ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

พูดคุยเรื่องเจ้าแม่กวนอิม

เริ่มโดย คุณหลวง, 10:42 น. 12 ก.พ 55

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.ตากุลิบกุลิบ คลีปวีดีโอที่น่าสนใจครับ (ขั้นรายการก่อนน่ะครับ)
ข้อคิดเกี่ยวกับการกินที่ละเว้นเนื้อสัตว์ (กินเจ)

เป็นคลิปจากรายการโพธิประทีป ตอนที่18- เทศกาลถือศีลกินเจ 九皇齋
โดย พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก (釋聖傑) วัดเทพพุทธาราม ชลบุรี
เป็นคลิปลักษณะ ปุจฉา - วิสัจฉนา ระหว่างฆราวาส กับ พระในพระพุทธศาสนาจีนนิกายฝ่ายมหายาน ครับผม

http://youtu.be/L5xwqxYJi0Q
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

[attach=1]

พระธิดาน้อยทรงโปรดสัตว์ขณะยังทรงพระเยาว์

ฝ่ายพระนางเป๋าเต๋อ ทรงเลี้ยงดูพระธิดาน้อยอย่างรักใคร่ทนุถนอมจนเจริญวัยได้ถึง ๖ พรรษา พระธิดาเมี่ยวซ่านก็แสดงให้เห็นว่าทรงมี สติปัญญาเฉลียวฉลาด กิริยามารยาทเรียบร้อย อ่อนหวาน เปี่ยมด้วยน้ำพระทัย ผิดกับพระพี่นางทั้งสอง คือ องค์หญิงเมี่ยวอิม และองค์หญิงเมี่ยวเวี๋ยนอย่างยิ่ง ขณะที่พระพี่นางชอบเสื้อผ้าแพรพรรณ เครื่องประดับสีสด ๆ แต่พระธิดาเมี่ยวซ่านกลับชอบผ้าพื้น ๆ ทอหยาบ ๆ ส่วนอาหารเลิศรสที่ตั้งถวายก็เสวยมิได้ ทรงรับแต่เพียงผักผลไม้ที่รสไม่จัด กลิ่นไม่ฉุน โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และน้ำมันจากสัตว์จะเสวยมิได้เลย หากเพียงเข้าพระโอษฐ์ ก็จักอาเจียนออกหมดแม้ยังไม่ได้กลืนลงท้องก็ตาม

เมื่อกล่าวถึงการเล่าเรียน พระธิดาสามก็ฉลาดเป็นหนึ่ง พระอาจารย์สอนสิ่งใดก็จดจำได้ แม้เพียงผ่านตาก็ไม่ลืม ผิดกับพระพี่นางที่ชื่นชอบแต่การร้องรำทำเพลงสิ่งบันเทิงใจต่าง ๆ มากกว่าการเล่าเรียน พระเจ้าเมี่ยวจวงปรึกษากับพระมเสีว่า "ถึงแม้เราจะไม่มีพระโอรส แต่ลูกสามมีปัญญามากกว่าใคร เห็นทีจักต้องให้อภิเษกกับชายที่เพียบพร้อมเสียก่อน จึงค่อยแต่งตั้งบุตรเขยจากลูกสามให้เป็นรัชทายาท" พระนางเป๋าเต๋อฟังแล้วเห็นชอบด้วยทุกประการ มีเพียงแววตาอาฆาตของธิดาองค์โตและองค์รองเท่านั้นที่แอบฟังพระบิดามารดาคุยกัน และน้อยใจจนกลายเป็นริษยาพระธิดาเมี่ยวซ่านจนยากจะพรรณนา

วันหนึ่งพระธิดาเมี่ยวซ่านประทับอยู่ในตำหนักด้วยความร้อนรุ่นไม่สบายใจ จึงเสด็จสู่อุทยานหลวงพร้อมนางกำนัลคนสนิท พระธิดาชมสวนเรื่อยมาจนถึงหน้าถ้ำเทวดาก็ทรงเห็นฝูงมดดำและฝูงมดแดงต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร ทำให้มีมดทั้งที่บาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ทำให้พระธิดาเมี่ยวซ่านทรงปรารภกับพระพี่เลี้ยงเกี่ยวกับมดเหล่านั้นว่า

พวกมดเหล่านี้ก็เป็นสัตว์ตัวเล็กนิดเดียว อายุก็ใช่จะอยู่ยืนยาวไปได้สักแค่ไหน ทำไมน่ะพวกมดเหล่านั้นจึงต้องมาห้ำหั่นกันแบบเอาเป็นเอาตายกันขนาดนี้ ทำไมไม่รู้จักดำรงชีพอย่างสงบด้วยสันติสุขไม่เบียดเบียนต่อกัน  เพราะโดยปกติแล้วพวกเขาจะต้องคอยระแวดระวังเภทภัยต่างๆที่อยู่รอบด้าน รวมทั้งสุขภาพของตนเองซึ่งก็นับว่าทุกข์มากพออยู่แล้ว ดูแล้วช่างน่าเวทนาเหลือเกิน หากเราสามารถรับเอาความทุกข์เหล่านั้นแทนพวกเจ้าได้ก็จะไม่ลังเลเลย ช่างไม่เข้าใจเลยว่าทำอย่างนี้เพื่ออะไรและเพื่อใครกัน

เมื่อกล่าวจบหลังจากนั้นพระธิดาเมี่ยวซ่านกับพระพี่เลี้ยงจึงเก็บศพมดทั้งสองฝ่ายฝังดิน ก่อเป็นเนินดั่งฮวงซุ้ย พระธิดาเมี่ยวอิมและเมี่ยวเวี๋ยนทอดพระเนตรเห็นน้องคนสุดท้องใช้มือขุดดินอย่างไม่กลัวเปื้อน และไม่รู้สาเหตุมาก่อนก็ตรงเข้าไปเยาะเย้ยถากถางว่า "ดูเจ้าสามซิ เป็นถึงองค์หญิงองค์โปรดแต่ลดตัวลงมาเกลือกดินโคลนช่างน่าละอายนัก"

พระธิดาเมี่ยวซ่านอธิบายสาเหตุแล้วก็ชวนพระพี่นางทั้งสองมาช่วยกันจัดเรียงซากมดที่หัวขาดตัวขาดฝังลงดิน แต่พระพี่นางทั้งสองไม่สนใจกลับยิ้มหยามเหยียด กล่าวว่าร้ายต่าง ๆ นานาแล้วจากไป พระธิดาเมี่ยวซ่านมิได้ใส่พระทัย ยังคงอยู่กับการฝังศพมดต่างเผ่าด้วยความประณีต ทรงวินิจฉัยถึงปฐมเหตุแห่งการต่อสู้ จนสรุปได้ว่าอาหารที่มีอยู่ไม่พอเพียง จึงทรงเรียกพระพี่เลี้ยงนำขนมหวานจำนวนมากมาป่นเป็นเศษแล้วโรยหน้าปากทางเข้ารังของมดทั้งสองชนิด เมื่อฝูงมดทั้งหมดได้กลิ่นจึงตรงรี่ไปที่กองอาหารแล้วส่งสัญญาณให้พรรคพวกของตนมาช่วยลำเลียงอาหารเข้ารังของตนเองโดยมิได้สนใจต่อสู้กันอีกเลย สร้างความยินดีให้แก่พระธิดาสามเป็นอันมาก และยังได้ทรงรำพึงออกมาว่า

พวกมดเหล่านี้ถึงแม้เกิดมาเป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆแต่ก็สมบูรณ์ด้วยอาการของสิ่งมีชีวิตครบถ้วน แต่ด้วยธรรมชาติมักจะต้องห้ำหั่นกันเสมอ ไม่รู้ชาติก่อนได้เคยทำเวรกรรมอะไรไว้ เลยต้องเกิดมาเป็นมดในชาตินี้ ซึ่งต้องรับทุกข์จากภัยธรรมชาติ และสัตว์ปีกอื่นๆที่พยายามจิกกิน ช่างเป็นชีวิตที่น่าสงสารเสียจริง ด้วยเหตุนี้จะทำให้เรานิ่งดูดายไม่ฝังซากของพวกเจ้าได้อย่างไร

ครั้นเมื่อกลับเข้าสู่ตำหนัก พระนางเป๋าเต๋อก็รับสั่งให้องค์หญิงสามเข้าเฝ้า ทรงตรัสถามว่า "ไปซุกซนที่ไหนมารึลูกสาม" พระธิดาสามทราบทันทีว่าพระพี่นางต้องมาฟ้องวีรกรรมของพระองค์แล้วเป็นแน่ แต่ก็ทรงกราบทูลตามความจริงว่าไปสร้างสุสานให้มด โดยไม่เกรงว่าจะถูกลงทัณฑ์ที่เล่นสกปรกแต่อย่างใด พระนางเป๋าเต๋อพอใจที่ลูกรักมีจิตใจเมตตากรุณา และกล้าพูดความจริง จึงเพียงแต่เอ็ดพระธิดาเมี่ยวซ่านว่า "ช่วยมดแม่ไม่ว่าแต่ถ้าถูกมดกัดแล้วต้องแสบคันเพราะแพ้พิษจะเดือดร้อนไปกันใหญ่ แม่ขอสั่งห้ามไม่ให้เจ้าทำเช่นนั้นอีก" พระธิดาสามจึงต้องยอมรับอย่างจำยอม แต่ภายในดวงจิตน้อยๆของพระองค์กลับนึกอยากจะบอกถึงเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงต้องกระทำเช่นนั้น อันเป็นการแสดงถึง เมตตาทาน และ ปัญญาบารมีตามมรรคแห่งพุทธกุศล อันแสดงออกถึง ความเมตตากรุณาที่ศักดิ์สิทธิ์เหนือสิ่งอื่นใด

วันหนึ่ง ขณะที่พระธิดาเมี่ยวซ่านกำลังประทับอยู่ในห้อง ทรงรู้สึกร้อนและนึกอยากจะออกไปเดินตากลมด้านนอกภายในอุทยาน จึงเสด็จออกมานั่งเล่นม้าหินใต้ต้นหลิวเพื่อรับลมเย็น ฟังจั๊กจั่นส่งเสียงร้องเป็นจังหวะเพลิดเพลิน ร่าเริง ส่วนพระธิดาเมี่ยวซ่านทรงประทับนั่ง แล้วแกว่งตัวโยกไปมาตามกระแสลม กลับทรงคร่นคิดว่าเพราะเหตุใดหนอคนเราส่วนใหญ่จึงเกิดมาเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ ก่อเวรสร้างกรรมอย่างไม่รู้จิตสำนึก จึงคิดหาเหตุแห่งทุกข์และการดับทุกข์จนจิตสงบประหนึ่งเข้าฌาน ทันใดนั้นเสียงจั๊กจั่นอันไพเราะได้ขาดห้วงลงเหมือนถูกบางสิ่งรบกวน พระธิดาสามตื่นจากภวังค์รีบค้นหาสาเหตุที่รบกวนเสียงจั่กจั่นทันที

และแล้วพระธิดาก็ได้เห็นตั๊กแตนตำข้าวสีเขียวขนาดใหญ่ ใช้สองขาหน้าจับจั๊กจั่นพร้อมที่จะกัดกินทุกเมื่อ พระธิดาผู้เมตตาย่อมไม่ยอมให้เหตุเช่นนั้นเกิดขึ้น พระองค์รีบปีนม้าหินเหนี่ยวกิ่งหลิวจับตั๊กแตนแยกออกจากจั๊กจั่น เจ้าจั๊กจั่นตัวจ้อยจึงรีบบินจากไป ฝ่ายตั๊กแตนตำข้าวสีเขียวจึงแกว่งสองขาหน้าเหมือนโกรธแค้นที่มีผู้ช่วยเหลือเหยื่อของมัน จึงปักขาอันแหลมคมลงบนมือของพระธิดา กรีดเนื้ออ่อน ๆ เป็นแผลยาว พระธิดาทรงตกใจและรู้สึกตาพร่ามัวด้วยพิษของแมลงร้าย ไร้เรี่ยวแรง ล้มคว่ำลงจากม้าหินเพราะเสียหลัก จนทำให้พระนลาฏ (หน้าผาก) กระแทกโขดหินที่ประดับสวนเจาะเป็นโพรงเลือดไหลนองพื้นไหลอย่างไม่ยอมหยุด ส่วนข้อพระบาท (ข้อเท้า) ข้างซ้ายก็พลิกขณะที่ทรงล้มลงตามน้ำหนักตัวที่ขาดการสมดุลย์ จนกระดูกข้อพระบาทหลุดออกจากที่ พระธิดาที่ทรงมีพระวรกายอันบอบบางไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดที่ประดังเข้ามาพร้อมกันก็ถึงกับเป็นลมพับไป

พระธิดาเมี่ยวซ่านฟื้นขึ้นอีกครั้งภายในห้องบรรทม บาดแผลบนศีรษะและมือได้รับการพยาบาลแล้ว กระดูกข้อเท้าที่ข้อต่อหลุดขณะล้มคว่ำถูกต่อให้เข้าที่ คงเหลือแต่ความเจ็บปวดจนยากจะบรรเทา แต่พระองค์ไม่ปริปากร้องออกมาเลย เพราะพระบิดาพระมารดาเฝ้ามองอยู่อย่างทุกข์ใจ พระเจ้าเมี่ยวจวงรับสั่งถามว่า "ลูกรักไฉนจึงไปบาดเจ็บสาหัสอยู่ในสวนได้ แล้วรู้สึกเจ็บที่ตรงไหน บอกพ่อมาเร็ว" พระธิดาน้อยไม่กล้าโป้ปดจึงเล่าเรื่องตั๊กแตนทำร้ายจั๊กจั่นแล้วตนเข้าไปช่วยให้ฟัง เมื่อรู้สาเหตุพระเจ้าเมี่ยวจวงก็ทรงพิโรธยิ่ง ตรัสว่า "พ่อบอกเจ้าอยู่เสมอว่ามิให้ทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ดีแล้วเจ็บคราวนี้จะได้สำนึก" พระมเหสีเห็นลูกรักทรมานกายและใจก็ได้แต่ร่ำไห้รำพึงว่า "ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย" พระธิดาเมี่ยวซ่านนั้นไม่เคยคิดโทษตัวเองที่ช่วยจั๊กจั่นตัวจ้อยจนเกิดเหตุเลย หากจิตใจยิ่งปีติยินดีคิดหาทางช่วยเหลือผู้อื่นเพิ่มขึ้น ๆ มากกว่าเดิม

ยังมีต่อครับ.....
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส-ดีใจ ครับขอแทรกคลิปวีดีโอ ธารณีมนต์ มีชื่อว่า

เอกทศมุขีอวโลกิเตศวรมนต์ (พระกวนอิม 11 พักตร์)

พระอวโลกิเตศวรทรงทูลต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันมีมหามนต์ ที่พระตถาคตเจ้าทั้ง ๑๑ โกฏิได้ทรงแสดงอาศัยสรรพชีวิตเป็นเหตุ
ด้วยปรารถนาให้สรรพชีวิตได้พบธรรมอันเกษม
ด้วยปรารถนาให้สรรพชีวิตพ้นจากปวงกิเลส
ด้วยปรารถนาให้สรรพชีวิตพ้นจากสรรพโรค
เพื่อการดับภัยในสรรพชีวิตทั้งหลาย
เพื่อการดับไปแห่งอกุศลจิตแห่งสรรพชีวิตทั้งหลาย
เพื่อการดับไปแห่งอำนาจมารทั้งหลาย
และเพิ่มพูนบุญกุศลแห่งสรรพชีวิตทั้งหลาย มนต์บทนี้มีกุศลพ้นประมาณ

พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก (釋聖傑) ถอดคำอ่านเป็นภาษาสันสกฤต และแปลเป็นภาษาไทย

http://youtu.be/Urpo-KeIEOY
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.ตากุลิบกุลิบ ท่าน คุณหลวงครับ
ขอโทษน่ะครับ ช่วงนี้ยังไม่มีสมาธิในการเรียบเรียงประวัติองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมต่อ
ขอผมจัดระเบียบตัวเองนิดหนึ่งน่ะครับ ฟุ้งๆๆยังไงไม่รู้ครับ
แต่รับปากจะทำจนแล้วเสร็จ สมบูรณ์ ครับผม  ส.หัว

ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

คุณหลวง

ได้ครับท่าน ช้าก็ไม่เป็นไร รอได้ ขอบคุณมากครับ นี่ก็รบกวนท่านแล้ว  ส.สู้ๆ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ฟ้าเปลี่ยนสี

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 08:20 น.  05 มี.ค 55
ได้ครับท่าน ช้าก็ไม่เป็นไร รอได้ ขอบคุณมากครับ นี่ก็รบกวนท่านแล้ว  ส.สู้ๆ

ไม่เป็นการรบกวนเลยครับ ยินดี และ เต็มใจที่จะทำครับ
ปรกติก็ชอบเขียนแบบนี้อยูแล้วครับ

ความรู้ที่ท่านให้มา ถ้าเด็กสมัยนี้ได้อ่านผ่านหัวสมอง และได้ใช้ความคิดบ้าง
ผมว่ามันดีมากเลยน่ะครับ  ส.ยกน้ิวให้
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

คุณหลวง

    แล้วท่านมีความคิดเห็นอย่างไร กับการทรงเจ้าแม่ครับ อย่างในคลิปนี้ แต่อย่าบอกว่าคนทรงสวยนะครับ อันนั้นผมก็เห็น  ส.หยิบตาข้างเดียว  ส.หัว

    โดยส่วนตัวผม ผมรู้สึกแปลกๆอยู่

http://youtu.be/G2w5iSRMQfQ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คุณหลวง

ส่วนการร่ายรำพระแม่กวนอิมพันมือนี้ ใยมิใช่สิ่งที่ควรค่าแก่การทัศนายิ่งแล้ว

http://youtu.be/nQX2iqK7O5c
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.ตากุลิบกุลิบ ครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอาให้ครบกระบวนการเลยน่ะครับ
ซึ่งการร่ายรำนี้ต่อเนื่องจากของท่านคุณหลวง แต่บทคาถามนต์มหากรุณาธารณีสูตร (ไต่ปุยจิ่ว)  大悲咒 (dà bēi zhòu)
เป็นบทเดียวกัน ซึ่งเป็นภาษาทิเบตบทย่อมีชื่อเรียกเป็นภาษาไทยว่า คาถาหัวใจมหากรุณาธารณีสูตร

การแสดงกวนอิมพันมือของคณะนี้ มีชื่อว่า คณะเทียน หลง หยวน (กำเนิดมังกรฟ้า) 天龍源 (tiān lóng yuán)  เป็นคณะที่มีชื่อเสียงมากของกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นคณะที่นานาประเทศยอมรับเรื่องของความสวยงามและอลังการ สำหรับความพิเศษของการแสดงชุดนี้อยู่ที่นักแสดงชุดนี้เป็นชาวจีนที่เป็นผู้พิการทางการได้ยิน แต่สามารถสร้างสรรค์การแสดงสุดอลังการได้อย่างสวยงามและเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้ชม และเป็นโชว์ที่แสดงให้เห็นถึงความงดงามและความศรัทธาประกอบแสงสีเสียงที่ทำให้สวยงามสมจริง นักแสดงทุกคนต้องใช้ความอดทนในการฝึกซ้อมอย่างหนักกว่าจะออกมาเป็นการแสดงที่สุดยอดเช่นนี้ สามารถทำได้โดยอาศัยการจับแรงจังหวะของเสียงดนตรีในการรำ และใช้ลมหายใจของแต่ละคนในการส่งสัญญาณในการซ้อนตัวและเปลี่ยนจังหวะท่ารำ

http://youtu.be/QZeGeMQ9yFY

http://youtu.be/tZwnxSvOh-o
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.ตากุลิบกุลิบ ใครอยากฟังชัดๆแบบว่า อยากหัดสวดมาทางนี้เลยครับ

คาถาหัวใจมหากรุณาธารณีสูตร

นา.โม.รัตนา.ตา.ยา.ยะ/     นะมา.อาร.ยะ.จานนา.ซา.กา.ระ/     เบ.โร.จา.นะ.บู.ฮา.รา.จา.ยะ/    ตะ.ถา.กะ.ตา.ยะ/
อาร.ฮะ.เต.ซัม.ยัก.ซัม.บุด.ธา.ยะ /    นามา.ซาวา.ตะ.ถา.คะ.เต.เบ/    อาร ฮา.เต.เบ. ซัม.ยา.ซัม.บูด.เด.เบ/
นา.มา.อาร.ยะ.อ ว.โล.กิ.เต.โช.รา.ยา/   โพ.ธิ.สัต.ตวา.ยา/ มหา.สัต.ตวา.ยา/  มหา.กา.รู.นิ.กา.ยะ/ ตา.ยา.ถา/
โอม.ดา.รา.ดา.รา/ดิ.ริ.ดิ.ริ/ ดู.รู.ดู.รู/ อิ.เด.วิิ.เด/ จา.เล.จา.เล/ปาร.จา.เล.ปาร.จา.เล/ กู.ซู.เม.กู.ซู.มา.วา.เร/ อิ.ลิ.มิ.ลิ/
จิ.เต.จา. ลา.มา.ปา.นา.ยา.โซ.ฮา/***

http://youtu.be/vzHzEaXY9fQ
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.ตากุลิบกุลิบ คลิปที่ท่านภิกษุณีทิเบตว่ามนต์คาถาหัวใจมหากรุณาธารณีสูตรของเมื่อคืนไม่สมบูรณ์ครับ
เมื่อเช้าฟังอีกครั้ง ถึงได้รู้เมื่อคืนรีบไปหน่อย ปล้ำอยู่นานเหมือนกัน
เมื่อเช้านี้แก้ไขให้เรียบร้อยแล้วน่ะครับ สมบูรณ์แล้วครับผม  ส.หัว

ส่วนรายละเอียดของมนต์ว่ามีความหมายอย่างไร มีความสำคัญเพียงใด
ค่อยมาว่ากันครับ
ให้ผมทำประวัติองค์ท่านพระโพธิสัตว์กวนอิม ให้แล้วเสร็จก่อนน่ะครับ  ส.หัว

ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

คุณหลวง

ขอบคุณครับ เสีงสวดภิกษุณีท่านนี้ฟังดูอบอุ่นดีจัง หากไม่มีเสียงหายใจดังไปหน่อยจะดีมากๆ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ฟ้าเปลี่ยนสี

 ส.ตากุลิบกุลิบ พรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดขององค์ท่านพระโพธิสัตว์กวนอิม ครับผม

วันสำคัญขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิมในรอบปี
ของปีพ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้

[attach=1 width=400 align=left]
วันคล้ายวันเกิดขององค์ท่านพระโพธิสัตว์กวนอิม
วันที่ ๑๙ เดือน ๒ ของปฏิทินจันทรคติ (จีน) ตรงกับวันสากล
วันที่ ๑๑  มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕












[attach=2 width=400 align=left]
วันคล้ายองค์ท่านพระโพธิสัตว์กวนอิมทรงออกผนวช (บวช)
วันที่ ๑๙ เดือน ๙ ของปฏิทินจันทรคติ (จีน) ตรงกับวันสากล
วันที่ ๐๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕
















[attach=3 width=400 align=left]
วันที่ระลึกถึงองศ์ท่านพระโพธิสัตว์กวนอิมทรงตรัสรู้ หรือ ทรงบรรลุธรรม
วันที่ ๑๙ เดือน ๖ ของปฏิทินจันทรคติ (จีน) ตรงกับวันสากล
วันที่ ๐๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

คุณหลวง

แล้่วทำไมคนที่นับถือเจ้าแอม่จึงต้องงดเนื้อวัวเด็ดขาดล่ะครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ฟ้าเปลี่ยนสี

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 11:04 น.  19 มี.ค 55
แล้่วทำไมคนที่นับถือเจ้าแอม่จึงต้องงดเนื้อวัวเด็ดขาดล่ะครับ

ครับท่าน..

การงดเนื้อวัวเด็ดขาด หรือไม่ ในความเห็นของผม ผมว่าแล้วแต่ของแต่ละคนจะปฎิบัติน่ะครับ ว่าจะปฏิบัติตนเคร่งครัดขนาดไหน ประกอบกับเจตนา และความตั้งมั่นที่จะงดเนื้อวัวมากกว่าครับ เพราะ ตามตำนานขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่เป็นภาคองค์พระธิดาเมี่ยวซ่าน ที่เป็นตัวหนังสือหลายเล่มไม่ได้ระบุโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงระบุว่าห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกประเภท เพราะองค์ท่านพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านเป็นผู้ทรงซึ่งความเมตตากรุณาเป็นที่สุด มาโปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากกิเลสทั้งปวง

ความคิดเห็นของผม การที่งดเนื้อวัวโดยเด็ดขาด มาจากความเชื่อที่ปฏิบัติต่อๆกันมาตั้งแต่โบราณมากกว่าครับ ผมคิดว่ามาจากสาเหตุนี้คือ องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ท่านไม่ใช่มีแต่ความเมตตากรุณาเพียงอย่างเดียว ท่านยังมีความกตัญญูรู้คุณผู้มีพระคุณ อย่างเป็นที่สุด เช่นกัน ซึ่งมีอยู่ตอนหนึ่งของตำนานว่าด้วยเรื่อง

ครั้นนั้นกษัตริย์เมี่ยวจวงท่านประชวรหนัก การที่จะทำให้ท่านหายจากประชวรได้ ต้องควักดวงตาทั้งสองข้างของเจ้าหญิงเมี่ยวซ่านออกมาปรุงยา ให้ท่านพ่อของเขา หลังจากนั้น กษัตริย์เมี่ยวจวงก็หายจากประชวร การกระทำเช่นนี้เป็นการแสดงถึงความกตัญญูอย่างยิ่งยวดขององค์เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน ซึ่งขณะนั้นองค์หญิงอยู่ในสมณะเป็นนักบวชแล้ว

ผมจึงคิดว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มากกว่า ที่สมัยโบราณเห็นว่าวัวเป็นสัตว์ที่มีคุณประโยชน์นอกจากผลิตนมให้เด็กได้ดื่มกินแล้ว ยังใช้ไถนาปลูกข้าวให้เราๆท่านๆได้มีอาหารได้กินกัน เพื่อทดแทนคุณก็งดที่จะไม่กินมัน

