iPhone 7 และ iPhone 7 Plus สเปค ตัดพอร์ท 3.5 มม, กล้องคู่, กันน้ำแรงขึ้นมาก

[ทีมงานประชาสัมพันธ์]

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus สเปค ตัดพอร์ท 3.5 มม, กล้องคู่, กันน้ำแรงขึ้นมาก

ข้อมูลและที่มาจาก http://droidsans.com/apple-launch-iphone-7-and-iphone-7-plus

เป็นงานเปิดตัว iPhone 7 / iPhone 7 Plus ที่ เหมือนมาคอนเฟิร์มข่าวลือซะมากกว่า เพราะข้อมูลแทบทุกอย่างที่หลุดออกมาก่อนเปิดตัวนั้นเป๊ะสุด ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่คงเดิม ความจุที่เพิ่มขึ้น เสริมความสามารถในการกันน้ำ รวมถึงกล้องคู่ของ iPhone 7 Plus เรียกว่างานนี้ Apple จัดเต็มเน้นงานขายเป็นพิเศษ จี้ไปเลยว่ามีอะไรใหม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้บ้าง

[attach=1]

1.   Design ภายนอกคงดูไม่ออกเพราะมันหน้าตาแทบจะเหมือนเดิม ไม่แตกต่าง ทำให้จุดเด่นของเรื่องนี้ไปอยู่ที่ 2 สีใหม่ Jet Black ที่เคลือบดำมันเงาแบบ Glossy และสีดำด้าน

2.   Home Button ปุ่มโฮมที่เป็นสัญลักษณ์ของ Apple ใช้ทำมันทุกสิ่งอย่างตั้งแต่สแกนนิ้ว เรียกหา Siri เปิด Multi-tasking และอื่นๆ อีกมากมาย และเป็นปุ่มที่หลายๆ คนกลัวว่ามันจะพังมากที่สุด ใน iPhone 7 / 7 Plus ได้เปลี่ยนมันเป็น Force sensitive เป็นปุ่มที่หลอกว่ากดได้ด้วยแรงสั่น taptic engine แบบเดียวกับ Force touch trackpad บน MacBook

3.   Water and Dust Resistant ทนน้ำทนฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP67 อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นนั้นมีมาสักพักแล้ว โดย Apple ได้ทำการซีลชิ้นส่วนภายในต่างๆ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและน้ำไม่ให้เข้าไปถึงภายใน ตามมาตรฐานก็กันน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร แช่ได้ไม่เกิน 30 นาที และแน่นอนว่าแม้มันจะกันน้ำได้ แต่ถ้าน้ำเข้าก็ประกันหมดเหมือนค่ายอื่นๆ เช่นกัน

4.   Camera กล้องนี่ถือเป็นหัวข้อที่ Apple พูดนานที่สุด เพราะ iPhone 7 นั้นเป็นกล้องคี่ ส่วน iPhone 7 Plus นั้นมาพร้มกล้องคู่ กล้อง iPhone 7 มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.8 รับแสงได้มากขึ้น 50% เซนเซอร์ใหม่ทำงานได้เร็วขึ้น 60% และมีประสิทธิภาพมากขึ้น 30% ระบบกันสั้นที่ดีขึ้น รองรับการเปิด long exposure ได้ยาวนานขึ้น และมี Quad LED หรือไฟแฟลชมากมายถึง 4 ดวง จุดเด่นที่ Apple ขายคือระบบ ISP ที่พํฒนาขึ้นมาเอง ถ่ายภาพได้ range ของสีกว้างขึ้น และสามารถถ่าย RAW format ได้แล้ว  ส่วนกล้องของ iPhone 7 Plus นั้นความสามารถเหมือนกับ 7 ทุกอย่าง แต่มีเพิ่มเติมมาก็คือกล้องคู่ที่แยกกันใช้งานในการถ่านภาพปกติ หรือภาพ Optical Zoom 2X และยังสามารถประมวลผลให้ซูมด้วย software ได้ถึง 10x (มันคือ digital zoom + กระบวนการ image processing ให้ภาพไม่เละ) และก็มาพร้อมโหมดมาตรฐานของกล้องคู่ทั่วไปคือการถ่ายภาพ Depth of Field ที่ใช้กล้อง 2 ตัวและ software ในการประมวลผลทำเบลอหน้าเบลอหลังนั่น ส่วนกล้องหน้า FaceTime HD สำหรับเซลฟี่นั้นได้รับอัพเกรดเพิ่มความละเอียดขึ้นเป็น 7 ล้านพิกเซลแหละ

5.   Retina HD Display หน้าจอ Retina HD ของ iPhone 7 / iPhone 7 Plus มีความสว่างเพิ่มขึ้นอีก 25% แสดงสีได้มากขึ้น และยังมี 3D Touch ให้ใช้เหมือนเดิม

6.   Speakers ทั้ง iPhone 7 / iPhone 7 Plus จะ มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอด้านหน้า โดยจะอยู่บริเวณด้านบนและด้านล่างของเครื่อง เพิ่มประสบการณ์ในการฟังเพลงหรือดูหนังให้มีมิติมากขึ้นและมีความดังกว่า iPhone 6 เป็น 2 เท่า

7.   EarPods หูฟังแบบใหม่ที่แถมมาในกล่องจะเป็นหูฟังที่เชื่อมต่อกับ Lightning เพราะตัวเครื่องไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรมาให้แล้ว แต่ Apple ยังใจดี (ซึ่งเอาจริงๆ ผิดคาดและแอบตกใจ) แถมตัวแปลง Lightning > 3.5 มิลลิเมตรมาให้ในกล่อง iPhone 7 / iPhone 7 Plus ด้วย

8.   Wireless เป็นการเปิดตัว AirPods หูฟังไร้สายของ Apple ที่เหมือนไม่ได้ออกแบบหรือดีไซน์ใหม่เลย เพราะหน้าตามันเหมือนกับเอา EarPods มาตัดสายทิ้งแค่นั้น AirPods มี อายุการใช้งาน 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ในตัวมีเซนเซอร์มากมายเพื่อตรวจระหว่างใช้งานว่ามันอยู่บนหูเราหรือไม่ ส่วนตัวกล่องนั้นทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อและเป็นแบตสำรองให้ AirPods ด้วย

9.   Apple Pay สรุปการเติบโตของ Apple Pay และประกาศว่า iPhone 7 / iPhone 7 Plus จะรองรับระบบจ่ายเงิน Felica ในญี่ปุ่นช่วงเดือนตุลาคม

10.   Performance ชิป A10 Fusion เป็นชิป 64-bit 4 แกน มี 2 แกนประสิทธิภาพสูงที่ทำงานได้แรงกว่าชิป A9 ถึง 40% และอีก 2 แกนที่ทำงานแบบประหยัดพลังงาน ส่วนของ GPU หรือชิปกราฟิคนั้นแรงกว่าชิป A9 ถึง 50% และใช้พลังงานเพียงแค่ 2 ใน 3

[attach=2]

iPhone 7 / iPhone 7 Plus ประกาศราคาเท่ากับเมื่อตอนเปิดตัว iPhone 6s เมื่อปีที่แล้ว โดย iPhone 7 นั้นมีราคาเริ่มต้นที่ 649 เหรียญสหรัฐ (น่าจะราวๆ 22,500 บาท เปรียบเทียบกับ 6s) ส่วน iPhone 7 Plus มีราคาอยู่ที่ 769 เหรียญสหรัฐ (น่าจะราวๆ 26,500 บาท เปรียบเทียบกับ 6s Plus)

ในกลุ่ม 28 ประเทศแรกที่เปิดให้จองในวันที่ 9 กันยายนนั้นจะได้รับเครื่องในวันที่ 16 กันยายน ส่วนอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นไปจะเพิ่มอีก 30 ประเทศ ซึ่งทั้งหมด 58 ประเทศนี้ยังไม่มีประเทศไทยนะครับ นั่นหมายความว่าใครที่รอเครื่องศูนย์หรือเครื่องจากผู้ให้บริการเครือข่ายก็ อาจจะต้องรอกันอีกสักหน่อย อาจจะเป็นช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนเลยก็เป็นได้

ข้อมูลและที่มาจาก  http://droidsans.com/apple-launch-iphone-7-and-iphone-7-plus

[jobyjob]

เยี่ยมเลยครับ อ่านแล้วอยากได้เลย iPhone 7