ศ.นพ.ประกิต ขอบคุณ ครม. ที่ขึ้นภาษีบุหรี่

[ฅนสองเล]

[attach=1]

ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ  เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ขอขอบคุณ ครม. ที่มีมติขึ้นภาษีบุหรี่แบบยกแผง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา

หลังจากที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่ทำงานควบคุมยาสูบรอคอยมาพักใหญ่  ที่สำคัญคือการขึ้นภาษีครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ซิกาแรทเพียงอย่างเดียวเหมือนครั้งก่อน ๆ แต่มีการเพิ่มวิธีการคำนวณภาษีตามปริมาณหรือคิดเป็นมวน มวนละหนึ่งบาท  สำหรับบุหรี่นำเข้าราคาถูก  ซึ่งขณะนี้เสียภาษีสรรพสามิตตามราคาต้นทุนที่บริษัทบุหรี่แจ้ง คิดเป็นภาษีได้ซองละ 12 ถึง 13 บาท  ต่อไปนี้จะต้องเสียภาษีขั้นต่ำซองละ 20 บาท ทำให้บุหรี่ที่ถูกที่สุดที่ขายขณะนี้ซองละ 25 บาท  จะต้องขึ้นราคาเป็นซองละกว่า 30 บาทเป็นอย่างต่ำ ข้อดีของการขึ้นภาษีครั้งนี้อีกข้อหนึ่งคือการขึ้นภาษีบุหรี่ยาเส้นซึ่งไม่ได้มีการขึ้นภาษีส่วนนี้เลยในหลายสิบปีที่ผ่านมา  ทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้สูบบุหรี่ซองและผู้สูบบุหรี่ยาเส้นมีความแตกต่างกันมาก

โดยการสำรวจเมื่อปลายปี พ.ศ.2554  พบค่าใช้จ่ายผู้สูบบุหรี่ซอง เฉลี่ย 586  บาทต่อคนต่อเดือน  ในขณะที่ผู้สูบบุหรี่ยาเส้นเสียค่าใช้จ่ายเพียง 37 บาทต่อคนต่อเดือน  การที่ยาเส้นมีราคาถูกมากเช่นนี้ เป็นสาเหตุสำคัญที่ประเทศไทยไม่สามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่จาก 12.2 ล้านคนในปี พ.ศ.2536 จนปัจจุบันนี้ยังมีผู้สูบบุหรี่  11.5 ล้านคน ทั้งที่มีการขึ้นภาษีบุหรี่มาแล้ว 9 ครั้ง  ระหว่าง พ.ศ.2536-2552  ซึ่งหากรวมครั้งนี้จะเท่ากับรัฐบาลมีการขึ้นภาษีบุหรี่ทุกสองปี  ดังนั้นรัฐบาลจึงควรค่อย ๆ ปรับภาษีของบุหรี่ยาเส้นเพื่อให้ราคาขายปลีกสูงขึ้น  เพื่อให้ช่องห่างระหว่างราคาขายปลีกบุหรี่ซิกาแรทกับบุหรี่ยาเส้นลดลง  ซึ่งจะทำให้นโยบายการใช้มาตรการทางภาษีเพื่อลดการบริโภคยาสูบและลดจำนวนผู้สูบบุหรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

ในส่วนของรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มภาษียาสูบนั้นมีความชอบธรรมอยู่แล้ว  เพื่อชดเชยกับการที่รัฐบาลต้องสูญเสียค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาทต่อปี  และที่สำคัญที่สุดคือการขึ้นภาษียาสูบเป็นวิธีการสกัดกั้นไม่ให้เยาวชนเข้ามาเสพติดบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

[นายไข่นุ้ย]

แปลกดี  รัฐขายบุหรี่ ในขณะเดียวกัน ก็ห้ามสูบ  ออกไงดีนี่ 

[ต้องเลิกโรงงานยาสูบก่อน]

ก่อนจะเลิกโรงงานยาสูบ

ก็ต้องหาสิ่งมาทดแทนชาวไร่ที่ปลูกใบยาสูบ

เพราะทั่วประเทศไม่น้อยเหมือนกัน

ถึงตอนนั้นรัฐจะขึ้นภาษีอีกกี่เปอร์เซ็นต์ก็ขึ้นไป

คนอยากสูบก็ต้องทนถ้ายังอยากจะสูบ

เพราะการสูบบุหรี่คือการทำลายตัวเอง

หมอต้องมาเสียเวลารักษาคนที่คิดฆ่าตัวตายผ่อนส่งมากมาย

เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ขึ้นภาษี ขึ้นไปเถิดผมไม่เดือดร้อน

จริงๆแล้วผมเคยบอกไว้ว่า คนที่สูบบุหรี่ไม่ฉลาด จริงไม๊?

รู้ทั้งรู้ว่าเป็นอันตรายแล้วยังสูบ  ก็สมควรหรอกครับที่ต้องขึ้นราคาไปเรื่อย

ไม่ต้องสงสารเลยคนที่อยากสูบบุหรี่ ควรบอกว่าหาเรื่อง หาทุกข์ใส่ตัวเอง ต่างหาก

[ช่อ2012]

แปลกดี  รัฐขายบุหรี่ ในขณะเดียวกัน ก็ห้ามสูบ  ออกไงดีนี่ 

ไม่รู้เข้าข่ายเขียนด้วยมือลบด้วยส้นตี....หรือป่าวก้อม้ายรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ญญาอ่อนทั้งระบบ

[Destiny]

ก่อนจะเลิกโรงงานยาสูบ

ก็ต้องหาสิ่งมาทดแทนชาวไร่ที่ปลูกใบยาสูบ

เพราะทั่วประเทศไม่น้อยเหมือนกัน

ถึงตอนนั้นรัฐจะขึ้นภาษีอีกกี่เปอร์เซ็นต์ก็ขึ้นไป

คนอยากสูบก็ต้องทนถ้ายังอยากจะสูบ

เพราะการสูบบุหรี่คือการทำลายตัวเอง

หมอต้องมาเสียเวลารักษาคนที่คิดฆ่าตัวตายผ่อนส่งมากมาย

เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ขึ้นภาษี ขึ้นไปเถิดผมไม่เดือดร้อน

จริงๆแล้วผมเคยบอกไว้ว่า คนที่สูบบุหรี่ไม่ฉลาด จริงไม๊?

รู้ทั้งรู้ว่าเป็นอันตรายแล้วยังสูบ  ก็สมควรหรอกครับที่ต้องขึ้นราคาไปเรื่อย

ไม่ต้องสงสารเลยคนที่อยากสูบบุหรี่ ควรบอกว่าหาเรื่อง หาทุกข์ใส่ตัวเอง ต่างหาก

[คิดผิดคิดใหม่ได้]

ไม่รู้เข้าข่ายเขียนด้วยมือลบด้วยส้นตี....หรือป่าวก้อม้ายรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ ป้ญญาอ่อนทั้งระบบ

คิดผิดเข้าใจผิด คิดใหม่เข้าใจได้นะครับ

ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยหรอกครับที่เป็นแบบนี้

ทั่วโลกก็เข้าลักษณะเดียวกัน มันเป็นงี้มานมนานแล้ว

ปัจจุบันโลกวิวัฒนาการใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น

สิ่งเก่าๆที่เชยๆที่ไม่ดี ที่เคยเป็นนิสัยไม่ดีงามก็ค่อยๆเปลี่ยน

สมัยก่อนการสูบบุหรี่ถือเป็นของสูงเป็นคนมีฐานะเป็นผู้มีอันจะกิน

การมีสังคมในสมัยนั้นจึงมีความสำคัญมากด้วย และบุหรี่สมัยก่อน

ไม่เหมือนบุหรี่ในสมัยนี้ เพราะเป็นใบยาสูบจริงๆ ไม่มียาฆ่าแมลง ไม่มีสารเสพติด

ปัจจุบันเท่าที่รู้มีอะไรก็ไม่รู้ใส่ในบุหรี่เกือบ 40 ชนิดที่ทำให้ บุหรี่ไม่ใช่ใบยาสูบอีกต่อไป