แต่เป็นเรื่องแปลกน่ะครับ มันเป็นเพียงความเชื่อครั้นโบราณ แต่ทุกท่านที่ผมเคยสอบถามดูเกือบทุกท่าน เมื่อมีความตั้งมั่นว่าจะละเว้นงดกินเนื้อวัว จะมีชีวิตที่ดีขึ้น มันก็น่าคิดน่ะครับ.........
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

คุณหลวง

อ่อ เป็นฉะนี้ดอกหรือ

อ้างถึงแต่เป็นเรื่องแปลกน่ะครับ มันเป็นเพียงความเชื่อครั้นโบราณ แต่ทุกท่านที่ผมเคยสอบถามดูเกือบทุกท่าน เมื่อมีความตั้งมั่นว่าจะละเว้นงดกินเนื้อวัว จะมีชีวิตที่ดีขึ้น มันก็น่าคิดน่ะครับ.........

จิตที่เข้มแข็งเปลี่ยนชีวิตได้ครับท่าน

ขอลาไปก่อนขอรับ   สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คุณหลวง

เอ่อ...(เสียงหล่อ) ขอโทษนะครับ

    ท่านพี่คนข้างพลาซ่าครับ ผมจำได้ว่า ก่อนหน้าที่พี่จะตอบเรื่องเนื้อนั้น ท่านเณรเทืองเคยตอบมาก่อน(แต่หายไปแว้วววววว)ว่า เป็นเพราะท่านเมี่ยวจวงได้เกิดเป็นวัว ผู้ที่นับถือองค์แม่เลยไม่ทานเนื้อ คือ เรื่องนี้ ผมได้ยินมาเสมอๆเวลาที่มีการถามกันเรื่องเจ้าแม่ อยากรู้ว่าตำนานนี้มีมาจากสายไหน ยังไงกันแน่ครับ

    คืออยากรู้ไปทุกๆแนวๆอ่ะคับ เป็นความรู้ติดตัว รบกวนนะครับพี่


อ้อ...แล้วใครทราบบ้างไหมครับ ว่าท่านพี่มิสเตอร์โนหายไปไหนแล้ว คิดถึงนะนี่....

สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

เณรเทือง

ผมเห็นเคยเห็นพระบางรูปจับต้องเทวรูปเจ้าแม่กวนอิม
ผมเกรงว่าจะต้องสังฆาทิเสส ตามข้อห้าม
ในกรณีไม่ขยายความ
ท่านเห็นด้วยไหม

ฟ้าเปลี่ยนสี

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 10:53 น.  23 มี.ค 55
เอ่อ...(เสียงหล่อ) ขอโทษนะครับ

    ท่านพี่คนข้างพลาซ่าครับ ผมจำได้ว่า ก่อนหน้าที่พี่จะตอบเรื่องเนื้อนั้น ท่านเณรเทืองเคยตอบมาก่อน(แต่หายไปแว้วววววว)ว่า เป็นเพราะท่านเมี่ยวจวงได้เกิดเป็นวัว ผู้ที่นับถือองค์แม่เลยไม่ทานเนื้อ คือ เรื่องนี้ ผมได้ยินมาเสมอๆเวลาที่มีการถามกันเรื่องเจ้าแม่ อยากรู้ว่าตำนานนี้มีมาจากสายไหน ยังไงกันแน่ครับ

    คืออยากรู้ไปทุกๆแนวๆอ่ะคับ เป็นความรู้ติดตัว รบกวนนะครับพี่


อ้อ...แล้วใครทราบบ้างไหมครับ ว่าท่านพี่มิสเตอร์โนหายไปไหนแล้ว คิดถึงนะนี่....

สะบายดี...

ส.โอ้โห ฮ่าๆๆ ท่านคุณหลวงเรียกผมท่านพี่ เลยน่ะครับ  ส-เขิน  ส-เขิน
ไม่เอาๆๆ เรียกผมน้องดีกว่าครับท่าน ฮ่าๆๆๆ  ส.หัว

ครับท่าน ผมไม่ทราบว่า กระทู้ของท่านเณรเทืองไปไหนครับ
แต่เจ้าตัวสามารถลบกระทู้ตัวเองได้น่ะครับ

ในประเด็นขององค์ฮ่องเต้เมี่ยวจวง ที่เกิดเป็นวัว หรือ
บางคนบอกเกิดเป็นลูกวัว มันอยู่ในเวอร์ชั่นที่เป็นภาพยนต์ครับท่าน
แต่แรก ชื่อเรื่อง กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม

ที่เป็นหนังผมไม่ได้ดูครับ แต่ที่นำมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง เป็นตัวหนังสือครับ อ่านอยู่ 3-4 เล่ม
ที่เป็นเนื้อความขององค์ท่าน เขียนตรงกันว่า
องค์ฮ่องเต้เมี่ยวจวง ต่อไปท่านสละราชสมบัติ แล้วมาปฎิบัติธรรม
ได้บรรลุธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ตามองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ด้วยครับ

เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ครับท่าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าที่เป็นภาพยนต์มันไม่ใช่เรื่องจริงน่ะครับ
แต่จะเสริม จะเพิ่ม เพื่อให้ได้อรรถรสในการดูก็ว่ากันไปน่ะครับ
เพราะภาคขององค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จริงๆเริ่มจากศาสนาพุทธจากอินเดีย มาสู่ จีนครั้นกะโน้นแล้วล่ะครับ
ส่วนภาคองค์เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน เป็นตำนานมาทีหลังที่เขาเขียนให้องค์ท่านเข้าใกล้ความเป็นจริงของความเป็นมนุษย์ครับ
ความหมายคือ เขียนเพื่อให้มนุษย์รู้สึกว่า สิ่งที่ท่านปฎิบัติสามารถทำได้ ถ้ามีความตั้งมั่น ครับผม  ส.หัว

ส่วนเรื่อง ท่านพี่มิสเตอร์โน ให้ท่านคุณหลวงเข้าไปอ่านในลิ้งค์กระทู้นี้น่ะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่กล้าบอกครับท่าน.... ส.แย่จัง

http://gimyong.com/talung/index.php/topic,60372.0.html

ท่านคุณหลวงอ่านแล้ว อย่าถามอะไรผมน้า  ส.แย่จัง


ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

คุณหลวง

    ขอบคุณท่านพี่คนข้างพลาซ่าครับ (เรียกพี่แหละดี เพราะผมจะได้โล่งใจหน่อย  ส.หัว) ไม่เคยดูหนัง ละครเกี่ยวกับเจ้าแม่เลยครับ ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แม้ทุกวันนี้มีความรู้สึกนับถือมากขึ้นๆ จนกลายเป็นความศรัทธาในแนวทางของพระองค์ แต่ก็ไม่คิดจะดูหนังเกี่ยวกับท่านอยู่ดี ไๆม่ทราบมีเวอร์ชั่นที่ไม่อ้างแต่ปาฏิหาริย์บ้างไหมครับ

    ส่วนหนังสือก็ไม่เคยอ่าน ไม่เคยพบเจอด้วยกระมัง เคยพบแต่ประวัติย่อๆ ๒-๓ หหน้าเท่านั้น ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะถามไปอีก ตอนนี้ขอดูกระทู้พี่เณรเทืองสักนิดครับ

อ้างจาก: เณรเทือง เมื่อ 12:09 น.  23 มี.ค 55
ผมเห็นเคยเห็นพระบางรูปจับต้องเทวรูปเจ้าแม่กวนอิม
ผมเกรงว่าจะต้องสังฆาทิเสส ตามข้อห้าม
ในกรณีไม่ขยายความ
ท่านเห็นด้วยไหม

    อาจอาบัติได้หรือไม่ก็ได้ครับ แล้วแต่ว่าท่านนั้นๆจับด้วยเจตนาอย่างไร จะขยายความหรือไม่ก็ตาม เพราะอาบัติสังฆาทิเสสนั้นมีว่า(โดยย่อ)

สังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ ถือเป็นความผิดหากทำสิ่งใดต่อไปนี้

    ๑. เจตนาปล่อยน้ำอสุจิด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน   
    ๒. มีความกำหนัดอยู่ มีเจตนาเคล้าคลึง จับมือ จับช้องผม ลูบคลำ จับต้องอวัยวะอันใดก็ตามของสตรีเพศ 
    ๓. พูดจาหยาบคาย เกาะแกะสตรีเพศ เกี้ยวพาราสี
    ๔. การกล่าวถึงคุณในการบำเรอตนด้วยกาม หรือถ้อยคำพาดพิงเมถุน
    ๕. ทำตัวเป็นสื่อรัก บอกความต้องการของอีกฝ่ายให้กับหญิงหรือชาย แม้สามีกับภรรยา หรือแม้แต่หญิงขายบริการ


    ๖. สร้างกุฏิด้วยการขอ
    ๗. สร้างวิหารใหญ่ โดยพระสงฆ์มิได้กำหนดที่ รุกรานคนอื่น


    ๘.แกล้งใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
    ๙.แกล้งสมมุติแล้วใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล


  ๑๐. ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน
   ๑๑. เป็นพวกของผู้ที่ทำสงฆ์ให้แตกกัน


   ๑๒. เป็นผู้ว่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง 3 ครั้ง

  ๑๓. ทำตัวเป็นเหมือนคนรับใช้ ประจบคฤหัสถ์

    การที่ภิกษุรูปใดก็ตามจับต้องเทวรูปอันเป็นหญิงจึงไม่ติดอาบัติสังฆาทิเสสครับท่าน แต่หากว่าจับต้องเทวรูปหญิง สัตว์ตัวเมีย ด้วยใจที่กำหนัดนั้น ย่อมต้องอาบัติถุลลัจจัยครับ

    อาบัติถุลลัจจัย เป็นอาบัติเล็กลงมา ภิกษุส่วนมากถือว่าปลงก็หาย แต่ความจริงมันคือบ่อเกิดแห่งอาบัติใหญ่ครับ ถุลลัจจัย แปลประสาผมว่า เป็นปัจจัยแห่งความลามก เพราะอาบัติตัวนี้จะเน้นไปที่จิตเจตนาลามก กระทำการลามกอย่างไม่สำเร็จครับ เช่น

    ภิกษุเจตนาสีอวัยวะเพศกับผ้าเพื่อความกระสัน แต่ไม่ถึงกับอสุจิปล่อยออกมา จัดเป็นถุลลัจจัยครับ แต่หากอสุจิหลุดมาก็สังฆาทิเสส

    ดังนั้น การจับต้องเทวรูปหญิง หากมีเจตนาลามกก็จัดเป็นถุลลัจจัยครับ แต่หากพยายามมากกว่านั้น เช่น พยายามแตะกายหญิง(อารมณ์ต่อเนื่อง)หรือทำอสุจิแตก ก็สังฆาทิเสสครับ หากไปปล้ำสีกา พาชีสู่สวรรค์ก็ปาราชิก

    หลวงปู่มั่น ท่านจึงสอนศิษย์ให้ระวังอาบัติเบาเหล่านี้ เพราะเป็นการตัดทางของอาบัติใหญ่ๆได้ครับท่าน


สะบายดี...ในวันหวัดคัดจมูก

สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

nig (นิ)

สวัสดีค่ะผ่านมาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องส่วนตัวฟังกันเล่นๆนะค่ะ
ที่มีความรู้สึกดีๆกับเจ้าแม่ คิดว่าหลายคนคงมีประสบการณ์แบบคล้ายกันก็เล่ากันเล่าได้ค่ะ
     
    ขอย้อนกลับไปถึงตต่อนแม่ตั้งท้อง ที่บ้านก็ไม่ได้นับถือเจ้าแม่กวนอิม หรือรู้เรื่องอะไรมาก่อนนั้น แม่บอกว่ากินเนื้อวัวไม่ได้เลย แค่ผ่านๆร้านขายเนื้อก็เป็นลมแล้ว แต่หลังคลอดแล้วก็กินได้ปกติ
รวมทั้งเราด้วยก็ยอมรับว่าอร่อยค่ะตอนกินนะ ตอนเห็นเขากินเจก็อยากกินแต่ก็ไม่ได้กินเสียที ได้แต่คิดไว้ก่อนยังเลิกไม่ได้ ใจก็รู้สึกดีๆกับท่านเจ้าแม่กวนอิม ถึงความมีเมตตา กรุณา และความกกตัญญู ของท่าน จนมาอายุประมาณ 20 ปี จะไปบวชชีพราหมณ์ ระหว่างทางหิวมากไม่มีอะไรกินเลยตั้งแต่เช้าเกือบบ่ายโมง จนมาถึงวัด มีลูกชิ้นเนื้อวัวขายเท่านั้น ก็กินเข้าไปคำแรก รู้สึกท้องไม่รับอยากอ้วกออกมา หิวด้วยก็ฟื้นกันไป ไงก็จะกิน ส.โขกกำแพง พอคำสองทั้งอยากอ้วกทั้งเหม็นสุดๆ ต้องอ้วกออกมา ตอนนั้นก็คิดว่าเราคงหิวมากเลยกินอะไรไม่ลง  ส.ฉันเอง ตกลงต้องยกให้คุณหมาไป โครตเสียดาย
อยากกินสุดๆ เหนื่อยมาก ซื้อมาต้องยกให้หมา ส.ร้อง หลังจากนั้นก็เหมือนทดลองอีกก็มีอาการเดิม ก็เลยบอกกับตัวเองว่า งันก็คงถึงเวลาที่มีความตั้งใจเดิมว่าจะเลิก ก็เลิกเลยละกัน ทั้งแต่นั้นมาก็เลิกเลยคับเนื้อวัว  ส.ชิชิ
    อีกเรื่องหนึ่งที่แปลกสำหรับตัวเอง ไม่ทราบว่ามีใครเป็นเหมือนกันไหม คือ เพลงเจ้าแม่กวนอิมภาษาทิเบต (บทคาถามนต์มหากรุณาธารณีสูตร (ไต่ปุยจิ่ว) ครั้งแรกก็รู้สึกชอบสงบ สบายใจ มีความรู้สึกคิดถึง..แบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน มันเหมือนโหยหาคิดถึง ใครเป็นเหมือนกันบ้างบอกหน่อย (เฉพาะเพลงนี้เท่านั้นนะ เพลงอื่นไม่เคยเป็นเหมือนกัน แม้ฟังไม่เบื่อเลยงะ) ส.กลิ้ง
เพลงเดียวกับ
ข้อความโดย: คนข้างพลาซ่า « เมื่อ: 17:18 น. วันที่ 08 มี.ค.55 » ใส่การอ้างถึงคำพูด
     แต่บทคาถามนต์มหากรุณาธารณีสูตร (ไต่ปุยจิ่ว)  大悲咒 (dà bēi zhòu)
เป็นบทเดียวกัน ซึ่งเป็นภาษาทิเบตบทย่อมีชื่อเรียกเป็นภาษาไทยว่า คาถาหัวใจมหากรุณาธารณีสูตร (เพลงนี้แหละฟังไม่เบือเลยแค่ฟังนะค่ะไม่รวมภาพประกอบ) ส่วนภาพต่างๆที่ลงของคุณคนข้างพลาซ่า สวยๆน่าวาดมากค่ะแอบSave เก็บไว้ดูเหมือนกัน
ขอบคุณค่ะ เขียนมายืดยาว ใครมีเรื่องคล้ายๆ กัน หรือประการณ์ตรงก็มาเขียนเล่ากันบ้างนะค่ะ จะติดตามอ่านบ้างค่ะ ส.อ่านหลังสือ


ดช.น้ำเงิน

เรื่องเจ้าแม่กวนอิม กับมหายาน เป็นความเชื่อทางศาสนายุคแรกๆ ของภาคใต้เลยทีเดียว
แต่ตอนนี้คนนิยมหันมานับถือแบบหินยานกันเยอะแระ
^^ เรื่องชาวบ้านคืองานของเรา ^^