ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

‘บอลไทยไปบอลโลก’ ฝัน∞

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 09:56 น. 14 ธ.ค 53

ทีมงานบ้านเรา

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน    13 ธันวาคม 2553 19:07 น.



"เป้าหมายหลักและนโยบายที่ชัดเจนของผมคือทีมชาติไทยต้องเข้าไปถึงฟุตบอลโลก และโอลิมปิก ส่วนฟุตบอลลีกต้องเจริญก้าวหน้า..."
       
       ยังเป็นคำยืนยันอย่างชัดถ้อยชัดคำของนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ วรวีร์ มะกูดี ใน การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เพราะทีมฟุตบอลทีมชาติไทยเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิด หลังจากตกรอบแรกในการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพ 2010 ที่ประเทศอินโดนีเซียอย่างหมดท่า
       
      ความหวังในการไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ย่อมเป็นเป้าหมายสูงสุดของสมาคมฟุตบอลของแต่ละชาติที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์ ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟาอยู่แล้ว หากนายกสมาคมฟุตบอลของประเทศใดไม่วางเป้าหมายอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ ผิดปกติอย่างสูง เพราะฉะนั้นในอีก 12 ปีข้างหน้า ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย และฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์

     

       ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยจะมีโอกาสนำธงไตรรงค์ติดอกเสื้อและเพลงชาติไทยไป กระหึ่มก้องในทัวร์นาเมนต์ที่สุดยอดของโลกฟุตบอลได้ในอีก 3 ครั้งข้างหน้าหรือไม่ หากถามวันนี้บอกได้คำเดียวว่า...ยากยิ่งนัก ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของทีมฟุตบอลทีมชาติไทย
       
      วิกฤตฟุตบอลทีมชาติไทย
       
       เป็นความล้มเหลวซ้ำซากซ้ำซ้อนของทีมฟุตบอลไทยในระดับนานาชาติผลงาน ตลอดระยะเวลา 3 ปีของทีมชาติฟุตบอลไทยจะดูไม่ค่อยสบอารมณ์บรรดาแฟนๆ สักเท่าไหร่ เพราะนอกจากทีมชาติไทยจะตกรอบแรกฟุตบอลซีเกมส์ และตกรอบแรกฟุตบอลเอเชียนคัพแล้ว ล่าสุดยังสร้างผลงานประวัติศาสตร์ ด้วยตกรอบแรกฟุตบอลอาเซียนคัพ โดยไม่ชนะทีมใดเลยอีกด้วย
       
       จุดนี้เองได้กลายเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้แฟนบอลจำนวนไม่น้อยออกมายื่น หนังสือขับไล่วรวีร์ออกจากตำแหน่งเพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

       

       แต่ดูเหมือนการพยายามดังกล่าวจะไม่ได้ส่งผลกระเทือนต่อเก้าอี้แม้แต่น้อย เพราะนอกจากจะไม่ยอมลาออกแล้ว ยังมีการสำทับอีกด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีสาเหตุมาจากสมาคมฯ แต่เป็นเรื่องสุดวิสัยล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่โปรแกรมการแข่งขันภายในประเทศต้องเลื่อนไปเลื่อนมา ก็มีต้นตอจากปัญหาวิกฤตการณ์ทางเมือง ทำให้การเตรียมทีมทำได้ไม่ดีอย่างที่ตั้งใจไว้ รวมไปถึงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เป็นใจ เนื่องจากฝนที่ตกหนักจนลีกแข่งไม่ได้เลย ส่วนเรื่องโค้ชทีมชาติอย่าง ไบรอัน ร็อบสัน ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ดังนั้นทางสมาคมฯ ก็ควรจะให้โอกาสกับคนที่ตั้งใจทำงานต่อไป
       
       เมื่อไม่ใช่ความผิดพลาดของใครเลย สมาคมฯ จึงยังมีสิทธิ์ตั้งความหวังว่าสักวันหนึ่ง ทีมชาติไทยจะมีโอกาสเป็น 1 ใน 32 ทีมจะไปฟุตบอลโลกซึ่งจะมีอยู่เป็นประจำทุกๆ 4 ปีให้จงได้

     

