ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

พุทธศาสนาต้องพึ่งรัฐธรรมนูญจริงหรือ

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 10:47 น. 18 พ.ย 58

ทีมงานบ้านเรา

ที่มา สำนักข่าวอิศรา เขียนโดยสมชาย เก้านพรัตน์
http://www.isranews.org/isranews-article/item/42767-isranews_42767.html

ช่วงระยะนี้ผมได้รับไลน์จากเพื่อนๆเกี่ยวกับศาสนาพุทธจะถูกทำลายโดยศาสนาอื่นหรือขอให้สนับสนุนให้บรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับไม่เคยกำหนดไว้ จึงต้องดูว่า มีสาเหตุอะไรที่ต้องบรรจุว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

การที่มีการเรียกร้องเช่นนี้น่าจะแสดงว่า ศาสนาพุทธมีความสั่นคลอนใช่หรือไม่ ดังนั้น เพื่อความมั่นคงของศาสนาพุทธที่มีประชาชนนับถือเป็นส่วนใหญ่จะต้องถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญจะได้มั่นคงตลอดไป

ความจริงประเทศไทยมีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ที่มีความแตกแยกในเชื้อชาติและศาสนา ทั้งที่ประเทศไทยก็มิได้มีอะไรทางกายภาพแตกต่างจากประเทศอื่น เช่น มีคนหลายเชื้อชาติ มีศาสนาหลากหลาย แม้ความไม่สงบทางภาคใต้ก็มิได้มาจากเชื้อชาติและศาสนา แต่เป็นต่อสู้ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะไม่ว่าบุคคลเชื้อชาติใดที่เข้ามาพึ่งพระบรมโภธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทยทุกพระองค์ ต่างได้รับการปกครองดูแลเช่นคนไทยทุกคน ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาคือคนไทย ทุกคนมีอิสระในการนับถือศาสนา ประเทศไทยจึงไม่เกิดปัญหาทางเชื้อชาติและศาสนา

หากเราเข้าใจศาสนาพุทธและดูประวัติการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแล้ว เราก็จะเห็นว่า การก่อเกิดศาสนาพุทธนั้นอยู่ท่ามกลางความเจริญของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู และลัทธิอื่นๆ มากมาย แต่ศาสนาพุทธได้เจริญเติมโตไปทั่วโลกเพราะเนื้อแท้ของหลักธรรมที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ตรงที่การดับทุกข์หรือเอาชนะใจตนเอง หรือเอาชนะกิเลสนั่นเอง และความเป็นห่วงว่าศาสนาพุทธจะล่มสลายนั้น ในสมัยพระพุทธกาลก็เคยเกิดขึ้น ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "พุทธศาสนาไม่มีผู้ใดทำลายได้ เว้นแต่พุทธบริษัททั้งสี่เท่านั้นที่จะเป็นผู้ทำลาย"

พุทธบริษัททั้งสี่ ได้แก่

1. นักบวชที่เป็นชาย เรียกว่า ภิกษู หรือภิกขุ ซึ่งต้องถือศีล 227 ข้อ
2. นักบวชที่เป็นหญิง เรียกว่า ภิกษุณี หรือภิกขุณี ซึ่งต้องถือศีล 310ข้อ ปัจจุบันไม่มีแล้ว แต่ยังมีนักบวชหญิงเรียกว่า ชี หรือ แม่ชี ถือศีล 8 ข้อ
3. ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธที่เป็นชาย เรียกว่า อุบาสก ต้องถือศีล 5 ข้อ
4. ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธที่เป็นหญิง เรียกว่า อุบาสิกา ต้องถือศีล 5 ข้อ

พุทธบริษัททั้งสี่เหล่านี้เท่านั้น ที่จะทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองหรือล่มสลาย

ปัจจุบันเราต้องยอมรับความจริงว่า ผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆ นั้น เป็นการนับถือโดยผู้ปกครองเป็นผู้กำหนดทั้งการศึกษาก็มิได้ให้ความสำคัญเรื่องการให้ความรู้ทางจิตวิญญาณ มุ่งแต่ให้ความรู้ทางประกอบอาชีพเท่านั้น ทำให้สังคมปัจจุบันเห็นแก่ตัว ผูกพยาบาทหมาดร้าย และทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยไม่ละอายต่อบาป อันผิดไปจาก หลักการของผู้นับถือศาสนาพุทธที่มีแต่การให้อภัยและช่วยเหลือกัน ไม่ซ้ำเติมและให้ร้ายซึ่งกันและกัน

ดังนั้น การนำพุทธศาสนามาบรรจุในรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้พุทธศาสนาจะอยู่คู่กับประเทศไทย การจะให้พุทธศาสนาอยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป พุทธบริษัททั้งสี่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง โดยนักบวชจะต้องนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาเผยแพร่ให้อุบาสกและอุบาสิกามาถือปฏิบัติให้ถูกต้อง มิใช่ชักนำให้อุบาสกและอุบาสิกาซื้อบุญเพื่อนำไปสู่สวรรค์ แต่ต้องอบรมสั่งสอนให้อุบาสกและอุบาสิกาทำบุญกับพระอรหันต์ในบ้าน (บิดา, มารดา) ให้มากๆ และขัดเกลากิเลสให้ลดลง หรือเอาชนะใจตนเองมากกว่าการเอาชนะผู้อื่น

