ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

นิทานก่อนนอน ปรส

เริ่มโดย จ่าเงิบ Addict, 22:03 น. 16 พ.ย 57

จ่าเงิบ Addict

ก่อนหน้าจะเริ่มบทที่ 1 ของ ขายชาติ ปรส. ผมขอเริ่มต้นด้วย บทที่ 0 ก่อนแล้วกัน ว่าไทยเราเจอต้มยำกุ้งได้ยังไง
Chapter 0 : Phantom menace

อย่างแรกเลย ต้นเหตุคือการดำเนินงานที่ผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนหน้าชวลิต เรื่องมันเริ่มมาจากนโยบายตรึงค่าเงินบาทแต่เปิดเสรีด้านการเงิน (ไทยเราเคยมีค่าเงิน 24 บาทต่อดอลล่าห์ด้วยนะเออ)

บวกกับความที่อยากจะแดกจนไปกู้เงินจากต่างประเทศจนเกินพอดี ทั้งที่รากฐานเศรษฐกิจไทยเราไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น แล้วที่บัดซบกว่านั้นคือเอาเงินกู้มาใช้จ่ายให้ดูว่าไทยเราเข้มแข็งโดยไม่สร้างมูลค่าที่แท้จริง

จนตอนหลังเจอ จอร์จ โซรอส จอร์จ โซรอส กระทำการโจมตีค่าเงินบาท โดยการขายเงินบาทล่วงหน้า ถล่มราคาให้ต่ำลงไปเรื่อยๆ แล้วซื้อในราคาต่ำ เอาไปคืนที่ขายล่วงหน้าไว้ ถ้าค่าเงินบาทแข็งแกร่งจริง ก็จะมีผู้รับซื้อ...แต่ไม่ใช่บางส่วนเทขายด้วยความตระหนก ร่วมเป็นกองกำลังมหาศาลโจมตีค่าเงินบาท

สรุปสั้นๆคือ มูลค่าเงินบาทโดนรวมพลังทุบติดฟลอร์จนแทบหมดราคาเลยว่างั้น

ธนาคารแห่งประเทศไทยพยายามต่อสู้การถูกโจมตีค่าเงินบาท ด้วยการรับซื้อจนแทบหมดหน้าตักความเชื่อมั่นต่อเครดิตของประเทศหมดไป เกิดการทวงหนี้คืนครั้งใหญ่ ฐานะของประเทศไทยก็เข้าสู่วิกฤติ และยิ่งสาหัสเมื่อต้องใช้หนี้ด้วยค่าเงินบาททำให้ทรัพย์สินและธุรกิจของไทยจำนวนมากตกไปอยู่ในมือต่างชาติ

และประเทศไทยก็เข้าสู่งยุคมืด......ที่มืดมิดไปอีกหลายปี....
และเป็นโชคดีของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ต้องประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเอง ทั้งที่เป็นฝีมือของพวกตัวเอง งานนี้ชวลิตซวย เพราะเข้ามาก็สายไปแล้ว

เรื่องทั้งหมดจบลง โดยนำไปสู่การการขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน 56 แห่ง หรือก็คือ "ปรส." นั่นเอง

ในตอนสมัยรัฐบาลชวลิตนั้น ได้มีการสั่งปิดไฟแนนซ์ทั้ง 56 แห่งจากเหตุต้มยำกุ้ง และจัดตั้ง ปรส. ขึ้นโดยมีจุดประสงค์ในตอนนั้นที่จะแยกหนี้ดี – หนี้เสียออกจากกัน เหตุผลเพราะจะได้ปลดล็อกเอาสินทรัพย์ดีๆในนั้นออกมาใช้หมุนเวียน และแก้ปัญฆาหนี้เน่าได้ถูกจุด สินทรัพย์ที่ดีจะได้ขายได้ในราคาที่ดี (โดยใช้วิธีประมูล) ซึ่งช่วยเหลือผู้ฝากเงิน โดยเฉพาะกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่และเพื่อชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ไม่สามารถฟื้นฟูกิจการได้

แต่ด้วยความซวยของประเทศชาติไทย ในตอนนั้นรัฐบาลชวลิตได้ถูกโค่นลงไป ด้วยเรื่องการลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นใหญ่ในแดนดิน นำโดยท่านนายก ชวน หลีกภัย มหกรรมขายชาติอันลือลั่นที่ชัดเจนแต่แตะต้องไม่ได้ถึง 10 ปีก็ได้เริ่มต้นขึ้น......

