3 คนไทยถูกเขมรปล่อยตัวกลับถึงไทยแล้ว

[ทีมงานบ้านเรา]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    21 ธันวาคม 2553 15:28 น.
       
ศรีสะเกษ - 3 คนไทยถูกเขมรปล่อยตัวมาถึงช่องสะงำ ประเทศไทยแล้ว หลังจากถูกจับกุมไปนานกว่า 4 เดือน ญาติพี่น้องมารอรับจำนวนมาก เมียเหยื่อเขมรประกาศลั่นจะไม่ให้สามีเป็นพรานป่าอีกต่อไปแล้ว ขอบคุณสมเด็จฮุน เซน และ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี" ที่ให้การช่วยเหลือ
       
       เมื่อเวลา 12.20 น.วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย- กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายชาญนะ เอี่ยมแสง รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.อ.วุฒิ แสงจักษ์ รอง ผบ.กองกำลังสุรนารี นายเกริกชัย ผ่องแผ้ว นอภ.ภูสิงห์ นายสมศักดิ์ แสนหิรัญ นอภ.สังขะ จ.สุรินทร์ พร้อมด้วย ญาติพี่น้องของ นายแลน ทรัพย์ดี อายุ 55 ปี นายลิ้ม พวงเพชร อายุ 35 ปี และ นายสนอง วงศ์เจริญ อายุ 37 ปี ชาว อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ที่ถูกทหารของกัมพูชาจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.53 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 103 วัน ได้ถูกทางการของกัมพูชาปล่อยตัวออกมาแล้ว ซึ่งทางการของกัมพูชาได้นำตัว 3 คนไทยมาส่งที่บริเวณช่องสะงำ โดยคณะของ รอง ผวจ.ศรีสะเกษ ได้เข้าไปรับ 3 คนไทยที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองของกัมพูชา ซึ่ง รอง ผวจ.ศรีสะเกษ ได้นำเอาพวงมาลัยดอกดาวเรือง จำนวน 3 พวง ไปคล้องคอเพื่อเป็นการต้อนรับ จากนั้นได้นำตัว 3 คนไทยเข้ามาที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทย
       
       ซึ่งเมื่อเข้ามาถึงบริเวณหน้าด่าน ตม.ของไทย โดยมีญาติพี่น้องถือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รออยู่ทั้ง 3 คนไทยได้ก้มลงกราบที่พื้นดินเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยความสำนึกในพระ มหากรุณาธิคุณ จากนั้น 3 คนไทย และลูกเมียญาติพี่น้องได้โผเข้ากอดกันด้วยน้ำตานองหน้าดีใจสุดขีด
       
       จากนั้น พ.ต.ต.ศุภโชค พนิชยพงศ์ สว.ตม.จ.ศรีสะเกษ ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ทำการสอบปากคำและลงบันทึกประจำวันเอาไว้ จากนั้น ได้ให้ญาติมารับตัว 3 คนไทยกลับไปบ้านที่ ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น
       
       นายแลน ทรัพย์ดี อายุ 52 ปี นายลิ้ม พวงเพชร อายุ 35 ปี และ นายสนอง วงศ์เจริญ อายุ 37 ปี ชาว อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้ร่วมกันให้ปากคำกับ สว.ตม.จ.ศรีสะเกษ ว่า ขณะเกิดเหตุเป็นวันที่ 18 ส.ค.53 โดยพวกตนทั้ง 3 คน ได้ล่าสัตว์และหาของป่าแล้วหลงป่าเข้าไปในเขตกัมพูชาที่บริเวณช่องพราน หลักเขตที่ 10 อ.บ้านขนา ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ จากนั้นได้นอนพักในป่า พอตื่นขึ้นมาก็พบกับตำรวจตระเวนชายแดนของกัมพูชา ได้เข้ามาพบ จากนั้นได้นำตัวพวกตนไปที่ค่ายของ ตชด.กัมพูชา ให้ข้าวพวกตนกินในตอนเช้า แล้วนำพวกตนส่งไปขึ้นศาลที่ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยแจ้งข้อหาว่า หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนแก๊ป ซึ่งศาลของกัมพูชาได้ตัดสินจำคุก 18 เดือน
       
       3 คนไทยร่วมกันให้การต่อไปว่า จากนั้นตนได้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำที่ จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา นานประมาณ 4 เดือน ซึ่งขณะที่ถูกคุมขังได้รับการดูแลจากทางฝ่ายกัมพูชาเป็นอย่างดี และได้อนุญาตให้ญาติพี่น้องเข้าไปเยี่ยมได้ จนกระทั่งในวันนี้ได้รับการปล่อยตัวจากฝ่ายกัมพูชาในโอกาสที่ครบรอบ 60 ปี ของการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งพวกตนต้องขอขอบคุณสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในครั้งนี้ ซึ่งพวกตนทุกคนรู้สึกดีใจมากที่ได้รับการปล่อยตัวให้กลับไปสู่อ้อมกอดของลูก เมียและญาติพี่น้องในครั้งนี้
       
       ทางด้าน นางศรีจันทร์ ทรัพย์ศรี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 ม.7 ต.บ้านขนา ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ภรรยาของ นายแลน ทรัพย์ดี กล่าวว่า ตนและญาติพี่น้องทุกคนรู้สึกดีใจมากที่นายแลนได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้ ซึ่งตนต้องขอบคุณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ของไทย สมเด็จฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา นายระพี ผ่องบุพกิจ อดีต ผวจ.สุรินทร์ และคณะ รวมทั้งทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ได้ให้การช่วยเหลือสามีของตนกับพวก อย่างเต็มที่ ซึ่งต่อไปตนจะไม่ให้สามีของตนไปเข้าป่าล่าสัตว์ หรือว่าเข้าไปใกล้เขตแดนของกัมพูชาอีกต่อไปแล้ว จะให้สามีประกอบอาชีพอื่นหาเลี้ยงครอบครัวแทนการเป็นพรานป่า ซึ่งครั้งนี้นับว่าโชคดีที่ทางการของกัมพูชาปล่อยตัวออกมาจากเขตแดนของ กัมพูชา
       
       นายชาญนะ เอี่ยมแสง รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่ฝ่าย กัมพูชาปล่อยตัว 3 คนไทยในครั้งนี้ จะเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยากาศการค้าการท่องเที่ยวตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาของ จ.ศรีสะเกษ ทางด้านจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณแสดงให้เห็นว่า แนวโน้มการเจรจาเปิดปราสาทพระวิหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมได้รวมทั้ง ความสัมพันธ์ทุกด้านของทั้ง 2 ชาติจะเป็นไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน