โครงการรถไฟความเร็วสูง KTM ของมาเลเซีย วิ่งถึงหาดใหญ่??

[นายไข่นุ้ย]

ข่าวล่าสุด เป็นข่าวร้าย เหมือนจะโดนตัดงบปี56 ไปซะแล้ว ไม่ใช่โครงการเดียวครับ โดนไป 40กว่าโครงการ มีโครงการในบ้านเราที่น่าลุ้นอีก1ก็โดนตัดงบศึกษาความเหมาะสมไปด้วยอีก คงต้องรองบปี57กันอีกรอบ

ขอเช็ครายละเอียดข่าวอีกครั้ง ไว้จะมาสรุปให้ฟังใหม่ครับ

(ปล.พวกเกรียนอย่าเพิ่งอ้างอิงไปบ่นๆๆๆๆ บอกแล้วว่าขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน)

อ่าว

[ข้าวต้มไข่เค็ม]

วันก่อนที่มีคนเอาคลิปมาลง เรื่องทางคู่ถึงทุ่งสง ผมได้ให้ความเห็นไว้แล้วว่าเค้าจะทำจากตรงกลางไล่ลงมาในสายใต้ ไม่ใช่จากชายแดนย้อนขึ้นไป บอกอีกว่าแผนเร่งด่วนกำลังทำช่วง ประจวบ-ชุมพร เช่นเดียวกันกับช่วงจิระเข้าขอนแก่น

ทำไมเม้นท์หายไปหมด ลบพรื่อหล่าว 

[ซัมเบ้ Note 7 Jr.]

ข่าวล่าสุด เป็นข่าวร้าย เหมือนจะโดนตัดงบปี56 ไปซะแล้ว ไม่ใช่โครงการเดียวครับ โดนไป 40กว่าโครงการ มีโครงการในบ้านเราที่น่าลุ้นอีก1ก็โดนตัดงบศึกษาความเหมาะสมไปด้วยอีก คงต้องรองบปี57กันอีกรอบ

ขอเช็ครายละเอียดข่าวอีกครั้ง ไว้จะมาสรุปให้ฟังใหม่ครับ

(ปล.พวกเกรียนอย่าเพิ่งอ้างอิงไปบ่นๆๆๆๆ บอกแล้วว่าขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน)

ซะอย่างนั้น

ท่านลูกแมวฯ พอมีข่าวดีๆมาฝากบ้างไหม เช่นว่า รฟม.จะทำทางคู่มาถึงหาดใหญ่ได้จริงๆ

[ลูกแมวตาดำๆ]

ซะอย่างนั้น

ท่านลูกแมวฯ พอมีข่าวดีๆมาฝากบ้างไหม เช่นว่า รฟม.จะทำทางคู่มาถึงหาดใหญ่ได้จริงๆ

รฟม. ทำไม่ได้ครับ เพราะ รฟม. ทำรถไฟฟ้าใน กทม.และปริมณฑลครับ (รฟม. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย)

ทางคู่มีถึงสุไหงโกลกเลยล่ะครับ ตามแผนพัฒนา แต่จะทำเป็นช่วงแต่ละช่วงครับ สำหรับช่วง ทุ่งสง-หาดใหญ่ ยังอีกประมาณหลายปีครับ คงประมาณ 256x-257x เป็นต้นไป ล่ะมั้งครับ จึงจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ตอนนี้รอลุ้น ทางคู่ นครปฐม-หัวหิน กับ ประจวบ-ชุมพรก่อนดีกว่า ว่าจะเริ้่มทำได้เมื่อไหร่ เพราะสองช่วงนี้ยังล่าช้ากว่าแผน ก็ส่งผลให้ช่วงต่างก็ช้าไปตามไปเช่นกัน

แผนการพัฒนา ผมไม่รู้เอาไฟล์เก็บไว้ไหนแล้ว ถ้าหาเจอ จะนำมาโพสให้ครับ

อันที่จริงถ้า รัฐบาลไม่บ้ารถไฟความเร็วสูง เน้นพัฒนาระบบเดิมตอนนี้ เสริมระบบไฟฟ้าแบบมาเลเซีย วิ่งได้ 160 ก็ถือว่าโอเคเหมาะกับระยะทางในประเทศเราแล้วล่ะครับ

ถ้าต้องการรถไฟความเร็วสูง ชิด 250ขึ้นไป แต่สไตล์บ้านเรา อยากให้จอดแทบทุกจังหวัด บางจังหวัดจอดหลายอำเภออีก แล้วแบบนี้จะมีระยะทำความเร็วได้อย่างไร ในเมื่อทำความเร็วยังไม่ถึง250 ก็ต้องจอดอีกแล้ว แล้วจะความเร็วสูงตรงไหน ถ้าจะทำจริงๆคือควรเป็นแบบ ออกกรุงเทพ จอดหัวหิน จอดทุ่งสง จอดหาดใหญ่ จอดปาดังเบซาร์ แบบนี้สิครับเรียกว่าด่วนจริงๆ

แต่มองกลับมาความจริงในบ้านเรา มีจดหมายขอให้จอดตรงไหน ก็จัดให้จอดเพิ่ม เท่ากับเพิ่มความล่าช้า ยกตัวอย่าง ขบวนดีเซลรางด่วนพิเศษ 41/42 จอดแทบจะทุกเภอในจังหวัดสุราษฯ แล้วมันจะด่วนได้อย่างไร แม้จอด1นาทีก็จริง แต่ต้องมีการชะลอเตรียมจอด พอออกจากสถานีก็สักพักกว่าจะทำความเร็วได้อีก มันก็ไม่ได้ช้าแค่1นาทีแล้วล่ะ

วันก่อนทราบข่าวว่าเส้นทางความเร็วสุงไปเชียงใหม่เคาะราคา ราคา 2500-3500(ถ้ารัฐบาลไม่กดราคาเพื่อประชานิยม) ถามกันตรงๆ จะมีใครยอมจ่ายมั๊ย? ถ้านั่งสายการบินต้นทุนต่ำ เอาราคาซื้อวันเดินทางก็ง่ายๆประมาณไม่ถึงสองพันอ่ะหรือสองพันกว่าๆ (แล้วแต่สายการบินและช่วงเวลา) ยิ่งจองล่วงหน้า 1-2เดือน อาจจะแค่พันกว่าๆเองครับ

ยกตัวอย่างอีกขนาดรถไฟฟ้าใน กทม. ยังบ่นว่าแพงกันเลย แล้วไหนจะเรื่องไฟฟ้าที่นำมาใช้ล่ะครับ พอจะสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ก็โดนต่อต้านสารพัด แล้วจะเอาไฟฟ้าที่ไหนมาใช้

สรุปสุดท้าย รถไฟความเร็วสูง เลิกฝันได้เลยครับ ยังอีกนาน ยกเว้นรัฐบาลหวังประชานิยม ขายฝันไปเรื่อย

ส่วนจีนน่ะ ประเทศเค้าใหญ่ ก็เหมาะสมอยู่ที่จะมีรถไฟความเร็วสูง เพราะระยะทางไม่ใช่สั้นๆเลยล่ะครับ อีกอย่าง ประเทศจีนรัฐบาลอยากได้ที่ต้องไหน ก็ต้องได้ ต้องย้ายออกไป แต่มองประเทศไทยสิ ขนาดจะทำรถไฟฟ้า ตลิ่งชัน-ศิริราช ผู้บุกรุก ยังไม่ค่อยยอมย้ายออกกันเลย อีกตัวอย่างใกล้ๆเลย สายสงขลา


หากว่าทำจริง ต้องมีการเวนคืนอีกบางช่วง เพราะรัศมีโค้งที่ต้องกว้างขึ้นปัญหาการเวนคืน ปัญหาใหญ่สำหรับประเทศเรา ที่กว่าจะเวนคืนได้แต่ละที่

[ซัมเบ้ Note 7 Jr.]

ขอบคุณท่านลูกแมวฯครับที่อธิบายให้อ่าน น่าสนใจมากๆครับ

เรื่องรถไฟทางคู่จากปาดังฯ ผมก็ติดตามอยู่บ้างครับ
คำย่อ รฟม. ในภาษารถไฟไทย หมายถึง รถไฟมาเลเซีย  ผมคุ้นเคยแบบนี้มากกว่าครับ  ส่วน รฟม.รถไฟฟ้าใน กทม. นั้นก็เป็นคนละความหมายครับ  ไว้คราวหลังผมจะใช้คำให้กระชับกว่านี้เช่นกันครับ 

[ลูกแมวตาดำๆ]

ขอบคุณท่านลูกแมวฯครับที่อธิบายให้อ่าน น่าสนใจมากๆครับ

เรื่องรถไฟทางคู่จากปาดังฯ ผมก็ติดตามอยู่บ้างครับ
คำย่อ รฟม. ในภาษารถไฟไทย หมายถึง รถไฟมาเลเซีย  ผมคุ้นเคยแบบนี้มากกว่าครับ  ส่วน รฟม.รถไฟฟ้าใน กทม. นั้นก็เป็นคนละความหมายครับ  ไว้คราวหลังผมจะใช้คำให้กระชับกว่านี้เช่นกันครับ 

อ่อ ถ้าหมายถึงการรถไฟมาเลเซีย ใช้ KTM ดีกว่าครับ ส่วนมากจะใช้คำนี้กัน

[นายไข่นุ้ย]

 ส-เขินอย่างที่บอกละครับ  รถไฟความเร็วสูงรอไว้ก่อนก็ได้ เอาแค่รางคู่ให้ได้ทั่วประเทศก่อนจะได้ไม่ต้องรอหลีกกันนาน รวมไปถึงเปลี่ยนไม้หมอนเป็นหมอนคอนกรีต รวมไปถึงจัดหาหัวรถจักรใหม่ๆ ไม่รู้ว่าประมูลไปถึงไหนแล้ว มูลค่าหลายอยู่ งานนี้ เค้กสะพัดตามเคย

[นายไข่นุ้ย]

  พูดถึงรถไฟทางคู่ ที่จะทำต่อในเส้นทางสายใต้ จาก สถานีนครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก  บ่าวนั่งขบวนรถเร็ว 171 กรุงเทพ-สุไหงโกลก ทางรถไฟก่อนจะเข้าสถานีหัวหิน ข้างทางมีบ้าน/ร้านอาหารปลูกชิดทางรถไฟมากจนทางการรถไฟต้องทำรั้วสังกะสีมากั้นไว้ หากทำจริงสงสัยยุ่งน่าดู

[ลูกแมวตาดำๆ]

ส-เขินอย่างที่บอกละครับ  รถไฟความเร็วสูงรอไว้ก่อนก็ได้ เอาแค่รางคู่ให้ได้ทั่วประเทศก่อนจะได้ไม่ต้องรอหลีกกันนาน รวมไปถึงเปลี่ยนไม้หมอนเป็นหมอนคอนกรีต รวมไปถึงจัดหาหัวรถจักรใหม่ๆ ไม่รู้ว่าประมูลไปถึงไหนแล้ว มูลค่าหลายอยู่ งานนี้ เค้กสะพัดตามเคย

สาว่าได้บริษัท ป่าไม้สันติ ครับ เสนอราคาต่ำสุด ต่ำกว่าราคากลางอย่างมาก กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ปล.อย่าเพิ่งงงกับชื่อบริษัทนะ ชื่อนี้จริงๆ ไม่ได้พิมพ์ผิด

[นายไข่นุ้ย]

สาว่าได้บริษัท ป่าไม้สันติ ครับ เสนอราคาต่ำสุด ต่ำกว่าราคากลางอย่างมาก กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ปล.อย่าเพิ่งงงกับชื่อบริษัทนะ ชื่อนี้จริงๆ ไม่ได้พิมพ์ผิด

นั่นสิครับ ชื่อไม่ได้เกี่ยวกับรถไฟเลย นะ ไม่รู้ว่าได้ ของจีนหรืออเมริกา รอลุ้นๆ

[ซัมเบ้ Note 7 Jr.]

อ่อ ถ้าหมายถึงการรถไฟมาเลเซีย ใช้ KTM ดีกว่าครับ ส่วนมากจะใช้คำนี้กัน

โอเคครับท่านลูกแมวฯ

คือ เวลาที่ผมไปเดินที่โรงรถจักรหาดใหญ่(ซึ่งก็หลายสิบปีแล้ว ) คุ้นเคยกับตัวย่อ รฟม. บ่อยมากครับ ตั้งแต่ช่วงที่มีหัวโตชิบ้ามาวิ่งในไทยน่ะครับ เขาไม่เขียน KTM เลยครับ

ส่วนเรื่อง บริษัท ป่าไม้สันติ  ผมก็ งง กับชื่อนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน  ต้องตามดูกันยาวๆว่าจะลงเอยแบบไหนครับ

[ลูกแมวตาดำๆ]

นั่นสิครับ ชื่อไม่ได้เกี่ยวกับรถไฟเลย นะ ไม่รู้ว่าได้ ของจีนหรืออเมริกา รอลุ้นๆ

อ่อ เรื่องนั้นของจีนแน่อนครับ เพราะ บริษัทนั้น เป็นบริษัทจากจีน และเกือบทั้งหมดที่ร่วมแข่งขันก็มาจาก จีน ดังนั้นไม่รอดจีนแน่นอน เหอๆ

