ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ถนนเพชรเกษมไปทางไหนค๊ะ ...??

เริ่มโดย pa_เฟี๊ยว, 10:52 น. 08 พ.ย 55

pa_เฟี๊ยว

อ้างจาก: Probass เมื่อ 01:08 น.  19 พ.ย 55
ถ้าไปตามสาย 4 เรื่อยๆ จะเจอ 3 แยกคลองท่อม เส้นนี้เข้าไป อ.ลำทับ ไปทุ่งใหญ่ หรือไปบางขัน ออกทุ่งสงแถวๆโลตัสได้  (แต่ถนนหลุหละอย่างแรงแถมเส้นทางเงียบวังเวง) ที่อ.ลำทับเคยมีประวัติคล้องช้างประจำรัชกาลด้วย

จากคลองท่อม ไปตรังจากถนน 4 เลนจะเหลือแค่ 2 เลนสวนทางกัน ขับลำบากหน่อย 

ขออนุญาตย้อนมาซูมๆๆ บางท่อนบางตอนก่อนหนาา งิงิงิ ... ส.สู้ๆ ส.สู้ๆ  ไม่เคยไปเลย แต่สวยหนา ...

สระมรกต



สระมรกต สระน้ำสวยใสกลางใจป่า กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ แหล่งสุดท้ายที่พบ นกแต้วแร้วท้องดำ ซึ่งเคยสูญพันธ์ไปนานเกือบ 100 ปี ใครจะรู้บ้างไหมว่า ใจกลางป่าผืนนี้มีทั้งสระน้ำสวยใส และนกหายากอยู่รวมกัน เป็นสระที่รับน้ำมาจากน้ำตกที่ไหลจากเทือกเขาประ-บางคราม น้ำที่ตกมามีสีเขียวคล้ายมรกต เต็มไปทั้งสระ จึงเรียกสระนี้ว่า สระมรกต

สระมรกต สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่สภาพที่ดีซึ่งจะเห็นสระเป็นสีเขียวมรกตสดใส มักจะเป็นช่วงเวลาเช้า และเย็น โดยเฉพาะในวันฤดูร้อนที่ท้องฟ้าสดใสปราศจากเมฆฝน

การเดินทาง
อยู่ในเขตอำเภอคลองท่อมจากจังหวัดกระบี่ บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาประ-บางคราม ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 สู่อำเภอคลองท่อม แยกซ้ายมือทางหลวงหมายเลข 4038 มุ่งหน้าอำเภอลำทับ ระหว่างทางมีทางแยกขวามือเป็นทางย่อยแยกเข้าสู่น้ำตกร้อน และสระมรกตที่มีป้ายบอกทางชัดเจน

น้ำตกร้อน



อ่างอาบน้ำธรรมชาติกลางป่ารองรับสายน้ำตกที่ไหลหลั่นลงมาจากเนินเขา ใครได้มาสัมผัสต่างบอกกันว่า ไม่ใช่น้ำตกธรรมดาๆ แน่นอน ก็ใครจะเชื่อว่า นี่คือน้ำตกร้อนสายน้ำแร่ที่ไหลมาพร้อมๆ กับไออุ่นเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ มีลักษณะเป็นธารน้ำพุร้อนผุด ขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ มีสารกำมะถัน เจือจางเป็นส่วนประกอบ มีอุณหภูมิพอเหมาะตกลงมาในแอ่งสามารถอาบน้ำได้ เป็นสถานที่ นักท่องเที่ยวนิยมไปอาบน้ำตกร้อน ธารน้ำแร่เพื่อสุขภาพ

น้ำตกร้อนสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวัน ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือช่วงเช้า 07.00-08.00 น. และช่วงเย็น 16.00-17.00 น.
การเดินทาง

