนให้ทุกฝ่ายเตรียมใจล่วงหน้าว่า การทำงานของยานดำน้ำไร้คนขับจะใช้เวลาค่อนข้างมาก โดยภารกิจแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
       
       ยานดำน้ำชนิดนี้จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงเพื่อเดินทางไปยังก้นมหาสมุทร จากนั้นจะเก็บข้อมูลแผนที่ใต้น้ำแบบ 3 มิติอีกราวๆ 16 ชั่วโมง และใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงเพื่อกลับสู่ผิวน้ำ ส่วนขั้นตอนการดาวน์โหลดและวิเคราะห์ข้อมูลก็จะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 4 ชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ
       
       กองทัพเรือสหรัฐฯ ประเมินว่า บลูฟิน-21 อาจต้องใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ – 2 เดือน จึงจะสามารถสแกนพื้นทะเลบริเวณจุดค้นหาได้ครบถ้วน
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

"บลูฟิน-21" ทำภารกิจสำรวจใต้ทะเล "เต็มเวลา" ครั้งแรก-จนท.เร่งวิเคราะห์ข้อมูลหาร่องรอย MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
17 เมษายน 2557 09:19 น.

ยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 กำลังถูกส่งลงจากเรือโอเชียนชิลด์ของออสเตรเลีย
เพื่อลงไปค้นหาร่องรอยของ MH370 ที่ใต้พื้นมหาสมุทร เมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา
[attach=1]

เอเอฟพี – ยานดำน้ำไร้คนขับ "บลูฟิน-21" ซึ่งถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการค้นหาซากเครื่องบินโบอิ้งของมาเลเซียแอร์ไลน์ส ปฏิบัติภารกิจครบเต็มเวลาเป็นครั้งแรกหลังถูกส่งลงทะเลครั้งที่ 3 เมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) โดยเจ้าหน้าที่กำลังวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดที่ยานดำน้ำติดอุปกรณ์โซนาร์ตัวนี้บันทึกมาได้
       
       บลูฟิน-21 ถูกส่งลงไปใต้มหาสมุทรครั้งแรกเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 14 เมษายน แต่ยานได้สั่งตัวเองกลับขึ้นสู่ผิวน้ำโดยอัตโนมัติก่อนจะเสร็จภารกิจ เนื่องจากพื้นมหาสมุทรบริเวณนั้นมีความลึกมากกว่า 4,500 เมตร เกินกว่าศักยภาพของยานชนิดนี้
       
       ภารกิจครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคารที่ 15 เมษายน แต่ปรากฏว่าบลูฟิน-21 เกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิคจนต้องกลับสู่ผิวน้ำก่อนเวลาในช่วงรุ่งสางของวันพุธ (16)
       
       ศูนย์ประสานงานร่วม (JACC) ของออสเตรเลีย ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปฏิบัติการค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส แถลงวันนี้ (17) ว่า "เมื่อคืนนี้บลูฟิน-21 ทำภารกิจสำรวจพื้นทะเลครบเต็มเวลา และเตรียมที่จะลงไปสำรวจอีกครั้ง"
       
       "จนถึงบัดนี้ บลูฟิน-21 ได้ตระเวนเก็บข้อมูลใต้พื้นมหาสมุทรคิดเป็นพื้นที่ราว 90 ตารางกิโลเมตร และข้อมูลที่เก็บรวมรวบได้จากภารกิจครั้งล่าสุดกำลังได้รับการวิเคราะห์"
       
       อย่างไรก็ดี เจเอซีซียังไม่ระบุวันและเวลาที่ยานดำน้ำจะถูกส่งทะเลอีกครั้ง และไม่ชี้แจงเหตุขัดข้องทางเทคนิคที่ทำให้ภารกิจของบลูฟิน-21 ครั้งก่อนต้องล้มเหลว
       
       ก่อนหน้านี้ ทีมค้นหาบนเรือโอเชียนชิลด์ของออสเตรเลียซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการค้นหาเที่ยวบิน MH370 ได้ดาวน์โหลดข้อมูลที่ได้จากการลงสำรวจใต้ทะเล 2 ครั้งแรกเพื่อนำไปวิเคราะห์ ก่อนจะส่งบลูฟิน-21 ลงสู่ใต้มหาสมุทรเป็นครั้งที่ 3 แต่จากการวิเคราะห์ในเบื้องต้นก็ยังไม่พบร่องรอยที่น่าสนใจ

[attach=2]

เที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส ออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม โดยมีปลายทางที่กรุงปักกิ่ง ทว่า เครื่องบินลำนี้ได้สูญหายไปจากจอเรดาร์อย่างลึกลับพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 239 คน
       
       แม้นานาชาติจะส่งบุคลากรและเครื่องไม้เครื่องมืออันทันสมัยมาช่วยค้นหาบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดที่ MH370 ตกลงทะเล แต่ผ่านมานานกว่า 1 เดือนก็ยังไม่พบแม้แต่เศษวัสดุเล็กๆ ที่จะยืนยันได้ถึงชะตากรรมสุดท้ายของเครื่องบินมรณะลำนี้
       
       พล.อ.อ.แองกัส ฮุสตัน หัวหน้าศูนย์ประสานงานร่วมเจเอซีซี ประกาศยุติการส่งเรือค้นหาสัญญาณ Ping จากกล่องดำของ MH370 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14) หลังอุปกรณ์ค้นหาสัญญาณที่ติดตั้งบนเรือโอเชียนชิลด์ตรวจไม่พบสัญญาณเพิ่มเติมติดต่อกัน 6 วัน และเชื่อว่าแบตเตอรี่กล่องดำซึ่งมีอายุราวๆ 30 วันน่าจะหมดพลังงานไปแล้ว
       
       บลูฟิน-21 ซึ่งเป็นยานไร้คนขับติดตั้งอุปกรณ์โซนาร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ มีความยาวประมาณ 4.93 เมตร น้ำหนัก 750 กิโลกรัม และสามารถดำลงไปใต้ทะเลที่ความลึกสูงสุด 4,500 เมตร
       
       กองทัพเรือสหรัฐฯ ประเมินว่า บลูฟิน-21 อาจต้องใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ถึง 2 เดือน จึงจะสามารถสแกนพื้นทะเลบริเวณจุดค้นหาได้ครบถ้วน
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ออสเตรเลียจ่อปลดยานดำน้ำ "บลูฟิน-21" จากภารกิจค้นหา MH370 เล็งใช้อุปกรณ์ศักยภาพสูงกว่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
17 เมษายน 2557 20:18 น.

[attach=1]

เอเอฟพี – ออสเตรเลียแถลงว่า ในอีกราวหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าจะยุติการใช้ "ยานดำน้ำขนาดเล็ก" ซึ่งเป็นเครื่องมือชิ้นล่าสุดในภารกิจค้นหาเครื่องบินโดยสารของมาเลเซียครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ เพื่อตรวจสอบพื้นที่ใต้มหาสมุทรซึ่งไม่เคยผ่านการสำรวจมาก่อน
       
       นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลียระบุว่า หากเบาะแสซึ่งอาจบ่งชี้ตำแหน่งซากเครื่องโบอิ้ง 777 ที่น่าเชื่อถือมากที่สุดยังพาทีมค้นหาคว้าน้ำเหลว ก็จะยุติการค้นหาครั้งนี้ แล้วหันไปใช้เครื่องมือชนิดใหม่แทน
       
       ยานยนต์ใต้น้ำขับเคลื่อนด้วยตนเอง (AUV) "บลูฟิน-21" คือเครื่องมือชิ้นใหม่ล่าสุดที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ส่งเข้าร่วมภารกิจค้นหา หลังข้อมูลจากดาวเทียมและสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์จากกล่องดำของเครื่องบินช่วยชี้ทางให้เจ้าหน้าที่สามารถจำกัดวงพื้นที่ค้นหา

อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ตรวจหาวัตถุใต้น้ำด้วยคลื่นเสียงแบบไร้คนขับ ที่มีรูปทรงคล้ายตอร์ปิโดชนิดนี้ ได้ปฏิบัติภารกิจจนถึงขีดจำกัดแล้ว ทั้งยังทำภารกิจล้มเหลวมาแล้ว 2 ครั้ง
       
       "เราเชื่อว่า การค้นหา (ใต้น้ำ) จะเสร็จสิ้นลงภายในราวหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า" แอบบอตต์กล่าวกับหนังสือพิมพ์ "วอลสตรีทเจอร์นัล" ในการให้สัมภาษณ์ขณะที่อุปกรณ์ชนิดนี้กำลังตรวจสอบก้นบึ้งมหาสมุทร จุดซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไป 2,000 กิโลเมตร
       