บุหรี่จึงเป็นเสมือนสารเสพติดอันตรายที่ไม่ควรบริโภคอีกต่อไป พูดง่ายๆเป็นสิ่งต้องห้าม

ที่ยังไม่สามารถเลิกได้มีหลายสาเหตุหลัก อันที่หนึ่งสำคัญสุดก็คือ ชาวไร่ที่ปลูกใบยานั่นเอง

ต้องเริ่มต้นแก้ที่ตรงนี้ให้ได้ก่อน ถ้าไม่สามารถทยอยให้ชาวไร่ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นทดแทน

คงลำบากยิ่งประเทศใหญ่อย่างอเมริกามีไร่ใบยาสูบมหาศาลและไม่ได้เริ่มรณรงค์ลดการปลูกใบยาสูบ

เมื่อแก้ที่เหตุไม่ได้ สิ่งที่ตามมาคงไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางแก้ได้เลย อันที่สองก็คือบริษัทที่ผลิตบุหรี่

ยังคงมีอิทธิพลอย่างใหญ่โตมโหฬารในสังคมแทบจะทุกแห่งทั่วโลก

ดังนั้น ปัญหาเรื่องบุหรี่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย ใหญ่โตพอๆกับสิ่งเสพติดถูกกฏหมายอีกอย่างคือเหล้าเลยแหละ

จะแก้ปัญหาบุหรี่ให้ได้ต้องแก้ ระดับโลกทีเดียว ต้องนำเข้าถกในสหประชาชาติจึงจะมีผล

คิดว่าคงพอเข้าใจ ขอบคุณครับ

[Destiny]

คิดผิดเข้าใจผิด คิดใหม่เข้าใจได้นะครับ

ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยหรอกครับที่เป็นแบบนี้

ทั่วโลกก็เข้าลักษณะเดียวกัน มันเป็นงี้มานมนานแล้ว...


......ที่ยังไม่สามารถเลิกได้มีหลายสาเหตุหลัก อันที่หนึ่งสำคัญสุดก็คือ ชาวไร่ที่ปลูกใบยานั่นเอง

ต้องเริ่มต้นแก้ที่ตรงนี้ให้ได้ก่อน ถ้าไม่สามารถทยอยให้ชาวไร่ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นทดแทน

คงลำบากยิ่งประเทศใหญ่อย่างอเมริกามีไร่ใบยาสูบมหาศาลและไม่ได้เริ่มรณรงค์ลดการปลูกใบยาสูบ

เมื่อแก้ที่เหตุไม่ได้ สิ่งที่ตามมาคงไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางแก้ได้เลย อันที่สองก็คือบริษัทที่ผลิตบุหรี่

ยังคงมีอิทธิพลอย่างใหญ่โตมโหฬารในสังคมแทบจะทุกแห่งทั่วโลก

ดังนั้น ปัญหาเรื่องบุหรี่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย ใหญ่โตพอๆกับสิ่งเสพติดถูกกฏหมายอีกอย่างคือเหล้าเลยแหละ

จะแก้ปัญหาบุหรี่ให้ได้ต้องแก้ ระดับโลกทีเดียว ต้องนำเข้าถกในสหประชาชาติจึงจะมีผล

คิดว่าคงพอเข้าใจ ขอบคุณครับ

ผลประโยชน์มหาศาลเลยวงการนี้

[ช่อ2012]