อยู่ในเขตอำเภอคลองท่อม ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 50 กิโลเมตร จากกระบี่ถึง อ.คลองท่อม เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 4038 แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนรพช. และตามป้ายบอกทางไปจะพบน้ำตกร้อน และสระมรกต


pa_เฟี๊ยว

อ้างจาก: Probass เมื่อ 01:08 น.  19 พ.ย 55
ลงมาจนถึง 3 แยกโค้งปลาลัง (ไม่รู้ใครตั้งชื่อ) ตรงไปจะวนเข้าตัวเมืองกระบี่ ถ้าเลี้ยวตัดออกมาตามสาย 4 จะตรงไปผ่านหน้าสนามบิน

ถ้าแวะเข้าเมือง จะเจอไฟแดงมีแลนด์มาร์คสวยๆตามสี่แยก มีช้าง  มีอินทรีย์ คิงคอง เสือเขี้ยวดาบ สวย แปลกตาดีเหมือนกัน

ขออนุญาตย้อนมาซูมๆๆ บางท่อนบางตอนก่อนหนาา งิงิงิ ...  ส.หัว  แล้วใครตั้งชื่ออ่า ...












ขอบคุณเครดิตภาพจาก : กันตวรรณสปา กระบี่ จร้าา ... ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้




pa_เฟี๊ยว

อ้างจาก: Probass เมื่อ 01:08 น.  19 พ.ย 55
จากแยกอ่าวลึก มาเรื่อยๆสักพักจะเจอ ทางแยกซ้ายมือ เป็นจุดเริ่มต้นของทางหลวงเลข 44 กระบี่ - กาญจนดิษฐ์ เคยจับไมล์หน้ารถ ระยะทางประมาณ 131 กม.  ตลอดทางไม่มีไฟแดง บางช่วงเหยียบไปเลยเต็มที่ตามกำลังรถ


คือถนนเส้นเหนือโอเด้งนี่ใช่ป่าวค๊ะ ... ส.อืม

Probass

ใช่แล้วครับป้า  เส้น 44 คือเส้นเหนือร้านก๋วยเตี๋ยวขายอยู่สายเอเชีย

รูปสุดท้ายเป็นทางข้ามถนนสาย 44 จากสุราษไปบ้านนาเดิม (ข้างล่างเป็น 44 ทางข้างบนเป็น 4009 สุราษฏร์ ไปบ้านนาเดิม -บ้านนาสาร) วิวนี้ถ้าจำไม่ผิด ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองสุราษ ผ่านทางเข้า ม.อ.สุราษ ไปออกสี่แยกบางใหญ่
TUF ลุ้น break new high   UVAN @80 บาท --> 106.50 บาท

pa_เฟี๊ยว

รู้จริงไรจริง ... ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

ภาพด้านบน จากถนนถ้าเลี้ยวซ้ายผ่าน วค.เข้าบ้านดอนจร้าา เลี้ยวขวาไปนาเดิม ... ส.ยกน้ิวให้
ตอนนี้เห็นเอาลีลาวดีลงปลูกโคตรจะถี่เลยค่ะ 555+ น่าจะสวยดีหนา  สี่แยกนี้แวะซื้อเป็นพะโล้ ตัวละ180 นั้น ... ส.หัว ส.หัว

อ้างจาก: Probass เมื่อ 01:08 น.  19 พ.ย 55
ถนนสาย 4 จะตรงไปอีก เข้า อ.วังวิเศษไปตัดกับ สาย 403 เส้นที่มาจากทุ่งสง ผ่านโรงปูน ลงมาตรัง  ถนนเพชรเกษม สาย 4 จะตรงไปเข้าอ.ห้วยยอด ลำภูรา และผ่านโรงงานปลากระป๋อง ปุ้มปุ้ย เข้าเมืองตรัง  ครั้งแรกที่ผมเข้าไำปสายนี้ เพราะจะไปหาของกิน  พอเข้าไปตัวเมืองห้วยยอด มีแต่ีร้านขนมเค้กตรังมากมาย และร้านเค้กต้นตำรับทั้งหลายก็อยู่ที่นี่

ที่ตัวเมืองตรัง  ไปเจอ 3 แยก(จริงๆเป็น 4 แยก แต่เป็นวันเวย์)  3แยกที่ว่า จำง่ายๆ  ถนนห้วยยอด ไปอ.ห้วยยอด ถ.กันตัง ไปอ.กันตัง  ส่วนถนนพัทลุงก็ไปจ.พัทลุง   สาย4 ไปตามถนน พัทลุง วนวงเวียน อนุสาวรีย์พระยารัษฎา (คอซิมบี้) ผ่านไป 3 แยกโรงแรมเรือ ผ่านสี่แยกถนนเลี่ยงเมือง  (สี่แยกนี้ ผมแวะซื้อหอยตลับ+ปูดำอยู่บ่อยๆ บางครั้งมีหอยชักตีนขายด้วย)


ถ้าไม่ใช่ ช่วยบอกด้วยหนาา ... ส.หัว ส.หัว










ขอขอบคุณภาพจาก : คุณชยุต Thimtb.com นะจ๊ะ ...





อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี

ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองตรัง ทางไปจังหวัดพัทลุง ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร ผู้ที่เดินทางไปถึงจังหวัดตรังทุกคนมักแวะไปทำความเคารพอนุสาวรีย์ของท่าน บริเวณนั้นแต่เดิม เป็นที่ตังพระตำหนักผ่อนกาย ซึ่งจัดรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันได้ตกแต่งเป็นสวนสาธารณะอันร่มรื่น เวลาเย็นๆ มีประชาชนไปพักผ่อนเป็นจำนวนมาก

พระยารัษฎาฯ ได้สร้างและทำนุบำรุงความเจริญแก่จังหวัดตรังไว้มาก เช่น ด้านคมนาคมในจังหวัดตรัง ด้านเกษตรกรรมและการเลี้ยงสัตว์ ด้านการศึกษา การปกครอง นโยบายรักษาความสงบและการสาธารณสุข ฯลฯ และเป็นผู้นำต้นยางต้นแรกที่ปลูกในจังหวัดตรัง จนแพร่หลายทั่วภาคใต้





pa_เฟี๊ยว

อ้างจาก: Probass เมื่อ 01:08 น.  19 พ.ย 55
จุดนี้จะเป็นทางยาวขึ้นเขา จนสุดจะเป็นโค้งขวา  ถ้าใครขับรถได้จังหวะดีๆ ลากเกียร์ขึ้นไป ไม่ต้องเบรก
ถ้าจังหวะไม่ดี เจอรถบรรทุกไม้ หรือรถบัส  ตรัง-พัทลุง (โคตรเซ็ง ต้องลากเกียร์ตามตูดไปเรื่อย)
ช่วงนี้ เตือนว่าอย่าแซงขวาขึ้นเขานะครับ เพราะเลนตรงข้าม เป็นทางลงเขา รถฝั่งขาขึ้นชอบแซงออกไปทำให้รถฝั่งตรงข้ามที่กำลังลงเขาต้องเบรก ส่วนใหญ่เบรกแล้วแต่รถไม่หยุด ชนขอบทางจนราวกั้นบู้บี้หมดแล้ว

ตามเส้นทางนี้ ไปเรื่อยๆ ถ้าเจอลุงเท่งแล้วคนบีบแตร บี๊นๆ  ก็ถึงรอยต่อ จ.พัทลุงแล้วครับ
ขึ้น-ลงเขาพับผ้า ต้องระวังครับ หากเทียบกับเขานางหงษ์ที่ถนนแคบกว่า มุมหักเลี้ยว หักศอกแต่เขานางหงษ์ ไม่ค่อยมีรถ  เขาพับผ้า เวลาฝนตก ถนนลื่นมักจะมีพวกชอบแซงแล้วมาปาดเสียบข้างหน้า  เราระวัง แต่เขาไม่ระวัง อันตรายพอๆกัน

