ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ขยายอีสเทิร์นซีบอร์ด ลงทุน 2.8 แสนล้าน

เริ่มโดย thespecialist, 23:46 น. 27 ก.ค 59

thespecialist

ขยายอีสเทิร์นซีบอร์ด ลงทุน 2.8 แสนล้าน
ผุดระเบียงเขตศก.พิเศษ2.6 หมื่นไร่


เดือนที่ผ่านมา ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น "นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์"รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาตอนหนึ่งระหว่างร่วมคณะโรดโชว์ญี่ปุ่น ในเวทีนิคเคอิ ฟอรั่ม ครั้งที่ 22 ในหัวข้อ อนาคตของเอเชียในงาน"Nikkei Forum 22nd International Conference on the Future of Asia"โดยมีนักลงทุนญี่ปุ่นร่วมรับฟัง 500 คนว่า รัฐบาลไทยเตรียมขยายพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด "ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา"เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายและอุตสาหกรรมไฮเทค พร้อมทั้งจะลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่ 3 พัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือน้ำลึกอู่ตะเภาให้เป็นเชิงพาณิชย์ และการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยง "Eastern Economic Corridorกับกรุงเทพฯ" หรือที่ นายสมคิด ได้ให้ชื่อการขับเคลื่อนว่า "ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก"

"ซึ่งจะใช้เงินลงทุนกว่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.8 แสนล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.3-3.5%"

สอดคล้องกับที่ นายคณิศ แสงสุพรรณ ประธานคณะทำงานส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน กระทรวงการคลัง ระบุว่า เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ...ให้ ครม.พิจารณา หากครม.เห็นชอบจะมีการประกาศให้พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา กว่า 2.4 หมื่นไร่ เป็นพื้นที่รองรับการลงทุนเป็นการเฉพาะ

เช่นเดียวกับ นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานประสานการพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (สปพ.) ระบุว่าได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่ประกอบด้วย จ.ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา โดยหน่วยงานที่บริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก จะเป็นหน่วยงานอิสระ เพื่อช่วยให้การทำงานมีความเป็นอิสระและคล่องตัว

สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก จะสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรม ซุปเปอร์คลัสเตอร์ และ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve)ให้เกิดขึ้นได้รวดเร็ว รวมทั้งจะจัดตั้งศูนย์วันสตอปเซอร์วิส เพื่ออำนวยความสะดวก ในการออกใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง และ กนอ.ได้ประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ในการออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการภายในนิคมฯ เพื่อทำให้ผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนดำเนินงานได้อย่างคล่องตัว

"ในเขตเศรษฐกิจฯดังกล่าว จะต้องมีการลงทุนโครง สร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับโรงงาน เช่น การขยายท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 การสร้างมอเตอร์เวย์ คาดว่าการสร้างสาธารณูปโภคเหล่านี้ ต้องใช้เม็ดเงิน 100,000 ล้านบาท คาดว่าจะดึงเงินลงทุนที่เข้ามาตั้งโรงงานในพื้นที่ ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 200,000 ล้านบาท ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ 300,000 ล้านบาท รวมแล้วเบื้องต้นจะมีการลงทุนเกิน 500,000 ล้านบาท ภายในปี 2560 และในอนาคตจะมีการลงทุนในอุตสาหกรรม S-curve เข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก"

ทั้งนี้ กนอ.ได้เตรียมพื้นที่รองรับนักลงทุนเพิ่มเติมใน 3 ส่วน คิดเป็นพื้นที่ 31,000 ไร่ อาทิ นิคมฯในปัจจุบัน ที่พร้อมจะขยายพื้นที่ได้ทันที 7,000 ไร่ นิคมฯที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 11 นิคมฯ มีพื้นที่ 20,000 ไร่ และนิคมฯ ที่ กนอ.จะพัฒนาเอง 3 นิคมฯ พื้นที่ 4,000 ไร่

ย้อนดูนโยบายรัฐบาลหลังจากมีการประชุมล่าสุดในประเด็น "เขตเศรษฐกิจพิเศษ 10 จังหวัด ใน 7 คลัสเตอร์ทางเศรษฐกิจ มีความพยายามที่ผลักดันในพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด ให้มีคลัสเตอร์ด้าน "อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์" สอดคล้องกับการเตรียมขยายพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด นอกจาก "นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด"และ "การขยายท่าเรือแหลมฉบัง"ตั้งเป้าให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 15,000-20,000 ไร่

'สมคิด'เยือนญี่ปุ่น-ย้ำศก.โต3.5%

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในเวที "นิกเคอิ ฟอรั่ม" ครั้งที่ 22 ที่กรุงโตเกียว ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นว่า ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยและเปราะบาง แต่ละประเทศจึงทยอยปรับตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจ ไม่เว้นไทย แต่ไทยโชคดีที่รัฐบาลเตรียมการรับสถานการณ์ล่วงหน้ามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยกำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเตรียมโครงการลงทุนไว้ล่วงหน้า ขณะที่การส่งออกแม้จะถูกกระทบจากเศรษฐกิจโลก แต่ด้วยความหลากหลายของสินค้าส่งออกและฐานการตลาดที่แข็งแรง การส่งออกยังสามารถขยายตัวได้ 0.9% ในไตรมาสแรก ขณะที่การลงทุนภาครัฐ การลงทุนจากต่างประเทศ และภาวการณ์ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ ส่งผลให้เศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.2% และค่อนข้างมั่นใจว่าตลอดปีการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวโดยลำดับ คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัว 3.3-3.5% ขณะที่ระดับหนี้สาธารณะมีเพียง 45% ของ จีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) และระดับการว่างงานเพียง 0.9%

ชี้3จุดเปลี่ยนดันศก.เติบโต

"ประเทศไทยช่วง 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรากฏจุดเปลี่ยนที่สำคัญ 3 ประการ ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถดำรง อยู่ได้อย่างยั่งยืน ประการแรก คือ การมุ่งมั่นในการปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ ประการที่สอง คือนโยบายการลงทุนขนาดใหญ่ในเมกะโปรเจ็กต์ เพื่อพลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐาน ของประเทศ และประการที่สาม คือแรงหนุนส่งจากทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงหนุนจากเออีซี (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน)" นายสมคิดกล่าว และว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาประเทศไทยอาจโชคไม่ดีที่การเมืองมีความผันผวนจนกระทบ เศรษฐกิจ แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นอย่างสูงต่อศักยภาพการเติบโตของประเทศ ประเทศจะกลับสู่ความสงบ กลางปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง (อ่านรายละเอียด น.2)

ที่มา www.manager.co.th และ www.matichon.co.th