ผู้ค้าน้ำมันในพื้นที่ จชต. ร้อง “ศอ.บต.” จี้ปราบ “น้ำมันเถื่อน” ขั้นเด็ดขาด

[ทีมงานบ้านเรา]

ผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ศอ.บต. ให้เร่งแก้ปัญหา "น้ำมันเถื่อน" อย่างเด็ดขาด โอดที่ผ่านมา ยอดขายลดกว่า 70% พร้อมโวย อบจ.เก็บภาษีน้ำมันส่งผลธุรกิจแบกรับต้นทุนเพิ่ม เปรยหากไม่ได้รับการแก้ไขอาจหยุดขายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ทั้งหมด
       

[attach=1]

       วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส จำนวน 150 คน นำโดย น.ส.สมหญิง ชัยรัตนมโนกร เลขาธิการชมรมผู้ประกอบการปั้มน้ำมัน จ.ยะลา ได้เดินทางมาพบ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารตังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยื่นหนังสือ ขอให้ปราบปรามและดำเนินคดีต่อผู้ค้าน้ำมันเถื่อนอย่างเด็ดขาด และขอให้ชะลอ และแก้ไขการจัดเก็บภาษี อบจ.ให้เหมาะสม แต่เนื่องจาก นายภาณุ ไปราชการจึงมอบให้นายบุญธรรม มุณีกาญจน์ ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้มารับแทน จากนั้นจะเดินทางไปยื่นหนังสือให้แก่แม่ทัพภาคที่ 4 ต่อไป
       
       นายอรรถพร เกษราพงศ์ ประธานชมรมผู้ค้าน้ำมันในจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ตอนนี้กิจการค้าน้ำมันของสถานบริการปั๊มน้ำมันที่ถูกกฎหมายได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาของผู้ค้าน้ำมันเถื่อน จนส่งผลให้ตอนนี้มีผู้ประกอบการหลายรายในพื้นที่ต้องปิดกิจการลงไป
       
       น.ส.สมหญิง ชัยรัตนมโนกร เลขาธิการชมรมผู้ประกอบการปั้มน้ำมัน จ.ยะลา เปิดเผยว่า ตามที่ อบจ.ได้ออกข้อบัญญัติเรื่องการชำระภาษีบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัด จากการค้าน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ พ.ศ.2557 และส่งหนังสือให้สถานีบริการน้ำมันไปจดทะเบียน และยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามระยะเวลาที่บัญญัติกำหนด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไปนั้น

[attach=2]

ชมรมผู้ค้าน้ำมันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ตระหนักถึงการชำระภาษีว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น และสำคัญ จึงได้จัดการประชุมเพื่อปรึกษาหารือสมาชิกชมรมผู้ค้าน้ำมันทั้ง 3 จังหวัด ปรากฏว่า สมาชิกมีมติเรียกร้องให้ปราบปรามน้ำมันนอกระบบขั้นเด็ดขาด และให้ อบจ.ชะลอการเรียกเก็บออกไปก่อน และแก้ไขวิธีการจัดเก็บภาษี อบจ.ให้เหมาะสมต่อพื้นที่ด้วยเหตุผลดังนี้
       
       น.ส.สมหญิง ขอยื่นข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ 1) สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จากสภาพปัจจุบันปั๊มน้ำมันไม่สามารถเปิดได้ 24 ชั่วโมงเหมือนในอดีต ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในปั๊มน้ำมันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้องติดตั้งกล้องวงจรปิด และต้องจ่ายยามเพิ่มขึ้น 2) การลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนจากชายแดนไทย-มาเลเซีย และทางทะเล ทำให้ยอดขายน้ำมันปั๊มลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะที่ อ.เบตง และ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งยอดตกอย่างมาก 70-80 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากราคาน้ำมันเถื่อนต่ำกว่ามากถึง 4-5 บาทต่อลิตร จนทำให้ยอดขายในปั๊มไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย จนต้องขาดทุน
       
       3) การปรับตัวเข้าสู่การค้าเสรีอาเซียน หากไม่มีการดูแล และช่วยเหลือธุรกิจปั๊มน้ำมันอย่างจริงจังคาดว่าเมื่อมีการเปิดเสรีอาเซียนธุรกิจปั๊มน้ำมันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจจะอยู่ไม่ได้เพราะประเทศเพื่อนบ้านน้ำมันถูกกว่ามาก     
       
       4) การเก็บภาษีทำให้ราคาปลีกน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น เพราะต้องนำอัตราภาษีที่ อบจ.จัดเก็บไปบวกกับราคาหน้าปั๊มเดิม ทำให้ราคาหน้าปั๊มแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นไปกว่าเดิม ไม่เหมาะต่อภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ ดังจะเห็นได้ว่าน้ำมันเป็นต้นทุนของธุรกิจ ธุรกิจจะมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ยอดขาย และกำไรต่อหน่วยไม่ได้เพิ่มขึ้น อาจจะทำให้ธุรกิจที่แต่เดิมมีปัญหาอยู่แล้วมีปัญหาเพิ่มขึ้นอีก

[attach=3]

ที่มา - http://www.manager.co.th/