       หลังจากที่เคยใฝ่ฝันมาตลอด ตั้งแต่ยุค พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ (ก่อนถอดยศ) เป็นนายกสมาคมฟุตบอลไทยตั้งแต่ปี 2525-2538 จนกระทั่งปี 2544 ในยุคของ วิจิตร เกตุแก้ว ทีมชาติไทยเกือบประสบความสำเร็จ ด้วยการพาตัวเองเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกโซนเอเชียเป็นผลสำเร็จ จนมาถึงยุคของวรวีร์ มะกูดี ก็ดูเหมือนยิ่งถอยหลังห่างจากความเป็นจริงยิ่งขึ้น ซึ่งสวนทางกับรายได้ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยที่มีอย่างมหาศาลในยุคปัจจุบัน
       
       เม็ดเงินของสมาคมฟุตบอลไทย
       
       แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเป็นลำดับแรก ก็คือความพร้อมในเรื่องเสบียงกรัง ซึ่งต้องยอมรับว่าฝีมือการบริหารงานของสมาคมฯ ชุดปัจจุบันก็ไม่เป็นรองใครเลย แถมยังกล่าวได้ว่า เป็นยุคทองด้วยซ้ำ เพราะมีธุรกิจจำนวนมากที่พาเหรดกันมาเทเงินให้แก่สมาคมฯ เพื่อสานฝันให้บอลไทยก้าวขึ้นสู่บอลโลก เอาแค่สปอนเซอร์หลักๆ ที่หนุนทีมชาติไทยอยู่ สมาคมฯ ก็ได้ทุนอุดหนุนจากผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ และรายย่อยมากกว่า 500,000,000 บาท รวมเบ็ดเสร็จอาจทะลุถึง 1,000,000,000 บาท ไม่ว่าจะเป็น
       
       - การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่เจียดงบประมาณถึง 180 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการแข่งขันทุกประเภท
       
       - แมคโดนัลด์ ที่ให้ทุนอัดฉีดล่วงหน้า 3 ปี ปีละ 30 ล้านบาท รวมไป 90 ล้านบาท
       
       - แอลจี ที่เซ็นสัญญาสนับสนุน 3 ปีเช่นกัน รวมเป็นเงิน 45 ล้านบาท
       
       - ไนกี้ ก็ทุ่มเงินและอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรให้ทีมชาติเป็นระยะ 5 ปี รวมเป็นถึง 100 ล้านบาท
       
       - ปตท. ที่แม้จะมอบเงินแบบปีต่อปี แต่ปีนี้ก็ให้สูงถึง 25 ล้านบาท
เพื่อที่สมาคมฯ จะได้นำเงินไปสร้างความพร้อมและความแข็งแกร่งให้แก่นักเตะไทยทุกระดับ ตั้งแต่เยาวชนจนถึงระดับอาชีพ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ตัดสิน และผู้ฝึกสอน ให้มีศักยภาพ ได้รับการยอมรับในระดับสากลมากขึ้น
       
       - เครื่องดื่มช้าง ก็ทุ่มไม่อั้นเช่นกัน เพราะงานนี้ลงเงินให้มากถึง 60 ล้านบาทเพื่อให้มีป้ายอยู่ข้างสนาม

       


       นอกจากนี้ ยังมีศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพฯ และการบินไทย ซึ่งแม้ไม่มีรายละเอียดว่า อุดหนุนให้เท่าไหร่ แต่จากการสนับสนุนด้านบริการ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจร่างกายหรือให้ตั๋วเครื่องบิน ก็คงจะหมดไปอีกเพียบ

       
       ส่วนสปอนเซอร์รองๆ ที่สนับสนุนฟุตบอลไทยลีก หรือการแข่งขันชิงถ้วยต่างๆ ก็มียังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิไทยคมที่อนุมัติเงิน 25 ล้านบาท เพื่อหนุนเอฟเอคัพ เครื่องดื่มสปอนเซอร์ที่ให้เงินถึง 70 ล้านบาทสำหรับไทยพรีเมียร์ลีก โตโยต้าที่ให้งบหนุนจัดฟุตบอลถ้วยลีกคัพ ฯลฯ
       
       เม็ดเงินทั้งหมดทั้งปวงเป็นเงินรายได้ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องมาบริหารจัดสรรและนำมาทุ่มทุนเพื่อพัฒนาฟุตบอลทีมชาติไทยให้ฝ่าฟันรอบ คัดเลือกเพื่อเป็น 1 ใน 32 ทีมรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกให้ได้
       
