ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

นายกิมหยง แซ่ชี

เริ่มโดย สรภูม, 11:13 น. 16 ก.พ 55

สรภูม

ชีกิมหยง หรือ นายกิมหยง  แซ่ชี  徐金榮

ไหงไม่ใช่คนหาดใหญ่ มาอยู่หาดใหญ่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514

ถึงวันนี้ก็สี่สิบปีแล้ว ไหงพอจะบอกว่า ไหงเป็นคนหาดใหญ่ได้แล้วใช่ไหม๊ ?

ที่สำคัญ แฟนไหงเป็นคนหาดใหญ่ เกิดหาดใหญ่ โตหาดใหญ่ ไม่เคยย้ายไปอยู่ที่อื่นเลย

ไหงมีลูกสี่คน ชายสองหญิงสองทุกคนก็เกิดหาดใหญ่ ตอนนี้โตๆหมดแล้วเรียนจบไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ

น่าเสียดาย  คนหาดใหญ่ที่ค่อนข้างจะไม่อนุรักษ์สิ่งดีๆที่หาดใหญ่มีอยู่เดิมปล่อยให้เสื่อมถอยไปจนเกือบหมดสิ้น

อยากให้มีกลุ่มคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้นำคนหาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั้งหลายและโดยเฉพาะร่ำรวยจากหาดใหญ่

ขอได้หวนนึกถึงเม็ดเงินที่พวกท่านทั้งหลายได้จากหาดใหญ่ด้วย

ท่านทั้งหลายร่ำรวยจากหาดใหญ่ ท่านได้คืนกำไรบางส่วนที่ได้จากหาดใหญ่คืนให้กับหาดใหญ่บ้างหรือเปล่า ?

หรือว่านอกจากกอบโกยเพียงอย่างเดียว ไม่เคยคิดที่จะช่วยกันพัฒนาบูรณาการให้หาดใหญ่คงความเป็นหาดใหญ่เหมือนอดีต

ในบางส่วนที่มีความงดงามในอดีตเป็นเอกลักษณ์ของหาดใหญ่

เมืองต้องเจริญขึ้นไปตามกาลเวลา ทว่ายังมีบางสิ่งบางอย่างสมควรอย่างม๊ากมากที่จะต้องอนุรักษ์เอาไว้ ใช่หรือไม่ ?

สิ่งหนึ่งที่สะกิดใจไหงมากที่สุดก็คือ บุคคลที่สมควรยกย่องที่สุดในหาดใหญ่กลับถูกลืมไปอย่างน่าเสียดายมาก

บุคคลท่านนั้นคือ ชีกิมหยง หรือ นายกิมหยง แซ่ชี  徐金榮

ผืนแผ่นดินทั้งหมดในเขตเศรษฐกิจตัวเมืองหาดใหญ่ คือ ที่ดินดั้งเดิมของชีกิมหยงแทบทั้งหมด

ชีกิมหยง หรือ นายกิมหยง แซ่ชี  徐金榮 จึงเป็นบุคคลที่สมควรได้รับการยกย่องมากที่สุดในเมืองหาดใหญ่นี้

เพราะอะไร ไม่ว่าที่ดินโรงเรียนแสงทองวิทยา ไม่ว่าที่ดินโรงเรียนธิดานุเคราะห์ ไม่ว่าที่ดินโรงเรียนศรีนคร

ไม่ว่าที่ดินวัดปากน้ำ ไม่ว่าที่ดินวัดถาวร ไม่ว่าที่ดินวัดฉื่อฉาง ไม่ว่าที่ดินศาลเจ้าพ่อเสือ ไม่ว่าที่ดินวัดจีนอีกหลายวัด

ที่ ดิ น เ ห ล่ า นั้ น ทั้ ง ห ม ด เ ป็ น ข อ ง ชี กิ ม ห ย ง ทั้ ง สิ้ น 

ท่านเป็นบุคคลเดียวที่มอบที่ดินทั้งหมดนี้ให้เป็นสาธารณประโยชน์เพื่อคนหาดใหญ่

แต่น่าเสียดายที่ลูกหลานไม่สามัคคีกัน จนถึงวันนี้จึงเหลือเพียงตำนาน

ข อ ง บุ ค ค ล ที่ ชื่ อ   ชี กิ ม ห ย ง  ห รื อ   น า ย กิ ม ห ย ง   แ ซ่ ชี     徐 金 榮