ปัจจุบัน พระภิกษุ จำนวนมากไม่ได้นำหลักธรรมของพระพุทธมาเผยแพร่ แต่กลับนำหลักธรรมพื้นฐานมาให้อุบาสกและอุบาสิกา หลงให้ทำบุญเพื่อไปสวรรค์หรือซื้อสวรรค์ มิได้สอนให้ปฏิบัติตนเพื่อเอาชนะกิเลสของตน

ดังนั้น ถ้านักบวชท่านใดที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงการสั่งสอนอุบาสกและอุบาสิกาตามหลักธรรมที่แท้จริงถือได้ว่านักบวชเหล่านั้นเป็นผู้ทำลายศาสนาพุทธ

ทั้งเหล่าอุบาสกและอุบาสิกาก็เช่นเดียว ต่างก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้นักบวชปฏิบัติตนให้อยู่ในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า อุบาสกและอุบาสิกาทั้งหลายมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันดูแลนักบวชให้ละหากจากกิเลส มิใช่ส่งเสริมให้นักบวชหลงใหลอยู่ในกิเลสมากขึ้น ทำให้นักบวชหลงใหลในอามิสสินจ้าง จึงไม่สอนหลักธรรมให้ขัดเกากิเลส แต่กลับช่วยกันส่งเสริมกิเลสซึ่งกันและกัน เช่น การสร้างกุฏิให้สวยงาม สร้างด้วยไม้สักราคาแพง ซึ่งความจริงกุฏิมีเพื่ออาศัยไม่ใช่สวยงาม หรือซื้อรถยนต์ราคาแพงหรูๆ ให้วัดเพื่อหลวงพ่อใช้ ซึ่งความจริงเราจะเห็นว่า รถที่อุบาสกและอุบาสิกาซื้อถวายวัดนั้น ไม่ค่อยได้ใช้เท่าใดกลับ เป็นภาระให้วัดต้องบำรุงรักษา เพราะภารกิจของพระคือการนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปเผยแพร่ กิจกรรมปกติจึงอยู่ที่วัด ส่วนกิจกรรมนอกวัดอุบาสกและอุบาสิกา ก็มักจะจัดยานพาหนะมารับพระท่านอยู่แล้ว

หากอุบาสกและอุบาสิกายังคงดูแลนักบวชให้อยู่ใกล้กิเลสมากขึ้น ศาสนาพุทธก็ย่อมเสื่อมทรามไปเป็นไปตามธรรมดา เราจึงพบข่าวนักบวชกระทำผิดอยู่เนืองๆ ทั้งหากรัฐซึ่งมีหน้าที่กำหนดแนวทางให้ประชาชนประพฤติดี ไม่ทำผิดกฎหมาย การศึกษาในทุกระดับการศึกษา จึงจะต้องมีหลักสูตรวิชาหน้าที่และศีลธรรมมาศึกษากันในระบบการศึกษาด้วย จึงควรนำศาสนาทุกศาสนาที่มีผู้นับถือตั้งแต่ ร้อยละห้าของประชาชนมาบรรจุในระบบศึกษา

การให้รัฐธรรมนูญระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ มิใช่การแก้ปัญหาในการที่รักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่ประเทศไทย แต่ประการใด

แต่อาจทำให้เกิดปัญหาศาสนาในอนาคตของประเทศไทยก็ได้

[attach=1]
ภาพพระพุทธศาสนาจาก siam1.net
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215

คนเมืองสง

การเกิดเป็นประเทศไทยมีที่มาจากการเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนาเหนือจดใต้ จึงควรสำนึกในศาสนคุณและคุ้มครองพุทธศาสนาสืบเนื่องไป
ควรบัญญัติพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติและบัญญัติการคุ้มครองทุกศาสนาเฉกเช่นกัน การให้ความเคารพนักบวชนอกศาสนาผู้ประพฤติพรหมจรรย์เป็นหนึ่งในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีต่อศาสนิกของพระองค์

คุณหลวง

    สนิมเกิดแต่เนื้อในตน

กฏหมายจะช่วยอะไรได้ มันก็สลายไปในตัวเอง กฏหมายจะมาเป็นน้ำยาล้างสนิมที่เกิดแต่เนื้อได้หรือ ต้องถามว่าวันนี้ พุทธไทยเดินกันถูกทางหรือเปล่า การส่งเสริมการเรียนที่มุ่งลาภ อามิส ยศ...

