ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

"เมฆ-วินัย''ประกาศแต่งสาวนักธุรกิจปลายเดือนมี.ค.นี้

เริ่มโดย หาดใหญ่ใหม่, 22:47 น. 31 ม.ค 54

หาดใหญ่ใหม่

ข่าวโดย สยามดารา www.siamdara.com

"เมฆ-วินัย''ประกาศแต่งสาวนักธุรกิจปลายเดือนมี.ค.นี้ รับอายุมากหลังแต่งขอเร่งปั๊มทายาททันที

ทำเอาหลายคนเซอร์ไพรส์เลยทีเดียว เมื่ออดีตนักแสดงหนุ่มคนดังวัย 40 ปี ที่เคยโด่งดังสุดขีดจากการแสดงภาพยนตร์เรื่อง ''นางนาก'' ที่เคยได้รับฉายาว่า ''พระเอกร้อยล้าน'' อย่าง ''เมฆ'' วินัย ไกรบุตร ออกมาประกาศว่าในปีกระต่ายนี้ดาราหนุ่มจะเข้าพิธีวิวาห์กับ ''เอ๋'' ชลรดา แสนสินรังษี นักธุรกิจสาวคนเก่งเจ้าของ Crystal @ Shape Club ที่ตั้งอยู่ที่เซ็นทรัล พระราม 3 ที่คบหาดูใจกันมานานกว่า 1 ปี โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 54 ผู้สื่อข่าวได้พบกับนักแสดงหนุ่มขณะมาร่วมบวงสรวงละครเรื่อง ''ดอกแก้ว'' ย่านสะพานขาว จึงไม่พลาดที่จะไปอัพเดตเกี่ยวกับงานมงคลของพระเอกหนุ่ม ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่าเตรียมลั่นระฆังอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ อย่างแน่นอน


    เห็นตอนนี้ฤกษ์วิวาห์กับแฟนสาวมาแล้ว
    ถ้าเป็นฤกษ์แต่งนี่ประมาณช่วงปลายเดือนมีนาคมแน่นอน แต่จะเป็นวันที่เท่าไหร่นั้นขออุบไว้นิดนึงก่อน เพราะฝ่ายหญิงเป็นคนจีนแล้วเขาถือ จริงๆ เรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเขาจะไปเอาดวงของผมและวันเกิดเจ้าสาวไปดู ซึ่งเขาก็บอกว่าถ้าใครดูแล้วได้ฤกษ์ไปจะรวย จะรุ่ง ผมก็ขอเชื่อหน่อยเถอะ เพราะว่าผมเองก็ไม่ค่อยเชื่ออะไรพวกนี้มาก่อน แต่งานนี้ผมขอเชื่อหน่อยเถอะเพราะผมคิดว่ามันมีส่วนจริงๆ ก่อนหน้านี้จริงๆ ผมไม่เคยมีเรื่องการแต่งงานอยู่ในหัวเลยเพราะคิดว่าตัวเองแก่แล้ว
     
    บรรยากาศตอนไปขอฝ่ายหญิงเป็นอย่างไรบ้าง
    คือพูดตรงๆ เลยนะครับวันที่ไปขอเนี่ย ผมเป็นคนนัดครอบครัวของ ''น้องเอ๋'' ไปคุยกันที่โรงแรมโนโวเทล เลย โดยฝ่ายผมมีรุ่นพี่ที่สนิทในวงการอย่าง ''หนุ่ม'' คงกระพัน แสงสุริยะ และคุณแม่ของพี่เขา แม่และน้องสาวของผมไปเป็นผู้ใหญ่ให้ ซึ่งตอนนั้น ''พี่หนุ่ม''ก็ถามว่าจะคุยยังไงเพราะเขาคุยไม่เป็น เราก็บอก ''พี่หนุ่ม'' ว่า ไม่ต้องห่วงถ้าเราคิดจะแต่งงานคิดจะมีลูกมีเมียคิดจะสร้างครอบครัว ไม่ต้องให้ใครพูดหรอกเราขอจัดการเอง เราก็เริ่มแนะนำตัวเองและผู้ใหญ่ของเรากับพ่อ-แม่ พี่น้องของฝ่ายหญิง แล้วก็เข้าประเด็นคุยกับผู้ใหญ่ของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ''พี่หนุ่ม'' ยังมากระซิบเลยว่าถ้าเป็นเขาไม่กล้านะเนี่ย
     
    เรื่องสินสอด
    เรื่องสินสอดเราไม่ได้คุยกันครับ เพราะทางฝ่ายหญิงเขาก็บอกไว้ก่อนแล้วว่าสินสอดยังไงก็ยกให้เราสองคนอยู่แล้ว ก็เหมือนกับว่าเอาเงินเราไปวางไปทำพิธีแค่นั้นเอง แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ว่าเราสองคนรักกันมากกว่าอยากคบหากับเขาให้เป็น เรื่องเป็นราวจริงๆ
     
    จุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งรัก
    คือมันเป็นเรื่องบังเอิญมากๆ เพราะจริงๆ ในช่วงนั้นผมค่อนข้างหัวเถิกมาก ก็เลยพยายามหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะมาช่วยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเราก็ไปเจอกับผลิตภัณฑ์หลายตัวแต่ก็ไม่มีตัวไหนที่จะทำให้ดีขึ้น แต่เราก็ยังพยายามต่อไปจนได้มาพบกับผลิตภัณฑ์ที่ ''น้องเอ๋'' ทำอยู่ก็ได้เจอกับเขา ซึ่งช่วงนั้นก็เสียเงินไปเยอะเกือบแสนเลย ผมก็บอกกับเขาว่าถ้าไม่หายจะไปเผาร้านจริงๆ นะเนี่ย เพราะผมจ่ายสตางค์ไปแพง และจากการที่เราเข้าไปที่ร้านให้เขาดูบ่อยๆก็เริ่มสนิทกันเรื่อยๆ จนตกลงเป็นแฟนกันในที่สุดครับ
     
    ประทับใจอะไรในตัวของฝ่ายหญิง
    ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือเรื่องชีวิตการต่อสู้ครับ เพราะเขาเป็นผู้หญิงที่อดทนและเก่งมากๆ เพราะเขามีธุรกิจเป็นของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย
     
    คบหากันมานานเท่าไหร่แล้วถึงตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน
    ประมาณ 1 ปีกับ 4 เดือน จริงๆ แล้ว เรื่องเวลามันไม่ได้สำคัญอะไรกับผม เพราะไม่ว่าจะ 5 ปี 2 ปี หรือ 1 ปี คือถ้าคนมันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ยิ่งดูนานไปฝ่ายหญิงเขายิ่งเปลืองตัวมากกว่า เพราะถ้าดูๆ กันไป 5 ปีแล้วฝ่ายชายมาบอกว่าไม่ใช่ผู้หญิงเขาก็อายุมากขึ้นผมสงสารเขาเพราะในขณะ ที่ผู้หญิงอายุมากขึ้นตัวเลือกก็น้อยลง ในขณะที่ผู้ชายยิ่งอายุมากยิ่งภูมิฐานตัวเลือกก็เยอะขึ้น
     
    เรื่องทายาทหลังจากแต่งจะเปิดอู่เลยหรือเปล่า
    ก็อยากปั๊มเลยนะเพราะผมเองก็แก่แล้วนะ เพราะจากเมื่อก่อนผมฟันดาบเล่นละครได้ดีแต่ตอนนี้ร่างกายมันไม่เหมือนเดิม แล้ว เพราะฉะนั้นผมก็เลยอยากรีบมีลูก ก็คิดว่าอยากได้สัก 1-2 คน จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ครับผมไม่ซีเรียส เพราะตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วแหละ เพราะถ้าเป็นผู้ชายแล้วผลาญเราก็มี ทิ้งเราตอนแก่ก็เยอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ผู้หญิงผู้ชายก็ไม่สำคัญ สำคัญว่าเป็นลูกที่ดีรักเราดูแลเราแค่นั้นเอง
     
    แฟนๆ ถามกันเข้ามาเยอะว่าหลังจากแต่งงานจะมุ่งหน้าทำธุรกิจอย่างเดียวเลยไหม
    ไม่ครับผมยังรักในการแสดงอยู่มันลืมไม่ได้และผมก็อยากจะทำอยู่ แต่บางทีมันก็มีช่วงที่ไม่ค่อยมีงานเหมือนกันผมก็เลยต้องมีธุรกิจเป็นอีก อาชีพนึงเพื่อเราจะได้ไม่ว่างไม่ต้องนั่งรอว่าเมื่อไหร่จะมีงานเข้ามาสักที คือถ้าช่วงไหนมีงานละครเยอะเราก็ทำช่วงไหนที่งานเบาเราก็ไปทำธุรกิจ ก็ถ้ายังเด็กๆ อยู่ก็คงรอได้แต่แก่ไปนี่กว่าจะถูกเรียกแต่ละทีก็นานเหมือนกันนะ
หาดใหญ่ใหม่ www.facebook.com/hatyaimai
เมืองหลวงภาคใต้ หลากหลายเรื่องราว บอกเล่าแบ่งปัน