อนุทิน ชาญวีรกูล ชูธง‘ภูมิใจไทย’ฝ่ากระแส‘เรฟูจีการเมือง’

[ทีมงานบ้านเรา]

ที่มา สยามธุรกิจออนไลน์

[attach=1]

"อนุทิน ชาญวีรกูล" นายทุนพรรคภูมิใจไทย เมื่อถูกลูกอ้อน ทั้งขอ ขู่ ดัน ของ "เนวิน ชิดชอบ" ให้รับตำแหน่ง "หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย" ตัวจริงเสียงจริง ไปตามความเหมาะสม เพราะไม่มีนักการเมืองใหญ่คนใด กล้ามาคุมพรรคยี่ห้อสีน้ำเงินส่วนนายเนวิน ขอยุติบทบาททาง การเมืองในระดับชาติ แต่ถอยไปเป็นครูใหญ่ และอยู่ข้างหลัง มุ่งทำทีมฟุตบอลและการเมืองในพื้นที่เป็นหลัก สำหรับ ส.ส.กลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่มีอยู่ 7 เสียง ต้องแยกตัวออกไปหาพรรคใหม่ นั่นเป็นสถานการณ์ล่าสุด และเป็นเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของพรรคภูมิใจไทยที่จะเดินไปสู่อนาคตอย่างยากลำบาก

พรรคภูมิใจไทย เป็นที่รับรู้กันตั้งแต่ต้นว่า มาจาก 2 กลุ่มหลัก คือกลุ่มของนายเนวิน และกลุ่มนายสมศักดิ์ (มา จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่ถูกยุบในปี 2551) โดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น หัวหน้าพรรค และนางพรทิวา นาคาศัย เป็นเลขาธิการพรรค นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.จากนครราชสีมา เป็นรอง หัวหน้าพรรคคนที่ 1 และนายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ อดีตเลขาธิการ สำนักงานประกันสังคม เป็นรองหัวหน้าพรรค คนที่ 2

การบริหารพรรคภูมิใจไทยในทาง พฤตินัยนั้น มีนายเนวิน กำกับสั่งการเกือบทั้งหมดโดยมีนายอนุทิน นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายศุภชัย ใจสมุทร เป็นมือช่วยงาน ส่วนกลุ่มนายสมศักดิ์ มีบทบาทไม่มากนัก แต่ภาพลักษณ์ของ พรรคภูมิใจไทยในทางสาธารณะ คือพรรค ของนายเนวิน ระหว่างการร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อต้นปี 2552 บทบาทนำอยู่กับกลุ่มนายเนวิน

โดยมีนายชวรัตน์ เป็นรมว. กระทรวงมหาดไทย นายโสภณ เป็นรมว.กระทรวงคมนาคม นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ เป็น รมช.กระทรวงคมนาคม นายบุญจง เป็นรมช.มหาดไทย และนายชาติชาย พุคยาภรณ์ เป็น รมช.กระทรวงเกษตรฯ ขณะที่สายนายสมศักดิ์ มีนางพรทิวา เป็นรมว.กระทรวงพาณิชย์ นายมานิตย์ นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เป็น รมช.กระทรวงสาธารณสุข

ช่วงการเลือกตั้ง 2554 พรรคภูมิใจไทย จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ แข่ง กับพรรคเพื่อไทย โดยมีเป้าหมาย ส.ส.ที่ 120 คน ก่อนปรับลดลงมาเหลือ 80 คนและ 50 คน เพราะไม่อาจทานกระแสพรรค เพื่อไทย กระแสคนเสื้อแดงได้ กระทั่งได้ส.ส. เพียง 35 คน ปัญหาภายในพรรคภูมิใจไทยปะทุขึ้นเมื่อกลุ่มนายสมศักดิ์ ต้องการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่มีการตั้งเงื่อนไข นายสมศักดิ์ต้องขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก่อน ซึ่งทำให้นายสมศักดิ์ ไปขอกับนายเนวิน เพื่อขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค แต่นายเนวินปฏิเสธ

