อะไรจะฉิบหายก่อนกัน..

[โครตโกง]

เห็นข่าวหน้าหนึ่งใน โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันวาน...แล้วอดรู้สึกเหน็ดเหนื่อย เมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว ขึ้นมาไม่ได้ นั่นก็คือข่าวว่าด้วย กรณีอธิบดีกรมสรรพสามิต นาง เบญจา หลุยเจริญ ที่ว่ากันว่าเป็นสายตรง หรือสายสองสลึง อะไรก็แล้วแต่ ออกมาแถลงถึงความสำเร็จ หรือความฉิบหายของ นโยบายรถคันแรก ของรัฐบาล คงต้องเก็บไปคิดกันเอาเอง เอาไว้อย่างน่าทึ่ง และน่าสะพรึงกลัวเอามากๆ...
--------------------------------------------
โดยสรุปๆ ประมาณว่า...ณ ปัจจุบันนี้ การใช้สิทธิขอคืนภาษี ในโครงการ ลด-แลก-แจก-แถม หรือโครงการคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรก ตามนโยบายประชานิยมของรัฐบาลนั้น ได้ดำเนินไปอย่างชนิดขี้แตก ขี้แตน จากที่เคยมีผู้ยื่นขอใช้สิทธิ ตกสัปดาห์ละ 100 คัน ได้เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 1,000 คัน และล่าสุด เป็นสัปดาห์ละ 10,000 คันเข้าไปแล้ว ทำให้นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมา มีผู้ขอใช้สิทธิตามโครงการดังกล่าว เป็นจำนวนรถถึง 1.45 แสนคัน คิดเป็นตัวเงินที่จะต้องนำเอาเม็ดเงินภาษีอากรของราษฎร ไปคืนให้กับผู้ใช้สิทธิเหล่านี้ ไม่ต่ำกว่า 1.45 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย และถ้าหากคาดการณ์ตัวเลขไปจนถึงสิ้นปี คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิคิดเป็นจำนวนรถไม่ต่ำกว่า 5 แสนคัน หรือเป็นงบประมาณที่จะต้องจ่ายคืน ให้กับบรรดาผู้ซื้อรถคันแรก ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลจัดงบฯ ให้กับสรรพสามิตในเรื่องนี้ตลอดทั้งปี เพียงแค่ 7,000 ล้านบาทเท่านั้น...
-----------------------------------------------
พูดง่ายๆ ก็คือ...ยังไงๆ รัฐบาลคงต้องหันไปควักเม็ดเงินภาษีจากราษฎร ผู้ที่มีรถ หรือไม่มีรถ มาโปะให้กับกรมสรรพสามิตอีก ไม่ต่ำกว่า 20,000 กว่าล้านบาทนั่นแหละ ถึงพอจะเอาอยู่ และถ้าเอาแล้ว ประเทศชาติมันจะเจริญเติบโต ก้าวหน้า ตามไปด้วย ก็คงไม่น่าเหน็ดเหนื่อย อะไรมากมาย แต่ในเมื่อประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮานั้น ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า เป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันแพงแบบสุดๆ แถมยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่สั่งเข้าพลังงาน เพื่อมาบริโภคสูงที่สุดในโลก เมื่อเทียบตามอัตราส่วน ของการพึ่งพาพลังงานภายในประเทศตัวเอง อีกทั้งยังเป็นประเทศ ที่ไม่ได้มีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์เป็นของตัวเอง เป็นแค่ประเทศผู้ผลิตชิ้นส่วน หรือประเภทบริษัท รับจ้างทำของ เท่านั้นเอง การสนับสนุน ส่งเสริม ให้ผู้คนในประเทศซื้อรถให้มากๆ เข้าไว้ และบริโภคน้ำมันให้หนักๆ เข้าไว้ มันจึงเป็นอะไรที่ทุเรศ ทุรัง มาตั้งแต่ต้น หรือแค่เริ่มต้นคิด...ก็บ้าแล้ว!!!
----------------------------------------------
แต่ทำไงได้...ในเมื่อนโยบายประเภท ลด-แลก-แจก-แถม เช่นนี้ มันถูกตา ต้องใจ ประชาชนส่วนใหญ่ ที่ขอให้ได้แดก ได้บริโภค ให้หนักๆ เข้าไว้ ก็พร้อมจะออร์กัสซั่มกันไปเป็นแถบๆ ส่วนประเทศชาติ หรือลูกหลาน ในอนาคตข้างหน้า จะเป็นอย่างไร...นั่นเป็นเรื่องของมึง!!! มันถึงได้ทำให้เกิด รัฐบาลประชานิยม ครองอำนาจ ครองเสียงข้างมากในสภา มาโดยตลอด ในเมื่อ ความพอเพียง มันไม่ได้มีอยู่ในความรู้สึกนึกคิด ในหัวจิตหัวใจ ของประชาชนส่วนใหญ่ ตั้งแต่ราษฎรธรรมดา ไปจนถึงพรรคการเมือง ในแต่ละพรรค มีแต่การพูดจาแบบนกแก้ว นกขุนทอง ไปวันๆ ระหว่าง ความฉิบหายของประเทศไทย กับ ความฉิบหายของทักษิณ จึงแทบสรุปไม่ได้ว่า อะไรมันจะฉิบหายก่อนกัน...