Chapter 1 : Democrat Party shall Rise, Thai people shall Fall....and fall badly

หลังจากที่รัฐบาลนายชวนได้เข้ามาบริหารประเทศหลังจากที่ชวลิตลอยตัวค่าเงินบาทแล้ว ซึ่งตอนนั้นนายชวลิตต้องการที่จะแยกหนี้ดีและหนี้เสียออกจากกันก่อนแล้วค่อยทำการประมูลขายเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน

แต่ในทางปฏิบัติ ทางพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีการแยกหนี้ดีหนี้เสียแต่อย่างใด ซึ่งแปลว่าของดีๆในนั้นที่สามารถช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนได้โดยเฉพาะเจ้าหนี้ที่ดีก็ไม่สามรถกระทำได้ตามเจตนารมณ์เดิม

โดย นายอมเรศ ศิลาอ่อน ประธานคณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ในตอนนั้น และนายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ เลขาธิการปรส.ในตอนนั้น (จำชื่อสองคนนี้ดีๆนะครับ เดียวจะฮา)

ซึ่งได้มีกฏข้อนึงที่ทางปรส. ออกมาว่า "ห้ามคนไทยเข้าประมูลแข่ง" ซึ่งสร้างความงงงันให้กับสังคมไทยในสมัยนั้นมากว่าทำไมถึงห้ามวะ????

เพิ่มเติม
http://www.cnxnews.net/สกู๊ปพิเศษ/ย้อนรอย-คดี-"ปรส-"-ลูกหนี้คนไทยตายไปแล้ว-โศกนาฏกรรม-เศรษฐกิจหายนะ-ตัวการยังลอยนวล/

ซึ่งจากกฏข้อนี้ของปรส. และจากการไม่แยกหนี้ดีและหนี้เสียออกจากกัน ทำให้เกิดการประมูลขายทรัพย์สินชั้นดีและชั้นเลวรวมกันแบบเหมาเข่ง

มูลค่าทรัพย์สินในตอนนั้นรวมกัน 851,000 กว่าล้านบาท.... โดยผู้ที่เข้าร่วมประมูลมีแต่คนต่างชาติทั้งนั้น และประมูลไปได้ในราคา 190,000 ล้านบาท!!! O wO)

เท่ากับว่า ปรส. ประมูลขายทรัพย์สินของชาติให้คนต่างชาติในราคาลดแล้วเหลือ 22.3 เปอร์เซ็นต์โดยห้ามคนไทยด้วยกันเองร่วมประมูลด้วย......

ฟังแล้วเริ่มเจ็บปวดไหมครับ.... ยังไม่จบครับ อดทนหน่อย....
ทางพรรคประชิปัตย์ ได้ให้เหตุผลในการห้ามคนไทยเข้าร่วมประมูลในภายหลังว่า "เพื่อไม่ให้เสียนิสัยจากการทำขาดทุนแล้วซื้อคืนได้ในราคาแสนต่ำ"

ทั้งที่จริงแล้ว คนไทยไม่ได้ทำประเทศชาติเจ๊งแล้วเป็นหนี้.... ที่มาจริงๆมันมาจากการตรึงค่าเงินบาทและเสรีทางการเงินที่ผิดพลาดของประชาธิปัตย์ต่างหาก...

ผมขอจบนิทานก่อนนอน ปรส แต่เพียงแค่นี้ก่อน
เตรียมพบกับตอนที่ 2 .......

จ่าเงิบ Addict

Chapter 2 : Lehman Brothers!!! Lehman Brothers is everywhere!!!

ความเดิมจากตอนที่แล้วหลังจากที่ ปรส. ห้ามคนไทยเข้าร่วมประมูลแบบไม่มีเหตุผลอันควรและประมูลขายทรัพย์สินของคนไทยไปให้ต่างชาติจากมูลค่า 815,000ล้านบาท เหลือเพียง 190,000ล้านบาท

ที่จริงถ้าเรื่องนี้มันจบลงแค่นี้ มันก็คงจะถูกจารึกไว้ในฐานะการทำงานที่ "โง่เง่า"ที่สุดอย่างแน่นอน แปบๆคนไทยก็คงจะลืมแล้วล่ะครับ

แต่มันไม่จบแค่นี้นี่สิครับพี่น้อง..... ครั้งนี้เราจะมาดูผู้ที่ประมูลได้กันนะครับ
ผู้ที่ประมูลได้มีรายชื่อดังต่อไปนี้

บริษัท เลห์แมนบราเดอร์ โฮลดิ้ง อิงค์ (จำชื่อนี้ดีๆนะครับ XD)
บริษัท โกลด์แมน แซคส์ เอเชีย ไฟแนนซ์ จำกัด
บริษัท เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)
บริษัท วีคอนกลอมเมอเรท จำกัด

