ซื้อเนื้อจากซูเปอร์มาเก็ตแล้วท้องเสียฟ้องร้องได้หรือไม่

[ทีมงานบ้านเรา]

บทความคุ้มครองผู้บริโภค
เรื่อง ระบบสืบย้อนกลับเนื้อโคไทย...กับมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค

[attach=1]

ถ้าหากจะตั้งคำถามว่า เมื่อผู้บริโภคหรือประชาชนทั่วไปที่ซื้อเนื้อโคที่บรรจุอยู่ในถาดพลาสติกในซูเปอร์มาเก็ตมาปรุงอาหารแล้วเกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรงควรทำอย่างไร และผู้บริโภคมีสิทธิในการร้องเรียนหรือไม่ จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเนื้อโคที่รับประทานนั้นเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย รวมถึงจะต้องใช้อะไรเป็นหลักฐานในการร้องเรียน

คำตอบที่ได้ คือ ควรแจ้งต่อผู้จัดจำหน่ายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นทันที เพื่อตรวจสอบและเรียกร้องให้รับผิดตามพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ.2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 โดยกฎหมายได้กำหนดให้ผู้ผลิตเป็นผู้พิสูจน์ถึงความไม่ปลอดภัยของสินค้าด้วยตนเอง

คำถามที่ตามมา คือ ผู้จำหน่ายสินค้าจะใช้ข้อมูลอะไรในการย้อนกลับเพื่อติดตามถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคท้องเสียอย่างรุนแรง และระบบสืบย้อนกลับมีความจำเป็นอย่างไร

ตอบได้ว่า การจะสืบย้อนกลับในสินค้าที่จัดจำหน่ายนั้น ผู้ผลิตจะต้องมีการกำหนดรหัสตรวจสอบในสินค้าแต่ละชิ้น โดยระบบสืบย้อนกลับนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับสินค้า อาทิ เมื่อทราบผลการตรวจสอบว่าเนื้อโคตัวหนึ่งมีปัญหา

ถ้าไม่มีการจัดการข้อมูลที่ดีพอจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ภาคธุรกิจ โดยจะต้องเรียกคืนสินค้าของตนเองจากตลาดทั้งหมด แต่ถ้ามีข้อมูลเพียงพอจะสามารถเรียกคืนเฉพาะสินค้าที่ผลิตมาจากโคตัวที่มีปัญหาเท่านั้น

การสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อเนื้อโค พบว่า ประชาชนร้อยละ 29.25 ใช้ตลาดสดเป็นสถานที่ในการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ และร้อยละ 26.63 ใช้บริการซูเปอร์มาเก็ตในการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ ส่วนปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อเนื้อสัตว์ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 48.30 จะคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยของเนื้อสัตว์เป็นหลัก แต่มีประชาชนส่วนหนึ่งถึงร้อยละ 27.42 เลือกซื้อเนื้อสัตว์ที่มีราคาค่อนข้างต่ำ

ด้วยเหตุนี้ โครงการวิจัยการพัฒนาต้นแบบระบบสืบย้อนกลับเนื้อโคไทยจึงเกิดขึ้นโครงการวิจัย "การพัฒนาต้นแบบระบบสืบย้อนกลับเนื้อโคไทย" คือ การสนับสนุนให้เกษตรกรจัดทำระบบบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวกับการเลี้ยงโคเนื้อ เช่น อาหารที่ให้ ยาที่รักษาโรค วัคซีนป้องกันโรคที่ให้ โรงฆ่าที่ใช้ วันที่ฆ่า   เป็นต้น

เพื่อประโยชน์สำหรับผู้บริโภคในการตรวจสอบย้อนนกลับมาได้ว่าเนื้อวัวนั้นมีอันตรายหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐ โดยกรมปศุสัตว์ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยตรงกับต้นเหตุอย่างทันท่วงที แทนที่จะเรียกคืนสินค้าทั้งหมดจากตลาด อันจะเป็นการสร้างความไม่มั่นใจในการบริโภคในวงกว้าง

[attach=2]

สรุปได้ว่า กระบวนการสำคัญของระบบสืบย้อนกลับ คือ การค้นหาแหล่งที่มาของสินค้าเมื่อมีการร้องเรียนจากผู้บริโภคเพื่อหาสาเหตุของปัญหา และการเรียกคืนสินค้าจากตลาด เมื่อพบว่าวัตถุดิบที่นำมาผลิตสินค้ามีปัญหา ดังนั้น ระบบสืบย้อนกลับจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพิสูจน์ถึงความปลอดภัยของสินค้าและกระบวนการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ระบบสืบย้อนกลับจะทวีความสำคัญเพิ่มยิ่งขึ้น ไม่เฉพาะธุรกิจเนื้อโคเท่านั้น ยังรวมถึงธุรกิจอาหารอื่น ๆ อีกด้วย



************************************************
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
ลัคณา  โสภโต / ผู้เรียบเรียง
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

[Moreorman]

เท่าที่ผมทราบการฟ้องร้องต้องมีหลักฐานดังนั้นต้องเก็บตัวอย่างเนื้อที่ปนเปื้อนดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วยครับ  มีหน่วยงานของรัฐที่รับวิเคราะห์สารปนเปื้อนในอาหารเช่น สถาบันอาหารที่อยู่กรุงเทพมหานคร ส่วนที่หาดใหญ่ก็มีบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์วิจัยการยางใกล้แยกคอหงส์ครับ