ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ศาลาน้ำหน้าจวนเมืองสงขลา

เริ่มโดย พี่แอ๊ด, 22:43 น. 15 มี.ค 53

หม่องวิน มอไซ

ลองอ่านดูนะครับ

...ยังไม่มีเวลาจะดูการอะไร อยู่ครู่หนึ่งเลยไปดูตามตลาด เพราะเวลาเย็นเสียแล้ว คิดจะมาใหม่วันหลัง ไปดู
ตลาดจนสุดยาวมากแต่เปนตลาดขายสิ่งของทั้งนั้น เปนที่อยู่ด้วยขายของเล็กน้อยหน้าบ้าน ที่ขายมากเปนห้าง
มีสองห้าง สุดตลาดแล้วเลี้ยวลงข้างตลาดริมทเล มีตึกแถวข้างริมน้ำ เพิงพลริมกำแพง ถนนนี้อยู่นอกเมือง
เปนแถวตลาดขายของสด มีผัก ปลา หอม กเทียม เกลือ กปิ ฯลฯ แลอื่น ๆ ตลอด สุดตลาดสดเลี้ยวเข้า
ทางเดินกลับบ้าน ลืมไป ก่อนถึงออฟฟิศไปรษณีย์โทรเลขได้แวะดูจวนเก่าหลังหนึ่ง ได้ทำไว้เปนศาลอำเภอ...


ที่นี้ลองพิจารณาดูนะครับ
จวนเก่า กลายเป็นศาลอำเภอ ในขณะเวลา พ.ศ. ๒๔๔๕
ศาลอำเภอที่ว่านี้ อาจเป็นศาลมณฑลนครศรีธรรมราช ในเวลาต่อมา ซึ่งคือบริเวณโทรศัพท์ในปัจจุบัน
แต่เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง) เป็นผู้สร้างจวนขึ้นใหม่ ๕ หลัง
ซึ่งในพงศาวดารบอกว่าจวนเดิมอยู่ด้านตะวันตกของกำแพง จวนใหม่อยู่ด้านตะวันออกของกำแพง

ดังนั้นจวนใหม่ของเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง) จึงกลายเป็นจวนเก่าในสมัยของกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ครับ

หม่องวิน มอไซ

เมื่อมีความเป็นไปได้ว่า จวนเดิมที่มีศาลาหน้าจวน อยู่ตรงที่ดินด้านเหนือของไปรษณีย์ (ปัจจุบันมีอาคารพาณิชย์และบ้านเต็มไปหมดครับ)
ก็ลองหาภาพเก่ามาพิสูจน์กันครับ
ภาพเก่าที่นึกได้ คือ ภาพในชุด ร.๖ เสด็จเลียบมณฑลปักษ์ใต้ พ.ศ. ๒๔๕๘ ถ่ายจากเขาตังกวนครับ
สงขลาสมัยนั้น เต็มไปด้วยต้นหมาก จนเกิดถนนสวนหมากขึ้นมานั่นเอง


หม่องวิน มอไซ

ลองขยายแถว ๆ ริมทะเลสาบดูนะครับ

หม่องวิน มอไซ

ลองมองเลียบริมทะเลสาบมาเรื่อย ๆ นะครับ
จากซ้าย จะเห็นปล่องโรงสี ตรงนั้นอาจเป็นโรงสีทองมี ซึ่งตรงกับศูนย์รวมข่าว (โรงพัก) ในปัจจุบัน
ถัดมาเห็นอาคารหลังคาปั้นหยาสองหลัง ตรงนั้นคือ ศุลกากรในปัจจุบัน
ถัดมาเห็นอาคารเยอะแยะมากมาย มีแบบหลังคาทรงจีนด้วย
ผมว่าจวนเก่าอยู่แถวนั้นแหละครับ แถมมีอาคารอยู่ริมน้ำด้วย
 >:D
ถัดมาอีกเป็นที่โล่ง ๆ ไม่มีอาคารอะไร มีแนวต้นสนทะเลปลูกเป็นแนวจากซ้ายไปขวาของภาพ
แนวต้นสนนี้ จะเป็นทางขึ้นจากทะเล มาเจอศาลากลางเก่าพอดีครับ
แถวนี้ต่อมา ได้ยกที่ให้เทศบาล สร้างตลาดสด ต่อมาก็รื้อสร้างอาคารพาณิชย์ ตรงกับวิเชียรชมซอย ๗ นั่นเองครับ
ถัดมาเป็นต้นหมากเต็มไปหมด ต่อมาสร้างเป็นถนนสวนหมาก

