ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

รับสร้างบ้านภูเก็ตฟื้น พีดีเฮ้าส์ ปลื้มยอดขาย 6 เดือนโตสวนทางเศรษฐกิจ

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 17:01 น. 11 ก.ค 59

ทีมงานประชาสัมพันธ์

พีดีเฮ้าส์ เผยครึ่งปีแรกตลาดรับสร้างบ้านแข่งขันราคาเดือด ชี้กฏหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ ช่วยกระตุ้นเจ้าของที่ดินสร้างบ้าน ใหม่ ส่งผลดีต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน เผยปี 59 บริษัทฯ ปรับตัวแรงทั้ง รีแบรนด์ รีโปรดักส์ รีไพร์ซ หวังชิงส่วนแบ่งตลาดและเจาะกลุ่มกำลังซื้อใหม่ โวยอดขายพีดีเฮ้าส์สาขาภูเก็ตครึ่งปีแรกเติบโตสวนทาง เชื่อครึ่งปีหลังกวาดยอดขายทะลุเป้า   

[attach=1]

นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ เผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ (มิใช่ บ้านจัดสรร) ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยังคงมีการแข่งขันราคารุนแรงและต่อเนื่อง เหตุเพราะความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวดี กอปรกับในบางพื้นที่เกิดคู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อมเพิ่มขึ้น ทั้งผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน บ้านจัดสรรในท้องถิ่นและจากส่วนกลาง ซึ่งรุกขยายตลาดเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตหลายค่าย ขณะที่กำลังซื้อผู้บริโภคยังมีเท่าเดิมหรือทรงตัว ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายของบรรดาผู้ประกอบการ ถูกแชร์แบ่งกันและส่วนใหญ่ยังต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์ไว้ครึ่งปีแรก

"จากการที่รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2560 นั้น ประเด็นดังกล่าวมีผลด้านบวกต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านมากกว่า โดยเฉพาะการเก็บภาษีที่ดินรกร้างว่าง เปล่าแบบอัตราก้าวหน้า ได้แก่  ปีที่ 1-3 อัตราเรียกเก็บภาษีสูงสุด ร้อยละ 1, ปีที่ 4-6 เรียกเก็บร้อยละ 2 และปีที่ 7 เป็นต้นไป เรียกเก็บร้อยละ 3 ทั้งนี้ หากประชาชนถือครองที่ดินเปล่าไว้นานก็จะเสียภาษีสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น ที่ดินขนาด 50 ตารางวา ราคาตารางวาละ 2 หมื่นบาท คิดเป็นเงิน 1 ล้านบาท หากปล่อยทิ้งไว้รกร้างว่าเปล่านาน 7 ปีขึ้นไป ก็จะเสียภาษีอัตราสูงสุดร้อยละ 3 หรือคิดเป็นเงิน 3 หมื่นบาทต่อปี ซึ่งเป็นภาระที่ประชาชนต้องรับผิดชอบสูง ถ้าไม่นำที่ดินมาใช้ประโยชน์หรือปลูกสร้างบ้านเรือน นโยบายดังกล่าวของรัฐบาล จึงเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนหรือเจ้าของที่ดินเปล่า ให้หันมาปลูกสร้างบ้านกันมากขึ้น เพื่อจะได้ไม่ต้องแบกรับภาษีตามกฏหมายฉบับใหม่ คาดว่าจะเริ่มส่งผลดีต่อตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป"
   
ในส่วนของบริษัทฯ เองปีนี้ถือเป็นปีแห่งการปรับตัว โดยช่วงครึ่งปีแรกได้มีการรีแบรนด์ (Rebrand) และเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าใหม่ ทั้งนี้เพื่อต้องการสื่อสารถึงอัตลักษณ์ของพีดีเฮ้าส์ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในสายตาของผู้บริโภค พร้อมกันนี้ก็ทำการรีโปรดักส์ (Re-Product) ด้วยการนำระบบโครงสร้างเหล็กมาใช้ในการก่อสร้างบ้านแทนระบบเดิมมากขึ้น เพื่อจะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด และสะท้อนความเป็นผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้าน ว่าด้วยการนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้ในการสร้างบ้านให้แก่ผู้บริโภค ฯลฯ

ในช่วงไตรมาส 3 บริษัทฯ ยังเตรียมแผนรีไพร์ซ (Re-Price) หรือปรับราคาขายบ้านลง อันเป็นผลมาจากความสามารถในการบริหารต้นทุนได้ต่ำลง ทั้งในส่วนของต้นทุนวัสดุที่ใช้การรวมคำสั่งซื้อภายใต้ระบบแฟรนไชส์ และการนำระบบก่อสร้างและวัสดุสำเร็จรูปมาใช้มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ลดระยะเวลาก่อสร้างและต้นทุนค่าดำเนินลง ทั้งนี้การปรับราคาบ้านลงจะไม่กระทบกำไรต่อหน่วย แต่ในมุมตรงข้ามกลับช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และสอดคล้องกับสถานการณ์กำลังซื้อผู้บริโภคที่มีอยู่จำกัด

สำหรับ ตลาดบ้านสร้างเองในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง (ภูเก็ต พังงา กระบี่) ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่าความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ของผู้บริโภคมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์สาขาภูเก็ต สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ หลังจากในช่วงปี 2557-8 ยอดขายชะลอตัวมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านสร้างเองและยอดขายของพีดีเฮ้าส์สาขาภูเก็ตที่ปรับตัวดีขึ้น ถือว่าเป็นการฟื้นตัวสวนทางกับตลาดบ้านสร้างเองในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนที่สนใจสร้างอพาร์ทเม้นท์และโรงแรมติดต่อเข้ามาในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะสรุปตกลงว่าจ้างได้ในเร็วๆ นี้
   
ปี 2559 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ทั้งสิ้น 1.4 พันล้านบาท จากสาขาที่มีอยู่ 40 แห่งทั่วประเทศ โดยในช่วง 6 เดือนแรกมียอดขายรวม 620 ล้านบาทเศษ ขณะที่ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์สาขาภูเก็ต มียอดขายแล้วเกือบ 40 ล้านบาท จากเป้ายอดขายทั้งปีตั้งไว้ 50 ล้านบาท มั่นใจครึ่งปีหลังสามารถทำยอดขายได้ทะลุเป้าหรือกว่า 80 ล้านบาท นายพิศาล กล่าวสรุป