ไม่ได้สนใจธรรมวินัยมาก แค่รู้ให้สอบผ่าน แค่มีฐานเกื้อกูลกันต่อกัน บางแห่งอนุญาตกินยี่สิบสี่อย่างกะเซเว่น บางแห่งโกงการสอบกันต่อหน้าเพื่อให้สำนักตนมีผู้สอบผ่านมากๆ อันนี้มันก็เดินผิดทางธรรมแล้วครับ ทำล

การบัญญัติลงรัฐธรรมนูญ อาจมีปัญหาก็ได้ภายหลัง แต่ต้องตรองกันดูครับ


สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คนเมืองสง

พักหลังๆนี้คนไทยเราก็มักกล่าวโทษคนอื่นๆกันมากขึ้น มีโจรมากก็โทษตำรวจทำไม่จับโจร มีขยะมากก็โทษเทศบาลทำไมไม่กวาด ลูกเรียนหนังสือไม่ดีก็โทษครูโทษกระทรวง มีมารศาสนามากก็โทษพระ คนละเมิดกฎหมายมากก็โทษรัฐบาล และมักมองว่าการที่ตัวเองมองเห็นปัญหาและนำมาต่อว่าลงสื่อนั้นเป็นการวิจารณ์โดยสุจริต ประเทศชาติมีแต่ปัญหาๆๆ
อันที่จริงเรื่องศาสนาและทุกๆเรื่องของสังคมเป็นเรื่องของเราทุกคนที่ต้องช่วยจัดระเบียบ เรื่องบางเรื่องเมื่อมีคนเริ่มทำก็อย่าเพิ่งไปค้าน คนทำเค้ามีเป้าหมายที่จะหาของมาคุ้มครองพุทธศาสนา ควรรอดูเค้าก่อน ส่วนตัวท่านก็มีหน้าที่เป็นพุทธศาสนิกที่ดีตามความเข้าใจและความเชื่อของท่าน ย้ำว่าตามความเชื่อของท่านตามองค์ความรู้ด้านการศาสนาของท่านตามที่ได้ร่ำเรียนมา ไม่ต้องไปตำหนิใครทั้งหลาย เมื่อทุกคนเป็นเช่นนี้ก็น่าจะดี
       

คนเมืองสง

ศาสนาอิสลามมีการคุ้มครองศาสนาอยู่ในข้อญัตญัติของศาสนาทำให้ค่อนข้างปลอดภัยจากมารศาสนา ได้แก่การทำโทษสิ่งชั่วร้ายต่างๆตามวิธีที่ได้บัญัติไว้ ซึ่งพุทธเราไม่มี ดังนั้นกฎหมายบ้านเมืองที่จะลงโทษพระที่ปราชิกแล้วด้วยการจำคุกต่ออีกสักหกเดือนจึงควรมีอย่างยิ่ง และการจะออกกฎหมายเช่นนั้นได้ก็ต้องระบุการคุ้มครองพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญ

คนเมืองหาด

อ้างจาก: คนเมืองสง เมื่อ 08:32 น.  24 พ.ย 58
ศาสนาอิสลามมีการคุ้มครองศาสนาอยู่ในข้อญัตญัติของศาสนาทำให้ค่อนข้างปลอดภัยจากมารศาสนา ได้แก่การทำโทษสิ่งชั่วร้ายต่างๆตามวิธีที่ได้บัญัติไว้ ซึ่งพุทธเราไม่มี ดังนั้นกฎหมายบ้านเมืองที่จะลงโทษพระที่ปราชิกแล้วด้วยการจำคุกต่ออีกสักหกเดือนจึงควรมีอย่างยิ่ง และการจะออกกฎหมายเช่นนั้นได้ก็ต้องระบุการคุ้มครองพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญ

คนเมืองหาด เห็นด้วย กับคนเมือง สง ครับ  สนับสนุน

คนเมืองสง

ขอบคุณท่านคนเมืองหาด อานิสงค์นี้ขอให้ท่านได้เจริญ

คนเมืองสง

จาก "ตำรวจจับพระหนุ่มคาม่านรูดขณะเปลือยกายมั่วสาวใหญ่....จึงนำตัวมาให้เจ้าอาวาสทำการสึกและว่ากล่าวตักเตือนก่อนปล่อยตัวไป"
ควรจะเป็น "ตำรวจจับพระหนุ่มคาม่านรูดขณะเปลือยกายมั่วสาวใหญ่....จึงนำตัวมาให้เจ้าอาวาสทำการสึกและว่ากล่าวตักเตือนก่อนดำเนินคดีต่อไป"
หรือ "ชาวบ้านล้อมจับเจ้าอาวาสขณะมั่วสีกาได้คากุฏิในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน ก่อนนำส่งเจ้าคณะอำเภอเพื่อทำการสึกและไล่พ้นวัดพร้อมสีกา"
ควรจะเป็น "ชาวบ้านล้อมจับเจ้าอาวาสขณะมั่วสีกาได้คากุฏิในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน ก่อนนำส่งเจ้าคณะอำเภอเพื่อทำการสึกและดำเนินคดีทั้งคู่ สำหรับเจ้าอาวาสนั้นโดนข้อหาหนักเนื่องจากเป็นถึงพระผู้ใหญ่ชั้นปกครองแต่กระทำความผิดเสียเอง"