ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฝากคิดกับกิจกรรม "ละโมบบุญ"

เริ่มโดย Mr.No, 12:51 น. 13 ส.ค 58

Mr.No

[attach=1]

   เมื่อวานมีคนเอาใบปลิวสองใบมาปะหน้าบ้าน...หยิบมาอ่านก็พบว่า เป็นประกาศเชิญไปใส่บาตร พระเป็นหมื่นรูป!  ในวันที่ ๒๓ นี้

   ผมไม่อยากเอาภาพใบปลิวมาลง เพราะจะกลายไปช่วยโฆษณาให้ และแถมจริง ๆ ไม่เคยสนใจกิจกรรมนี้มาแต่ไหนแต่ะไร...และเชื่อว่ามาถึงวันนี้ คงมีคนรู้เรื่องลึก.เกี่ยวกับกระบวนการนี้กันพอสมคววร

แต่สิ่งที่รุ้สึกไม่ค่อยดีก็คือ...ในใบปลิว พวกยังกล้าปะโลโก้ หน่วยงานรัฐ...ทหาร และเจ้าคณะภาคฯ ว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนหน้าตาเฉย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่ไปติดโปสเตอร์ตามสี่แยกถนนต่างๆ ก็มีการเอาโลโก้หน่วยงานรัฐต่างๆ  ออกจนหมด เพราะถุกข้อร้องให้เอาออก...เกรงประชาชนจะสับสนว่า  กิจกรรมของสำนักนี้ มีทั้ง ราชการ..ทหารต่าง ๆ แถมจังหวัดให้การสนับสนุน

การปิดถนนหนทางต่างๆ หากเป็นกิจกรรมที่ทำเพื่อส่วนรวมหรือทำโดยปราศจากการแอบแฝงสอดไส้หาประโยชน์หรือสร้างฐานบารมีให้แก่ตนและพวกพ้อง ถ้าเป็นสาธารณประโยชน์  ...ใครก็คงไม่ไปขัดไปขวาง

แต่การจัดกิจกรรมนี้..และเป็นที่รู้กันว่า ผู้อยุ่เบื้องหลังคือสำนักที่บิดเบือนคำสอนพุทธองค์อย่างร้ายแรงถึงขนาด สมเด็จพระสังฆราชท่านมีพระลิขิตว่า ไม่ใช่พระแล้ว และบ้านเมืองก็กำลังจะจัดการหัวสำนักอยุ่ในเวลา...กลับยังกล้าหาญแอบอ้างชื่อ จังหวัด..กองทัพภาค ฯลฯ ว่าได้ให้การสนับสนุนกิจการนี้(ซึ่งเท่ากับสนับสนุนแก๊งค์ตน)

ที่สระบุรี...ประชาชนที่นั่นกล้าหาญออกมาต่อต้านและขัดขวางกิจกรรมนี้ จนต้องย้ายหนี..... เพราะคนไทยที่เข้าใจในพุทธศาสนาจะรุ้ว่า  การใส่บาตรพระที่เป็นพันเป็นหมื่นนั้น  หากเป็นการจัดโดยไปนิมนต์พระเจ้ามาในหลาย ๆ ที่เพื่อมาทำให้กิจกรรมตัวเองใหญ่โตนั้น  ผุ้ที่เข้าไปใส่บาตรในงานถือเป็น   "ได้บาป"  มากกว่า  "ได้บุญ"

ไอ้ที่โฆษณาว่า   ยิ่งใส่บาตรพระยิ่งมากรุปเท่ากับยิ่งสะสมบุญ ราวกับสั่งสมเงินหรือทองไว้ใต้ฐานจานบิน.....
แต่เอาเข้าจริง..การใส่บาตรแบบนี้   เท่ากับการสร้างกรรมให้แก่คนใส่   เพราะจิตที่เกิดจากต้องการสละ...หรือ จาคะ จะกลายเป็น  "ละโมบบุญ" อยากได้บุญมากๆ  เพราะเข้าใจว่า  ทำแล้วตัวเองจะได้ผลเสวยทานนั้นในวันนึง

พระนับพันรุปจากหลายที่...ต้องมากลายเป็นเครื่องมือ  และที่สำคัญกลายเป็นการตัดรอน  การโปรดสัตว์ที่ญาติโยมตามบ้านนอกคอกทุ่งจะได้มีโอกาสใส่บาตรพกห่อในยามเช้า กลับหมดโอกาส....เพราะพวกเล่นจับท่านขนใส่รถมาประเคนให้ มาเลย์สิงค์โปร์กันหมด


ฝ่ายความมั่นคง..เฝ้าจับตา ถึงเรื่องนี้ เพราะมันมีนัยยะผูกกันถึงเรื่อง อื่นด้วย....หลังจากที่   มีม๊อบ หัวหน้าสำนักจานบินเทศน์ยกย่องเหล่าม๊อบธรรมกายที่ขนกันไปประท้วง ผุ้ตรวจการแผ่นดินที่จะนำเสนอเพื่อให้มีการจับหัวหน้าสำนักสึกในข้อหา "ปาราชิก" ว่าพวกนี้ทำหน้าที่ได้ดี

.เขียนเพื่อให้ ท่านเจ้าคณะภาคฯ ...หลวงพี่..หลวงพ่อ..หลวงน้อง บ้านเรารวมทั้งเหล่าบรรดาข้าราชการและคนไทยหาดใหญ่ว่า ได้ช่วยกันป้องกันและปกป้องพระศาสนาด้วยการรู้เท่าทันเหตุการณ์ อย่าหลงกลตกเป็นเหยื่อร่วมกิจกรรมที่จะกลายเป็น บาป มากกว่า บุญ

อย่าลืมว่า   การใส่บาตรแบบนี้  เท่ากับการเบียดบังเอาโอกาสในการทำทานของชาวบ้านมาเป็นของเรา...เป็นเรื่องละโมบที่เขลาปัญญาอย่างน่าสงสาร

พุทธองค์ทรงยกย่อง การให้ทานที่เป็นเลิศ คือการให้ทานที่เป็นการให้โดยวางจิตให้เป็นการ ลดการตะหนี่  ..ละทิ้ง  ไม่ใช่การแสวงแย่งบุญเพื่อ แย่งกัน สั่งสม

ฝากให้ช่วยกันคิดครับ....... ทำถูกต้องดังที่พุทธองค์ทรงแนะ  แม้นแค่น้ำล้างหม้อข้าวแล้วเศษอาหารตกสุ่สัตว์น้อยใหญ่ได้เป็นอาหารก็ถือว่า  ปิดทางสู่อบายภุมิ

แต่หลงเชือผิด ๆ เดินตามอลัชชี คนทุศีล ต่อให้ถวายกันเท่าตึก..........เท่ากับทำให้อายุพระศาสนาสั้นลงแถม..มีสิทธิ เดินสุ่ อบายได้อย่าง น่าเสียดาย!
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

neutral

ถ้าไม่รู้จริง แล้วพูดก็บาปมากน่ะ  ไปพิสูจน์ดีกว่า

ตื่นเถิดชาวพุทธ

ส่วนใหญ่พวกที่นับถือลัทธิ ทำแม่งกลาย จะเป็นพวกที่ไม่พอใจในชีวิตปัจจุบันของตัวเองเฝ้าคอยฝันคิดถึง แต่ชีวิตใน อนาคต คิดว่าอะไรคือต้นเหตุของ ชีวิตที่ไม่น่าพอใจเหล่านี้..เมื่อ ลัทธินี้ สามารถ ปั้นคำตอบให้ตรงกับจริตคือการรักความสบายไม่ต้องพึ่งตัวเองคิดว่าระบบทุนนิยมที่มีในสังคมจะเหมือนกับระบบของกรรม ก็ยิ่งเลื่อมใสและเชื่อโดยไม่ได้ศึกษา เพิ่มเติม เพราะขี้เกียจอ่านหรือมีใจเอนเอียงอยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองชอบว่าใช่ รักว่าง่าย คือการ ซื้อ บุญ สะสมบุญ แล้วยิ่ง บอกว่าชีวิตในโลกหน้าออกแบบเองได้อีกยิ่งเข้าทาง ยิ่งเห็นสังคมใน ลัทธิ ทำแม่งกลาย ก็เห็นว่ามีคนเชื่อเหมือนตนเองอยู่มากเลยไม่คิดเฉลียวใจว่า คำสอนถูกต้องหรือไม่ เรียกว่า ถ้าคนบ้าทั้งเมือง ก็ขอบ้าแบบไม่ยั้งคิดด้วยคน ความคิดแบบนี้เองที่อันตรายด้วยความ มักง่ายไม่ยอมเปิดใจอ่านหนังสือหลายเล่มหลายๆเกจิอาจารย์และหลายๆนิกายในพุทธศาสนา ทำให้จิตใจอ่อนแอต้องหวังพึ่ง คนอื่น คือ นายอลัชชี พอนานอลัชชีทำความผิด ด้วยความกลัว ว่าสิ่งทีตนเองเชื่อ สิ่งที่จ่ายไป คือ สูญ แน่ๆ เสียตังค์แล้วยังเสคายหน้าก็จำเป็นต้อง ออกมาประท้วง เพื่อให้สังคมยอมตามใจตัวเองทั้งที่บางคนก็เพิ่งเริ่มตาสว่างรู้ว่าผิดแต่ก็ด้วยอัตตาที่มาจากความละโมบโลภมากอยากได้ดีกว่าผู้อื่นและความน้อยเนื้อต่ำใจในสภาพของตนเองในชาตินี้ ก็ยังจะขอดื้อ ทำผิดต่อๆไป  เหมือนคนที่คิดว่าถุงขี้หมูคือ ทองคำ พอขนกลับบ้าน ก็ส่งกลิ่นเหม็น คนฉลาด ก็รีบวางแล้วหาถุงทองใหม่ คนขี้ขลาด ก็ยังดื้อด้านเข้าข้างตัวเองคิดว่าเมื่อถึงบ้านแล้วเปิดฉกมา ขี้หมู ที่แบกมา คงจะมีปาฏิหารจากความยึดมั่นว่ามันคือทองแล้วขี้หมูจะกลายเป็นทองคำจริงๆ...แล้วท่านว่า มันไม่เอาเปรียบคนที่เค้า ฉลาด ทิ้งขี้หมูไปก่อนหน้านี้แล้วเหรอ ปาฏิหาร จะเกิดแก่ท่านผู้ดื้อดึงเหรอ..แล้วโลกหน้าท่าน จะได้ดีกว่าคนที่เค้าขยันวิ่งหาทองคำก่อนหน้าท่านไปแล้วเหรอ..ถ้าท่านยังถือขี้หมู  แน่นอน ขี้หมูก็ยังอยู่กับท่านไปถึงโลกหน้า..ท่านก็จะมีสฑาพความเป็นอยู่แย่กว่าเดิม ทั้งโลกนี้และโลกหน้า..อ่านแล้วคิด..สักนิด..โลกหน้าของท่านใกล้เข้ามาทุกวันแล้วรีบทิ้งขี้หมูแล้ว สร้างปัญญาด้วยตนเอง  ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ไม่มีใครช่วยท่านได้นอกจากตัวท่านเอง...สาธุ

Mr.No

อ้างจาก: ตื่นเถิดชาวพุทธ เมื่อ 14:36 น.  13 ส.ค 58
ส่วนใหญ่พวกที่นับถือลัทธิ ทำแม่งกลาย จะเป็นพวกที่ไม่พอใจในชีวิตปัจจุบันของตัวเองเฝ้าคอยฝันคิดถึง แต่ชีวิตใน อนาคต คิดว่าอะไรคือต้นเหตุของ ชีวิตที่ไม่น่าพอใจเหล่านี้..เมื่อ ลัทธินี้ สามารถ ปั้นคำตอบให้ตรงกับจริตคือการรักความสบายไม่ต้องพึ่งตัวเองคิดว่าระบบทุนนิยมที่มีในสังคมจะเหมือนกับระบบของกรรม ก็ยิ่งเลื่อมใสและเชื่อโดยไม่ได้ศึกษา เพิ่มเติม เพราะขี้เกียจอ่านหรือมีใจเอนเอียงอยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองชอบว่าใช่ รักว่าง่าย คือการ ซื้อ บุญ สะสมบุญ แล้วยิ่ง บอกว่าชีวิตในโลกหน้าออกแบบเองได้อีกยิ่งเข้าทาง ยิ่งเห็นสังคมใน ลัทธิ ทำแม่งกลาย ก็เห็นว่ามีคนเชื่อเหมือนตนเองอยู่มากเลยไม่คิดเฉลียวใจว่า คำสอนถูกต้องหรือไม่ เรียกว่า ถ้าคนบ้าทั้งเมือง ก็ขอบ้าแบบไม่ยั้งคิดด้วยคน ความคิดแบบนี้เองที่อันตรายด้วยความ มักง่ายไม่ยอมเปิดใจอ่านหนังสือหลายเล่มหลายๆเกจิอาจารย์และหลายๆนิกายในพุทธศาสนา ทำให้จิตใจอ่อนแอต้องหวังพึ่ง คนอื่น คือ นายอลัชชี พอนานอลัชชีทำความผิด ด้วยความกลัว ว่าสิ่งทีตนเองเชื่อ สิ่งที่จ่ายไป คือ สูญ แน่ๆ เสียตังค์แล้วยังเสคายหน้าก็จำเป็นต้อง ออกมาประท้วง เพื่อให้สังคมยอมตามใจตัวเองทั้งที่บางคนก็เพิ่งเริ่มตาสว่างรู้ว่าผิดแต่ก็ด้วยอัตตาที่มาจากความละโมบโลภมากอยากได้ดีกว่าผู้อื่นและความน้อยเนื้อต่ำใจในสภาพของตนเองในชาตินี้ ก็ยังจะขอดื้อ ทำผิดต่อๆไป  เหมือนคนที่คิดว่าถุงขี้หมูคือ ทองคำ พอขนกลับบ้าน ก็ส่งกลิ่นเหม็น คนฉลาด ก็รีบวางแล้วหาถุงทองใหม่ คนขี้ขลาด ก็ยังดื้อด้านเข้าข้างตัวเองคิดว่าเมื่อถึงบ้านแล้วเปิดฉกมา ขี้หมู ที่แบกมา คงจะมีปาฏิหารจากความยึดมั่นว่ามันคือทองแล้วขี้หมูจะกลายเป็นทองคำจริงๆ...แล้วท่านว่า มันไม่เอาเปรียบคนที่เค้า ฉลาด ทิ้งขี้หมูไปก่อนหน้านี้แล้วเหรอ ปาฏิหาร จะเกิดแก่ท่านผู้ดื้อดึงเหรอ..แล้วโลกหน้าท่าน จะได้ดีกว่าคนที่เค้าขยันวิ่งหาทองคำก่อนหน้าท่านไปแล้วเหรอ..ถ้าท่านยังถือขี้หมู  แน่นอน ขี้หมูก็ยังอยู่กับท่านไปถึงโลกหน้า..ท่านก็จะมีสฑาพความเป็นอยู่แย่กว่าเดิม ทั้งโลกนี้และโลกหน้า..อ่านแล้วคิด..สักนิด..โลกหน้าของท่านใกล้เข้ามาทุกวันแล้วรีบทิ้งขี้หมูแล้ว สร้างปัญญาด้วยตนเอง  ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ไม่มีใครช่วยท่านได้นอกจากตัวท่านเอง...สาธุ


ขอบคุณครับ...เสียดายหาปุ่ม like ไม่มี... ส.ยกน้ิวให้
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คนเมืองสง

อ้างจาก: neutral เมื่อ 14:05 น.  13 ส.ค 58
ถ้าไม่รู้จริง แล้วพูดก็บาปมากน่ะ  ไปพิสูจน์ดีกว่า
คนที่เค้าพิสูจน์แล้วเค้าเห็นด้วยกับ จขกท.

คุณหลวง

บ้านเมืองนี้มีปัญหาเพราะว่าทุกวันนี้คนมีอำนาจหน้าที่ไม่ทำหน้าที่นั่นแหละครับ คนทำผิดเอาเงินเข้าโปะเอาคนมากเข้าข่ม สร้างภาพชื่นชมตัวเองหน้าด้านๆ

    พระเองก็เป็นไปหมด แถวบ้านเจ้าคณะอำเภอออกโรงป้องพระปาราชิกจนชาวบ้านระอาวัดระอาพระ

    เพื่อนผมที่อยู่วัดใหญ๋แห่งหนึ่งในกรุงเทพ เคยถามผมว่าถ้าผมมียศแล้วเขานิมนต์ไปงานเขาจ่ายทีละหลายแสนหรือล้าน วันกนึ่งเขาทำผิดผมจะกล้าทำอะไรเขาไหม? มันก็น่าคิด

    เอาน่า ทำในสิ่งที่ควรตามกำลังกันต่อไปครับ  ส-ดีใจ อย่าท้อเพราะสิ่งนั้นมันมีมานานแล้ว กี่ยุคก็ไม่หมดหรอกได้แต่ทำตามกำลังเท่านั้น


สะบายดี...ไปไบค์ฟอร์มัมมั้ยครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

นายไข่นุ้ย

DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

วัฒน์ come back

อยากเห็นคนดีๆ เข้ามาบวชในบวรพระพุทธศาสนากันเยอะๆ

อยากเห็นทุกๆ คนที่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรเท็จ อะไรควรไม่ควรทำ เข้ามาบวชในบวรพระพุทธศาสนาเยอะๆ

จะได้ช่วยจรรโลงและแก้ไขสิ่งที่ว่าผิด ให้ถูกต้อง

ช่วยแก้ไขคำว่าพุทธพาณิชย์ วัดนี้พระรวย วัดนี้ละโมบ ลัทธินี้ทำลายแก่นพระพุทธศาสนาฯ ให้กระจ่างต่อสังคมและบวรพุทธศาสนา

อยากเห็นว่า แล้วสิ่งที่มันถูกต้องตามจริตของท่าน คือ อะไร เป็นเช่นไร อยากเห็นตัวอย่างที่ดีๆ ที่เริ่มจากตัวท่าน...

ลองเข้ามาบวชตลอดชีวิตแล้วทำให้ดู เป็นตัวอย่างที่ดีให้ดู อย่าเพียงแค่โจมตีอยู่แบบนี้

หากท่านรู้ถูกผิด ดีชั่ว อะไรควรไม่ควร ก็ควรละชีวิตทางโลก แล้วมาบวชเถอะ..มาเป็นพระที่ดี ให้สังคมได้ยอมรับว่านี่คือ กิจของสงฆ์ที่ถูกต้อง เสกียวัตรงดงาม มีศีลงดงาม น่าศรัทธาและเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเป็นที่พึ่งให้แก่พระพุทธศาสนาสืบไป

เราต่างช่วยกันพายเรือเข้าหาฝั่ง

จะมัวมาเอาไม้พายตีหัวกันเองอยู่ทำไมเล่า

เดี๋ยวตาอยู่ก้อมาสิ่งแทน..ทีนี่..จะรู้สึก เมื่อสิ้นศาสนา..


วัฒน์ come back

อีกหนึ่งมุมมอง ที่อยากให้ลองอ่านพิจารณา เฟซ: พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กทม.

ศัตรูที่น่ากลัวไม่ใช่ใคร...นอกจากคนศาสนิกเดียวกันที่ทำลายกันเอง โดยถูกใช้เป็นเครื่องมือของคนต่างศาสนิก ตาสว่างกันซะทีนะ..

Mr.No

อ้างจาก: คนเมืองสง เมื่อ 18:14 น.  13 ส.ค 58
คนที่เค้าพิสูจน์แล้วเค้าเห็นด้วยกับ จขกท.

สวัสดีขอรับท่านคนเมืองสง...ไม่ได้คุยกันนานเลย ว่าง ๆ แวะเข้ามานะครับ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 10:24 น.  15 ส.ค 58
บ้านเมืองนี้มีปัญหาเพราะว่าทุกวันนี้คนมีอำนาจหน้าที่ไม่ทำหน้าที่นั่นแหละครับ คนทำผิดเอาเงินเข้าโปะเอาคนมากเข้าข่ม สร้างภาพชื่นชมตัวเองหน้าด้านๆ

    พระเองก็เป็นไปหมด แถวบ้านเจ้าคณะอำเภอออกโรงป้องพระปาราชิกจนชาวบ้านระอาวัดระอาพระ

    เพื่อนผมที่อยู่วัดใหญ๋แห่งหนึ่งในกรุงเทพ เคยถามผมว่าถ้าผมมียศแล้วเขานิมนต์ไปงานเขาจ่ายทีละหลายแสนหรือล้าน วันกนึ่งเขาทำผิดผมจะกล้าทำอะไรเขาไหม? มันก็น่าคิด

    เอาน่า ทำในสิ่งที่ควรตามกำลังกันต่อไปครับ  ส-ดีใจ อย่าท้อเพราะสิ่งนั้นมันมีมานานแล้ว กี่ยุคก็ไม่หมดหรอกได้แต่ทำตามกำลังเท่านั้น


สะบายดี...ไปไบค์ฟอร์มัมมั้ยครับ

สวัสดีครับ คุณหลวงที่รัก.

ไม่ได้คุยกันนาน... สบายดีนะครับ
ไม่รู้ว่าเพราะกระทู้ผมหรือเปล่า โพสได้ไม่กี่วัน  เว็บล่มซะหลายวัน  ส.หัว ส.หัว

ไม่ได้ไปไบค์ฟอร์มัมครับ... เสียดายเหมือนกัน
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

อ้างจาก: วัฒน์ come back เมื่อ 10:34 น.  26 ส.ค 58
อยากเห็นคนดีๆ เข้ามาบวชในบวรพระพุทธศาสนากันเยอะๆ

อยากเห็นทุกๆ คนที่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรจริง อะไรเท็จ อะไรควรไม่ควรทำ เข้ามาบวชในบวรพระพุทธศาสนาเยอะๆ

จะได้ช่วยจรรโลงและแก้ไขสิ่งที่ว่าผิด ให้ถูกต้อง

ช่วยแก้ไขคำว่าพุทธพาณิชย์ วัดนี้พระรวย วัดนี้ละโมบ ลัทธินี้ทำลายแก่นพระพุทธศาสนาฯ ให้กระจ่างต่อสังคมและบวรพุทธศาสนา

อยากเห็นว่า แล้วสิ่งที่มันถูกต้องตามจริตของท่าน คือ อะไร เป็นเช่นไร อยากเห็นตัวอย่างที่ดีๆ ที่เริ่มจากตัวท่าน...

ลองเข้ามาบวชตลอดชีวิตแล้วทำให้ดู เป็นตัวอย่างที่ดีให้ดู อย่าเพียงแค่โจมตีอยู่แบบนี้

หากท่านรู้ถูกผิด ดีชั่ว อะไรควรไม่ควร ก็ควรละชีวิตทางโลก แล้วมาบวชเถอะ..มาเป็นพระที่ดี ให้สังคมได้ยอมรับว่านี่คือ กิจของสงฆ์ที่ถูกต้อง เสกียวัตรงดงาม มีศีลงดงาม น่าศรัทธาและเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเป็นที่พึ่งให้แก่พระพุทธศาสนาสืบไป

เราต่างช่วยกันพายเรือเข้าหาฝั่ง

จะมัวมาเอาไม้พายตีหัวกันเองอยู่ทำไมเล่า

เดี๋ยวตาอยู่ก้อมาสิ่งแทน..ทีนี่..จะรู้สึก เมื่อสิ้นศาสนา..


คุณวัฒน์ come back จะชวนร่วมโครงการบวชพระแสนรูปอีกหรือครับ.???

ที่ผ่านมาได้ถึงเป้าหรือเปล่าครับ.....

จะบวช..จะใส่บาตรพระ  จะหมื่นรูป..แสนรูป ท่านจะเอาไปไหนครับ ถ้าผลของมันได้แค่ "เปลือก!"

ผมกลับมาจากสังเกตุการณ์เทศกาลบุญใหญ่ตักบาตรพระ.. รู้มั้ยว่า ผมเห็นอะไร? 

ผมเห็นพระหลายรูปที่ต้องนั่งรอพิธีกรรมกันนานมาก..หลังจากเสร็จพิธี  ทั้งหลวงพี่หลวงตา อยากยาสูบ...ควักบุหรี่มวนยาวมาพ่นกันฉุยๆ  แบบไม่เกรงใจใครที่มองมา แขนซ้ายหนีบกระเป๋าของชำร่วยจากธรรมกาย..มือขวาคีบบุหรี่ ..ไหล่สะพายบาตรพะรุงพะรัง....ภาพเหล่านี้ เป็นช๊อตจริงที่ไม่มีการกำกับบทแบบตอนแรก!

แนวคิดที่ชอบโฆษณาว่า  การใส่บาตรถวายทานแบบที่มีพระมาให้บริการถึงที่นับพันนับหมื่น หาได้ที่ไหน... และทึกทักเอาว่านี่คือ "มหาสังฆทาน" อย่างนั้น!?

ผมดีใจที่ปีนี้  คนหาดใหญ่ตื่นตัวและรู้เท่าทันกันมากขึ้น ...และแม้นจะมีแค่ไม่กี่สิบท่าน ที่ออกมาแสดงออกต่อต้านลัทธินี้ เพื่อให้ พระธรรมวินัยของพุทธองค์ ยังทรงใช้สำหรับภิกขุที่เป็น "ศากยะบุตริยะ" ของท่านสืบต่อไปได้

เมื่อเสาหลักต้นหนึ่งมันถูกปลวกชอนไช... เสาที่เหลือต้องแข็งแกร่งเพียงพอที่จะค้ำยันต่อไปได้ 
นี่คือ สิ่งที่ทรงมอบให้ "บริษัทสี่" ทำหน้าที่  เพราะท่านทรงเล็งเห็นแล้วว่า  ต้องมีการช่วยกันค้ำยันและเกื้อหนุนกัน

ผมไม่ศรัทธาและไม่สนใจ พุทธพาณิชย์ค้าบุญ ไร้สาระของลัทธินี้มานานแล้ว.....

และยิ่ง พระลิขิตซึ่งเสมือนพระบัญชาของ สมเด็จพระสังฆบิดรเจ้า ท่านทรงมีพระลิขิตชัดแล้วว่า หมอนี่ แค่ "อลัชชี"

ใครจะซ้าาาาธุ....เป็นลูกคู่ ลูกคอ หมอนี่ ก็เชิญตามสบาย....

อย่าลืมนะครับ.....    แค่เศษปลาเค็มเพียงน้อยนิดกับข้าวติดก้นบาตร ถ้าผู้ใส่ทำด้วยจิตละวางความตระหนี่....  แค่นี้ก็ไม่ไปอบายแล้ว

ส่วนพวกที่ยอมถอดสร้อยคอถวาย...หล่อทองคำเท่าภูเขาให้  เพราะอยากได้ถนนสายสวรรค์ที่ไม่มีจริง
ดูแล้ว...สังเวชจริงๆ

อ้อ... เฟซ ของ พระมหาฯ อะไรนั่น  ไม่มีอะไรเป็นแก่นสารทางธรรมครับ   แค่เรียนสูงไม่ได้หมายความว่า "ใช่" นะครับ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

neutral

you have bias the facts. think about the huge benefits for all. you would better change your attitude.

Mr.No

อ้างจาก: neutral เมื่อ 05:53 น.  28 ส.ค 58
you have bias the facts. think about the huge benefits for all. you would better change your attitude.

โอ..ภาษาปะกิต  แปลได้นิด ๆ ว่า ผมมีอคติ..ควรจะไปเปลี่ยนสมองตรองวิธีคิดใหม่อย่างนั้น? 

เปลี่ยนมานานแล้วครับ..... สมัยก่อนก็ ซ้าาาธุ ๆ ๆ เป็นลูกคอ..ลูกไล่กะเค้าเหมือนกัน

เดี๋ยวนี้.... ไม่ละครับ  กลัวตกนรก เพราะร่วมกันทำลาย "พระธรรมวินัย" ของพระองค์
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ตื่นเถิดขาวพุทธ

ขอแทรกให้ คห. หน่อยนะครับ ทำบุญกับเด็กกำพร้าคนชราคนพิการหรือคนป่วยมูลนิธิใน รพ.นะอย่าทำกับพระเลย..รอพระปฏิรูปก่อน แล้วค่อยไปทำบุญที่สัดไม่งั้นเสียดายของ
เงินเรามีจำกัด เหมือนทำนามีเมล็ดพันธ์ที่จำกัด ควรหาที่นาที่อุดมสมบูรณ์แล้วค่อยหว่านเมล็ดข้าวคือการทำบุญจะได้อนิสงค์มาก ทายเหมือนข้าวที่ออกรวงผลบุญก่อต่อไปถึงหลายๆคน แต่ถ้าไม่เข้าใจในข้อนี้ ไม่เลือกนาข้าวดินไม่อุดม เมล็ดพันธ์ุที่มีจำกัด ก็จะกลายเป็น อาหารนกกาคือพระที่ห่มแต่จีวรคอยหาเงินรีดไถทำตัวเป็นนายทุน  ก็แทนที่จะได้ ผลบุญเต็มที่ก็กลายเป็นส่งเสริมคนบาปมารศาสนาไป  เสียดายของ   แถม ทำบาปแบบไม่รู้ตัวเพราะ พระที่ดี อยู่ยากอยู่ไม่ได้ คนดีๆอยากสืบต่อศาสนาพุทธไม่อยากบวช เพราะต้องไปเกลือกกลั้วสัมพันธ์กับคนเลว..ลองคิดดูว่าจริงหรือไม่..เหมือนคน ดีไม่อยากเล่นการเมืองไม๊..การเมืองมีแต่คนเลว ตอนนี้ ชาติไทยเป็นอย่างไร? ยังต้องบอกกันอีกเหรอ? ส่งเสริมคนดีทำลายคนเลวในทุกๆทางกันสิครับอย่ามัวแต่บ่นก่นด่าอย่างเดียว
พระ มอมเมาเอาบุญเอาเครื่องลางของขลังวัตถุสารพัด แม้กระทั่งไสยศาสตร์ มาขาย ตั้งตัวเป็น นายทุน ทำกิจการใหญ่โต ลงทุนในตลาดหุ้น เอาเปรียบคนทำงานหรือคนอย่างเราที่เอาเงินไปทำบุญในวัด.เพราะพระนั่งกินนอน กิน ตื่นมามีคนไหว้เกรงใจไม่ทำงานแต่มีเงินทุนหนา.เราพ่อค้าแม่ค้าเอาเงินไปทำ บุญหวังรวย กลายเป็นเอาเงินไปให้พระรวยแล้วเอามาลงทุนทำการค้าแข่งกับเรา มาปล่อยกู้เราแพงๆ เป็นตัวอย่างไม่ดีแก่คนในสังคมศาสนาพุทธพลอยมัวหมอง...เราควรต้องแสดงพลัง งดให้เงินงดกิจกรรมกับพระใจปลอม และช่วยให้ความเห็น  ให้พระเกิดการปรับปรุงและเกิดการปฎิรูปให้ดี ขึ้น""  ถ้าเห็นด้วยกับบทความเล็กๆนี้รบกวนเผยแพร่ต่อไปให้คนอื่นเรื่อยๆ ครับ สังคม คนพุทธ และวงการพระสงฆ์จะได้ดีขึ้นกว่าเดิม..ไม่สงวนสิทธ์ครับ

คนเมืองสง

อ้างจาก: ตื่นเถิดขาวพุทธ เมื่อ 14:47 น.  29 ส.ค 58
ขอแทรกให้ คห. หน่อยนะครับ ทำบุญกับเด็กกำพร้าคนชราคนพิการหรือคนป่วยมูลนิธิใน รพ.นะอย่าทำกับพระเลย..รอพระปฏิรูปก่อน แล้วค่อยไปทำบุญที่สัดไม่งั้นเสียดายของ
เงินเรามีจำกัด เหมือนทำนามีเมล็ดพันธ์ที่จำกัด ควรหาที่นาที่อุดมสมบูรณ์แล้วค่อยหว่านเมล็ดข้าวคือการทำบุญจะได้อนิสงค์มาก ทายเหมือนข้าวที่ออกรวงผลบุญก่อต่อไปถึงหลายๆคน แต่ถ้าไม่เข้าใจในข้อนี้ ไม่เลือกนาข้าวดินไม่อุดม เมล็ดพันธ์ุที่มีจำกัด ก็จะกลายเป็น อาหารนกกาคือพระที่ห่มแต่จีวรคอยหาเงินรีดไถทำตัวเป็นนายทุน  ก็แทนที่จะได้ ผลบุญเต็มที่ก็กลายเป็นส่งเสริมคนบาปมารศาสนาไป  เสียดายของ   แถม ทำบาปแบบไม่รู้ตัวเพราะ พระที่ดี อยู่ยากอยู่ไม่ได้ คนดีๆอยากสืบต่อศาสนาพุทธไม่อยากบวช เพราะต้องไปเกลือกกลั้วสัมพันธ์กับคนเลว..ลองคิดดูว่าจริงหรือไม่..เหมือนคน ดีไม่อยากเล่นการเมืองไม๊..การเมืองมีแต่คนเลว ตอนนี้ ชาติไทยเป็นอย่างไร? ยังต้องบอกกันอีกเหรอ? ส่งเสริมคนดีทำลายคนเลวในทุกๆทางกันสิครับอย่ามัวแต่บ่นก่นด่าอย่างเดียว
พระ มอมเมาเอาบุญเอาเครื่องลางของขลังวัตถุสารพัด แม้กระทั่งไสยศาสตร์ มาขาย ตั้งตัวเป็น นายทุน ทำกิจการใหญ่โต ลงทุนในตลาดหุ้น เอาเปรียบคนทำงานหรือคนอย่างเราที่เอาเงินไปทำบุญในวัด.เพราะพระนั่งกินนอน กิน ตื่นมามีคนไหว้เกรงใจไม่ทำงานแต่มีเงินทุนหนา.เราพ่อค้าแม่ค้าเอาเงินไปทำ บุญหวังรวย กลายเป็นเอาเงินไปให้พระรวยแล้วเอามาลงทุนทำการค้าแข่งกับเรา มาปล่อยกู้เราแพงๆ เป็นตัวอย่างไม่ดีแก่คนในสังคมศาสนาพุทธพลอยมัวหมอง...เราควรต้องแสดงพลัง งดให้เงินงดกิจกรรมกับพระใจปลอม และช่วยให้ความเห็น  ให้พระเกิดการปรับปรุงและเกิดการปฎิรูปให้ดี ขึ้น""  ถ้าเห็นด้วยกับบทความเล็กๆนี้รบกวนเผยแพร่ต่อไปให้คนอื่นเรื่อยๆ ครับ สังคม คนพุทธ และวงการพระสงฆ์จะได้ดีขึ้นกว่าเดิม..ไม่สงวนสิทธ์ครับ
ก็ไปทำบุญกับพระดีๆสิครับ และคิดบวกกับสงฆ์ที่ดีๆ ผมคิดว่าบทความลักษณะทางลบแบบนี้ไม่ควรเผยแพร่อย่างยิ่ง

คนเมืองสง

อ้างจาก: ตื่นเถิดขาวพุทธ เมื่อ 14:47 น.  29 ส.ค 58
ขอแทรกให้ คห. หน่อยนะครับ ทำบุญกับเด็กกำพร้าคนชราคนพิการหรือคนป่วยมูลนิธิใน รพ.นะอย่าทำกับพระเลย..
แค่ประโยคแรกประโยคนี้ท่านก็บาปมากแล้วนะครับ ผมขอเตือนด้วยความปรารถนาดีถ้าท่านเป็นชาวพุทธ ท่านเองก็คงไม่ค่อยจะตักบาตรอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปตักก็ได้นี่ครับถ้าไม่ชอบ แต่ถ้าถึงขั้นอ้างเป็นบทความเชิญชวนผู้อื่นให้ทำอย่างท่านแถมให้ช่วยเผยแพร่ผมว่าท่านโหดร้ายไปนะครับ

วัฒน์ come back

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 17:25 น.  28 ส.ค 58
โอ..ภาษาปะกิต  แปลได้นิด ๆ ว่า ผมมีอคติ..ควรจะไปเปลี่ยนสมองตรองวิธีคิดใหม่อย่างนั้น? 

เปลี่ยนมานานแล้วครับ..... สมัยก่อนก็ ซ้าาาธุ ๆ ๆ เป็นลูกคอ..ลูกไล่กะเค้าเหมือนกัน

เดี๋ยวนี้.... ไม่ละครับ  กลัวตกนรก เพราะร่วมกันทำลาย "พระธรรมวินัย" ของพระองค์

ทุกสังคม ทุกชนชั้น ทุกอาชีพ ทุกศาสนา ต่างก็มีคนดีชั่ว ปะปนกัน

อย่าเหมารวม..ว่าทุกสรรพสิ่งที่คุณเห็น ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ จะต้องคิด พูด กระทำ.... เหมือนคุณซะหมด

หากจะจ้องจับผิด...และมองอะไรด้วย "อคติ" มันก็จับผิดได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ชอบ..?!

วิสัยทัศน์ ทัศนคติ จะบ่งชี้ถึงความคิดของคุณ .. และคุณ..ก็ได้แสดงมันออกมาชัด..

เหมือนบัว 4 เหล่า..ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ทรงตรัสกล่าวถึง บุคคล 4 จำพวกไว้..?!

คนทางธรรม.. มีธรรมะเป็นหลักธรรมคำสอน ไว้เป็นเครื่องชโลมใจ คอยย้ำเตือนสติอยู่เสมอ..

ว่าจะไม่คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วหรือทำร้าย-ทำลายใคร มักจะไม่กล่าวร้ายใคร..โดยเฉพาะศาสนาของตน

เป็นต้นทางกำเนิด หล่อมหลอม บรรพชนมาทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน มิใช่เพียงบรรจุอยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น?!

ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง..ที่คุณจขกท.แสดงออกมาง.มันก็สะท้อน ตัวตนของคุณชัด...