       "ถ้าเราไม่พบซากเครื่องบิน เรายุติการค้นหา แล้วจับเข่าคุยเพื่อไตร่ตรองดูอีกครั้ง"

[attach=2]

เจ้าหน้าที่ระบุว่า วันนี้ (17) นับเป็นครั้งแรกที่ยานดำน้ำไร้คนขับดำเนินภารกิจค้นหาได้เสร็จสมบูรณ์ หลังพยายามมาแล้วถึงสามครั้ง และพร้อมจะส่ง บลูฟิน-21 ลงไปใต้มหาสมุทรอีกครั้ง เมื่อดาวน์โหลดข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์เสร็จสิ้นแล้ว
       
       ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สได้อันตรธานหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมระหว่างเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่งพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 239 ชีวิต
       
       สาเหตุที่อากาศยานลำนี้หายสาบสูญหลังบินออกนอกเส้นทางไปหลายร้อยกิโลเมตรยังคงเป็นปริศนา ทีมค้นหายังไม่พบซากเครื่องบิน แม้ว่าหลายประเทศได้ระดมเรือและเครื่องบินไปช่วยในปฏิบัติการค้นหามหึมาครั้งนี้แล้วก็ตาม
       
       แอ็บบอตต์เน้นย้ำว่า "ผมขอยืนยันว่าออสเตรเลียจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้อย่างเหมาะสม เพื่อไขปริศนานี้"
       
       "หากการค้นหาในตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสใดๆ เราจะไม่ละทิ้งความพยายาม แต่จะหันไปใช้เครื่องมืออื่นแทน" วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานคำพูดของเขา ซึ้งย้ำว่าเขามั่นใจว่าทีมค้นหาคลำมาถูกทางแล้ว
       
       ภายหลังพยายามตรวจจับสัญญาณจากกล่องดำมานานกว่า 3 สัปดาห์ ก็มีการส่งยานดำน้ำ บลูฟิน-21 ลงค้นหาใต้ทะเลครั้งแรกเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (14) แต่ก็ต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำก่อนเวลา เนื่องจากพื้นทะเลมีความลึกกว่า 4,500 เมตร ซึ่งเกินขีดความสามารถของยานชนิดนี้
       
       ปัญหาด้านเทคนิคที่ไร้คำอธิบายทำให้ภารกิจค้นหาของยานดำน้ำไร้คนขับถูกระงับเป็นครั้งที่สอง ก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงปฏิบัติการค้นหาทั้งหมด ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับโคลนตมที่จับตัวหนาใต้ก้นสมุทร
       
       ด้านศูนย์ประสานร่วมระหว่างหน่วยงานของออสเตรเลีย (JACC) วอนให้ใช้ความอดทน พร้อมทั้งเตือนว่าการค้นหาจะเป็นกระบวนการที่กินเวลานาน และต้องอาศัยความมานะบากบั่น
       
       แองกัส ฮุสตัน ผู้อำนวยการ JACC เน้นย้ำว่า ยานดำน้ำขนาดเล็กไม่สามารถปฏิบัติภารกิจในความลึกเกิน 4,500 เมตรได้ และต้องเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์ชนิดอื่นๆ เพื่อรับมือกับภารกิจในจุดที่อยู่ลึกมากๆ
       
       บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า หนึ่งในเครื่องมือที่เหมาะกับสถานการณ์เช่นนั้นคือยานสำรวจใต้ทะเลควบคุมระยะไกล (ROV) ซึ่งสามารถดำดิ่งได้ลึกถึง 6 กิโลเมตร
       
       ทั้งนี้ ROV เป็นเครื่องมือที่เคยถูกใช้กู้กล่องดำเที่ยวบิน 447 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ขึ้นมาจากก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อปี 2011

[attach=3]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ออสซี่เผยยานดำน้ำ "บลูฟิน-21" จะสแกนจุดค้นหา MH370 เสร็จสิ้นภายใน 1 สัปดาห์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
19 เมษายน 2557 15:03 น.

[attach=1]

รอยเตอร์ – การส่งยานดำน้ำไร้คนขับลงไปสำรวจพื้นมหาสมุทรอินเดียเพื่อค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 โดยอาศัยข้อมูลจากสัญญาณ Ping ที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ อาจเสร็จสิ้นภายใน 5-7 วันข้างหน้า เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียซึ่งควบคุมปฏิบัติการค้นหาแถลงวันนี้(19)
       
       ยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างเก็บข้อมูลภูมิประเทศใต้พื้นทะเลบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ เพื่อค้นหาร่องรอยของโบอิ้ง 777 ซึ่งสูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต
       
       หลังใช้เวลาติดตามค้นหานานเดือนเศษแต่ก็ยังไม่พบชิ้นส่วนของเครื่องบินที่หายไป ศูนย์ประสานงานร่วม (JACC) ของออสเตรเลียจึงตัดสินใจส่งยานดำน้ำลงไปสำรวจพื้นมหาสมุทร โดยเวลานี้พื้นที่ค้นหาถูกจำกัดลงมาอยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรรอบๆ จุดที่เรือโอเชียนชิลด์พบสัญญาณ Ping เมื่อวันที่ 8 เมษายน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมาจากกล่องดำของ MH370
       
       "หากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการส่งยานลงไปสำรวจใต้ทะเล และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เราอาจสำรวจพื้นที่นี้เสร็จสิ้นภายใน 5-7 วัน" เจเอซีซี เผยกับรอยเตอร์ผ่านอีเมล์
       
       เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียไม่ได้ระบุชัดเจนว่าพวกเขา "มั่นใจ" หรือไม่ว่าบริเวณที่ค้นหาอยู่จะให้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับชะตากรรมของเที่ยวบิน MH370 และไม่เปิดเผยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หากการค้นหาใต้ทะเลไม่พบร่องรอยของเครื่องบิน
       
       เมื่อวันพฤหัสบดี(17) เจเอซีซี ได้แถลงปฏิเสธรายงานตามสื่อต่างๆก่อนหน้านั้นที่ระบุว่า ปฏิบัติการค้นหาของ บลูฟิน-21 อาจจะต้องใช้เวลานาน 6 สัปดาห์จนถึง 2 เดือน จึงจะแล้วเสร็จ
       
       เครื่องบินและเรือหลายสิบลำผลัดกันออกค้นหาร่องรอย MH370 ในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ทำให้ภารกิจค้นหาครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การบินโลก
       
       เนื่องจากตรวจไม่พบสัญญาณ Ping ใต้น้ำมานานเกือบ 2 สัปดาห์ และผ่านพ้นกรอบเวลา 30 วันที่แบตเตอรีกล่องดำจะหมดพลังงานมาหลายวันแล้ว ทีมค้นหาจึงต้องฝากความหวังเอาไว้กับยานดำน้ำ บลูฟิน-21 มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในวันนี้(19) จะถูกส่งลงไปเก็บข้อมูลที่ระดับความลึกยิ่งกว่าทุกครั้ง
       
       ภารกิจครั้งแรกๆ ของ บลูฟิน-21 เผชิญอุปสรรคจากระดับน้ำทะเลที่ลึกเกิน 4,500 เมตร ทำให้ยานสั่งตัวเองกลับสู่ผิวน้ำโดยอัตโนมัติ แต่เจ้าหน้าที่ได้แก้ปัญหาโดยตั้งโปรแกรมใหม่ ทำให้ยานสามารถลงไปถึงความลึก 4,695 เมตรได้ ซึ่งนับว่าเป็นสถิติใหม่สำหรับยานดำน้ำชนิดนี้
       
       อย่างไรก็ตาม การสำรวจพื้นทะเลทั้ง 6 ครั้งของ บลูฟิน-21 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 133 ตารางกิโลเมตร ยังไม่พบข้อมูลที่น่าสนใจ
       
       ดาโต๊ะ สรี ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า คณะกรรมการว่าด้วยการนำสินทรัพย์ไปใช้ (Deployment of Assets Committee) ของรัฐบาลมาเลเซีย กำลังพิจารณาส่งยานดำน้ำไร้คนขับลงไปสำรวจใต้ทะเลเพิ่มเติม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่รัฐบาลเสือเหลืองมีต่ออุปกรณ์ไฮเทคชนิดนี้

[attach=2]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พยัญชนะไทยตัวสุดท้าย:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง