Mission: Impossible - Rogue Nation รัฐลอกอ....

[Review]

http://www.hatyaireview.com/index.php/attachment/image/60" />

 

          หนัง Mi 5 เป็นผลพวงมาจาก Mission Impossible ทีวีซีรีส์ ยุค 60 ฉายลากยาวมาจนถึงต้นปี 70 และมีการกลับมาทำใหม่ในภาคหนังโรง เมื่อปี 1993 โดยภาคหนังใหญ่แสดงนำโดย Tom Cruise ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้หนังทีวีเรื่องนี้ตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อสบโอกาสจึงนำกลับมาทำโดย ตนเองรั้งตำแหน่ง Producer อีกตำแหน่งด้วย..ในตอนนั้น พี่”ทอม”โดนเสียงท้วงติงอย่างหนักหน่วง ว่าจะนำหนังทีวีสายลับสุดโด่งดังแห่งทศวรรษลงเหวหรือไม่ ถึงเวลานี้ก็คงพิสูจน์ได้แล้วว่า ”ไม่เสียของ”

         

            ตั้งแต่ภาค 1 ถึงปัจจุบัน ภาค 5 แล้ว ผู้กำกับถูกเปลี่ยนตัวมาตลอด ว่ากันว่า “ทอม” ชอบความสดใหม่ ไอเดียของผู้กำกับที่มีแนวคิด หรือโด่งดังมาจากหนังเรื่องก่อน ๆ ไม่สนว่าหนังเล็กหรือใหญ่ และปีนี้ “Christopher McQuarrie” คือผู้ถูกเลือก..งานเก่าของ”คริส” ที่น่าประทับใจอย่างการเขียนบท “Edge of Tomorrow” หนังกงกรรมกงเกวียน เวียนว่ายตายเกิดของทหารหนุ่ม (พี่ทอม) ในยุคสงครามอนาคต แค่เรื่องย่อก็น่าทึ่งแล้ว เรื่องเต็มยังสนุกมากแว่ว ๆ ว่าจะมีภาค 2 ด้วย ก็ไม่รู้จะไปออกประตูไหนได้อีก เพราะต้นทางก็ทำไว้ดีเหลือเกิน ...หรืองานกำกับที่สร้างชื่อ..ที่เอาเข้าจริงแกก็กำกับหนังไม่เยอะสองสามเรื่องเอง และ Jack Reacher คือหนึ่งในนั้นที่คงไปต้องตาต้องใจ พี่ทอมที่มารับบท ”แจ็ค” พระเอกของเรื่องด้วย คงเพราะเจอกันเป็นครั้งที่สอง เห็นงานเห็นฝีมือกันแล้ว เชื่อใจ จึงได้ชักชวนมาร่วมกันทำหนังบิ๊กซัมเมอร์ Mi 5 นี่เอง... ซึ่งนับว่าพี่ทอมกล้ามาก ๆ ...เอาเข้าจริงก็ทำใจและเผื่อไว้เยอะพอควร ก่อนจะมาชมเรื่องนี้ หลังจากอกหักอย่างแรงจาก คนเหล็กภาคล่าสุด..หนึ่งในหนังภาคต่อที่น่าเบื่อมาก ๆ ของปีนี้

 

            หนังมาพร้อมกับอัตลักษณ์ประจำ ...แอ็คชั่นเบา ๆ ปะหัวหนังก่อนจะเปิดด้วยเพลงธีมที่แค่ฮึมฮัม.. ใคร ๆ ก็จำได้ ...การแจ้งภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ เที่ยวนี้ย้อนยุคไปกับเครื่องมือบอกข่าวภารกิจสุดวินเทจ... การหลอกล่อ หักเหลี่ยม เฉือนคม เสริมด้วยเรื่องการเมืองหนัก ๆ ด้วยบทสนทนาที่คมคาย และตบมุกด้วยตลกบ้างเล็กน้อยที่ภาคก่อนจะทำได้ดูมีจังหวะจะโคนกว่า..  ฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของทอม ผูกติดประจำกับหนังชุดนี้แล้ว อย่างภาคก่อน ๆ การปีนเขา ปีนตึกสูง การขับมอร์เตอร์ไซค์เสี่ยงตาย ภาคนี้ที่นำเอาพี่ทอมเกาะประตูเครื่องบินที่กำลังบินขึ้น ..ก็ทำได้น่าตื่นเต้นและมีอารมณ์ขันในเวลาเดียวกัน แต่เอาจริง ๆ ตัวอย่างโปรโมทก็ไม่น่าจะฉายเยอะแยะขนาดนั้น ความสนุก ความเซอร์ไพรซ์หายไปเยอะเมื่อไปดูในโรง...http://www.hatyaireview.com/index.php/attachment/image/61" />