----------------------------------------------
ไม่ว่า ทักษิณ จะยังมีสถานะเป็นนักโทษผู้หลบคดี หรือกลายสภาพไปเป็นผู้แทนถาวรประจำประเทศไทยไปแล้ว แต่ภายใต้บรรยากาศ ทักษิณคิด-เพื่อไทยทำ ในช่วงแค่ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...ความฉิบหายนานาชนิด ได้เป็นไปอย่างหนักหนาสาหัส ชนิดอาจต้องใช้เวลาประมาณ บ่ายสามโมงชาติหน้าโน่นแหละ ถึงจะฟื้นฟู กอบกู้ แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง กลับคืนมาได้ดังเดิม แค่ความฉิบหายจากนโยบายจำนำข้าว เพียงนโยบายเดียวเท่านั้น ปานับเป็นแสนๆ ล้านเข้าไปแล้ว จนถูกขนานนามว่าเป็นการ เผาบ้าน-เผาเมือง รอบใหม่ ที่อาจหนักหนาสาหัส ซะยิ่งกว่าเผาบ้าน-เผาเมือง รอบที่แล้วก็ไม่แน่ โดยเฉพาะถ้าคิดคำนวณเป็นเม็ดเงิน เป็นตัวเลขเงินๆ ทองๆ แต่เพียงอย่างเดียว กระทั่งตัวเลขหนี้ส่วนบุคคล หนี้ครอบครัว หนี้สาธารณะ อันถือเป็น รายจ่าย แต่ละชนิด ต่างพุ่งกระฉูดไปด้วยกันทั้งสิ้น เหลือแต่ตัวเลขจีดีพี ตัวเลขการส่งออก หรือตัวเลข รายได้ ที่มีแต่จะลดลงๆ ไปทุกวัน...
---------------------------------------------
นั่นยังไม่รวมถึงระเบียบ ระบบ กฎ กติกา มารยาท หรือแม้แต่ กฎหมายบ้านเมือง ที่มีแต่จะเสื่อมโทรม ไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ลงไปเรื่อยๆ โจทก์แปรสภาพกลายมาเป็นจำเลย จำเลยกลายไปเป็นโจทก์ คนชั่วกลายเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ คนดีกลายเป็นผู้ซึ่งถูกปฏิเสธ ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน แทบทุกองคาพยพ ของหน่วยงานแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ในระบบราชการ ในองค์กรอิสระ ในคณะกรรมการชุดต่างๆ ฯลฯ ล้วนแต่ถูกแทรกแซง แทรกซึม ถูกจัดตั้งขึ้นมาเป็น เครือข่ายรองรับกระบวนการสร้างความฉิบหายให้กับประเทศอย่างเป็นระบบ กว่าจะขจัดกวาดล้างคราบสกปรก ความปลิ้นปล้อน ตลบตะแลง ที่ถูกกระจายอยู่ในแทบทุกอณูในสังคม ในแต่ละแวดวง มันถึงอาจต้องใช้เวลาประมาณชาติหน้า ตอนบ่ายสามโมงแก่ๆ อย่างที่ว่าเอาไว้...
------------------------------------------------
ว่าไปแล้ว...บริบท หรือพฤติกรรมการเคลื่อนไหว ของสังคมแต่ละสังคมนั้น เคยมีผู้สันทัดกรณี ท่านอุปมา-อุปมัยเอาไว้ว่า คงไม่ต่างอะไรไปจากการแกว่งไกวของลูกตุ้มนาฬิกานั่นแหละ คือ ถ้าหากมันแกว่งไปทางซ้าย ในอัตราความเร็ว หรือความแรงมากน้อยขนาดไหน มันย่อมแกว่งกลับมาทางด้านขวา ในอัตราความเร็วและความแรง ไม่ต่างไปจากกันแม้แต่นิด เป็นไปตามกฎฟิสิกส์ กฎความเป็นไปทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถพิสูจน์ ยืนยันได้เสมอๆ สิ่งที่น่าหนักใจเอามากๆ ก็คือว่า...ถ้าหากทุกสิ่ง ทุกอย่าง เป็นไปตามกฎที่ว่านี้ ดูเหมือนว่า...การฟื้นฟูประเทศไทย ให้กลับมามีความสุข ความสงบเรียบร้อย ดังเดิม มันอาจจะเลยจุด เลยกรอบ ที่พลังอำนาจทางการเมืองโดยปกติ จะสามารถทำให้ลูกตุ้มนาฬิกา มันลดแรงแกว่ง แรงไกว กลับมาตั้งต้น ณ ที่จุดจุดเดิม ในเมื่อแรงเหวี่ยงขณะนี้ มันได้สวิงไปสู่ความชั่วแบบสุดๆ ฉิบหายแบบสุดๆ โอกาสที่จะกระชากมันกลับมา มีแต่ต้องหันไปใช้พลังในด้านตรงกันข้าม ในอัตราความเร็ว และความแรง ที่ไม่ต่างไปจากกันนั่นเอง...
----------------------------------------------

