ครม.ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปล่อย104เสื้อแดง ขึ้นเงินเดือน อบต.

[ทีมงานบ้านเรา]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    21 ธันวาคม 2553 15:54 น.
   
ครม.มีมติยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลพรุ่งนี้ โดยนำ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในฯ มาควบคุมสถานการณ์แทน พร้อมให้ปล่อยตัว 104 เสื้อแดงที่ถูกคุมขัง ขณะเดียวกันยังอนุมัติให้ปรับเงินเดือน อบต. มีผล 1 ม.ค.54 ด้านพาณิชย์ยืนยันเอกชน 90% ยอมตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอีก 3 เดือน แต่กลุ่มปุ๋ยหัวหมอ เงินบาทแข็งตัวแทนที่จะลดราคากลับยึกยักอ้างค่าบาทลดแทนที่จะเป็นไปตาม เศรษฐกิจโลก
             
       นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (21ธ.ค.) มีมติยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในพื้นที่ที่เหลืออยู่ทั้ง กทม.และปริมณฑล โดยให้มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) เป็นต้นไป และให้นำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาบังคับใช้แทน
       
       นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ปล่อยตัวผู้ร่วมชุมนุมเหตุการณ์เดือน เม.ย.ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจำนวน 104 คน และรับทราบผลสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ของคณะกรรมการที่มี นายคณิต ณ นคร เป็นประธาน
       
       ด้าน นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้มีอนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งใช้งบประมาณ 1,055 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2554 โดยเห็นว่าการปรับขึ้นครั้งนี้ถือว่าเหมาะสม และเพื่อเป็นการลดช่องว่าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการปรับขึ้นเงินเดือนผู้บริหารองค์การบริหารส่วน จังหวัด (อบจ.) และเทศบาลไปแล้ว
       
       ด้าน นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ได้หารือเรื่องผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงที่มีต่อราคาสินค้า โดยกระทรวงพาณิชย์รายงานผลการหารือเบื้องต้นกับผู้ประกอบการ พบว่า 90% ยอมตรึงราคาไปอีก 3 เดือน จนถึง 31 มี.ค.2554 ขณะที่อีก 10% อยู่ระหว่างขอความร่วมมือ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้านำเข้า เช่น ปุ๋ย ซึ่งควรจะมีราคาลดลงจากค่าบาทที่แข็งตัวเมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐ แต่ผู้ประกอบการอ้างว่า ราคาเป็นไปตามเศรษฐกิจโลก
       
       อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) จะมีการหารือกับผู้ประกอบการ 90% ที่เห็นด้วยกับการตรึงราคาเพื่อยืนยันนโยบายดังกล่าว
       
       สำหรับเป้าหมายส่งออกในปีหน้า คาดว่าจะเติบโตได้อีก 10% จาก1.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยแนะว่าหลังจากนี้ผู้ประกอบการควรปรับตัวกับปัญหาค่าเงินบาท เช่น ปรับตัวด้านราคา หาตลาดใหม่ เพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน
       
       นางพรทิวากล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอแนวทางช่วยเหลือทั้งด้านมาตรการภาษี และการถือครองเงินเหรียญสหรัฐ เพื่อนำเสนอให้ ครม.ได้พิจารณาอีกครั้ง