คิดผิดเข้าใจผิด คิดใหม่เข้าใจได้นะครับ

ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยหรอกครับที่เป็นแบบนี้

ทั่วโลกก็เข้าลักษณะเดียวกัน มันเป็นงี้มานมนานแล้ว

ปัจจุบันโลกวิวัฒนาการใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น

สิ่งเก่าๆที่เชยๆที่ไม่ดี ที่เคยเป็นนิสัยไม่ดีงามก็ค่อยๆเปลี่ยน

สมัยก่อนการสูบบุหรี่ถือเป็นของสูงเป็นคนมีฐานะเป็นผู้มีอันจะกิน

การมีสังคมในสมัยนั้นจึงมีความสำคัญมากด้วย และบุหรี่สมัยก่อน

ไม่เหมือนบุหรี่ในสมัยนี้ เพราะเป็นใบยาสูบจริงๆ ไม่มียาฆ่าแมลง ไม่มีสารเสพติด

ปัจจุบันเท่าที่รู้มีอะไรก็ไม่รู้ใส่ในบุหรี่เกือบ 40 ชนิดที่ทำให้ บุหรี่ไม่ใช่ใบยาสูบอีกต่อไป

บุหรี่จึงเป็นเสมือนสารเสพติดอันตรายที่ไม่ควรบริโภคอีกต่อไป พูดง่ายๆเป็นสิ่งต้องห้าม

ที่ยังไม่สามารถเลิกได้มีหลายสาเหตุหลัก อันที่หนึ่งสำคัญสุดก็คือ ชาวไร่ที่ปลูกใบยานั่นเอง

ต้องเริ่มต้นแก้ที่ตรงนี้ให้ได้ก่อน ถ้าไม่สามารถทยอยให้ชาวไร่ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นทดแทน

คงลำบากยิ่งประเทศใหญ่อย่างอเมริกามีไร่ใบยาสูบมหาศาลและไม่ได้เริ่มรณรงค์ลดการปลูกใบยาสูบ

เมื่อแก้ที่เหตุไม่ได้ สิ่งที่ตามมาคงไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางแก้ได้เลย อันที่สองก็คือบริษัทที่ผลิตบุหรี่

ยังคงมีอิทธิพลอย่างใหญ่โตมโหฬารในสังคมแทบจะทุกแห่งทั่วโลก

ดังนั้น ปัญหาเรื่องบุหรี่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย ใหญ่โตพอๆกับสิ่งเสพติดถูกกฏหมายอีกอย่างคือเหล้าเลยแหละ

จะแก้ปัญหาบุหรี่ให้ได้ต้องแก้ ระดับโลกทีเดียว ต้องนำเข้าถกในสหประชาชาติจึงจะมีผล

คิดว่าคงพอเข้าใจ ขอบคุณครับ

ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอกคุณ ผมอ้างอิงประโยคของท่านไข่นุ้ยที่ว่า "แปลกดี  รัฐขายบุหรี่ ในขณะเดียวกัน ก็ห้ามสูบ  ออกไงดีนี่"ผมเลยอ้างอิงตอบประโยคของท่านไข่นุ้ย แล้วคุณว่าจริงมั้ย ถ้าห้ามสูบก็เลิกผลิตไปเลย เค้ารณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่กันทั่วโลก ผมทราบดีครับ แต่สำหรับเมืองไทยเรา มันทำกันไม่จริงจังไง มันพอๆกับเลี้ยงลูกให้กินสมบูรณ์แล้วอ้วน ที่นี้มาบอกให้ลูกลงอาหาร เพื่อลงนำหนัก แต่ในขณะเดียวกัน ทุกๆมื้อคุณทำอาหารอย่างดีที่ลูกชอบให้ลูกทาน แล้วคุณว่าเด็กมันจะลดน้ำหนักได้เหรอ

[ปากว่าตาหยิบ]

.


...ถ้าปิดโรงงานยาสูบ และบุหรี่


หมอคงขอบคุณมากเป็นที่ซู้ด...