นอกจากชื่อถนนมากมายหลายสายที่มีชื่อของท่านผู้นี้และภรรยาติดอยู่

แม้แต่เวปนี้ก็ยังได้ชื่อของท่านมาเป็นชื่อเวปเลย  กิมหยงดอทคอม

ไว้ไหงจะมาเล่าเรื่องของท่านเท่าที่  ไหงได้รับฟังมาจากคนสูงอายุทั้งที่ยังมีชีวิตและจากโลกนี้ไปแล้ว

pa_เฟี๊ยว

แล้วไหงแซ่อะไรค๊ะ... ส-เขิน 

แซ่ชี เหรอค๊ะ.... ส-เขิน

เณรเทือง

คุณวิถามได้ถูกใจ

ไม่ใช่ แซ่ชี

ไหงแซ่อะไรไม่สำคัญหรอก

และก็ บอกด้วยว่า ไม่ได้แซ่ ชี

ที่ยกย่อง นายกิมหยง  แซ่ชี ก็เพราะเขาปิดทองที่ฐานพระ

ไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร  แล้วอีกอย่างที่ไม่อยากเล่าแต่ก็คงหนีความจริงไม่ได้

นายกิมหยง  แซ่ชี ชีวิตส่วนตัวรันทดสุดๆมีลูกก็ไม่ได้ดังใจซักคน นำความเดือดร้อนมาให้เสมอๆ

สุดท้าย นายกิมหยง  แซ่ชี ตัดสินใจฆ่าตัวตาย จึงเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

ศพฝังที่บ้านมีศาลอยู่ด้วยที่ตรงศูนย์การค้าชีกิมหยงอยู่ใกล้บริเวณโรงแรมเมอรินในปัจจุบัน

แถมยังถูกลูกสาวย้ายไปฝังใหม่ที่เขามีเกียรติ์ นาทวีอีกด้วย เชื่อว่าคนหาดใหญ่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รู้เรื่องนี้ดี

จุ้นจัง

อยากฟัง ไหงเล่าต่อเร็วๆ อิอิ ส.หลก

นิพัทธ์อุทิศ 1 2 3

น่าเสียดายแทน คุณกิมหยง  แซ่ชี

ที่ถนน 3 สายสำคัญที่เป็นที่ดินของเขาเองถูกคนอื่นแย่งชื่อไป

เรื่องนี้ขอให้ อ่านอย่างละเอียดและเข้าใจ และทำใจเป็นกลางไว้ด้วย

ไหงฟังจากคนแก่ที่คุยกันที่สถานสงเคราะห์คนชราอนาถาที่ถนนสาย 3 นี้เองหลายปีมาแล้วตอนที่ไหงมางานศพที่นี่

ตอนนี้เชื่อว่าคนเหล่านั้นเสียชีวิตไปหมดแล้ว เพราะนานมากแล้ว

สิ่งที่ไหงได้ยินคือ นายกิมหยง  แซ่ชี เป็นพ่อค้าเป็นเจ้าของที่ดินเกือบทั้งหมดในหาดใหญ่

ส่วนนายนิพัทธ์  จิระนคร เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทางรถไฟและรับช่วงสร้างทางรถไฟและสถานีรถไฟหาดใหญ่

บ้านของเขาเองอยู่หลังปั้มเอสโซ่วงเวียนน้ำพุในปัจจุบัน ขณะนี้บ้านนี้ก็ยังคงอยู่ตรงนั้น

นายกิมหยง  แซ่ชีได้มอบหมายให้นายนิพัทธ์  จิระนคร ช่วยแยกโฉนดผืนใหญ่เพื่อทำถนนและยกให้ราชการ

ในสมัยเนื่องจากการติดต่อราชการคนที่ไม่เข้าใจจะไม่สามารถทำการได้ นายกิมหยง  แซ่ชีจึงต้องอาศัยนายนิพัทธ์  จิระนคร

จัดการให้  และด้วยเหตุที่การเดินทางขึ้นลงหน่วยราชการยุ่งยาก  นายกิมหยงก็เลยบอกว่าให้ทำอย่างไรก็ได้เพราะ

เมื่อมีถนนแล้ว  ที่ดินของเขาที่เหลืออยู่ติดถนนจะได้ขายได้  และนี่เองที่ดินส่วนที่แยกออกมาเป็นถนนทั้ง 3 สาย

จึงเป็นชื่อของนายนิพัทธ์  จิระนคร  แต่นายนิพัทธ์  จิระนครก็ได้ทำการโอนและยกให้ราชการตามที่นายกิมหยง แซ่ชี  ต้องการ

และสุดท้ายตรงนี้นี่เองที่เมื่อราชการได้รับที่ดินสำหรับทำถนนในชื่อเอกสารนายนิพัทธ์  จิระนคร  จึงตั้งชื่อถนนทั้ง 3 สายว่า

ถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 ถนนนิพัทธ์อุทิศ 2 ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3  ทั้งๆที่นายนิพัทธ์  จิระนครไม่มีที่ดินติดถนนทั้ง 3 สายแต่อย่างใด

ในขณะนั้น นายกิมหยง  แซ่ชีก็รู้แต่นายกิมหยงก็ไม่ได้ตำหนิหรือต่อว่าอะไร  คงปล่อยให้เลยตามเลยไป

เพราะจริงๆแล้วนายนิพัทธ์  จิระนครมาจับจองที่ดินที่หาดใหญ่นี้ทีหลัง นายกิมหยง  แซ่ชี ที่ดินที่นายนิพัทธ์  จิระนคร มีทั้งหมด

จึงเริ่มต้นตั้งแต่วงเวียนน้ำพุเป็นต้นไปทั้งถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1 และถนนเพชรเกษม 

นายนิพัทธ์  จิระนครได้ขายที่ดินบางส่วนให้เทศบาลและยกให้บางส่วนเพื่อสร้างสนามกีฬา จึงได้ชื่อว่าสนามกีฬาจิระนคร

และได้ขายที่ดินบางส่วนและยกให้บางส่วนให้กับเทศบาลสร้างสำนักงานเทศบาลนครหาดใหญ่ในปัจจุบัน

pa_เฟี๊ยว

รับทราบค่ะไหง....ที่หยี่ไหงกล่าวมาทั้งหมดนู๋ขอบันทึกไว้เป็นวิทยาทานนะค๊ะ... ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

คนป่า

อยากฟังเรื่องแบบนี้อกคับ ขอบคุณคับที่กรุณาเล่าให้ฟัง

ตลาดกิมหยง

ไม่ได้อิจฉาหรอกน่ะ ถ้านายนิพัทธ์ จิระนคร ไม่ได้ประมูลสร้างทางรถไฟ

โดยรับช่วงต่อจากบริษัทใหญ่ที่กรุงเทพฯสร้างทางรถไฟจากทุ่งสงมาหาดใหญ่และตัวสถานีหาดใหญ่ด้วย

และโดยที่ที่ดินส่วนใหญ่เป็นของนายกิมหยง แซ่ชี เขาจึงต้องจับจองต่อจากของนายกิมหยงไปทางด้านนอกออกไป

ปัจจุบันคือ ถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1 2 3 4 ถนนจิระนคร และซอกซอยต่างๆบริเวณนั้นด้านหลังสนามกีฬาจิระนคร

ที่อยากจะบอกก็คือ นายกิมหยง  แซ่ชี ได้ยกที่ดินให้กับการรถไฟสร้างสถานีรถไฟด้วย แต่ในสมัยนั้นเป็นการเวณคืนที่ดิน

เพราะว่าฝั่งตรงข้ามยังเป็นที่ดินของนายกิมหยง เขาได้ยกให้กรมตำรวจสร้างโรงพักตำรวจหาดใหญ่ ห้องสมุดประชาชนหาดใหญ่

โรงพยาบาลมิชชั่นที่อยู่ใกล้ๆวัดโคกสมานคุณซึ่งตอนนี้รื้อทิ้งไปแล้ว  ที่ตลาดสดพลาซ่า 3 เมื่อก่อนนี้เป็นโรงยินนีเซี่ยม

ที่นายกิมหยงยกที่ดินให้ ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่เดียวกับสนามกีฬาจิระนคร แล้วเทศบาลก็เอามาทำเป็นตลาดสดแทน

ที่ดินบริเวณจุติทั้งหมดก่อนนี้ก็เป็นที่ดินของนายกิมหยงเหมือนกัน  แต่นายจุติ บุญสูง มาขอซื้อเอาไว้และด้วยที่นายจุติ

เป็นคนภูเก็ต เขาจึงให้ชาวจีนเช่าปลูกผักในราคาไร่ละ 1 บาทต่อปี ภายหลังเมื่อที่ดินเริ่มเจริญ เขาจะเอาคืนก็ยังใจดี ให้คนที่เช่า

อยู่ออกโดยให้เวลา 1 ปีและจ่ายค่าขนย้ายครอบครัวละ 10,000 บาท  แล้วจึงสร้างโรงแรมและสร้างบ้านขาย

นายกิมหยง  แซ่ชี ภรรยาชื่อ ละม้าย  ฉัยยากุล  ดังนั้นถนนในหาดใหญ่จึงมีชื่อทั้งสองมากมาย เช่น ชีอุทิศ ชีอนุสรณ์ ชีวานุสรณ์