จริงอยู่ กลุ่มเพื่อนเนวิน ก็ต้องการร่วมรัฐบาล โดยมีความพยายามจากนายอนุทิน หรือ "เสี่ยหนู" พยายามต่อสายกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ได้รับการปฏิเสธ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมรับนายเนวิน นายอนุทิน กล่าวยืนยันกระแสข่าวเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นความจริงและทุกสิ่งที่ไปเจรจาหรือทำอะไร นายเนวิน แกนนำพรรครับทราบ ตลอดและไม่เคยทำอะไรตามลำพัง จนแล้วจนรอด ทั้งกลุ่มนายสมศักดิ์ และกลุ่มนายเนวิน ล้วนไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล แต่ความขัดแย้งยังอึมครึม ยิ่งหลังการตั้งรัฐบาลและต้องมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ภายในพรรคภูมิใจไทยยิ่งมีปัญหา แม้แต่ในกลุ่มเพื่อนเนวินเอง ส.ส.หลายคน ก็เริ่มคิดออกจากพรรคภูมิใจ ไทย เพราะช่วงหลังนายเนวิน หันไปทุ่มเท กับทีมฟุตบอล และการเมืองในพื้นที่เป็นหลัก ส่วนภายในพรรค กลับไม่มีการกำหนดทิศทางอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ สถานการณ์ภายในพรรคภูมิใจไทย จึงเป็นสถานการณ์ที่เริ่มระส่ำระสาย อันเป็นที่มา ที่นายอนุทิน ต้องจัดประชุม ส.ส. 27 คน ในกลุ่มเพื่อนเนวิน เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ ผ่านมา แล้วมีบทสรุปว่า พรรค ภูมิใจไทย ตกอยู่ในมือ "อนุทิน" ซึ่งนับแต่นี้ไปบทบาทการเมืองในกำมือเสี่ยหนูจึงมีแต่ความยากลำบากหรืออย่างเก่งก็ได้แค่ ประคองตัว รอวันม้วนเสื่อแยก กันย้ายไปรังใหม่ตามความถนัดและเหมาะสมของบรรดา ส.ส.ผู้แสวงหาโอกาสทั้งหลาย

นายอนุทิน บุตรชายของนายชวรัตน์ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคนปัจจุบัน ที่ต้องการ ลงจากตำแหน่งและวางมือทางการเมือง โดยคาดว่า ในการประชุมสมัยสามัญของพรรคที่จะมีขึ้นอย่างช้าไม่เกินสิ้นปี 2555 นายอนุทิน คงได้ขึ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรค อย่างเป็นทางการ ส่วนนายเนวิน ถอยไปอยู่ข้างหลัง คอยชักใย รอเป่านกหวีดสั่งการอีกตามเคย ดังนั้น สิ่งที่น่าสนใจคือทั้งทิศทางและอนาคตของพรรคภูมิใจไทย ในมือของ นายอนุทิน จะดำเนินกิจกรรมการเมืองไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ และเต็มไปด้วยความ ยากลำบาก เพราะ....

ประการหนึ่ง ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่เหลืออยู่ 27 ไม่ได้เป็นเอกภาพในสังกัดของนายอนุทิน ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น ส.ส.ส่วนหนึ่งยังขึ้นตรงต่อนายเนวิน คือ ส.ส.ในจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ ส่วนอีกซีกหนึ่ง ยังรอหวนกลับคืนพรรคเพื่อไทย และส.ส.อีก 4-5 คน กำลังลุ้นใบแดง ซึ่งโอกาสโดนสอยมีสูงยิ่ง

อีกประการหนึ่ง สถานะของพรรคภูมิใจไทย ในปัจจุบันและอนาคต เป็นสถานะที่โดดเดี่ยว เพราะโอกาสที่จะกลับมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ยังมองไม่เห็น ด้วยรัฐบาลปัจจุบัน มีเสียงสนับสนุนถึง 300 เสียง ซึ่งถือว่าแน่นหนามั่นคง ขณะที่การทำงานในบทบาทฝ่ายค้าน พรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้จับมือแข็งแรงกับพรรคประชาธิปัตย์

ประการถัดมา บารมีของนายอนุทิน ยังไม่มากนักและเขาไม่ใช่คนใจ ถึงในด้านทุน และในการเลือกตั้งที่ผ่าน มา ก็มีรอยร้าวระหว่างผู้สมัครกับนาย อนุทิน ในเรื่องทุนสนับสนุน เหตุการณ์ไม่พอใจเยี่ยงนี้ ทำให้นายโสภณเหลืออด จนต้องปิดห้องคุยกับนายเนวิน เพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น และในปัจจุบัน ส.ส.หลายคน ก็ไม่พอใจ เรื่องการดูแลเป็นรายเดือน ...แบบนี้ลำบากแล้ว "อนุทิน"

ประการสำคัญยิ่งคือ ภาพลักษณ์ พรรคภูมิใจ ที่มีชื่อ เนวิน ติดตัว ยากที่จะแกะออก ซึ่งส่งผลให้โอกาสในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยิ่งริบหรี่ ยิ่งเป็นฝ่ายค้านโอกาสย่อมลดลง กว่าการเลือกตั้งในปี 2554 สถานการณ์ของพรรคภูมิใจไทยในกำมือของนายอนุทิน ไม่ต้องให้ท่องคาถา ร่ายเวทมนต์ฉบับใดก็เอาไม่อยู่แล้วในทั้งปัจจุบัน อย่างเก่งแค่ "ประคองพรรค" ให้อยู่ได้ ยังจัดเป็นงานหนักอึ้งแล้วยิ่งในอนาคตกลับมืดมน ไร้ความหวังรัฐบาล เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำ นายได้เลย ลงท้ายกลายเป็นพรรคแพแตก ราวกับพวก "เรฟูจีการ เมือง" ลอยคอกลางทะเลการเมืองอย่างสิ้นหวังเพื่อหาพรรคใหม่อยู่

[Bush]

                                วิเคราะห์ถูกเผงเลย     

[คุณาพร.]