[ช่อ2012]

ผลประโยชน์มหาศาลเลยวงการนี้

ใช่เลยคุณ นโยบายเลยค้านกับปฏิบัติ

[ต้องแก้ที่ต้นเหตุ]

ก็อย่างที่บอก ต้องแก้ที่ต้นเหตุ

ไม่ใช่ ไม่รู้ เขารู้และรู้กันมานานแล้ว จริงๆ

แต่ผลประโยชน์มหาศาลอย่างที่บอก แล้วไง

คนที่ทำอาชีพ ธุรกิจนี้ เชื่อว่าอยากเปลี่ยนเหมือนกัน

ทว่า รายได้มหาศาลแบบนี้จะเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น คงยากและคิดมาก

ทำมาเป็นสิบๆปีเป็นร้อยปีและบางบริษัททำมาหลายร้อยปีแล้วด้วย

หากว่าจะเริ่มกันจริงอย่างที่ทุกคนเข้าใจและเห็นอันตรายของพิษภัยของบุหรี่

ก็มีหนทางเดียวที่จะต้องเริ่มต้นที่การทำไร่ใบยาสูบ และต้องจัดการให้ได้ทั้งระบบ

เริ่มลดการปลูกใบยาสูบ ลดการผลิตบุหรี่ตามใบยาสูบที่น้อยลง ลดสารเสพติดในบุหรี่ลง

ให้ความรู้ชาวไร่ในการปลูกพืชผลอื่นทดแทนและหาตลาดที่จะทำให้เขามีรายได้เหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม

เพื่อจูงใจและให้ความมั่นใจในพืชผลใหม่ที่พวกเขาเปลี่ยนมาปลูกจะได้รับผลตอบแทนที่ยั่งยืนตลอดไป

คล้ายๆกับโครงการหลวงที่ภาคเหนือที่ให้ชาวเขาเปลี่ยนปลูกพืชเมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่นไงครับ

ประการที่สองรองรับคนงานที่ทำงานโรงงานผลิตบุหรี่ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่จะต้องตกงานเมื่อโรงงานปิด

และต้องเตรียมการสำหรับโรงงานผลิตบุหรี่ให้หันไปทำอุตสาหกรรมอะไรทดแทนจากเครื่องจักรผลิตบุหรี่ที่ต้องทำลายทิ้ง

ทั้งนี้รวมไปถึงเอเย่นต์บุหรี่ ร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายที่มีผลประโยชน์อย่างมหาศาลอีกมากมายด้วย  อีกอย่างคือ

พวกเขาทั้งหมดนี้ไม่มีความชำนาญในการค้าขาย เพราะสิ่งที่เขาทำมาค้าขายอยู่เป็นเสมือนการผูกขาดที่ผู้ซื้อต้องมาง้อ

พูดง่ายๆ เอเย่นต์ ร้านค้า และตัวแทนขายบุหรี่เป็นพวกเสือนอนกินมานานแสนนาน ไม่เคยเดือดร้อนต้องขวนขวายในการขาย

แต่คงไม่เป็นไรน่ะเพราะพวกเขาล้วนร่ำรวยกันทั้งนั้น มีทรัพย์สินเงินทองมากมายเหลือคณานับเท่าที่เห็นๆอยู่ทุกคนเลยครับ

ปัญหาจึงมาตกอยู่ที่ว่า งานใหญ่โตอย่างนี้ หน่วยงานไหนจะรับเป็นเจ้าภาพ ถึงแม้เมืองไทยอยากทำก็คงทำไม่ได้ จริงๆน่ะ

ถ้าต่างประเทศทั้งหลายไม่ร่วมมือด้วย เอาเป็นว่าช่วยกันเอาไปคิดเป็นการบ้าน

ดูซิว่าความคิดเห็นอันไหนดูแล้วจะ น่าเป็นไปได้มากกว่า น่าที่จะนำมาใช้ปฏิบัติจริง

ขอบคุณครับ