ตั้งสติ มีองค์ความรู้ พร้อมรับมือสถานการณ์ธรรมชาติ

[ฅนสองเล]

เข้าสู่ช่วงครึงหลังของปีกันอีกแล้ว ปกติของบ้านเราครึ่งแรกฝนแล้ง ครึ่งหลังน้ำท่วม แต่มายุคนี้เดี๋ยวน้ำท่วมเดี๋ยวฝนแล้งจนแบ่งฤดูกาลไม่ถูกกันแล้ว บางพื้นที่น้ำท่วมทั้งปี บางพื้นที่ฝนแล้งจนไม่มีแม้น้ำจะดื่มกิน

ช่วงหลายวันที่ผ่านมาฝนตกๆหยุดๆ ในหาดใหญ่หลายวันติดต่อกันจนมีข่าวลือกันว่าเขื่อนสะเดาแตกแล้ว ได้ข่าวว่ามีการส่งเป็นข้อความผ่านมือถือกันบ้าง ส่งเมลล์บ้าง นั่งทำงานอยู่ดีๆ มีสายโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทโทรมาถามว่า "เห็นว่าเขื่อนสะเดาแตกแล้วเหอ" ผมกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่กับคำถามที่ได้ยิน ในขณะที่คนถามมีน้ำเสียงวิตกกังวลและบอกว่าเขาลือกันทั้งตลาดแล้ว ส่งข้อความผ่านมือถือมาถึงกันก็มีแล้ว

ผมบอกว่าฝนตกแค่นี้น้ำที่ไหนจะทำเขื่อนแตก มันยังเถียงกลับมาว่าน้ำมาจากมาเลย์ ผมถามว่าใครบอก เขาตอบว่า เห็นเขาคุยกันในตลาด ข่าวนี้ดังจนสำนักข่าวเนชั่น ต้องลงพื้นที่เขื่อนคลองสะเดา แลรายงานข่าวว่า

"ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดกระแสข่าวลือเขื่อนสะเดาแตก  น้ำในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ไหลทะลักเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่จากสถานการณ์ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องทุกวันในหลายพื้นที่จังหวัดสงขลา รวมถึงในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา จ.สงขลา  ส่งผลให้มีกระแสข่าวลือ ในหลายพื้นที่ และสังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ค  เกิดเหตุอ่างเก็บน้ำเขื่อนคลองสะเดา หรือ เขื่อนห้วยคู ม.4 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ และได้มีกระแสน้ำไหลทะลัก จากอ่างเก็บน้ำเขื่อนคลองสะเดา เข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่  และประกาศให้มีการขนย้ายข้าวของ เพื่อหนีน้ำท่วม  จากกระแสข่าวดังกล่าว ได้สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนคลองสะเดา  พบว่า ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำ อยู่ในสภาวะปกติ  มีปริมาณน้ำน้อย  ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ยังคงใช้ชีวิตในการจับปลาในอ่างเก็บน้ำอย่างปกติ  โดยไม่มีท่าทีว่า จะมีน้ำไหลทะลักออกไป ตามกระแสข่าว  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดูแลอ่างเก็บเขื่อนคลองสะเดา บอกว่า ขณะนี้อ่างเก็บน้ำสามารถรองรับปริมาณน้ำฝน และน้ำป่า ได้อีกประมาณ 75 เปอเซนต์ ซึ่งไม่มีความน่ากังวล ในกรณี การเกิดเขื่อนแตก หรือน้ำทะลักล้นเขื่อนแต่อย่างใด  ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนคลองสะเดา หรือเขื่อนห้วยคู มีความจุของอ่าง 54 ล้านลูกบาศก์เมตร  ระดับกักเก็บน้ำ 68.0 เมตร ส่วนปริมาณน้ำในคลองธรรมชาติในหลายพื้นที่ของอำเภอสะเดา ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ สามารถรองรับน้ำฝนได้อีกเป็นจำนวนมาก โดยระดับน้ำยังคงอยู่ในสภาวะปกติ"

เรื่องแค่นี้ยังกลายเป็นข่าวดังไปได้ สังคมเราช่างเปราะบางด้านการรับรู้ข่าวสารจริงๆ ครับ ยุคนี้สังคมออนไลน์ไร้พรหมฉดนใครจะตีแผ่เรื่องอะไรง่ายนิดเดียว คนหาดใหญ่ราอาจเพิ่งผ่านน้ำท่วมปีที่แล้วมา ปีนี้เลยวิตกจริตเยอะไปหน่อย เอาเป็นว่าตั้งสติ รู้จักวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลกันสักนิดนะครับ จะได้ไม่ต้องตกเป็นทาสขอวข่าวลือ ข่าวลวงที่มีให้ได้ยินทุกวันแตกต่างเรื่องราวกันไป

ไม่ว่ายุคนี้ ยุคไหน ความไม่ประมาทคือทางรอดที่ดีที่สุดเสมอ ฝากเตือนสติกันด้วยนะครับ