ละม้ายสงเคราะห์ ละม้ายอุทิศ ฉัยยากุล ฉัยยากุลอุทิศ ที่ดินผืนใหญ่ที่สุดขณะนี้คือ โรงเรียนศรีนครที่มีรูปปั้นของคนทั้งสองอยู่

pa_เฟี๊ยว

น่าเลื่อมใสจริงจริงค่ะ.... ส.อืม ส.อ่านหลังสือ

อ้น544

แล้วลูกๆของเขาล่ะค่ะไปไหนกันหมด
ถึงคุณมีเงินหมื่นล้าน      คุณก็ซื้อเมื่อวานกลับมาไม่ได้
อย่าโอ้อวดว่าเก่งเกินใคร  เพราะตายไป "ศพ"ของคุณ
                ก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าโลง

ม้าเหล็ก

ในหาดใหญ่มีหลายพื้นที่ครับ เป็นพื้นที่แรงทำอะไรไม่ขึ้น

Probass

แล้วถนน ราษฏร์อุทิศ นี่ชื่อของใครมาอุทิศหล่าวครับ   ส.อืม ส.อืม ส.อืม
TUF ลุ้น break new high   UVAN @80 บาท --> 106.50 บาท

ไม่น่าเชื่อ

เรื่องลูกๆ เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

มีการฆ่ากันตายเพราะมรดกเหมือนกับตระกูลธรรมวัฒนะ(นายห้างทอง)

เท่าที่รู้ลูกชายคนโตสุดเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน ดีที่เขาไม่ยุ่งเกี่ยวเลย ทำงานที่เต็กบี้ห้าง

และคนที่ห้าเป็นชายก็รู้สึกมีประสาทนิดๆไปเรียนที่ฟิลิปินด์กลับมายังพาแฟนเป็นพยาบาลกลับมาด้วย ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน

ที่น่าเสียดายสุดๆ ก็คือ ทรัพย์สมบัติที่ นายกิมหยง  แซ่ชีสร้างมาทั้งหมดก็สูญหมดไปด้วยไม่มีเหลือสักนิ้วเดียว

นอกจากที่ยกให้สาธารณะเช่น วัด โรงเรียน โรงเจ ส่วนตัวแล้วไม่เหลืออะไรเลย

นี่เป็นสัจจธรรมของมนุษย์จริงๆ  มาตัวเปล่าๆเวลาไปก็ตัวเปล่าๆ ทิ้งไว้แค่ชื่อเสียงเท่านั้น

ใครจะเชื่อละว่าเจ้าของที่ดินตลาดหาดใหญ่ทั้งหมด ณ วันนี้ไม่มีเหลืออะไรเลย

เณรเทือง

นายกิมหยงตายแล้ว นายกิมหยงย่อมไม่เหลือไหรสิครับ

lion_009

รบกวนถามท่านผู้รู้แล้วที่ดินว่างแถวสี่แยกโนรา หรือถนนราษก์ยินดี ตัดกับถนนธรรมนูญ
และที่ดินหลังโลตัส ที่เคยได้ยินว่าเป็นของคุณหญิงหลง อรรถกระวี มีความเป็นมาอย่างไร
เห็นเป็นแปลงใหญ่มาก  แต่ไม่ทำอะไรเลย ขอบคุณครับ

ลูกเจ๊วิเชียร

นายกิมหยง ถ้ายังมีชีวิต จะอายุเท่าไหร่ครับ

Apollo

เรื่องแบบนี้ชอบอ่านครับได้ความรู้ดีครับ....ชอบๆๆๆ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้
สบายๆ พอ หอมๆนะ

เด็กใหญ่

อ้างจาก: ไม่น่าเชื่อ เมื่อ 14:40 น.  20 ก.พ 55
เรื่องลูกๆ เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

มีการฆ่ากันตายเพราะมรดกเหมือนกับตระกูลธรรมวัฒนะ(นายห้างทอง)

เท่าที่รู้ลูกชายคนโตสุดเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน ดีที่เขาไม่ยุ่งเกี่ยวเลย ทำงานที่เต็กบี้ห้าง

และคนที่ห้าเป็นชายก็รู้สึกมีประสาทนิดๆไปเรียนที่ฟิลิปินด์กลับมายังพาแฟนเป็นพยาบาลกลับมาด้วย ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน

ที่น่าเสียดายสุดๆ ก็คือ ทรัพย์สมบัติที่ นายกิมหยง  แซ่ชีสร้างมาทั้งหมดก็สูญหมดไปด้วยไม่มีเหลือสักนิ้วเดียว

นอกจากที่ยกให้สาธารณะเช่น วัด โรงเรียน โรงเจ ส่วนตัวแล้วไม่เหลืออะไรเลย

นี่เป็นสัจจธรรมของมนุษย์จริงๆ  มาตัวเปล่าๆเวลาไปก็ตัวเปล่าๆ ทิ้งไว้แค่ชื่อเสียงเท่านั้น

ใครจะเชื่อละว่าเจ้าของที่ดินตลาดหาดใหญ่ทั้งหมด ณ วันนี้ไม่มีเหลืออะไรเลย

ข้อความตรงนั้นที่คุณเขียนถึง ผมขอชี้แจงแทนพวกเขาว่าไม่จริง เพราะผมรู้จักครอบครัวนี้ดีพอสมควร เขาเก่ง ฉลาดเรียนสูง สุภาพเรียบร้อย ลูกๆ เขาเก่งฉลาดเรียนสูงมากๆทุกคน ส่วนคนอื่นๆผมไม่รู้จัก จึงทำให้ผมไม่แน่ใจเรื่องตามที่คุณเขียนด้วย การฟังเล่าเรื่องของคนเล่าต่อกันมา อาจมีมูล แต่ไม่ใช่ว่าตรงตามเป็นจริง ซึ่งคุณเขียนว่า คนอื่นๆอาจเสียชีวิตหมดแล้ว เหลือคุณคนเดียวที่จำมา.  อันนี้ยิ่งไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก. แต่ไม่ตำหนิคุณว่าไม่ดี เพียงแต่อยากให้คนอ่านรับรู้ว่ามีคนอื่นที่เขารู้จักพวกเขามากกว่าคุณด้วย

ต้นโมกข์

อยู่หาดใหญ่มาตั้งแต่เกิด เพิ่งได้รับรู้ความเป็นมาอย่างนี้นี่เอง หายสงสัยไปหลายเปลาะเลยครับ
ไม่ได้เป็นพ่อค้ามืออาชีพ
ขายของเฉพาะที่ไม่ได้ใช้
ค้าขายจริงใจไม่หมกเม็ด
ต่อรองราคาได้แต่อย่าแรง

kopong

สมัยก่อนเราเรียกตลาดกิมหยงว่าเหล่าตั๊กลัก(ตลาดเก่า)ตลามสดเรียกซิงต้๊กลัก(ตลาดใหม่)เด็กสมัยนี้ไม่รู้จะรู้ไหม

คนเมืองอื่น

ผมมาแบบกลางๆนะครับ เพราะไม่ใช่คนเมืองนี้ บังเอิญเหลือเกินที่ผมได้ไปเช่าบ้านแถวๆศรีนครและมีเรื่องทำนองนี้วิ่งเข้าหูผมบ่อยมาก จากที่ไม่เคยสนใจเอาแต่ทำมาหากิน พอได้ยินได้ฟังบ่อยๆ เอ...นี่มันเรื่องของประวัติศาสตร์เมืองนี้นี่หว่า มีคนมาเล่าให้ฟังฟรีๆจะเฉยเมยไม่ได้แล้ว และก็เริ่มรับฟังจากทุกๆคำบอกเล่าของคนที่อยู่ในย่านศรีนครมาตลอดอายุไข ยอมรับว่านี่คือความจริงที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ท่านซีกิมหยงเสียชีวิตไปนานแล้ว ทิ้งปริศนาให้คนหาดใหญ่(ที่สนใจ)ได้ขบคิดมากมาย ยิ่งได้อ่านกระทู้นี้ยิ่งปลุกเร้าให้อยากรู้มากกว่านี้ แม้ไม่ได้อะไรเลยจากการสนใจเรื่องคนอื่น นอกจากความรู้ แต่ก็ไม่เสียอะไรเลย...ใช่ไหม?
ปริศนาที่ทำให้ใครได้ยินแล้วอึ้งกันทั่ว จากตระกูลเจ้าของที่ดินเกินครึ่งเมืองหาดใหญ่ ถ้าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นยังอยู่ จะมีมูลค่ามหาศาลนับพันนับหมื่นล้านบาท แต่เมื่อสิ้นหัวหน้าครอบครัวตราบจนถึงปัจจุบันนี้ทายาทกลับต้องอยู่กินแบบชาวบ้านจนๆไม่เหลือคราบลูกหลานมหาเศรษฐีอีกเลย
ไม่น่าเชื่อ แต่น่าศึกษาอย่างยิ่ง