ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บทรีวิวร้อนๆ ฉบับ เพิ่งออกจากเตาไมโครเวฟ : The Signal / 2014 (มฤตยูจากฟากฟ้า…ล

เริ่มโดย คุณาพร., 17:05 น. 24 ก.ค 57

คุณาพร.




บทรีวิวร้อนๆ ฉบับ เพิ่งออกจากเตาไมโครเวฟ  :  The Signal / 2014 (มฤตยูจากฟากฟ้า...ล่า-หลอน-หลอก)

คือหนังสยองขวัญที่มีกลิ่นอายของ "อากีร่าไม่เหมือนคน" เวอร์ชั่นคนแสดงแทน.....

(เกริ่นนำ  // อ้างอิงข้อมูลจาก // http://jediyuth.com/) The Signal เป็นหนึ่งในหนังที่กระแสดีที่สุดตอนออกฉายในเทศกาลหนังซันแดนซ์ประจำปีนี้ครับ และหนังได้ปล่อยตัวอย่างแรกออกมายั่วความอยากดูแล้ว  นี่เป็นหนังที่คำวิจารณ์จาก The Huffington Post ซึ่งคุณจะได้เห็นคำที่ยกมาในตัวอย่างหนังบอกว่า "เป็นเรื่องราวที่จินตนาการล้ำเช่นเดียวกับ District 9" ขณะที่ The Film Stage ชมว่าเป็นหนังที่ฉลาด และมีส่วนผสมอันลงตัวของ The Matrix, Chronicle และ Dark City (อ้างอิงข้อมูลจาก // http://jediyuth.com/)

เรื่องย่อ  :  The Signal / 2014 // หนังสยองขวัญประเภท Genres: Sci-Fi | Thriller (จัดเข้าประเภทโดย IMDB) ผลงานการกำกับของ William Eubank ร่วมเขียนบทหนังโดย Carlyle Eubank  นำเสนอเรื่องราวของหนุ่มสาวนักศึกษาของสถาบัน MIT ประกอบไปด้วย  พระหนุ่มรูปหล่อแต่พิการขาทั้งสองข้างจากอุบัติเหตุ Nic (รับบทโดย Brenton Thwaites) นางเอกสาวหน้าหวาน Haley (รับบทโดย Olivia Cooke) และเพื่อนชายสุดซี้ประจำกลุ่ม-ผู้เก่งกล้าสามารถด้านคอมฯแบบสุดๆอย่างหนุ่มแว่น Jonah (รับบทโดย Beau Knapp) ที่ซึ่งเพื่อนรักทั้งสามคนได้ออกเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อย่างสบายอารมณ์เหมือนเฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา  กระทั่ง...ระหว่างที่ทั้งสามพักผ่อนอยู่ภายในห้องพัก คอมฯส่วนตัวของหนุ่มแว่น (Jonah) กลับตรวจจับและพบสัญญาณบางสิ่งบางอย่างจากนอกโลกแถวย่านทะเลทรายเนวาดา ด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนทั้งสามจึงนัดหมายกันลงพื้นที่เนวาดาในช่วงกลางดึกค่ำคืนนั้นในบริเวณอาคารลึกลับหลังหนึ่ง และพบว่า...บริเวณพุ่มไม้ประหลาดข้างตัวอาคารมีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป เสียงประหลาดกึกก้อง....สายลมตีตลบหมุนอย่างชวนหวาดผวา แสงสีขาวลอยอยู่กลางอากาศ  เสียงหวีดร้องของหญิงสาว  และความสว่างวาบจนมืดดับไป....   จวบจนห้วงเวลาผ่านไป  นาน....เสียจนไม่รู้ว่าเท่าไหร่  เพื่อนรักทั้งสามตื่นขึ้นมาอีกครั้งภายในสถานีทดลองทางวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กับกระบวนการควบคุม-ระบบทดลองอย่างแน่นหนาสูงสุด (รหัสแดง) โดยมีชายผิวสีอย่าง Damon (รับบทโดย Laurence Fishburne) เป็นผู้ดูแลการสถานีทดลองอย่างเคร่งเครียด คราวนี้แหล่ะ....ถึงเวลาแล้วที่เพื่อนรักทั้งสาม และคุณผู้ชมทั้งหลายจะได้ร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆกันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทั้งสามมันคืออะไรกันแน่ และจุดจบของหนังเรื่องนี้...จะเป็นเช่นไร?






หลังรับชมหนังเรื่องนี้จนจบ // The Signal / 2014 :  ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าผู้เขียนสนใจโปสเตอร์ของหนังเรื่องนี้อย่างสุดซึ้ง....   โปสเตอร์หนัง-ภาพประกอบที่ใช้รูปของดาราหนุ่ม (พระเอกของเรื่อง) อย่าง Brenton Thwaites มานั่งแหกปากร้องอยู่เต็มใบโปสเตอร์ในชุดคนไข้ทดลอง  ตรงนี้มันทำให้คนดูเริ่มอยากรู้แล้วล่ะว่า....  เหตุใดพ่อหนุ่มนายนี้จึงต้องมานั่งแหกปากร้องอยู่ตรงจุดนี้  นำพาไปสู่การตามหาตัวอย่างของหนังมารับชม  เลยเข้ากูเกิ้ล พิมพ์คำว่า "The Signal / 2014 / Trailer" ตัวอย่างของหนังเรื่องดังก็ปรากฏออกมาให้เราได้ยลโฉมจนสมใจอยาก  ซึ่งในตัว Trailer อันมีความยาวทั้งสิ้นเพียง 2.11 นาทีกลับสร้างความ "อยากรับชม" หนังเรื่องนี้ให้เพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีก  ด้วยการนำเสนอหนังตัวอย่างชนิดเร้าใจคนดู ฉากต่างๆที่ปรากฏก็สร้างออกมาได้อย่างอลังการ  เร้าอารมณ์ มีความทันสมัยแบบสุดๆ ประหนึ่งหนังสยองขวัญแนวผสมผสานระหว่าง District 9,  The Matrix, Chronicle,  Dark City และหนังการ์ตูนญี่ปุ่น (ลงโรง) ระดับตำนานในอดีตอย่าง Akira / 1988 (อากีร่าไม่เหมือนคน) คือ...ตัวอย่างของหนังเรื่องนี้มีกลิ่นอายของ "อากีร่าไม่เหมือนคน" เวอร์ชั่นคนแสดงแทน....อยู่อย่างเต็มเปี่ยม  โอเค...ไม่รอช้า  ผู้เขียนเลยพยายามเสาะแสวงหาว่าเจ้า The Signal / 2014  จะเข้าฉายในโรงหนังเมื่อไหร่  แต่คำตอบที่ได้กลับมาจากหลายๆแหล่งสำนักข้อมูลก็คือ...หนังฉายที่อเมริกาไปแล้ว (ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2557 ) ส่วนในไทยคงไม่ได้ฉายในโรงเพราะไม่มีนายทุนเจ้าไหนซื้อเข้ามาฉาย  ในอนาคตอาจลุ้นแค่แผ่น DVD พากย์ไทย (หรือซับไทย)  ในเมื่อหนังมันไม่เข้าฉายในไทย...งานนี้เลยต้องใช้ความสามารถส่วนตัวกันหน่อย  หาลิ้งดูออนไลน์ข้ามทวีปกัน  ที่ซึ่งในที่สุดก็เจอ  และได้รับชมสมใจ......






The Signal / 2014 หนังมีความยาวทั้งเรื่องประมาณ 1.34 ชั่วโมง (ตัวที่ผู้เขียนได้รับชม พากย์อังกฤษ / ฝังซับภาษาจีน) หากจะแบ่งหนังเรื่องนี้ออกเป็นส่วนๆ  เราคงสามารถตัดแบ่งหนังออกได้เป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ  ดังนี้  (ช่วงแรก) เป็นช่วงที่กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งสามออกท่องเที่ยวเตร็ดเตร่ไปตามประสาวัยรุ่น จนได้รับสัญญาณบางอย่างจากนอกโลกในย่านทะเลทรายเนวาดา จากนั้นคนทั้งสามก็ออกค้นหาสัญญาณดังกล่าว  จนถูกบางสิ่งบางอย่างบนฟากฟ้าดูดขึ้นไปพร้อมกับลำแสงสีขาวสว่างวาบ....  (ช่วงสอง) เนื้อเรื่องเกิดขึ้นภายในสถานีทดลอง-วิจัยของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาทั้งหมด คือเรื่องราวที่เพื่อนทั้งสามต้องตกอยู่ภายใต้การสอบปากคำอันเนิ่นนานหลายวันหลายคืน-ตรวจสอบสภาพร่างกาย  จวบจนพวกเขา (และเธอ) ตัดสินใจหนีและวางแผนกันว่าจะค้นหาความจริงอันถูกปิดบังไว้   (ช่วงสาม) เป็นช่วงที่ความจริงทั้งหมดจะค่อยๆปรากฏ และเผยโฉมออกอย่างเชื่องช้า  จวบจนกระจ่างแจ้งทุกอณูความสงสัย! 

อนึ่ง  ฉากจบของหนังเรื่องนี้...(ขอบอก) จะทำให้คุณ....อึ้งแบบสุดๆ    และเชื่อสิว่าหลังจากรับชมหนังเรื่องนี้จนจบ  มีหลายคนเลยล่ะที่อยากจะร้องเพลง "ภาพลวงตา" ของดา เอ็นโดรฟิน  กับท่อนฮุกโดนๆประมาณ  "มันก็เป็นแค่เพียงภาพลวง หลอกตา  ที่เธอสร้างขึ้นมาให้ฉันได้ใจ  มันไม่เคยจะเป็น ของจริงแค่ลวง แค่หลอกกันไป...แค่นั้น"








(The Signal / 2014) ข้อดีของหนังเรื่องนี้  :   เป็นหนังที่มีฉากการถ่ายทำ-มุมกล้อง-เอฟเฟค-และคอมพิวเตอร์กราฟฟิคสวยงามสมจริง ทำให้ผู้ชมสามารถรับชมความงามจากภาพและมุมกล้องต่างๆได้อย่างเพลิดเพลิน นักแสดงในเรื่องก็ค่อนข้างแสดงได้อย่างสมบทบาทมากๆ ตัวละครที่เล่นเป็นนักวิทยาศาสตร์ก็แสดงบทบาทได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน  ตัวแสดงที่เล่นเป็นหนูทดลองก็เล่นได้อย่างสมจริง  ความยาวของหนังซึ่งอยู่ที่ 1.34 ชั่วโมง ไม่ยาวหรือสั้นจนเกินงาม หนังมีฉากที่เคร่งเครียดบางฉาก...ที่ซึ่งเล่นเอาผู้ชมอาจจะเครียด-และหดหู่ตามไปกับตัวหนัง (ไม่ขอบอกว่าฉากไหน-ให้ดูกันเอาเอง) แต่ในทางกลับกัน The Signal / 2014 ก็แอบแฝงฉาก "ตลกร้าย" (Black Comedy) ที่สอดแทรกเข้ามาเพื่อให้ผู้ชมได้ผ่อนคลาย และแอบหัวเราะแบบเล็กๆ  อาทิ  ฉากที่คุณป้าไล่ผี Elise Rainier (ชื่อจริงคือ Lin Shaye) จากหนังสยองขวัญสุดระทึก Insidious (วิญญาณตามติด) โผล่ออกมาหน้าจอในบทบาทคุณป้าจอมซิ่ง  ฉากนี้เชื่อว่าหลายคนคงตกใจ และแอบขำลึกๆกับตลกร้ายมุกนี้ที่ผู้กำกับ William Eubank นำมายิงใส่หัวคนดูอย่างเข้าจังหวะ  หรืออีกฉากหนึ่ง  คือ  ฉากที่หัวหน้าสถานีทดลอง Damon (รับบทโดย Laurence Fishburne) จับคุณป้าไล่ผีมาสอบปากคำในห้องกักกันโรค  คิดดูนะว่าคนดูจะขำขนาดไหนที่มุมหนึ่งคือเฮีย Laurence Fishburne ในชุดอวกาศ  กับอีกมุมคือคุณป้าไล่ผี Lin Shaye ที่กำลังพูดแบบรัวหมัด / สวดคำโตใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างเมามัน  จนทำให้อีตา Laurence Fishburne ทนไม่ไหวในความปากมากของป้าแก  คว้าปืนขึ้นมาเพื่อสั่งให้ป้า Lin Shaye หยุดพูด (เฮ๊ย....ฉากนี้มันโคตร Black Comedy ชัดๆ) 









****** // ตรงนี้มีเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนังเรื่องนี้-บางส่วน // ******

V

V

V

V

V

V

V

(The Signal / 2014) ข้อเสียของหนังเรื่องนี้  :   บอกตามตรงเลยว่าหนังเรื่องนี้สร้างออกมาได้ไม่ตรงกับใจของผู้ชมส่วนใหญ่ (ที่ต้องการจะรับชมในสิ่งที่เขาต้องการชม)  หนังเล่าเรื่องของกลุ่มเด็กนักศึกษา 3 คนที่ประมาณถูกอะไรบางดูดขึ้นไปบนฟากฟ้า  ก่อนจะเปิดเรื่องในส่วนของสถานีทดลอง (หลังถูกปล่อยกลับสู่พื้นผิวโลกแล้ว) คือพูดตามตรงว่า ณ จุดตรงนี้ คนดูต้องการเห็นในสิ่งที่ "ต้องการ" คือ ผมค่อนข้างเข้าใจเลยว่าคนดูส่วนใหญ่ต้องการเห็นเอเลี่ยน (ตัวที่ทางการสหรัฐอาจจะจับได้...) หรือปรากฏการณ์อันสยดสยองจากหนูทดลองที่ซึ่งเอเลี่ยนจับไปทดลองอะไรบางอย่าง-ที่อาจจะเกิดขึ้นหรือส่งผลภายในห้องทดลองในไม่ช้า  หรือความต้องการที่จะเห็นฉากในห้องแดงปิดตายเป็นอย่างที่คาดหวัง (ฉากที่มีการนำวัวมาผูกไว้แล้วดับไฟภายในห้อง)  ฉากที่กล่าวมาข้างต้นนี้...คนดูต้องการ "เห็น" ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ  แต่เปล่าเลย!  ทางผู้กำกับแค่เพียงสร้างร่องรอยอะไรบางอย่างไว้ตรงบริเวณกำแพงทางเดินทั้งสองข้าง  เป็นปริศนาที่คนดูต้องการ "คำตอบ" ณ ขณะนั้น?  (แต่ผู้กำกับก็ไม่เฉลยว่ามันคืออะไร? )  ในเมื่อผู้กำกับไม่สนองความต้องการของผู้ชม  ฉากท้ายๆ (หรือฉากจบ) ผู้ชมส่วนใหญ่จึงต้องการอะไรที่มันค่อนข้าง "อลังการ" พอสมควร ในการเติมเต็มความต้องการเหล่านั้น  ผมเชื่อว่าผู้ชมหลายคนคงต้องการเห็นฉากจบ  ประมาณมนุษย์ที่ถูกเอเลี่ยนจับไปทำการทดลอง (จนกลายพันธุ์) เปลี่ยนความแค้นที่ตนเองมีอยู่ (ถูกชิงสาวคนรักไปต่อหน้า / และสูญเสียเพื่อนรักเพราะถูกฆ่าตาย) เข้าต่อสู้  ห้ำหั่นกับอริศัตรูตรงเบื้องหน้าอย่างวินาศสันตะโร  แต่เปล่าเลย...ผู้กำกับ William Eubank กลับเลือกนำเสนอตามแนวทางเฉพาะของตน  เขาเลือกที่จะเปิดเผยเนื้อหาสาระสำคัญในตอนจบแทน (ชนิดช็อคผู้ชมทั้งโรงหนัง) แล้วหนังก็จบลง  ปล่อยให้ผู้ชมมโนภาพเหตุการณ์ข้างหน้าเอาเอง  ว่าฉากสุดท้ายของหนังควรจะเป็นเช่นไร    แล้วหนังก็จบลงแค่ตรงนี้จริงๆ...... 

****** (ความเห็นส่วนตัว) The Signal / 2014  :  มันเป็นหนังที่มีฉากและมุมกล้องสวยงามอลังการสุดๆ ตัวละครเล่นได้อย่างสมเหตุผล  หนังเรื่องนี้ผู้ชมจะได้เห็นใน "สิ่งที่ผู้กำกับต้องการจะให้เห็น" ไม่ใช่ "สิ่งที่ผู้ชมต้องการเห็น"  ถ้ากำหนดไว้ว่าหนังสยองขวัญที่สมควรได้รับการเผยแพร่ในโรงหนัง คะแนนควรที่จะได้  8 / 10 คะแนนขึ้นไป  ผมให้หนังเรื่องนี้ (The Signal / 2014) ได้ 7.9 / 10 คะแนน (ความเห็นส่วนตัว)









ส.อ่านหลังสือ





****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0