และสิ่งที่คุณจขกท.โพสต์ลงมาในนี้ (นอกจากหาพวกแล้ว) มันก็มิได้สร้างสรรอะไรที่ดีๆ ไว้เลยแก่พระพุทธศาสนา

ด้วยความปรารถนาดี

ฝากไว้ให้คิด หากได้คิด และคิดได้..

https://www.youtube.com/watch?v=GSEtjVi8-2g

=========================================

ข้อคิด เตือนสติ (สำหรับคุณโดยเฉพาะ)

อคติ

อคติเป็นอาการที่จิตเอียงข้างกะเท่เร่
มองไม่เห็นคนอย่างที่เขาเป็น
แต่เห็นเขาอย่างที่เราคิด
และถ้ามองอะไรด้วยอคติ
คุณก็แทบไม่มีทางพูดถึงสิ่งนั้นด้วยเหตุผล

อคติ มีรากหรือที่ยืนเป็นรักเกินไป
เกลียดเกินไป ไม่รู้แล้วอยากแสดงว่ารู้ ไม่เห็น ก็อยากแสดงว่าเห็น
หรือกลัวจนขลาดเกินกว่าจะแสดงออก
ความคิดและคำพูดที่ยืนพื้นอยู่บนอะไรที่ "เกินไป" เหล่านี้
นับเป็นอคติได้ทั้งสิ้น

ทุกคนรู้ว่าอคติเป็นสิ่งไม่ดี
แต่ขณะเดียวกันก็อดมีไม่ได้
เนื่องจากอคติเปรียบเสมือนเงาดำติดตัวมาแต่ไหนแต่ไร
จะให้สลัดทิ้ง หรือสั่งตัวเองว่าจงอย่าเกิดอคติอีกเลย
ก็คงเป็นไปไม่ได้
เอาแค่วิธีตีค่าใครให้ตรงตามที่เขาเป็น
เราก็บวกลบคูณหารตามความชอบใจส่วนตัวเข้าไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว

และความจริงประจำโลกนี้ก็ตลกดีครับ
มนุษย์รักที่จะตัดสินคนอื่นด้วยอคติ
แต่เอาเป็นเอาตายเรียกร้องให้คนอื่นตัดสินตนด้วยความเป็นธรรม
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาช้านาน และจะยังคงเกิดขึ้นต่อไปไม่สิ้นสุด

เมื่อเกิดอคติ คุณไม่มีทางหยุดคิดทันที
แต่มีทาง "รู้สึกถึงเงาดำของอคติ" ได้ทันใด
เมื่อรู้สึกได้ถึงเงาดำ ก็จะเห็นว่าดำมากหรือดำน้อย
เวลาผ่านไปก็จะรู้สึกว่ามันไม่มากไม่น้อยเท่าเดิม
นั่นแหละ จะค่อยคลายคืนความรู้สึกยึดมั่นในอคติเสียได้

พอจับได้ไล่ทัน
เห็นบทบาททางความคิดอันเป็นเงามืด
อันเกิดจากความรักมากไป เกลียดมากไป
ไม่รู้มากไป ตลอดจนกลัวมากไป
จิตคืนสู่ความเป็นกลางอย่างมีเหตุผล
รับฟังทุกสิ่งด้วยใจปลอดโปร่ง
อคติก็หายไปเกินครึ่งหรือทั้งหมดได้จริงๆครับ

ดังตฤณ
สิงหาคม ๕๔

ธรรมะใกล้ตัว - ฉบับที่ ๑๒๗

ที่มา :: http://www.dharmamag.com/mag/

คนเมืองสง

Mr.No มาเลยครับอย่าหายๆๆ เราต้องสู้ก็ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาแหลง เราชี้ต้องแจงได้

Mr.No

อ้างจาก: วัฒน์ come back เมื่อ 13:37 น.  31 ส.ค 58
ทุกสังคม ทุกชนชั้น ทุกอาชีพ ทุกศาสนา ต่างก็มีคนดีชั่ว ปะปนกัน

อย่าเหมารวม..ว่าทุกสรรพสิ่งที่คุณเห็น ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ จะต้องคิด พูด กระทำ.... เหมือนคุณซะหมด

หากจะจ้องจับผิด...และมองอะไรด้วย "อคติ" มันก็จับผิดได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ชอบ..?!

วิสัยทัศน์ ทัศนคติ จะบ่งชี้ถึงความคิดของคุณ .. และคุณ..ก็ได้แสดงมันออกมาชัด..

เหมือนบัว 4 เหล่า..ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ทรงตรัสกล่าวถึง บุคคล 4 จำพวกไว้..?!

คนทางธรรม.. มีธรรมะเป็นหลักธรรมคำสอน ไว้เป็นเครื่องชโลมใจ คอยย้ำเตือนสติอยู่เสมอ..

ว่าจะไม่คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วหรือทำร้าย-ทำลายใคร มักจะไม่กล่าวร้ายใคร..โดยเฉพาะศาสนาของตน

เป็นต้นทางกำเนิด หล่อมหลอม บรรพชนมาทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน มิใช่เพียงบรรจุอยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น?!

ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง..ที่คุณจขกท.แสดงออกมาง.มันก็สะท้อน ตัวตนของคุณชัด...

และสิ่งที่คุณจขกท.โพสต์ลงมาในนี้ (นอกจากหาพวกแล้ว) มันก็มิได้สร้างสรรอะไรที่ดีๆ ไว้เลยแก่พระพุทธศาสนา

ด้วยความปรารถนาดี

ฝากไว้ให้คิด หากได้คิด และคิดได้..


ผมว่า เข้าประเด็นดีกว่าครับ....อย่าอ้อมค้อมให้เสียเวลา  และที่สำคัญถ้าคุณยึดมั่นในลัทธินี้ และวัดนี้ที่มีเจ้าสำนักเป็นอลัชชี เอาสาระแก่นธรรม โดยเฉพาะ ตัวพระธรรมวินัยล้วน ๆ มาคุยกันดีกว่า  ถ้าผมถามคุณ ๆ ตอบได้สอดคล้องหลักธรรม ผมจะนับถือคุณเป็นพุทธศาสนิกแท้ที่ไม่หลง  ตอบผมนะครับ

ข้อแรก  ผมเขียนกระทู้เรื่องการตักบาตรพระ  ประเด็นที่ผมไม่เห็นด้วยไม่ใช่กิจกรรม แต่เป็น เจ้าของกิจกรรม ซึ่งเจ้าสำนักมิได้เป็นภิกษุในธรรมวินัยแล้ว ก็ถือเป็นเพียง อลัชชี  ดังนั้น การให้การสนับสนุนปาราชิกแมน เท่ากับเป็นการเหยียบย่ำพระธรรมวินัยของพุทธองค์ มิใช่หรือ

ประเด็นที่ว่า หมอนั่นปาราชิกหรือไม่ คงไม่ต้องมาเถียงกันอีก เพราะถึงขนาดสมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระลิขิตออกมาถึงสี่ฉบับและทรงเขียนชัดว่า หมอนี่หมดจากความเป็นภิกษุแล้ว  คำถามคือ ผมจะเชื่อใครระหว่าง สมเด็จฯ เจ้า กับ เจ้าของจานบิน

ประเด็นต่อมา เรื่องการสอนธรรมที่ผิดอย่างน่าอันตรายก็คือ แนวคิดที่สอนให้คนเข้าใจว่า นิพพาน เป็นดินแดน เป็นสถานที่ และเป็น อัตตา แถมการสอนโดยตั้งตัวเป็นผู้วิเศษ รู้ไปหมดว่าใครตายแล้วไปเกิดเป็นโนน่นี่...แถมยังหาญกล้าบอกว่าตนเองมีสถานะพิเศษ เข้าถึงอายตนะนิพพาน ไปพบพระพุทธเจ้าได้  ฯลฯ  นี่ไม่รวมเรื่องโจ๊กที่บอกว่าคุณยายเป็นคนปัดระเบิดนิวเคลียร์ที่สัมพันธมิตรจะทิ้งที่ไทยไปลงที่ญี่ปุ่นแทน  ใครไม่รุ้ ฟังก็อ้าปากค้าง.....สาธุๆๆๆ  .แต่คนที่รุ้เรื่องประวัติศาตร์คงอมยิ้มว่า เชื่อหมอนี่ต้องเข้าขั้นโคม่าแล้ว...

แค่เรื่องยักยอกเงิน....เอาง่าย ๆ คุณลองเอาเงินผมไปแล้วผมแจ้งว่ายักยอกทรัพย์... ผมไม่ยอมถอนแจ้งความ...สุดท้ายคุณคิดว่าคุณจะเป็นยังไง......

ใช่ ในทางโลกเราถือว่า ยักยอกเป็นคดีอาญาที่ยอมความได้ ดังนั้นเมื่อยอมแล้ว มันก็อาจจะจบ เช่นเดียวกันกับคุณไปข่มขื่นผู้หญิงแล้วเค้าแจ้งความ ต่อมาเคลียร์กันได้ชดใช้เสร็จ หญิงยอมถอนแจ้ง เรื่องก็อาจะจบลง อัยการก็อาจถอนฟ้อง

แต่ในทางพระวินัย  ขนาดเต็มใจไม่ได้ข่มขื่นก็หลุดจากความเป็นพระไปแล้ว.....แถมแค่เงินแค่ไม่กี่มสก มีเจตนาเอาเงินเค้าไป ก็ถือว่าปาราชิกหมดความเป็นพระเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อพระวินัยมิได้เอื้อว่ายอมความแล้วยังคงความเป็นภิกษุต่อได้ ก็ต้องถือว่า ไม่ใช่พระ มิใช่หรือครับ แล้วมหาเถรสมาคมถือดียังไงที่ไปตีความตามโลกว่า คืนเงินแล้วไม่มีเจตนา ทั้งที่ สมเด็จพระสังฆราช ท่านก็อุตส่าห์เมตตาแล้วก็ยังไม่คืน ก็แสดงชัดในเจตนา (ตามที่พุทธองค์ให้ทรงถือเอาเจตนา เป็นหลัก) ท่านก็ต้องตีความตามพระวินัย เพราะท่านเป็นภิกขุ.... แต่มหาเถรฯ เป็นองค์กรอะไรพิเศษไปกว่า องค์กรพระหรือ และที่นั่งในนั้นมิใช่ภิกขุที่อยู่ในธรรมวินัยดอกหรือ? 



ข้อสอง  ถ้าคุณเป็นสาวกสำนักนี้ และมีปฎิปทาสูง เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา อย่างยิ่ง ..ผมถามคุณหน่อยว่า   อะไรคือ ความหมายของ นิพพาน ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจที   

บอกผมทีว่า ที่พักครึ่งทาง แบบที่พวกคุณบอก อย่างดุสิตบุรี เขตบรมวงกลมพิเศษอะไรนั่นน่ะ มันอยู่ส่วนไหนของกาแลกซี่,ของจักรวาล สวรรค์, เทพบุตร เทพธิดา สวมใส่รัตนมณีสีสวย.....และพญามารในความเข้าใจของพวกคุณเป็นไง  เพราะผมอ่านพระไตรปิฎกมา ก็ยังไม่เห็นว่า ทรงบัญญัติเรื่องนี้ไว้ ทรงสอนแต่ให้  "ละ.ทิ้ง..วาง" เพื่อการถึงแห่งโสดาบันอันเป็นประตุสุ่ พระนิพพาน ไม่กลับมาเวียนว่ายตายซ้ำในวัฏฏะอีก

พระเทวทัต เคยอยากเป็นพระพุทธองค์ ทำตัวเด่นและท้าทาย บิดเบือนสอนสั่ง..ออกกฎใหม่ท้าทายพระธรรมวินัยเดิม... โดยพยายามแสวงหาสาวกให้เข้ากับตนให้มากที่สุด แถมถึงขนาดจะฆ่าพุทธเจ้า สุดท้ายตกมหานรกอเวจี  และผมก็คงไม่ต้องบอกว่าเมื่อพระเทวทัตไปมหานรกอเวจีแล้ว...สาวกและผู้ร่วมคิด จะติดร่างแหกันไปอยู่ตรงไหน อันนี้ลองตรองดุ

อ้อ.... คุณไปเอาข้อมูลจากไหนที่บอกว่า พุทธองค์ทรงเปรียบมนุษย์เหมือนบัวสี่เหล่า!!!   
นี่ละ..ปัญหาของคุณล่ะ...   

พุทธองค์ไม่เคยเปรียบมนุษย์เป็นบัวสี่เหล่า...มีแต่ทรงเปรียบ สัตว์โลกเป็นดังบัวสามเหล่า!   
นิยาม สัตว์โลก จึงกว้างกว่า  มนุษย์

การบิดเบือนและเขียนขึ้นใหม่ คิดเอง...เออเอง สร้างโลกทิพยวิมานขยายความไปเอง...คืออันตรายสำหรับ  ศาสนาพุทธ

คุณไม่ต้องกังวลหรอกว่า ชาติใดศาสนาไหนจะมาทำลายพุทธ.....เพราะพุทธองค์ทรงตรัสไว้ชัดว่าให้ระวัง พวกเดียวกันนี่ละ

ท้ายสุด....  ไม่กี่วันมานี่ DSI เค้าพบข้อมูล คดีสหกรณ์คลองจั่น มีเงินงอกจากเดิมอีกหกร้อยกว่าล้าน...ในนั้น  มีเช็คสั่งจ่ายธัมมี่อีกสี่ร้อยกว่าล้าน....เงินมากมาย จะหอบกันเอาไปใช้ต่อกันโลกหน้าชาติไหนกันรึ?   


..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

วัฒน์ come back

24.00 น. ว่าจะนอน..มาเห็นโพสต์ผ่านแอพฯ ในมือถือ..จึงขอตอบสักนิด..

ก่อนอื่นต้องขอออกตัว..ความรู้ด้านธรรมะของผม ..แค่หางอึ่ง.. จึงมิอาจไปตอบปัญหาจ้องจับผิดให้ถูกจริตของคุณหรือแรงยุแยงของใครๆได้ (พูดจาส่อเสียด)

หากมีสิ่งที่ผมพอจะรู้บ้าง และไม่คิดจะเอาสิ่งที่รู้มาเบ่งหรือแข่งอวดกับใคร คือ เราไม่ใช่ศัตรูกัน และศัตรูของเราก็มิใช่ใคร?!

ศัตรูของเรา คือ กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง มิจฉาทิฏฐิ ความหลงผิดรวมถึงความไม่รู้ ที่ต่างยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจกมลสันดานของคน

ก็อย่างที่คุณได้กล่าวไว้เอง... ในข้อที่สองว่า ทรงสอนแต่ให้  "ละ.ทิ้ง..วาง" แล้วคุณล่ะ...ยังถืออะไรอยู่...?!

เหมือนดั่งที่องค์คุลีมาร กำลังไล่ล่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตะโกนร้องบอก..สมณะหยุดๆ ...

พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงตรัสกล่าวกลับบอกไปว่า...เราหยุดแล้ว..ท่านนั้นแหละ...ยังไม่หยุด..?!

....บางสิ่งบางอย่าง ก็เป็นการ "รู้เฉพาะตน" ดั่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ทรงตรัวรู้แล้วเองโดยชอบ...

หากไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง ไม่เคยปฏิบัติ ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวท / ศีล สมาธิ ภาวนา ไม่เคยยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิต

ต่อให้คุณอ่านพระไตรปิฎกหมดทั้งตู้ ถึงมีความรู้มากมายเพียงใด...ก็ไม่ได้หมายความว่า "ใช่" นะครับ (คุณคงจำประโยคนี้ของคุณเองได้นะ...)

..... โลกและสังคมไทยเราทุกวันนี้ ที่มันสับสนวุ่นวาย เหตุมันก็มีอยู่แค่สองอย่าง...

1. หลงรัก = ถูกใจ ถูกจริต พวกของฉัน ได้รับประโยชน์

2. หลงเกลียด = ไม่ถูกใจ ไม่ถูกจริต พวกของเอ็ง ไม่ได้รับประโยชน์

ถึงจะมีความรู้สติปัญญามากมายเพียงใด ลองถูกความอวดดี ถูกทิฏฐิมานะมาครอบบดบัง...มี..ก็เหมือน..ไม่มี...?!

ด้วยความปรารถนาดี

..... หวังว่าคุณจะคิดได้ และได้คิด รวมถึงรู้ตื่นมีสติว่ากำลังทำอะไรอยู่ .....


:)

Mr.No

อ้างจาก: วัฒน์ come back เมื่อ 00:42 น.  03 ก.ย 58
24.00 น. ว่าจะนอน..มาเห็นโพสต์ผ่านแอพฯ ในมือถือ..จึงขอตอบสักนิด..

ก่อนอื่นต้องขอออกตัว..ความรู้ด้านธรรมะของผม ..แค่หางอึ่ง.. จึงมิอาจไปตอบปัญหาจ้องจับผิดให้ถูกจริตของคุณหรือแรงยุแยงของใครๆได้ (พูดจาส่อเสียด)

หากมีสิ่งที่ผมพอจะรู้บ้าง และไม่คิดจะเอาสิ่งที่รู้มาเบ่งหรือแข่งอวดกับใคร คือ เราไม่ใช่ศัตรูกัน และศัตรูของเราก็มิใช่ใคร?!

ศัตรูของเรา คือ กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง มิจฉาทิฏฐิ ความหลงผิดรวมถึงความไม่รู้ ที่ต่างยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจกมลสันดานของคน

ก็อย่างที่คุณได้กล่าวไว้เอง... ในข้อที่สองว่า ทรงสอนแต่ให้  "ละ.ทิ้ง..วาง" แล้วคุณล่ะ...ยังถืออะไรอยู่...?!

เหมือนดั่งที่องค์คุลีมาร กำลังไล่ล่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตะโกนร้องบอก..สมณะหยุดๆ ...

พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงตรัสกล่าวกลับบอกไปว่า...เราหยุดแล้ว..ท่านนั้นแหละ...ยังไม่หยุด..?!

....บางสิ่งบางอย่าง ก็เป็นการ "รู้เฉพาะตน" ดั่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ทรงตรัวรู้แล้วเองโดยชอบ...

หากไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง ไม่เคยปฏิบัติ ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวท / ศีล สมาธิ ภาวนา ไม่เคยยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิต

ต่อให้คุณอ่านพระไตรปิฎกหมดทั้งตู้ ถึงมีความรู้มากมายเพียงใด...ก็ไม่ได้หมายความว่า "ใช่" นะครับ (คุณคงจำประโยคนี้ของคุณเองได้นะ...)

..... โลกและสังคมไทยเราทุกวันนี้ ที่มันสับสนวุ่นวาย เหตุมันก็มีอยู่แค่สองอย่าง...

1. หลงรัก = ถูกใจ ถูกจริต พวกของฉัน ได้รับประโยชน์

2. หลงเกลียด = ไม่ถูกใจ ไม่ถูกจริต พวกของเอ็ง ไม่ได้รับประโยชน์

ถึงจะมีความรู้สติปัญญามากมายเพียงใด ลองถูกความอวดดี ถูกทิฏฐิมานะมาครอบบดบัง...มี..ก็เหมือน..ไม่มี...?!

ด้วยความปรารถนาดี

..... หวังว่าคุณจะคิดได้ และได้คิด รวมถึงรู้ตื่นมีสติว่ากำลังทำอะไรอยู่ .....


:)


ตกลงตอบที่ผมถามข้อ...ไม่ตอบว่างั้นเหอะ!

ประเด็นที่ผมถามคุณ... ไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อธรรมอะไรเลย  ถ้าลำพังคนสามัญใช้วิจารณญาน หรือแม้นแต่ผมเชื่อว่าคนศาสนาอื่น อ่านก็เข้าใจว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร

ผมถามเรื่อง  เจ้าสำนักฯ ยักยอกทรัพย์ มีความผิดอาญา..และเป็นการละเมิดพระธรรมวินัยที่มีโทษสูงสุดถึงปาราชิก นั่นข้อหนึ่ง

อีกข้อผมถามเรื่อง เจ้าสำนักที่สอนผิด ๆ ไม่สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนา ซึ่งข้อเท็จจริงก็ปรากฎชัดว่า ขนาดเจ้าประคุณประยุต ฯ ซึ่งเป็นถึงราชบัณฑิตฯ ยังเขียนบทความชัดว่า  ผิด และผิดถึงขั้น อวดอุตริมนุสสธรรม ซึ่งก็เข้าข่ายปาราชิกอยู่แล้ว

สองข้อนี้ คุณกลับเลี่ยงบาลี....อ้อมค่ายไปเรื่อย

ผมไม่ได้เป็นกูรูพระไตรปิฎก...ผมก็อยู่แบบง่าย ๆ  บ้าน ๆ นี่ละ   ไปวัดบ้าง...ใส่บาตรบ้าง(แต่ใส่แค่รูปสองรูป) นั่งสวดมนต์ภาวนา อานาปานสติ ก็ทำ...บางทีก็มีแว่บ เบียร์บ้าง ก็ไม่ได้เป็นคนดีเด่หรือเคร่งธรรมะอะไรนัก

เพียงแต่ ผมคิดว่า  เมื่อเราคิดว่า เราเป็นคนไทยที่ประกาศตัวเป็น พุทธมามกะ  ว่า "....โปรดจำข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่า,  เป็นพุทธมามะกะ,  ผู้ถึงพระรัตนตรัย,  เป็นสรณะตลอดชีวิต, "  แล้วทำไมถึงไม่ทำตามที่พุทธองค์ทรงบัญญัติ แต่กลับไปทำตามใครก็ไม่รู้ .....

ถ้าสำนักนี้...ประกาศชัดว่า ไม่ใช่พุทธ...แต่เป็นลัทธิหนึ่ง   ....ผมจะไปวุ่นวายกับกิจเค้าทำไม

แต่ที่หลายคนทั้งประเทศ..เค้าต่อต้าน  ก็เพราะมันมีประเด็น...มีเหตุ และ เหตุที่เกิดจะทำให้ศาสนาของพวกเค้าที่เคยอยู่ในร่องในรอยกันมาตลอดกว่าสองพันกว่าปี ต้องมามีอันผิดเพี้ยนเปลี่ยนไป และสุดท้ายก็ถึงคราวิบัติ...นี่มันเป็นกิจของพุทธศาสนิกชน ซึ่งรวมทั้งคุณและผมด้วยมิใช่หรือ?


เบื่อสาวกลัทธินี้...พอจะถามเรื่องสาระ ...อยากได้ความเห็นเรื่อง "อายตนะนิพพาน"  ดันเลี่ยงไปเป็นว่า   เรื่องพรรค์นี้ ต้องปฎิบัติเท่านั้น ถึงจะรู้ได้.....  แอบอ้างปัจจัตตัง ของพุทธองค์มาใช้อีก

อย่าลืมนะครับ... เมืองไทยเราใช้ระบบกล่าวหา   ตอนนี้สังคมรวมทั้งผมกำลังกล่าวหา ......ถ้าคิดว่าคุณจะช่วยเหลือสำนักนี้ เพราะคุณเห็นว่าเป็นสำนักดี..เจ้าสำนักก็สุดจะดี  สอนธรรมก็ดีถูกต้อง ยังไง..ช่วยเคลียร์สองข้อให้ผมเข้าใจที 

จะปริยัติ...ปฎิบัติ  ถ้ามันผิดเพี้ยนไม่ตรงที่พุทธองค์บัญญัติ.....    ปฎิวัติ ให้มันตรงนั่นละ ดีที่สุดนะผมว่า

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.