เชื่อผมไหมครับ ว่าศาลาน้ำหน้าจวนเมืองสงขลา อยู่ตรงทิศเหนือของไปรษณีย์  )de

หม่องวิน มอไซ

ปิดท้ายด้วยแผนที่ครับ


พี่แอ๊ด

ถ้าบริเวณโทรศัพท์ในปัจจุบัน เคยเป็นศาลมณฑลนครศรีธรรมราช  ถ้างั้นปืนโบราณที่พี่เคยเห็นที่ชุมสายโทรศัพท์ คงเป็นของศาลมณฑลฯ 

หม่องวิน มอไซ

จริงด้วยครับ เพราะศาลมณฑลอยู่ในเขตกำแพงเมือง ตรงหัวมุมของป้อมเทเวศพอดีครับ
เรื่องปืนที่ชุมสายโทรศัพท์ ไปอยู่ที่ไหนแล้ว ตอนนี้ยังมืดแปดด้านครับ
คงต้องไปสืบจากเขาน้อยอย่างที่พี่แอ๊ดว่ากระมัง ว่าปืนที่บนเขาน้อย เอามาจากที่ไหน  ;)

นำภาพถ่ายทางอากาศจากท่านคนเขารูปช้างมาให้ชมครับ


หม่องวิน มอไซ

ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ"บ้านเจ้าเมือง"แล้วครับ จากภาพนี้


หม่องวิน มอไซ

พี่เอนก นาวิกมูล ได้แก้ไขไว้ในหนังสือ มรดกเมืองสงขลา มหาวชิราวุธ หน้า ๘๔ ว่า

...ภาพนี้เคยตีพิมพ์ในสมุดภาพสงขลา มหาวชิราวุธ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖ หน้า ๙๓
ผู้เขียนบรรยายว่าปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา
ตรงนี้ได้รับคำทักท้วงจากคุณไพจิตร สุขะวัลลิ ชาวสงขลา (เกิด พ.ศ. ๒๔๗๐) เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๘
ว่าที่ถูกต้องคือเป็นตึกที่อยู่ชายทะเล (ด้านหลังติดทะเลสาบ) อยู่ตรงข้ามตึกชุมสายโทรศัพท์ปัจจุบัน
ถูกระเบิดทำลายไปเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ เขาว่าตอนระเบิดลง มีคนพบทองใส่ไหวางอยู่บนขื่อ แต่เท็จจริงอย่างไรไม่แจ้ง


ยิ่งเพิ่มความมั่นใจว่า ศาลาน้ำหน้าจวนเจ้าเมืองสงขลา อยู่ตรงข้ามชุมสายโทรศัพท์นั่นแหละครับ  ;D

คนเขารูปช้าง

ขอบคุณ อ.หม่องฯ มากครับที่สละเวลาไปค้นหลักฐานมา ผมเองก็นึกถึงภาพ "บ้านเจ้าเมืองเก่า" ของท่านหลวงวิเศษในหนังสือเล่มเดียวกันอยู่เหมือนกัน กำลังคิดจะนำมาลงเพราะเห็นลักษณะของหมู่ตึกเก๋งจีนเมื่อมองจากด้านบนแล้วเหมือนกับอาคารริมทะเลสาบติดที่ทำการไปรณีษย์โทรเลขสงขลาในแผนที่ปี ๒๔๗๘ คือมีลักษณะรวมของหมู่ตึกเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ส่วนอาคารพิพิทธภัณฑ์ฯในปัจจุบันลักษณะรวมของหมู่ตึกในแผนที่ปี ๒๔๗๘ เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าครับ

แต่ อจ.หม่องฯ นำมาลงเสียก่อน และยังไปหาเพิ่มมาอีกว่า " ...ภาพนี้เคยตีพิมพ์ในสมุดภาพสงขลา มหาวชิราวุธ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖ หน้า ๙๓
ผู้เขียนบรรยายว่าปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา
ตรงนี้ได้รับคำทักท้วงจากคุณไพจิตร สุขะวัลลิ ชาวสงขลา (เกิด พ.ศ. ๒๔๗๐) เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๘
ว่าที่ถูกต้องคือเป็นตึกที่อยู่ชายทะเล (ด้านหลังติดทะเลสาบ) อยู่ตรงข้ามตึกชุมสายโทรศัพท์ปัจจุบัน
ถูกระเบิดทำลายไปเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ เขาว่าตอนระเบิดลง มีคนพบทองใส่ไหวางอยู่บนขื่อ แต่เท็จจริงอย่างไรไม่แจ้ง "
ซึ่งผมก็มีแต่ได้อ่านข้ามรายละเอียดไปครับ ต่อไปนี้ต้องค่อยๆ นั่งอ่านเก็บรายละเอียดในสมุดภาพให้มากที่สุดเสียแล้วครับ

ผมเห็นด้วยกับที่อจ.หม่องให้ข้อสรุปเรื่องตำแหน่งของ " ศาลาน้ำหน้าจวนเมืองสงขลาครับ" ซึ่งผมได้นำภาพวาดแสดงตำแหน่งของประตูเมือง
ซึ่งเคยลงในเวปนี้และผมได้ลงสีน้ำเงินบริเวณศาลาน้ำหน้าจวนฯไว้ครับ มาให้ชมกันครับ

หม่องวิน มอไซ

ถ้าอย่างนั้นก็ได้การแล้วครับ ท่านคนเขารูปช้าง

ผมนึกเอะใจอยู่เหมือนกันครับ
ว่าในเมื่อศาลมณฑลฯ คือจวนเก่า
และจวนเก่าก็มีกำแพงเมืองล้อมรอบเสีย 2 ด้าน
ด้านหนึ่งคือถนนนครในในปัจจุบัน(ตะวันตก) อีกด้านคือถนนจะนะในปัจจุบัน(เหนือ)
ส่วนด้านทิศใต้ก็ติดเรือนจำ การเข้าออกศาลจะทำอย่างไร

พอเห็นภาพประตูเมืองต่าง ๆ ที่ท่านคนเขารูปช้างนำมาประกอบ และลงตำแหน่งศาลาน้ำหน้าจวนให้

ก็เลยมาพิจารณาแผนที่ปี ๒๔๗๘ ซึ่งศาลยังอยู่ที่จวนเก่าอีกครั้ง
(ศาลย้ายไปอยู่ที่ใกล้เทคโนฯ ข้างวัดสระเกษในปี ๒๔๘๔)

ก็พบกับสิ่งที่น่าสนใจยิ่งครับ คนสมัยก่อนวาดแผนที่ได้ละเอียดจริง ๆ น่านับถือ

นั่นคือ แม้กำแพงเมืองจะถูกรื้อทิ้งไปส่วนมากในสมัยพระยาสุขุมนัยวินิต (ปั้น สุขุม)
แต่หน้าจวนเก่า (ศาล) ยังมีกำแพงเหลืออยู่ เขียนไว้ในแผนที่เป็นเส้นหนาทึบ

และมีช่องประตูด้วยครับ  :o
ผมทำลูกศรสีม่วงชี้ไว้นั่นเอง

หม่องวิน มอไซ

ในหนังสืออนุสสรเมืองสงขลา พิมพ์ในคราวเปิดศาลจังหวัดสงขลาแห่งใหม่เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๔
จาก อ.จรัส จันทร์พรหมรัตน์ ลงในหนังสือมรดกเมืองสงขลา มหาวชิราวุธ หน้า ๑๘๘


หม่องวิน มอไซ

มีภาพศาลหลังเก่า ซึ่งก็คือจวนเก่านั่นเอง  :D

หม่องวิน มอไซ

แสดงว่าภาพในหนังสืออนุสสรเมืองสงขลานั้น ช่างภาพได้หันหลังให้ศาลาน้ำหน้าจวนครับ  :D

ซึ่งเมื่อช่างภาพถอยห่างจากศาลออกมา ก็จะได้ภาพในลักษณะตามโปสการ์ดของร้านบ้วนเฮง ภาพข้างล่างนี้ครับ
(อยู่ในหนังสือมรดกเมืองสงขลา มหาวชิราวุธ หน้า ๑๕๕)

หม่องวิน มอไซ

พิสูจน์ให้เห็นว่า มีช่องทางเข้าศาล จากถนนนครในได้จริง ๆ ตามแผนที่ ก็คือประตูเมืองที่เห็นนี่เองครับ  8)

หม่องวิน มอไซ

มาดูภาพปริศนาดี ๆ อีกทีครับ



จะเห็นว่าในภาพนี้ มีเสาธง 1 เสาอยู่กลางภาพ
และห่างออกไปมีเสาอีกเสา สีจาง ๆ โผล่อยู่กลางภาพ ถัดมาทางขวาเล็กน้อย  :o

เสานี้คือ เสาโทรเลขนั่นเอง
ก็ในเมื่อศาลาน้ำหน้าจวน อยู่ด้านทิศเหนือของไปรษณีย์โทรเลข
ดังนั้น เสาที่เห็นก็เป็นเสาโทรเลขนั่นแหละครับ

หม่องวิน มอไซ

ผมคิดว่า ผมไขปริศนาลึกลับของภาพถ่ายจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในหน้า ๘๓ ของหนังสือมรดกเมืองสงขลา มหาวชิราวุธ ได้แล้วครับ  )55

จากเสาลึกลับนี่เอง ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนสายอากาศโทรทัศน์
แต่สมัย ร.๕ ช่อง ๑๐ หาดใหญ่ยังไม่ออกอากาศ  8)

พี่


หม่องวิน มอไซ

ขอบคุณครับท่าน"พี่"  ;D

เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงกล่าวไว้ในจดหมายเหตุฯ ร.ศ.๑๒๑ ว่า...

๔.๒๕ ถึงบ้านหัวเขาอยู่ซ้ายมือ เปนแหลมช่องที่เกาะยอ มีบ้านมากมายเห็นจะหลายร้อยหลังคาเรือน
มีเรือนหลังคามุงกระเบื้องมาก มีสุเหร่าแขกบนเขา
๔.๔๐ ถึงหมู่บ้านหัวเมืองสงขลาอยู่ฝั่งขวา เสาโทรเลขข้ามตรงนี้ ปักเสาน้อยมาจนริมร่อง
จึงยกเสาสูงสองต้น ไม่สูงนักเพราะเรือใหญ่ไม่มีลอดฤาอย่างไร เสาทาขาวสอาดไม่ชำรุด
แต่ว่ารวนเพราะน้ำ

๕.๐๐ จอดสพานสงขลา ขึ้นตพาน มีข้าราชการมาคอยรับมาก...

หม่องวิน มอไซ

นี่ครับ ภาพที่เป็นปริศนาลึกลับมานาน ตอนนี้ไขปริศนาได้แล้วครับ


หม่องวิน มอไซ

A คือ เสาธงบริเวณใกล้ศาลาน้ำหน้าจวนเมืองสงขลา
B คือ เสาโทรเลข ใกล้กับออฟฟิศไปรษณีย์โทรเลข
C คือ ประตูเมือง ทางเข้าศาล (จวนเก่า)
D คือ ยอดเขาตังกวน

สรุปว่า ตากล้องยืนอยู่บนถนนนครในแถว ๆ หน้าห้างลีทรัพย์สิน หันหลังให้สะพานข้ามคลองขวาง
หันหน้าไปทางทิศเหนือ
ไปรษณีย์โทรเลขอยู่ซ้ายมือ ครับ

หม่องวิน มอไซ

อย่างนี้นี่เอง ที่สงสัยมานานว่าเหตุใดแนวกำแพงเมืองด้านตะวันตก แถวข้างชุมสายโทรศัพท์ (ถ้ายังไม่รื้อกำแพง)
จึงไม่รับกับแนวซากกำแพงที่พบบริเวณหลังศูนย์รวมข่าว
ก็เพราะว่ามีการหักเลี้ยวตรงด้านทิศใต้ของไปรษณีย์นี่เอง

ตรงช่วงที่หักเลี้ยว ซึ่งขวางถนนนครใน ก็ทำเป็นประตูเล็ก ๆ อย่างที่เห็นในภาพข้างบนนี่เอง

สงขลาเมื่อก่อน บรรยากาศดี น่าเอาจักรยานไปขี่เลียบกำแพงเมืองเล่นจริง ๆ ครับ  ;D