[หรอยๆ]

รถไฟสายสงขลา-หากใหญ่ ท่านพีระแกจะเอาจริงรึเปล่า อย่าไปหวังรองบจากส่วนกลางเลยครับ ภาคใต้โดนตัดไปเยอะ หาแหล่งเงินลงทุนอื่นไปเลยครับ แล้ทำเป็นรูปแบบ commuter ติดสัญญานอาณัตไฟฟ้าแบบ KTM รองรับอนาคตไปเลย ให้ รฟท สนับสนุนตรงนี้แทน ไม่รู้ รฟท จะเอาด้วยป่าว ทำได้คงหรอยอย่างแรง

[ลูกแมวตาดำๆ]

รถไฟสายสงขลา-หากใหญ่ ท่านพีระแกจะเอาจริงรึเปล่า อย่าไปหวังรองบจากส่วนกลางเลยครับ ภาคใต้โดนตัดไปเยอะ หาแหล่งเงินลงทุนอื่นไปเลยครับ แล้ทำเป็นรูปแบบ commuter ติดสัญญานอาณัตไฟฟ้าแบบ KTM รองรับอนาคตไปเลย ให้ รฟท สนับสนุนตรงนี้แทน ไม่รู้ รฟท จะเอาด้วยป่าว ทำได้คงหรอยอย่างแรง

ตอนนี้ทาง รฟท. มีโครงการเรื่องระบบขนส่งมวลชนเชื่อมหาดใหญ่สงขลาอยู่ครับ

[นายไข่นุ้ย]

อ่อ เรื่องนั้นของจีนแน่อนครับ เพราะ บริษัทนั้น เป็นบริษัทจากจีน และเกือบทั้งหมดที่ร่วมแข่งขันก็มาจาก จีน ดังนั้นไม่รอดจีนแน่นอน เหอๆ

อัยยะ ของจีนเหรอ ไม่รู้ว่า การรถไฟกำหนดสเป๊กแบบไหน ดีไหมหว่า  เงินเป็นพันล้าน 

[การเกตุ]

จะมีโอกาสได้เห็นรถไฟแบบนี้วิ่งจากปาดังเบซาร์เข้าหาดใหญ่ไหมนะ

.....................
CSR to open Malaysian rolling stock plant
[attach=1]

27 September 2012

MALAYSIA: The Ministry of Transport and CSR Zhuzhou have signed a memorandum agreeing to establish a rolling stock plant at Batu Gajah in Perak.

Prime Minister Najib Razak attended the signing ceremony on September 24. He said the facility would strengthen Malaysia's position as a player in the rail industry, with the possibility of exporting rolling stock across southeast Asia and undertaking maintenance and repair work.

The first phase of the CSR Rolling Stock Centre (Malaysia) Sdn Bhd plant is to be completed by 2014. It will be operated by CSR Zhuzhou Electric Locomotive and have the capacity to manufacture 100 to 150 new vehicles a year, and refurbish around 150. The plant is expected to create 800 jobs, and cost 400m ringgit.

'I am hopeful that it will be a pivotal nerve centre in providing technical know-how and transfer of technology, while also generating jobs and business opportunities for the local community', said Najib.


http://www.railwaygazette.com/news/industry-technology/single-view/view/csr-to-open-malaysian-rolling-stock-plant.html


ได้แก้ไขคำผิดให้แล้วคำว่า โอกาส  เขียนโอกาศ  ขอบคุณมาก

[senee]

รางรถไฟเดิมของหาดใหญ่ มีระยะห่างที่แตกต่างจาก รถไฟฟ้าของมาเลเซีย
ดังนั้น รางรถไฟที่ปาดังเบซาร์จึงต้องทำใหม่เพื่อให้รองรับกับรถไฟฟ้าของมาเลย์ที่จะวิ่งเข้ามารับตู้สินค้า

หากมีดำเนินการให้รถไฟฟ้ามาเลย์ วิ่งต่อมายังหาดใหญ่ คงต้องรื้อรางทั้งหมด และทำรางรถไฟให้มีระยะห่าง
เท่ากันครับ

[ลูกแมวตาดำๆ]

รางรถไฟเดิมของหาดใหญ่ มีระยะห่างที่แตกต่างจาก รถไฟฟ้าของมาเลเซีย
ดังนั้น รางรถไฟที่ปาดังเบซาร์จึงต้องทำใหม่เพื่อให้รองรับกับรถไฟฟ้าของมาเลย์ที่จะวิ่งเข้ามารับตู้สินค้า

หากมีดำเนินการให้รถไฟฟ้ามาเลย์ วิ่งต่อมายังหาดใหญ่ คงต้องรื้อรางทั้งหมด และทำรางรถไฟให้มีระยะห่าง
เท่ากันครับ

พี่เข้าใจผิดหรือป่าวครับ ถ้ารางรถไฟฟ้าในเมืองของมาเลย์ อาจจะต่างกันจริง แต่รางรถไฟฟ้าที่มายังชายแดนนั้น รางระยะห่างเท่ากันนะครับ คือ1เมตร ไม่งั้นรถไฟขบวนระหว่างประเทศในตอนนี้คงจะวิ่งไปมากันไม่ได้ ซึ่งแต่ละวันมีถึง4ขบวน(เฉพาะรถโดยสาร 35 ,36 ,953 ,954 และยังมีเดินแล้วแต่วันอีก2คือ 951 ,952)

รางรถไฟฟ้าที่มาขายแดนนั้นเป็นการปรับปรุงทางเดิม บนทางรถไฟสายประธานด้านตะวันตกตั้งแต่ประเทศสิงคโปร์ถึงชายแดนประเทศไทย ให้เป็นทางคู่ พร้อมกับเพิ่มระบบสายส่งไฟฟ้าเหนือตัวรถครับ ทำให้ความเร็วสูงสุดที่ 160กม./ชม.

ดังนั้นรถไฟฟ้าจากมาเลเซียสามารถมาถึงหาดใหญ่ได้ ถ้าทางในบ้านเราติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้าไงครับ

ส่วนทางรถไฟในปาดังเบซาร์(ฝั่งไทย)นั้น เนื่องจากย่านนั้นควบคุมสัญญาณจากสถานีในฝั่งมาเลเซียไงครับ จึงอาจจะปรังปรุงย่านสินค้าฝั่งไทยไปด้วยพร้อมกัน และที่จะมีโครงการสถานีปาดังฯ ฝั่งไทย

[ลูกแมวตาดำๆ]

ลองอ่านขาวเก่าๆดูครับ ที่มา http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=134

มาเลเซียสร้างรถไฟรางคู่ติดชายแดนไทย

โดย ผู้จัดการรายวัน 16 มีนาคม 2550 22:25 น.

เอเอฟพี- มาเลเซียเตรียมที่จะสร้างทางรถไฟรางคู่ ซึ่งเดินรถด้วยระบบไฟฟ้า ตั้งแต่เมืองอีโปห์ รัฐเประ ไปจนถึงสถานีปาดังเบซาร์ ตรงพรมแดนไทย โดยโครงการนี้จะใช้งบประมาณราว 9,000 ล้านริงกิต ( 2,570 ล้านดอลลาร์ )

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม นาจิบ ราซัค กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซีย ตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการก่อสร้างทางรถไฟสายสำคัญที่เชื่อมเมืองอีโปห์ กับเมืองราวัง รัฐสลังงอร์ ทั้งนี้ ตามรายงานของสำนักข่าวเบอร์นามาของทางการแดนเสือเหลือง

นาจิบบอกว่า รัฐบาลจะยืนยันเรื่องค่าใช้จ่ายของโครงการนี้ หลังการเจรจาระหว่างบริษัทที่ชนะประมูลโครงการนี้ กับกระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคมเสร็จสิ้นลง

โครงการทางรถไฟรางคู่ความยาว 330 กิโลเมตรนี้ กลุ่มกิจการร่วมทุนของ 2 ยักษ์ใหญ่บริษัทก่อสร้าง คือ เอ็มเอ็มซี คอร์ป และ กามูดา ชนะประมูลตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน ทว่าถูกระงับไว้เพราะรัฐบาลต้องการลดการใช้จ่ายในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ทั้งหลาย

ตามรอย "รถไฟชานเมืองมาเลเซีย" พิสูจน์การใช้รางร่วมกัน 2 ระบบ
Prachachat Thurakij - 5 Novemeber 2007



ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่ารถไฟฟ้ากลายเป็นทางเลือกใหม่ที่มีบทบาทอย่างมากกับการเดินทาง เพราะสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ทั้งยังถึงจุดหมายตรงเวลา

แต่นอกจากรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน 2 สายทางที่เปิดใช้บริการอยู่ปัจจุบัน ในอนาคต "รถไฟชานเมือง" ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะกลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการเดินทางด้วยระบบรางที่เข้ามาแทนที่การเดินทางด้วยรถยนต์ หลังจากเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการ "ระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง" ช่วง "รังสิต-บางซื่อ-ตลิ่งชัน" ระยะทาง 41 กิโลเมตร วงเงินเกือบ 5.4 หมื่นล้านบาท

โดยจะดำเนินการช่วงแรก คือ "บางซื่อ-ตลิ่งชัน" ก่อน ระยะทาง 15 กิโลเมตร ปรากฏว่ามีผู้รับเหมาสนใจซื้อซองประกวดราคารวม 10 ราย อาทิ อิตาเลียนไทยฯ ซินเท็คคอนสตรัคชั่น ฯลฯ และมีระยะเวลาสิ้นสุดสัญญาก่อสร้างเดือนมิถุนายน 2554

แนวเส้นทางรถไฟเริ่มต้นจากสถานีบางซื่อ วิ่งคู่ไปตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ ไปสิ้นสุดที่สถานีตลิ่งชัน มีจุดจอด 3 สถานี คือ สถานีบางซ่อน บางบำหรุ และตลิ่งชัน โดยก่อนหน้านี้บริษัทพัฒนาที่ดินค่าย "ศุภาลัย" เพิ่งปักธงขึ้นโครงการคอนโดมิเนียม "ซิตี้โฮม" บนที่ดินย่านบางพลัด เยื้องกับโรงพยาบาลยันฮี รับรถไฟสายนี้ไปหมาดๆ

ที่น่าสนใจคือรถไฟสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ- ตลิ่งชัน) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถือเป็นสายแรก ที่จะถูกพัฒนาเป็นรถไฟชานเมืองแบบ 2 ระบบ คือ วิ่งได้ทั้งระบบที่ใช้ "น้ำมันดีเซล" และ "ไฟฟ้า" ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับเมืองไทย

วิธีการคือต้องติดตั้งระบบป้อนไฟฟ้า ด้วยสายส่งกระแสไฟที่ติดตั้งไว้ด้านบน ของราง แตกต่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอสและ รถไฟฟ้าใต้ดินที่ส่งกระแสไฟฟ้าสู่รางด้านล่างโดยตรง

โดย "บัญชา คงนคร" รองผู้ว่าการด้าน ปฏิบัติการ 1 และรักษาการผู้ว่า ร.ฟ.ท.เชื่อว่า หลังจากติดตั้งระบบแล้วจะช่วยให้การเดินทาง มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในแง่การทำความเร็วรถและลดต้นทุนเชื้อเพลิง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่มีโอกาสทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในปี 2551

แต่การเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆ มักมีคำถามเกิดขึ้นเสมอ

กรณีนี้ก็เช่นกัน มีคำถามเกิดขึ้นว่ารถไฟชานเมืองที่มีความกว้างของราง 1 เมตร เล็กกว่ารางรถไฟฟ้าบีทีเอสที่มีความกว้าง 1.435 เมตร จะวิ่งรถเชื่อมต่อกันได้อย่างไร เนื่องจาก ทั้ง 3 สถานีของรถไฟสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ- ตลิ่งชัน) จะสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีส้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมไปถึงเมื่อติดตั้งระบบแล้วเสร็จจะต้องเลือกวิ่งรถไฟระบบใดระบบหนึ่ง หรือวิ่งได้พร้อมกัน ทั้ง 2 ระบบ

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะผู้บริหารของ ร.ฟ.ท.จึงได้นำสื่อมวลชนเกือบ 30 ชีวิต เดินทางด้วยรถไฟข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อศึกษาการเดินรถไฟทางคู่ (รางคู่) แบบใช้ร่วมกัน 2 ระบบ ทั้งดีเซลรางและไฟฟ้า เหมือนกับที่จะเกิดขึ้นในรถไฟชานเมืองสายสีแดง

ระหว่างการเดินทาง ข้อมูลที่ได้รับจาก KERETAPI TANAH MELAYU BERHAD (KTMB) หรือ "การรถไฟมาเลเซีย" ระบุว่า ปัจจุบันมาเลเซียมีรางรถไฟรวมระยะทาง 1,658 กิโลเมตร สั้นกว่าประเทศไทยที่มีรางรถไฟระยะทางประมาณ 4,000 กิโลเมตร โดยแบ่งแยกออกเป็น 1)รถไฟชานเมือง ได้แก่ ระบบดีเซลรางและไฟฟ้า 2)รถไฟฟ้าในเมือง แยกเป็นแบบรางคู่และแบบโมโนเรล (รางเดี่ยว)