      แฟนบอลไทยสิ้นศรัทธา ไม่หวัง 'บอลไทยไปบอลโลก' อีกแล้ว
       
       แม้เม็ดเงินจะอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน แต่หากถามถึงความเชื่อมั่นของคนไทยที่มีต่อทีมชาติไทย ก็ต้องยอมรับว่าสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เหตุผลหนึ่งก็สัมผัสได้จากการจัดอันดับของสหพันธ์ฟุตบอลนานานชาติ หรือฟีฟาพบว่าทีมชาติไทยนั้นมีแนวโน้มที่ดิ่งลงเรื่อยๆ จากสูงสุดที่ 45 เรื่อยมาจนถึงอันดับ 114 จาก 207 ประเทศในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นศักยภาพของทีมชาติ รวมไปถึงพื้นฐานความแข็งแกร่งของวงการลูกหนังในระดับต่างๆ ของประเทศไทย
       
       ดังนั้นในฐานะที่แฟนบอลตัวพ่อ ภูวสัน สุวรรณรัตน์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งดูทั้งฟุตบอลต่างประเทศและบอลไทย ซึ่งกล่าวอย่างผิดหวังว่า โอกาสที่ไทยจะสัมผัสสนามฟุตบอลโลกน่าจะริบหรี่
       
       "ผมว่ามันเพ้อฝันนะครับ เพราะมันมีองค์ประกอบอยู่หลายอย่างที่ทำให้ไปไม่ได้ อันดับแรกคือเรื่องของการบริหารทีมต้องรู้จักการบริหารให้เป็น สองต้องมีการวางแผนงานที่ดีมีมาตรฐานตามชาติที่เขาได้ไปบอลโลกกันแล้ว และก็มีการวางรากฐานระบบการเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กเล็กๆ ไปเลย"
       
       ขณะที่เพื่อนร่วมสถาบันอย่าง อธิรัตน์ สังทองคำ ซึ่ง เป็นนักฟุตบอลประจำมหาวิทยาลัยด้วยกล่าวว่า จากที่เขาเห็นๆ มา นักบอลไทยซ้อมเสร็จก็ไปเที่ยวต่อ ไม่มีความจริงจังเหมือนกับเมืองนอกเขา
       
       "นักกีฬาไทยยังไม่มีความ รับผิดชอบ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ดูอย่างความเป็นอยู่ของนักฟุตบอลไทยที่แตกต่างจากนักฟุตบอลในต่างประเทศแบบ เห็นได้ชัด คือนักฟุตบอลต่างประเทศซ้อมบอลเสร็จก็จะกินข้าวแล้วเข้านอน แต่นักฟุตบอลไทยซ้อมเสร็จแล้วไปกินเหล้าต่อ"
       
       เพราะฉะนั้นโอกาสที่ไทยจะเข้าบอลโลก ภายในอีก 12 ปีต่อจากนี้จึงลำบากไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะปี 2022 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ ซึ่งส่งผลให้ที่นั่งในโซนเอเชียต้องลดไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะถูกเจ้าภาพตีตราเอาไว้เรียบร้อย
       
       เว้นเสียแต่ไทยจะเลือกปฏิบัติตามแนวทางที่ ชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพยายามผลักดันนั่นคือการเสนอตัวเป็น เจ้าภาพเอง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากไม่แพ้การทำให้ตัวเองเข้ารอบแม้แต่น้อย
       
       สูตรไปบอลโลกของ วิทยา เลาหกุล
       
       แต่ถึงงานนี้จะดูไร้หวัง ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นได้เสียเลย เพราะในสายตาของ โค้ชเฮง-วิทยา เลาหกุล ประธาน พัฒนาเทคนิคสมาคมฟุตบอลจังหวัดชลบุรี ก็มีความหวังอยู่ลึกๆ ว่าเป็นไปได้ แต่จะต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และวางแผนกันขนานใหญ่ โดยสิ่งแรกที่จำเป็นคือการรู้มาตรฐานระดับโลกก่อนว่าเป็นอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์ทีมชาติไทยและสร้างแผนพัฒนาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
       