ซึ่งการประมูลในครั้งนี้ทาง ปรส. ไม่ได้ทำเองด้วยตัวเองอย่างเดียว ทางปรส. ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษามาช่วยปรึกษาในการประมูลทรัพย์สินของ ปรส.ในครั้งนี้ด้วย

ชื่อของบริษัทที่ปรึกษานั้นก็คือ บริษัท เลห์แมนบราเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด นั่นเอง

......แหม อย่าทำหน้าแบบนั้นกันสิครับ.... ถูกต้องแล้วครับ... ทางฝ่ายที่จัดการเรื่องประมูลสินทรัพย์ปรส. พึ่งจะแต่งตั้งบริษัทในเครือเดียวกับผู้ร่วมประมูล เป็นที่ปรึกษาในงานประมูลครั้งนี้เท่านั้นเอง เข้วววว บังเอิญจริงๆนะเนี่ยยยยย!! XD

ยังไม่พอครับ บริษัท เลห์แมนบราเดอร์ โฮลดิ้ง อิงค์ ยังเป็นผู้ประมูลได้ของถูกเป็นอันดับหนึ่งของการประมูลครั้งนี้ กวาดไปเกือบหมดกันเลยทีเดียว

แหมมมมม เลห์แมนบราเดอร์ เต็มไปหมดกันเลยทีเดียว XD

นอกจากนี้ทางปรส.ยังทำมึนไม่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 13,000 ล้านบาทจาก 4 บริษัทฯที่ชนะประมูลจาก ปรส.ทั้งทั้งที่ใบเสร็จรับเงินออกให้ 4 บริษัทฯ ในฐานะเป็นผู้ซื้อจาก ปรส.ประมูล

แหมมมม ที่ไอ้แม้วขายหุ้นไม่เสียภาษีด่ากันจัง แต่ทีซื้อขายของชาติ พวกเอ็งดันไม่เรียกเก็บภาษี....แหม XD ไอ้ห่าน เอ้ยตูซื้อของยังเสีย VAT ฝรั่งมาซื้อของทำไมไม่เก็บVAT วะ?

จากนั้นสินทรัพย์ที่ประมูลได้มาก็ถูกโอนไปยังกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนโกลเบ็ก และ กองทุนวรรณ ซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตว่า มีคนถือหุ้นทั้งเลห์แมน กองทุนโกลแบ็ก และกองทุนวรรณ อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า? แต่จากการสืบสวนตอนนี้ยังไม่สามารถฟันธงไปได้

ความปวดตับยังไม่จบแค่นั้นครับ ทรัพย์สินที่ถูกประมูลได้นั้นได้นั้น ถูกนำมาขายคืนให้กับประเทศไทยเราอีกครั้ง ในราคาที่แพงกว่าเดิม เหมือนปรส.ทำให้ต่างชาติก็ยังสามารถดำเนินการซื้อหนี้ 100 บาท ในราคา 10 บาทแล้วมาตามเรียกหนี้ 100 บาทบวกดอกเบี้ยปรับผิดนัดได้อีกต่างหาก

เรื่องปรส.ก็จะจบลงตรงนี้ ตอนหน้าเราจะดูผลการกระทำของคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ในอีก 10 ปีให้หลังในตอนหน้ากันนะครับ!!

ตอนหน้าตอนที่ 3 เตรียมพอกับ ฉากจบของนิทานเรื่องนี้
Chapter : 3 Do you know who WE are!? We are "good guy" and "good guy" never done wrong!!

เสริมนิด เลห์แมนบราเดอร์ เจ๊งไปตั้งแต่ช่วง แฮมเบอร์เกอร์ ไครซิสแล้วนะครับ ฮา

จ่าเงิบ Addict

Chapter : 3 "GOOD MAN" can do no wrong

เอาล่ะครับหลังจากตอนที่ 2 จบไปแล้ว เราจะเห็นภาพโดยรวมว่าคดีการประมูลของปรส. มันมีพิรุธยังไง? ทำประเทศชาติเสียหายกันขนาดไหนไปแล้วนะครับ วันนี้เราจะมาต่อกันหลังจากที่เรื่องนี้ได้มีการร้องเรียนให้DSI และ ปปส. ตรวจสอบ

คดีปรส. ผู้ที่น่าจะต้องร่วมรับผิดชอบหลักๆ ได้แก่
1. นาย ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
2. นาย ธานินท์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังในตอนนั้น
3. คณะกรรมการ ปรส. เช่น นายอมเรศ ศิลาอ่อน ประธานคณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ในตอนนั้น และนายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ เลขาธิการปรส.ในตอนนั้น
4. บริษัท เลห์แมนบราเดอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
5. ผู้บริหารกองทุนโกลเบ็ก และ กองทุนวรรณ

บางคนอาจจะบอกว่า ทำไมไม่มี ชวลิต กับ ไอ้แม้วด้วย สาเหตุเป็นเพราะว่า ปรส.โดนดำเนินการสมัยประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลครับ เป็นรัฐบาลชวน 2 ส่วนแม้วกับชวลิตเป็นแค่รัฐบาลที่คิด ปรส. แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติหรือประมูลสินทรัพย์นั่นเอง

ซึ่งก็ได้มีการดำเนินคดี และเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา มีการตัดสินว่า นายอมเรศ ศิลาอ่อน และนายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ มีความผิดฐานไม่เรียกเก็บเงินงวดแรกในการขายสินทรัพย์ให้กับบริษัทเอกชนเลห์แมนบราเธอร์ส โฮลดิ้งอิ้งค์ จำกัดจำนวน 2,304 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์กำหนดที่ไว้ ผิดตาม พรบ.ว่าด้วย ความผิดพนักงานในองค์กรของรัฐ จึงพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท

ปรับ 20,000 บาท จำคุก 2 ปี..... ประเทศชาติเสียหาย 2,304 ล้านบาท.....มีโทษเท่า ไอ้แม้วที่เซ็นชื่อโอนที่ดินให้เมียมันที่ประมูลด้วยเงินตัวเองเองหรอ? .... ยังมีแต่นะครับ!! ยังไม่จบนี้นะครับ!!   

แต่ว่า นายอมเรศเคยเป็นอดีตรมว.พาณิชย์ และนายวิชรัตน์วิชรัตน์ เป็นอดีตประธานอนุกรรมการกลั้นกรองวางแผนการฟื้นฟูให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นการทำคุณให้กับประเทศ อีกทั้งจำเลยทั้ง2 มีอายุมากเห็นสมควร โทษจำคุกจึงรอลงอาญา 3 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี โดยต้องรายงานตัว 3 ครั้งต่อเดือน พร้อมบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนจำเลยคนอื่นๆ พิพากษายกฟ้องเพราะไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ..........   

เฮ้ยยยยยยยย ทำคุณประโยชน์อะไร?!!  ตกลงทำผิดแล้วเอาผลงานที่ชาติเสียหายมาลบล้างความผิดตัวเองเนี่ยนะ!!!! แผนการฟื้นฟูนั่นไม่ใช่หรอที่นำไปสู่การประมูลขายทรัพย์สิน ปรส. ในราคาถูกให้ฝรั่งนะ แล้วทำไม ตอนไอ้แม้วโดนเรื่องจริยธรรมคดีที่ดินรัชดา ทำไมศาลไม่เอาเรื่องแม้วเป็นนายก 2 สมัยมาด้วยล่ะครับ? ไม่ถือว่าเป็นการทำคุณมาช่วยลดโทษไอ้แม้วมันล่ะ???

แหมมมมมมมมม ที่มาของคำว่า 2 มาตราฐานไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ.......

ยังมีคดีเกี่ยวกับปรส.ตกค้างอยู่ใน ปปช. อยู่อีกหลายคดี.... และจะเริ่มหมดอายุความในวันที่ 21 มิถุนายน ปี 2556 ที่น่าขำมากกว่าคือตอน ไอ้แม้วขายธุรกิจตัวเอง ชาติไม่เสียหายสักบาท ดันตัดสินโคตรเร็วแถมมีความผิด ยึดทรัพย์ 4 หมื่นล้านบาทซะงั้น!! ฮา

แล้วความเสียหายของประเทศชาติจะกู้คืนมาได้อย่างไร? แล้วจะมีคนเชื่อหรือไม่ว่า นาย ชวนกับพรรคพวก ช่วยพวกมะกันได้กำไร 6 แสนล้าน แบบฟรีๆ...?

เรามานั่งคอยดูนิทานตอนต่อไปดีกว่า ว่าจะได้ส่งฟ้องศาลทันหรือว่าจะหมดอายุความก่อน

ปล. ปัจจุบันคดีใน ปปช เรื่อง ปรสหายไปเฉยเลยวะ


....อย่าลืมนะครับว่ามันเป็นนิทาน...

แมวคราว

สรุปคือเป็นนิทาน ...

ผีดำ1

สรุปคนชอบ แม้วว่าพวกชวนทำ คนชอบชวนว่าพวกแม้วทำ เหตุผลต่างคนต่างว่า ตกลงของใครจริง   ส.บ่น ส.บ่น ส.บ่น