[อะไรขนาดนั้น]

อยากรู้จริงๆ

โครตโกง เป็น ใครกัน?

เขียนเก่งจริงเลย

ยิ่งกว่านั่งเทียน

ยิ่งกว่ายกเมฆ

ยิ่งกว่านักวิชาการ

ยิ่งกว่านักวิเคราะห์

ยิ่งกว่านักวิจารณ์

เพราะอะไรหรือครับ

หาความเป็นจริงไม่ได้เลย

บาปกรรมจริงๆที่เขียนอย่างนี้

ดูถูกดูแคลนมากไป

เวลาเป็นเครื่องตัดสิน

คงไม่นานเกินรอหรอกครับ

คอยดูกันต่อไป

[โครตโกง]

ไม่รู้ว่าเป็นใครก็บ้าแล้วล่ะครับ..

[โคตร หรือ โครต]

ไม่รู้ว่าเป็นใครก็บ้าแล้วล่ะครับ..

"โครตโกง"  คนเขียน

คนที่เขียนทั้งหมดนะเป็นใคร

และคำว่าโครตเขียนผิด

ผมก็พลอยผิดไปด้วย

ที่จริงต้องเขียนว่า โคตร

[ไรกันหว่า]

เสื้อแดงเองครับเขียนมีไรมั้ย

[ไก่ฟักด้าม]

สุดท้ายประชาชนตาดำๆ ก็ต้องทนรับภาระหนี้สาธารณะกันต่อไป
น้ำมันแพง  แก๊สแพง  แต่  สินค้าเกษตรราคาถูก

[ไม่ว่าอะไร]

เสื้อแดงเองครับเขียนมีไรมั้ย

จะไปว่าอะไรท่านละครับ

ขอให้คุณเสื้อแดง "เสื้อแดงเองครับเขียน"

คนคนนี้คนที่เขียน

จงประสบแต่ความดีความชอบ

ตามที่ใจปรารถนาทุกประการ

แต่หากว่ามีอคติก็ขอให้พบกับสิ่งตรงกันข้ามด้วย ละกัน

สาธุ สาธุ สาธุ