เผยการวิเคราะห์เหตุรุนแรง จชต.ช่วงปีใหม่

[ทีมงานบ้านเรา]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    21 ธันวาคม 2553 16:50 น.
       
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วิเคราะห์แนวโน้มเหตุรุนแรงในพื้นที่ การก่อเหตุของกลุ่มคนร้าย ที่คาดว่า จะปฏิบัติการช่วงปีใหม่ ระบุรูปแบบการก่อเหตุใช้วิธีเดิม พื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
       
       จากกรณีที่หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แจ้งเตือนว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ มีแผนที่จะก่อเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ และ จักรยานยนต์บอมบ์ ในพื้นที่ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส รวมถึงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุเช่นกันว่า ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
       
       ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (21 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.หน่วยข่าวด้านความมั่นคงที่ติดตามสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชาย แดนภาคใต้ ได้วิเคราะห์แนวโน้มการก่อเหตุของกลุ่มคนร้ายในห้วงเวลาดังกล่าวว่า ในห้วงเดือน ธ.ค.53 มีวันสำคัญตามประเพณีสากลได้แก่ 25 ธ.ค.53 เป็นวันคริสต์มาส 31 ธ.ค.53-1 ม.ค.54 เป็นห้วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยปรากฏความเคลื่อนไหวและสิ่งบอกเหตุว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเตรียมก่อ เหตุรุนแรงในห้วงเวลาดังกล่าว ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 51-52 สมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง มีการก่อเหตุรุนแรงเป็นเชิงสัญลักษณ์ โดยการก่อเหตุลอบยิง และวางระเบิด เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ชุด รปภ.ครู รปภ.เส้นทาง และลอบยิงราษฎรไทยพุทธ ไทยมุสลิม และวางเพลิงทรัพย์สินของทางราชการ รวมทั้งลอบวางระเบิดในแหล่งชุมชน ตลาด ร้านอาหาร สถานบันเทิงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา
       
       "โดย สถิติการก่อเหตุ ห้วง 1-31 ธ.ค.(ปี 51 และ ปี 52) และห้วง 1-12 ธ.ค.53 พบว่า ปี 51 สถิติการก่อเหตุ ห้วงตั้งแต่ 1-31 ธ.ค.51 จำนวน 103 เหตุการณ์ ได้แก่ วางระเบิด 23 เหตุการณ์ ลอบยิง 65 เหตุการณ์ วางเพลิง 9 เหตุการณ์ และก่อกวน 6 เหตุการณ์ มีผู้ได้รับผลกระทบ 148 ราย (เสียชีวิต 41 ราย ได้รับบาดเจ็บ107 ราย) ปี 52 สถิติการก่อเหตุ ตั้งแต่ 1-31 ธ.ค.52 จำนวน 107 เหตุการณ์ ได้แก่ วางระเบิด 30 เหตุการณ์ ลอบยิง 66 เหตุการณ์ วางเพลิง 3 เหตุการณ์ และก่อกวน 8 เหตุการณ์ มีผู้ได้รับผลกระทบ 193 ราย (เสียชีวิต 57 ราย ได้รับบาดเจ็บ 136 ราย) สำหรับปี 53 สถิติการก่อเหตุ ตั้งแต่ 1-12 ธ.ค.53 จำนวน 34 เหตุการณ์ ได้แก่ วางระเบิด 5 เหตุการณ์ ลอบยิง 20 เหตุการณ์ วางเพลิง 5 เหตุการณ์ ก่อกวน 4 เหตุการณ์ มีผู้ได้รับผลกระทบ 25 ราย (เสียชีวิต 13 ราย ได้รับบาดเจ็บ 12 ราย)" หน่วยข่าว ระบุ
       
       หน่วยข่าวยังได้ระบุอีกว่า ที่ผ่านมา มีรายงานปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแกนนำที่อยู่ใน ต่างประเทศ ได้สั่งการให้สมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ 3 จชต. และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ทั้งสมาชิกเก่า และสมาชิกใหม่ ซึ่งอยู่นอกระบบฐานข้อมูลของ จนท.รัฐ และเป็นกลุ่มที่เป็นเยาวชน เพื่อเตรียมการขยายผลในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในห้วงต่อไป ที่จบการฝึกทางยุทธวิธีและการใช้อาวุธ และวัตถุระเบิด จากประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 150 คน และกลุ่มที่สอง จำนวน 160 คน แทรกซึมเข้าพื้นที่เป้าหมายใน 3 จชต.
       
       ซึ่งรูปแบบของการก่อเหตุจะใช้วิธีการที่ได้กระทำมาแล้ว เช่น ประกบยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอ, โจมตีจุดตรวจ จุดสกัดที่มีกำลังน้อย ลอบวางระเบิด จนท.ตามเส้นทางการ รปภ. และลอบวางระเบิดแสวงเครื่องประกอบในรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ก่อเหตุลวงให้ จนท.เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วก่อเหตุซ้ำในลักษณะระเบิดลูกที่ 2 โดยมีเป้าหมายเป็น จนท.ทหาร ตร.ที่มีการปฏิบัติซ้ำๆ ซึ่งจะหย่อนยานในการ รปภ.และเป้าหมายอ่อนแอที่มีการ รปภ.ต่ำ พื้นที่เฝ้าระวังในเขตเมือง ได้แก่ แหล่งชุมชน ตลาด ร้านอาหาร สถานบันเทิงในพื้นที่ 3 จชต. รวมทั้งชุด ลาดตระเวน และจุดตรวจ จุดสกัดที่มีกำลังน้อย เห็นควรแจ้งเตือนให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ให้มีการเฝ้าระวัง และมีมาตรการ รปภ.เพิ่มมากขึ้น
       
       "สำหรับพื้นที่ซึ่งมีแนวโน้มการก่อเหตุสร้างสถานการณ์รุนแรง อยู่ในเกณฑ์สูง และต้องเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษได้แก่ อ.เมือง, อ.บันนังสตา, อ.รามัน จ.ยะลา , อ.ยะรัง, อ.หนองจิก, อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี, อ.รือเสาะ, อ.บาเจาะ, อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เป็นพื้นที่หลัก และ อ.กรงปินัง จ.ยะลา, อ.สายบุรี, เมือง ปัตตานี ,อ.เมือง, อ.ศรีสาคร, อ.สุไหงโก-ลก นราธิวาส เป็นพื้นที่รอง"