       โดยเฉพาะการทำแผนพัฒนา โดยมีแผนระยะสั้นคือในกลุ่มเยาวชน 15-16 ปี และแผนระยะยาวสร้างเด็กตั้งแต่อายุ 8-12 ปี เมื่อถึงฟุตบอลโลกในปี 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เยาวชนกลุ่มนี้จะน่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทีมชาติไทย
       
       "ทีมชาติอายุ 12-13 ปี ที่เราเตรียมไว้ใช่ว่าจะได้หมดเลย เด็กช่วงอายุนี้กระดูกมันจะยืดครับ การฝึกของเด็กวัยนี้เราจะฝึกธรรมดาไม่ได้ เราต้องเน้นเรื่องความเร็วก่อน ถ้าไม่มีความเร็ว เราสู้เขาไม่ได้ พออายุ 15-17 เขาต้องเป็นเด็กที่เล่นบอลฉลาด ถ้าเด็กไม่ฉลาดแล้วเล่นไม่ได้ ตรงนี้เราต้องดูเรื่องความเร็วจะพัฒนายังไง ตอนนี้เราพัฒนาไปแบบความรู้ใครความรู้มัน อย่างที่บอกว่าเราต้องดูเรื่องมาตรฐานโลก ความเร็ว ความฉลาด หมายถึงเราจะสู้ในระดับโลกจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการเล่น ตรงนี้มันสร้างกันได้ แต่ว่าใครจะเป็นคนสร้าง"
       
       อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ สามารถหาบุคลากรที่มีความสามารถและวางโครงสร้างการฝึกซ้อมระยะยาวได้ ทั้งต้องคอยตรวจสอบอย่างเป็นขั้นเป็นตอน คำถามคือจะได้โครงสร้างนี้มาจากไหน และเมื่อได้โครงสร้างการฝึกซ้อมแล้วจะกระจายโครงสร้างนี้ไปยังโค้ชอย่างไร
       
       "คือถ้าทำทีมชาติทีมเดียว อย่างที่สมาคมฯ ทำ มันไปไม่รอดครับ เพราะการฝึกในระดับเด็กจะได้แค่ 2 เปอร์เซ็นต์ สมมติถ้าเรามีศูนย์พัฒนาเทคนิคเหมือนในญี่ปุ่นหรือสเปน เราก็จะเห็นการสร้างเด็กไปในทิศทางเดียวกัน แต่เด็กที่จะหลุดมาถึงอายุ 16 จะมีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราทำหลายจังหวัดเราก็จะได้หลายคน แต่ถ้าทีมชาติทำทีมเดียว ฉันจะไปบอลโลก เอาพวกนี้เก็บตัว 4-5 ปี มันเป็นไปไม่ได้ครับ"
       
       และที่สำคัญ ต้องมีฝ่ายเทคนิคที่ทำการศึกษาวิเคราะห์ทีมคู่แข่งเพื่อใช้ในการวางแผนการ ฝึกซ้อมและรับมือด้วย ทั้งหมดนี้หากลงมือปฏิบัติจริง การที่ทีมชาติไทยจะไปบอลโลกก็ไม่ใช่ความฝันลมๆ แล้งๆ
       
       แต่อย่างว่า สิ่งที่อธิบายมาทั้งหมดนี้ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เกิดขึ้นเลย
       ..........


       
       แม้วันนี้ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยจะมีโอกาสเข้าไปแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จะยังเป็นเพียงแค่ความหวังที่ยังไม่เห็นเสียงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักที แต่การจะเดินไปถึงทางออกก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จุดสำคัญอาจจะอยู่ที่คนนำทางต่างหากว่า มีความสามารถในการเดินอยู่ข้างหน้าสักแค่ไหน เพราะหากไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ต่อให้ฉลาด หรือทำงานเก่งขนาดไหน โอกาสที่จะพาทุกคนหลงทางก็ยังเป็นไปได้
       
       เช่นเดียวกับวงการลูกหนังไทยในตอนนี้ แม้จะเงินทุนเยอะแยะขนาดไหน แต่หากปราศจากการวางแผนที่ดี และความตั้งใจที่จะพัฒนากีฬาอย่างแท้จริง ก็รับประกันได้เลยว่า คงไม่ต่างกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำดีๆ นั่นเอง

       >>>>>>>>>>
       .........
       เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
       ภาพ : ทีมภาพ CLICK
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215