“สนธิ-จำลอง” จี้ “มาร์ค” ถอนตัว คกก.มรดกโลก

[ฅนสองเล]

 "สนธิ-จำลอง" จี้ "มาร์ค" ถอนตัว คกก.มรดกโลก-MOU43 หนุนแจกหนังสือติดปัญญา   
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   18 ธันวาคม 2553 14:24 น.

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เวทีเสวนา "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ที่ อ.หาดใหญ่ เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยทั้ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล จี้ให้รัฐบาลยุติการสูญเสียอธิปไตยของดินแดนไทยกรณีเขาพระวิหาร โดยยับยั้งการเป็นคณะกรรมการมรดกโลก และยกเลิก MOU 43 ชี้ไทยยังเป็นสังคมด้อยปัญญาทำให้ตกเป็นเหยื่อนักการเมืองทำให้ชะล่าใจในเรื่องนี้ โดยแนะนำให้อ่านหนังสือ 33 ประเด็นถาม - ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน โดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เพื่อเข้าใจเรื่องนี้อย่างถูกต้องและเท่าทันสถานการณ์
   
       วันนี้ (18 ธ.ค.) ณ เวทีการเสวนา "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" หอประชุมเทศบาลนครหาดใหญ่ (พลาซ่า) เวลา 13.30 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ไม่มีเหตุการณ์ครั้งใดในประเทศไทยที่ร้ายแรงเท่าครั้งนี้ ที่คนไทยต้องเสียดินแดนเขาพระวิหารให้กับประเทศกัมพูชา แต่ก็ยังโชคดีที่บ้านเมืองยังมีผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ออกมาท้วงติงว่ารัฐบาลชุดนี้ทำให้เราต้องเสียดินแดนบางส่วนไปแล้ว คนไทยไม่มีอธิปไตยในที่ดินรอบเขาพระวิหาร และหากปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้เดินหน้าต่อไปแล้ว ต้องสูญเสียดินแทนทั้งทางบกและทางทะเลเพิ่มอีกอย่างแน่นอน
       
       วันนี้โอกาสมาถึงแล้วให้คนไทยได้ร่วมกันปกป้องแผ่นดิน โดยรวมพลังกันในวันที่ 25 ม.ค. เพื่อรักษาอธิปไตยของคนไทย ด้วยการกดดันให้รัฐบาลถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก และให้รัฐบาลยกเลิกข้อตกลง MOU 2543โดยเร็วที่สุด แล้วประเทศกัมพูชาเองก็ไม่สามารถฟ้องร้องหรือกดดันเราได้ เพราะเราเป็นประเทศเอกราช เช่นเดียวกับศาลโลกก็ไม่มีอำนาจแทรกแซงที่จะบังคับให้เราขึ้นศาลได้เหมือนดังที่มีการอ้างไว้เพื่อรักษาข้อตกลงนี้
       
       "เหล่านี้คือปณิธานความตั้งใจของเรา ที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยทุกคนอย่างเต็มที่ ซึ่งขอขอบคุณชาวใต้ทุกคน และหากประสบปัญหาอะไรเราก็จะลงมาช่วยเหลือ ดั่งเช่นเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา" พล.ต.จำลองกล่าว
       
       เวลา 13.45 น นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวแนะนำหนังสือ 33 ประเด็นถาม - ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน โดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ซึ่งจัดพิมพ์มา 100,000 เล่ม ว่าเป็นการสรุปประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ไว้ให้ประชาชนที่ยังไม่เข้าใจได้อย่างอย่างเข้าใจง่าย ซึ่งเรื่องนี้กล้าพูดได้ว่าปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นได้เพราะสังคมไทยนั้นยังด้อยปัญหา ทำให้นักการเมืองหลอกอย่างง่ายดาย แต่พันธมิตรฯ นั้นเป็นกลุ่มที่แสวงหาปัญญา และใช้ความจริงเข้าสู้โดยใช้ปัญญากลั่นกรอง ไม่ว่าจะพูดกี่ครั้งก็ไม่เปลี่ยนแปลง
       
       ดังนั้น หากพี่น้องอ่านเข้าใจแล้วยังมีเพื่อนที่ไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ ขอให้นำหนังสือไปแจกจ่ายให้คนอื่นๆ เพื่อสร้างปัญญาร่วมกันไม่ให้เป็นเหยื่อของนักการเมือง และข้อเท็จจริงในหนังสือเล่มนี้จะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในอนาคตว่า การที่ไทยเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทเขาพระวิหารนั้น จะชี้ชัดได้ว่าเกิดขึ้นในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเมื่อถึงวันนั้นตนจะทำศิลาจารึกใส่ชื่อนักการเมืองที่ทำให้คนไทยเสียแผ่นดิน
       
       ด้าน อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.มา 3 ปีกว่าก็ซาบซึ้งดีว่าไม่สามารถทำอะไรเพื่อประชาชนได้มากนัก ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.นั้นก็มีดีไม่มากนักที่จะทำเพื่อชาติ ระหว่างที่มีการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ตนเองก็งดการออกเสียงมาโดยตลอด ซึ่งเท่ากับว่าไม่ไว้วางใจ เพราะเห็นแล้วว่าการเมืองแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อประชาชน ขณะเดียวกันประชาชนที่ไม่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็เพราะความไม่เชื่อใจนั่นเอง
       
       "ทุกวันนี้ผมเบื่อหน่ายนักการเมืองและการเมืองในรัฐสภาอย่างยิ่ง จากอดีตที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมพันธมิตรฯ และสู่เส้นทางการเมือง แต่เมื่อทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร์แล้วกลับแล้วไม่สามารถเป็นปากเสียงให้ประชาชนได้อย่างที่คิดไว้ ดังเช่นปัญหาเขาพระวิหารนั้นในหน้าที่ทางการเมืองของตนก็ยังมองไม่เห็นทางว่ารัฐบาลจะแก้ไขได้อย่างไร แต่เห็นช่องทางว่าหากอยู่ในภาคประชาชนแล้วจะสามารถเคลื่อนไหวได้มากกว่า ต่อจากนี้ไปผมยืนยันว่าไม่ต้องมาเชื้อเชิญผมสู่การเมืองอีก เพราะหลังจากนี้จะกลับเข้าสู่ภาคประชาชนที่ยิ่งใหญ่กว่าระบบพรรคการเมืองใดๆ ซึ่งเรามองว่าชาตินั้นมีความสำคัญและยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด" อ.สมเกียรติ กล่าวต่อและว่า
       
       ตนขอยืนยันและขอร้องให้เชื่อตนสักครั้งว่า คนที่เป็นปัญหาจริงๆ คือนักการเมือง ประชาชนจึงต้องฝ่าฟันด่านนี้ให้ได้ก่อน นักการเมืองสมควรปฎิรูปก่อนเพื่อให้ประเทศไทยดีขึ้น และรัฐบาลโปรดถอนบันทึกช่วยจำ MOU และถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก เพียงแค่นี้เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งตนเชื่อว่าคำขอเหล่านี้ไม่มีคำตอบจากนายกรัฐมนตรี และแม้ว่าบ้านเมืองนี้จะมีคนที่เพิกเฉยมาก แต่เชื่อว่าในอีกไม่ช้าเมื่อกลุ่มพลังต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น รัฐบาลก็จะพบกับความยากลำบากในการบริหารบ้านเมือง ซึ่งเมื่อนั้นตนก็คงหมดหน้าที่ของนักการเมือง และเมื่อนั้นตนก็จะออกมารับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่อย่างที่ใจต้องการเสียที