            หนังให้อารมณ์ หนังสายลับยุคเก่า มีการสืบสวนสอบสวน หลอกล่อ เครื่องมือเครื่องไม้ไฮเทค ดูลดน้อยลง แถมบางอันก็เคยเห็นผ่านตามาแล้วในภาคก่อน ๆ ฉากแอ็คชั่นหวือหวา ดูน้อย ๆ ไปนิด แต่ทดแทนด้วยอารมณ์นิ่ง ๆ เนิบ ๆ แต่หนักอึ้งและกดดันแทน ซึ่งก็เป็นโทนอารมณ์เดียวกับหนังเรื่องก่อนของผู้กำกับคนนี้ ก็คงด้วยวัยของพระเอกที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ให้ไปโลดโผนโจนทะยานเช่นวัยหนุ่มห้าว ๆ คงไม่ไหว ....สำหรับผมโอเคนะ ชอบอารมณ์นี้  ไม่มาก ไม่น้อย มีแอ็คชั่นเสริมในจังหวะที่เหมาะที่ควร ถึงแม้ไม่ล้างผลาญตื่นตาเท่าภาคก่อน ๆ ขำขันมีแทรกประปราย พอได้หึ ๆ และไม่ทำให้ดูอึดอัดจนเกินไป..

 

            ทอม มารับบท “อีธาน ฮอร์ค” สายลับแห่งหน่วย IMF (Impossible Missions Force) ฟังชื่อหน่วยนี้แล้วสะท้าน ๆ ยังไงไม่รู้นึกถึงเศรษฐกิจบ้านเรา.... ถึงตอนนี้ คงหาคนรับไม้ต่อน่าจะเหนี่อยแล้วละ ที่จะลบภาพจำจากบทนี้ ไม่น่าเชื่อว่าด้วยวัย 50 กว่า ๆ กล้ามเนื้อซิกส์แพคเป็นมัด ๆ บทโลดโผนอันตรายขอเล่นเองแทบทั้งหมด ดราม่าในบางอารมณ์ก็ดูลึกเข้าที...ไม่เสียทีที่มีออสการ์อยู่ในมือ

            มาดูบทนางเอก สายลับอังกฤษที่เข้าคู่กับพระเอกอีธาน..ที่รับบทโดย Rebecca Ferguson ดูสวยคมสง่า และ...หุ่นดี... โดดเด่นมาก แอ็คชั่นจริงจัง ดุดัน เข้าตา เอาเข้าจริง ๆ  น่าจะเด่นกว่าใครในเรื่องเลยแหละ ไม่น่าเชื่อว่างานก่อน ๆ ของนางจะเป็นซีรีส์ทีวีทั้งนั้น ไปอยู่ไหนมาเนี่ย...

            บททีมสนับสนุน IMF อย่าง ไซมอน เพ็ค หรือเจเรมี่ เรนเนอร์  ที่ภาคก่อน ๆ เรียกเสียงฮามาก ๆ ยิ่งบท ”เจเรมี” นี่ ภาคก่อนไล่บี้เฉือนกับ”อีธาน” เลยเชียว แต่กลับถูกลดบทบาทให้น้อยลงไปเสียดาย..สงสัยกลัวดังเกิน..ฮา..

            และแอบขำเสียงหัวหน้าหน่วยก่อการร้าย Syndicate นึกถึง นักร้อง”ลุลา” ทุกทีที่ออกมา..

 

            7/10 ชอบอารมณ์นี้ ไม่โฉ่งฉ่างแอ็คชั่นล้างผลาญมาก มีกลิ่นการเมือง เล่าเรื่องรัฐสกปรก..ชอบนางเอก รำคาญตัวร้าย และตัดคะแนนสาวอวบสื่อมวลชนแถว G ที่นั่งติดกัน นางเปิดโทรศัพท์ดูทุก  10 นาที ถึงแม้จะหรี่แสงแล้วก็เหอะ..

            หลัง ๆ สังเกตว่าดูหนัง 3 D กับดูหนังโรงไอแมกส์  เทียบกันแล้วความคมชัดสู้ไอแมกส์อย่างเดียวไม่ได้เลย ภาพโรง 3 D ดูแล้วจะถูกลดทอนแสงสี ความคมชัดลงด้วยแว่นตาแต่ก็แทนด้วยความลึกมีมิติ...ในขณะที่ไอแมกส์ดูสว่างชัดใส อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ชอบแบบไหนเลือกแบบนั้น..

 

           

 

ที่มา:http://www.hatyaireview.com/index.php/article/11">หาดใหญ่รีวิว