แต่ถ้าโฟกัส "รถไฟชานเมือง" ต้องยอมรับว่า มาเลเซียก้าวไปไกลกว่าเรามาก ปัจจุบันมีรถไฟรางคู่ 2 ระบบ (ดีเซลราง-ไฟฟ้า) รวมระยะทาง 175 กิโลเมตร จากเมือง RASA (ระสา) ไปถึง SEREMBAN (เซเรมบัน) และเมือง KLANG (ท่าเรือกลัง) ไปถึงเมือง SENTUL (โรงรถจักรเซนตุล) และอยู่ระหว่างพัฒนาเพิ่มจากช่วงเมือง RASA ถึง IPOH (อิโปห์) อีก 150 กิโลเมตร

หลังจากใช้เวลานั่งรถไฟข้ามคืนจากสถานีหัวลำโพงผ่านด่านปาดังเบซาร์ (จังหวัดสงขลา) เข้าสู่ประเทศมาเลเซีย ขบวนรถไฟก็ไปถึง "IPOH" สถานีใหญ่ซึ่งเป็นจุดที่มาเลเซียกำลังลงทุนเพิ่ม เพื่อพัฒนารถไฟชานเมืองให้วิ่งได้ทั้งน้ำมันดีเซลและระบบไฟฟ้า

สังเกตว่าแม้ตลอดเส้นทางรถไฟ 2 ข้างทางที่ผ่านมาจะเป็นชนบท จึงเป็นไปได้ว่าปริมาณการใช้บริการรถไฟต่อวันไม่น่าจะมากนัก แต่การรถไฟมาเลเซียก็ยอมทุ่มงบประมาณพัฒนาเส้นทางรถไฟอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในเชิงของรายได้อาจไม่ "คุ้มทุน" ก็ตาม

อาจเป็นเพราะนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรี "มหาธีร์" ที่มองการลงทุนอินฟราสตรักเจอร์เป็น "Economic Startegic Policy" และประเมินแล้วว่าการเดินรถไฟด้วยระบบไฟฟ้าจะมีต้นทุนต่ำกว่าน้ำมันดีเซลถึง 30% ที่น่าสนใจคือเป็นการคำนวณภายใต้ราคาน้ำมันที่ซื้อขายกันในปั๊มเพียงลิตรละ 15 บาท เนื่องจากมาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศ ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของอาเซียน

โดยหลังจากลงทุนพัฒนาระบบแล้ว การวิ่งรถไฟชานเมืองของมาเลเซียด้วย "ระบบไฟฟ้า" สามารถทำความเร็วเพิ่มขึ้นจากการวิ่งรถไฟด้วยน้ำมันดีเซลอีก 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือจาก 100-120 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหมายถึงการมีจำนวนเที่ยววิ่งรถที่เพิ่มขึ้น แต่มีต้นทุนเดินรถต่ำลง

สำหรับแนวคิดระบบขนส่งมวลชนของ มาเลเซีย อาศัยรถไฟชานเมืองเป็นตัวขนคน เข้าสู่ในเมือง และมาเปลี่ยนถ่ายสู่รถไฟฟ้า ที่วิ่งในเมือง ดังนั้นกรณีที่รางมีขนาดความกว้าง ไม่เท่ากันก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเชื่อมต่อ การเดินทาง

แต่ในแง่การจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟกรณี ผู้โดยสารเปลี่ยนเส้นทางมีความสลับซับซ้อนน้อยกว่า เนื่องจากผู้โดยสารไม่ต้องเสียค่ารถใหม่เหมือนกรณีเปลี่ยนจากนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสมาใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน เนื่องจากปัจจุบันรถไฟเกือบ ทุกสายทางในมาเลเซีย ยกเว้นสาย Express Rail Link ที่วิ่งเชื่อมต่อไปถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ อยู่ภายใต้ความดูแลของการรถไฟมาเลเซีย ที่มีสถานภาพเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้นโดยภาครัฐ 100%

