ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ฟ้อง รพ.เอกชน เรียก 3.2 แสน ฉีดยายับยั้งคลอดทำลูกตาย!

เริ่มโดย ฅนสองเล, 17:47 น. 23 พ.ย 53

ฅนสองเล

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการ Online   23 พฤศจิกายน 2553 15:34 น.

"คุณแม่วัย 41 ปี" ฟ้องเรียกเงิน 3.2 แสนบาท "สูติแพทย์-บริษัทบริหาร รพ.นวมินทร์" อ้างเสียบุตร เพราะแพทย์สั่งฉีดยายับยั้งการคลอด
       

       วันนี้ (23 พ.ย.) ที่ ศาลจังหวัดมีนบุรี นางสิริลักษณ์ ปลั่งกลาง อายุ 41 ปี ผู้เสียหายทางการแพทย์จากการทำคลอดบุตร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภค นายแพทย์ ลาน เกิดผล สูติแพทย์ และบริษัท มีนบุรีการแพทย์ จำกัด ผู้บริหารจัดการโรงพยาบาลนวมินทร์ เป็นจำเลยที่ 1-2 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 328,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี นับจากวันถัดฟ้อง
       
       โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.53 เวลา 23.00 น.โจทก์ซึ่งตั้งครรภ์ เกิดอาการท้องคลอด ซึ่งเดิมกำหนดคลอดในวันที่ 8 มี.ค.53 จึงเดินทางไปโรงพยาบาลของจำเลยที่ 2 เวลา 01.30 น.ของวันที่ 29 ม.ค.เพื่อดูแลรักษาอาการโดยใช้สิทธิประกันสังคม ซึ่งเจ้าหน้าที่พยาบาลห้องคลอดให้โจทก์ และสามีลงชื่อยินยินยอมผ่าตัด เพราะโจทก์ได้ตกลงไว้ว่าจะคลอดด้วยวิธีการผ่าตัดกับจำเลยที่ 1 เนื่องจากมีอายุ 41 ปีแล้ว และมีประวัติคลอดบุตรยากต้องใช้เครื่องดูดออกในท้องที่ 2 ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจำเลยที่ 1 จะไม่ผ่าตัดในวันนั้น โดยจะยับยั้งการผ่าตัดด้วยยาไว้ก่อน เนื่องจากยังไม่ครบกำหนดคลอดแล้วเด็กออกมาอาจไม่สมบูรณ์ โดยการสั่งยับยั้งนั้นจำเลยที่ 1 ไม่ได้มาตรวจร่างกายและประเมินอาการของโจทก์และเด็กในครรภ์แต่อย่างใด ขณะที่หลังจากมีการฉีดยายับยั้งการคลอดให้โจทก์แล้วจำเลยที่ 1 มาตรวจดูแลโจทก์ในวันที่ 29 ม.ค.ซึ่งเวลานั้นเด็กยังดิ้นอยู่ แต่ช่วงเย็นหลังจากโจทก์ทานข้าวแล้ว สังเกตว่า เด็กในท้องไม่ดิ้น จึงได้แจ้งพยาบาลเวร ซึ่งนำเครื่องตรวจมาฟังเสียงหัวใจเด็กแล้วแจ้งว่าหัวใจยังเต้นอยู่ กระทั่งเช้าวันที่ 30 ม.ค.จำเลยที่ 1 มาตรวจแล้วสอบถามอาการปวด ซึ่งโจทก์ไม่ปวดท้องจำเลยที่ 1 จึงบอกให้กลับบ้านได้ และนัดตรวจอีกครั้ง 5 ก.พ.แต่หลังจากกลับบ้านโจทก์มีอาการแสบคอ ขณะที่โจทก์ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลของจำเลยที่ 2 แต่ไม่ได้ทำอะไรให้โจทก์จึงกลับบ้านไปแต่อาการไม่ดีขึ้น ทานข้าวไม่ได้น้ำหนักลดเกือบ 3 กิโลกรัม
       
       ต่อมาในวันที่ 5 ก.พ.โจทก์ไปพบจำเลยที่ 1 พร้อมแจ้งให้ทราบว่าปวดหัวและน้ำหนักลด จำเลยที่ 1 ได้ทำอัลตราซาวด์ด้วยเครื่องเล็ก ๆ ในห้องตรวจรวม 2 ครั้งแล้วแจ้งโจทก์ว่าเด็กอาจเสียชีวิตแล้ว กระทั่งรอเวลาสักพักจำเลยที่ 1 จึงส่งตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์เครื่องใหญ่ให้แน่ใจอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าเด็กในครรภ์เสียชีวิตแล้ว
       
       การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการประกอบอาชีพด้วยความประมาทเลินเล่อ ปราศจากความระวังตามวิสัยของสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ประเมินภาวการณ์เจ็บครรภ์ก่อนว่าควรจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดคลอด หรือฉีดยายับยั้ง กลับสั่งยับยั้งการคลอดทางโทรศัพท์ โจทก์จึงนำคดีมายื่นฟ้องศาล
       
       ศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ ผบ.12430/2553 และนัดไกล่เกลี่ยคู่ความในวันที่ 19 ม.ค.54 เวลา 13.00 น.

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พยัญชนะไทยตัวที่สอง:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง