ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ติ๋มซำสงขลา ไม่ใส่เข่งอ่า แปลกดี

เริ่มโดย กิมหยง, 09:46 น. 01 ธ.ค 57

กิมหยง

แวะมาทานติ๋มซำร้านหนึ่งที่สงขลา
เขาไม่ใส่เข่งอ่า แปลกดีครับ เอ๊! หรือว่าที่แปลกคือใส่เข่ง
สร้าง & ฟื้นฟู

boxbox

ไม่แปลกนะ หาดใหญ่ก็มีนะใส่จานเล็กๆแบบนี้
ขาย น้ำหอม แบรนด์แท้นำเข้า ขายปลีกราคาส่ง คลิกเลย Charm Perfume Line : boxbox

กิมหยง

อ้าว ก็ที่กิน ๆ มีเข่งทั้งนั้นอ่า
สร้าง & ฟื้นฟู

แมวคราว

ที่ใส่เข่งก็ใส่จานเล็กแบบนี้แหละ แปลกตรงไหน  ส.ยักคิ้ว

คนอุตุ


นายไข่นุ้ย

ก็เวลากิน เอาออกจากเข่งนี่ นายห้าง.... ส-ดีใจ ส-เหอเหอ
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

เด็กป้อมหก(ไม่6)

ไม่่แปลกหรอกครับผม แบบนี้ถือว่า"ดั้งเดิม"
เดี๋ยวนี้ติ่มซำหรือแต่เตี้ยมกลายเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ทำง่าย กินง่าย ขายง่าย รสชาตก็ว่ากันไป รูปแบบ"ดั้งเดิม"ก่อนที่อิทธิพลติ่มซำจากมาเลย์จะทะลักเข้ามาในหาดใหญ่ ภาคใต้เราก็มีอาหารแบบนี้มานับ100ปีแล้ว คือที่แถบทะเลตะวันตกตั้งแต่จ.ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ตและระนอง ที่นิยมมากที่สุดคือที่จ.ตรัง เขาไม่ใส่เข่งครับ เสิร์ฟกันในจานเล็กๆแบบนี้ สมัยก่อนไม่มีถ้วยสเตนเลส ใช้ถ้วยสังกะสีเคลือบ เพราะอาหารทุกชนิดเขาจะนึ่งจนสุกเรียบร้อยแล้ว พอลูกค้าเข้าร้านแค่อุ่นให้ร้อนแล้วยกเสิร์ฟ ลูกค้าไม่ต้องสั่งว่าจะเอาอะไร?เดินเข้าร้านหาโต๊ะนั่งเดี๋ยวเขาจะยกมาเสิร์ฟให้แบบจัดเต็มทุกอย่างที่มีในร้าน รูปแบบดั้งเดิมเป็นแบบนี้ ตอนคิดเงินคิดเท่าที่กิน เหลือบนโต๊ะเจ้าของร้านเก็บกลับไปอุ่นเอาไว้เสิร์ฟให้ลูกค้ารายต่อไป ทุกวันนี้ที่จ.ตรังก็ยังเป็นแบบนี้ครับ ความนิยมจึงมีในวงจำกัด
พอติ่มซำจากมาเลย์เข้ามาหาดใหญ่ ให้ลูกค้าเลือกก่อน เอาไปนึ่งให้สุกร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมเข่ง เหลือไม่เก็บคืน และมีอาหารให้เลือกหลากหลาย จึงทำให้ติ่มซำเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
ถ้าไปเที่ยวตรัง จะเห็นร้านน้ำชาคนจะเต็มทุกร้านตอนเช้าๆ เพราะแย่งกันเป็นมือหนึ่งได้กินก่อน 5555

คนซอยสาม

ไม่แปลก หาดใหญ่ก็มีหลายเจ้าที่ไม่ใส่เข่ง

เด็กป้อมหก(ไม่6)

เป็นกุศโลบายกระมังครับ เวลาใครมองจากนอกร้านเห็นเข่งวางเหมือนสั่งเต็มโต๊ะ ที่ไหนได้สั่งแค่ 3 อย่างเอง5555

กิมหยง

อ้างจาก: เด็กป้อมหก(ไม่6) เมื่อ 12:08 น.  01 ธ.ค 57
ไม่่แปลกหรอกครับผม แบบนี้ถือว่า"ดั้งเดิม"
เดี๋ยวนี้ติ่มซำหรือแต่เตี้ยมกลายเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ทำง่าย กินง่าย ขายง่าย รสชาตก็ว่ากันไป รูปแบบ"ดั้งเดิม"ก่อนที่อิทธิพลติ่มซำจากมาเลย์จะทะลักเข้ามาในหาดใหญ่ ภาคใต้เราก็มีอาหารแบบนี้มานับ100ปีแล้ว คือที่แถบทะเลตะวันตกตั้งแต่จ.ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ตและระนอง ที่นิยมมากที่สุดคือที่จ.ตรัง เขาไม่ใส่เข่งครับ เสิร์ฟกันในจานเล็กๆแบบนี้ สมัยก่อนไม่มีถ้วยสเตนเลส ใช้ถ้วยสังกะสีเคลือบ เพราะอาหารทุกชนิดเขาจะนึ่งจนสุกเรียบร้อยแล้ว พอลูกค้าเข้าร้านแค่อุ่นให้ร้อนแล้วยกเสิร์ฟ ลูกค้าไม่ต้องสั่งว่าจะเอาอะไร?เดินเข้าร้านหาโต๊ะนั่งเดี๋ยวเขาจะยกมาเสิร์ฟให้แบบจัดเต็มทุกอย่างที่มีในร้าน รูปแบบดั้งเดิมเป็นแบบนี้ ตอนคิดเงินคิดเท่าที่กิน เหลือบนโต๊ะเจ้าของร้านเก็บกลับไปอุ่นเอาไว้เสิร์ฟให้ลูกค้ารายต่อไป ทุกวันนี้ที่จ.ตรังก็ยังเป็นแบบนี้ครับ ความนิยมจึงมีในวงจำกัด
พอติ่มซำจากมาเลย์เข้ามาหาดใหญ่ ให้ลูกค้าเลือกก่อน เอาไปนึ่งให้สุกร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมเข่ง เหลือไม่เก็บคืน และมีอาหารให้เลือกหลากหลาย จึงทำให้ติ่มซำเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
ถ้าไปเที่ยวตรัง จะเห็นร้านน้ำชาคนจะเต็มทุกร้านตอนเช้าๆ เพราะแย่งกันเป็นมือหนึ่งได้กินก่อน 5555

โอ้วววว  ขอบคุณครับ

แล้วถามต่ออีกนิดครับ  ติ๋มซำ  มันแปลว่าอะไรเหรอครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

songon.pitt

เวลานึ่งเขาก็ใส่เข่งใหญ่ๆรวมนึ่งรึเปล่า..แล้วยกออกมาเสริฟแบบนี้ให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาหยิบออกจากเข่ง

กิมหยง

อ้างจาก: songon.pitt เมื่อ 14:12 น.  01 ธ.ค 57
เวลานึ่งเขาก็ใส่เข่งใหญ่ๆรวมนึ่งรึเปล่า..แล้วยกออกมาเสริฟแบบนี้ให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาหยิบออกจากเข่ง

ไม่นะครับ เขานึ่งทั้งอย่างนี้เลยครับ

ผมนึกว่าเอามาใส่ เข่ง แล้วจำทำให้อร่อยขึ้น รถชาติดีขึ้นซะอีก
สร้าง & ฟื้นฟู

เด็กป้อมหก(ไม่6)

(วันนี้ว่างพอดี)
"ติ่มซำ"ต้นทางจริงๆดัดแปลงจาก"ซูชิ"ของญี่ปุ่น
และ"ซูชิ"ต้นกำเนิดสันนิษฐานว่า....เกิดขึ้นในประเทศ.......ไทยครับ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีโน่น ยุคที่ญี่ปุ่นเพิ่งเข้ามาค้าขายกับเราใหม่ๆ เห็นคนไทย"คดข้าวห่อ"ข้าวคำ กับข้าวคำห่อใบตองพกติดตัวเวลาเดินทางไกล หิวก็งัดออกมากินได้ทันที สะดวกเหลือเกิน ชาวญี่ปุ่นเป็นจอมอะแด๊ปแอ๊พพลายอยู่แล้ว เลยละเมิดลิขสิทธิ์กลับไปทำเป็น"ซูชิ"อาหารคำเดียว นิยมกันทั่วเกาะญี่ปุ่น จนถึงยุคสงครามโลก ญี่ปุ่นรุกรานไปถึงจีน คนจีนเห็นทหารญี่ปุ่นพกอาหารมากินเป็นคำๆง่ายจัง (ทำไมกูคิดไม่ได้วะ?)ก็เลยเลียนแบบและพัฒนาติดยี่ห้อ"ติ่มซำ"เป็นของตัวเองซะเลย
และทั้้ง"ซูชิ"และ"ติ่มซำ"กลายเป็นอาหารที่นิยมกันทั้งโลก แล้วประเทศที่เป็นต้นคิดล่ะ? ยังใช้ใบตองจนถึงบัดนี้55
ตัดเข้าเรื่อง"ติ่มซำ"หรือ"แต่เตี้ยม"ตามคำเรียกของคนหาดใหญ่ จากที่เล่าย่อๆว่ามันเคยนิยมในแถบทะเลตะวันตกมานานแล้ว ส่วนในเมืองหาดใหญ่เราเมื่อ20-30ปีก่อนก็มีขายประปรายตามร้านน้ำชาบางร้าน และตามโรงแรมระดับมีดาว คือเป็นอาหารเหลา อาหารหรูว่างั้นเหอะ หรือไม่ก็ต้องนั่งรถไปกินที่เมืองปินังโน่น ตอนนั้นเจ้าของร้าน"โชคดีแต่เตี้ยม"ยังขับแท็กซีี่วิ่งหาดใหญ่-ปินังอยู่เลย ช่วงนั้นร้าน"คอหนังสาย3"เริ่มจะเปิดขายเป็นเรื่องเป็นราว ลูกค้าค่อยๆมากขึ้นตามลำดับ คนขับแท็กซี่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร้าน แล้วกิจการของร้านคอหนังก็เจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ จากคูหาเดียวขยายเป็น2คูหา เรียกได้ว่าใครจะกินแต่เตี้ยมต้องนึกถึงคอหนังเป็นอันแรก แม้ช่วงนั้นเริ่มจะมีร้านอื่นๆเปิดใหม่ตามมาบ้างแต่ก็ไม่ดังเท่าคอหนัง จนถึงวันหนึ่งคนจะรวยช่วยไม่ได้ โชเฟอร์แท๊กซี่ก็แยกตัวออกมาเปิดเป็น"โชคดีแต่เตี้ยม" ปรากฏว่าขายดีขึ้นเป็นลำดับ จนขายดีกว่าใครๆ ชื่อเสียงกระฉ่อนขจรขจายไปทั่วประเทศ ใครที่มาเมืองหาดใหญ่ต้องแวะกินร้านนี้ เป็นเมนูบังคับสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเมืองหาดใหญ่เลยก็ว่าได้ และจากนั้นเป็นต้นมา ร้านแต่เตี้ยมก็ผุดขึ้นมากมาย เรียกง่ายๆว่ามีร้านเปิดใหม่บนถนนแทบทุกสายในเมืองหาดใหญ่ แต่ยังไม่มีร้านไหนสามารถโค่นแชมป์เก่า"โชคดีแต่เตี้ยม"ลงได้ ยิ่งเปิดมาก ร้านนี้กลับยิ่งขายดี...แปลกมั้ย?
มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย อาตี๋คนหนึ่งเคยเป็นพนักงานในร้านโชคดีแต่เตี้ยมอยู่หลายปี วันหนึ่งอาตี๋คิดการณ์ใหญ่จะไปเปิดร้านเองที่กรุงเทพ โดยอาศัยชื่อร้านเก่าที่ตัวเองเคยเป็นลูกจ้าง ปรากฏว่ากิจการไปได้สวย จะเป็นเพราะคนลืมตัว วัวลืมตีนหรือไรไม่ทราบได้ เกิดการขัดใจกันจนถึงโรงถึงศาล เจ้าของร้านเดิมไม่ยอมให้ใช้ชื่อนี้ไปทำมาหากิน จนเป็นทีีมาของป้ายที่แปะในร้าน"โชคดีแต่เตี้ยม"ว่า ไม่มีสาขา....ไงล่ะครับ?
ผมเล่าตามที่ได้สดับตรับฟังมาอีกที แหล่งข่าวก็อยู่แถวๆนั้น น่าเชื่ือถือมาก ให้เหล้าขาวครึ่งขวด มันเล่าซะยาวเหยียด55

joejoejoe

ปกติเขาจะใส่เข่งแล้วไปนึ่ง หรือให้ความร้อนอีกที ตอนเสริฟก็เสริฟแบบไม่มีเข่งเนี่ยแหละครับ


อ่อ ผมไปเจอบทความดีๆ เพิ่งรู้ว่าการใช้เข่งไม้ไผ่ เป็นการปรุงอาหารที่ดีที่สุด และต้องเป็นไม้ไผ่ด้วยนะครับ เพราะไม้จะดูดความชื้น ต่างจากเข่งแบบสแตนเลส

http://mangpood.com/article/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%9C%E0%B9%88


รู้แบบนี้ ยังไงร้านที่เป็นเข่งไม้ไผ่ ย่อมอร่อยกว่าเนอะ