โดยรถไฟชานเมืองของมาเลเซีย หากเป็นรถไฟชั้น 1 ระยะทางจากกัวลาลัมเปอร์-สิงคโปร์ (300 กิโลเมตร) คิดค่าโดยสาร 12-68 ริงกิต (120-680 บาท) ถ้ารถไฟชั้น 3 (ไม่มีแอร์) คิดราคาเพียง 2 ริงกิต (20 บาท) เท่านั้น และแบบตู้นอนคิดราคา 125 ริงกิต (ประมาณ 1,250 บาท) ส่วนรถไฟฟ้าที่วิ่งในเมือง คิดค่าโดยสาร 1-5 ริงกิต (10-50 บาท) ใกล้เคียงกับค่า โดยสารรถไฟฟ้าในบ้านเรา

ที่น่าสนใจคือตามแผนพัฒนาระบบราง ฉบับที่ 9 ของมาเลเซีย (ปี 2005-2010) ได้วาง งบประมาณลงทุนสูงถึง 5,000 ล้านริงกิต (5 หมื่นล้านบาท) โดยงบประมาณหลักๆ จะถูกใช้พัฒนาระบบราง จาก "รางเดียว" (เลนเดียว) เป็นรถไฟรางคู่ (วิ่ง 2 รางสวนกัน) ทั้งด้านทิศเหนือและ ทิศใต้ของประเทศ รวมระยะทาง 708 กิโลเมตร

และหากนับรวมตั้งแต่ปี 1995-2010 (15 ปี) เท่ากับว่ามาเลเซียใช้งบประมาณในการพัฒนาระบบรางไปแล้วทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านริงกิต หรือ 1 แสนล้านบาทเศษ

ซึ่งการเดินทางตามรอยรถไฟมาเลเซียครั้งนี้ ถือเป็นการศึกษารูปแบบ "ระบบราง" เพื่อนำมาปรับใช้กับการพัฒนาระบบรถไฟของไทยต่อไปในอนาคต

หน้า 13

[นายไข่นุ้ย]

ในสมัยก่อนประเทศไทยได้ใช้รางรถไฟเท่ากับยุโรป คือ ขนาดราง 1.435เมตร แต่ในเส้นทางสายใต้ ต้องเชื่อมกับมาเลย์และสิงคโปร์ซึ่งใช้รางกว้าง1เมตร เลยต้องปรับให้เท่ากัน ดังนั้นเลยต้องปรับให้เหมือนกันทัวประเทศครับคือ 1เมตร
  ส่วนรถไฟความเร้วสุงที่จะสร้างหรือไม่สร้างนั้นจะสร้างรางกว้างแบบไหนไม่ทราบ บ่าวขอให้การรถไฟสร้างรางคู่ให้ได้ก่อนตะ

[ลูกแมวตาดำๆ]

ในสมัยก่อนประเทศไทยได้ใช้รางรถไฟเท่ากับยุโรป คือ ขนาดราง 1.435เมตร แต่ในเส้นทางสายใต้ ต้องเชื่อมกับมาเลย์และสิงคโปร์ซึ่งใช้รางกว้าง1เมตร เลยต้องปรับให้เท่ากัน ดังนั้นเลยต้องปรับให้เหมือนกันทัวประเทศครับคือ 1เมตร
  ส่วนรถไฟความเร้วสุงที่จะสร้างหรือไม่สร้างนั้นจะสร้างรางกว้างแบบไหนไม่ทราบ บ่าวขอให้การรถไฟสร้างรางคู่ให้ได้ก่อนตะ

ขอทางคู่ติดระบบไฟฟ้า วิ่ง160 ก็พอแล้วจ้า ทำลักษณะนี้ให้เสร็จ แล้วต่อไปจะทำความเร็วสูง 300 ไปก็ตามสบายเลย แต่ให้ทำเป็นทางสายใหม่ เพราะรัศมีโค้งที่มีมากกว่า เพราะเราจะมีความรู้พื้นฐานก็คือบุคลากรพื้นฐานนั้นเอง เหมือนคนเรา ไม่เรียนพื้นฐานแล้วข้ามไปเรียนขั้นสูง มันก็อาจจะไปไม่รอด

[นายไข่นุ้ย]

ขอทางคู่ติดระบบไฟฟ้า วิ่ง160 ก็พอแล้วจ้า ทำลักษณะนี้ให้เสร็จ แล้วต่อไปจะทำความเร็วสูง 300 ไปก็ตามสบายเลย แต่ให้ทำเป็นทางสายใหม่ เพราะรัศมีโค้งที่มีมากกว่า เพราะเราจะมีความรู้พื้นฐานก็คือบุคลากรพื้นฐานนั้นเอง เหมือนคนเรา ไม่เรียนพื้นฐานแล้วข้ามไปเรียนขั้นสูง มันก็อาจจะไปไม่รอด

+10