จากท่าน : Probass 
เส้นทางระหว่างตรัง - พัทลุง ค่ะ ... ส.สู้ๆ




















เครดิตภาพ ขอขอบคุณ คุณพิพัฒน์ วงสากล จากกระทู้ : พาไปชมวัดป่าลิไลยก์ จังหวัดพัทลุง จร้าา ... ส.สู้ๆ

pa_เฟี๊ยว

อ้างจาก: Probass เมื่อ 01:08 น.  19 พ.ย 55
ลงเขาพับผ้า ผ่านอ.ศรีนครินทร์ มาเจอสี่แยกท่ามิหรำ ตรงไปเข้าตัวเมืองพัทลุง เลี้ยวขวาที่แยกนี้ สักพักเจอหัวโค้งถึงบ้านท่าแค
แวะพักหาหนม+กาแฟที่นี่ก่อนละครับ

ชื่อไรไม่รู้ แปลกๆ ...  "สี่แยกท่ามิหรำ" ... ส.หัว ส.หัว

ว่าแต่ว่าทำไมป้ายทางหลวง บอกว่าตรงไปพัทลุง คือทางหลวงหมายเลข4(เพชรเกษม) ค๊ะ ศิษพี่ ... ส.อืม
แล้วเลี้ยวขวามาหาดใหญ่ เห็นป้ายบอกว่า 41 นิ แล้วในรูป กำลังสร้างสะพานอยู่หนา ... ส.อืม ส.อืม







Probass

เพชรเกษมเก่า มันต้้องตรงไปอีกนิดนึง แล้วเลี้ยวขวาครับ ไปทางท่ามิหรำ

เวลาออกจากพัทลุง(ก้า) ผมก็ใช้เส้นนี้ ตัดเฉียงออกไป เพราะมันร่มรื่นสบายดี
TUF ลุ้น break new high   UVAN @80 บาท --> 106.50 บาท

pa_เฟี๊ยว

อ้างจาก: Probass เมื่อ 20:53 น.  25 พ.ย 55
เพชรเกษมเก่า มันต้้องตรงไปอีกนิดนึง แล้วเลี้ยวขวาครับ ไปทางท่ามิหรำ
เวลาออกจากพัทลุง(ก้า) ผมก็ใช้เส้นนี้ ตัดเฉียงออกไป เพราะมันร่มรื่นสบายดี

ไม่ทราบเลยนะเนี๊ย แสดงว่าเมื่อก่อนใครๆก็ต้องอ้อมทางนี้สินะค๊ะ ... ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

งั๊นตามนั้นนะค๊ะ และไปต่อให้ถึงร้านขนมเค๊กก่อนหนา เคยซื้อมาเลี้ยงมดที่บ้านเหมือนกัน (ตาล่อซื้อเยอะ 555+) ... ส.หัว





pa_เฟี๊ยว

จำได้แถวนี้แหละเคยแวะซื้อขนมเค๊กจร้าา ... ส.สู้ๆ

ในแผนที่อยู่ช่วงไหนหนา นะ ....  ส.อืม







คุณหลวง

อ้างจาก: pa_เฟี๊ยว เมื่อ 18:11 น.  25 พ.ย 55
ชื่อไรไม่รู้ แปลกๆ ...  "สี่แยกท่ามิหรำ" ... ส.หัว ส.หัว



    ชื่อนี้มีที่มาครับ มันมีสองแง่อยู่ ตามที่คนเมืองลุงเขาเล่ามา เคยไปอยู่ที่นั่นหลายปีอยู่เหมือนกัน

    ใกล้ๆนั้นมีสายคลองครับ มีท่าน้ำอยู่(ตรงไหน ผมก็ไม่เคยไปดูถึงที่) น้าน นานมาแล้ว มีคน
จับหมีได้ก็เอามาผูกไว้ที่ท่าน้ำแห่งนั้น หมีตัวนั้นก็ร้องไปตามประสาสัตว์ป่าขาดอิสรภาพ คนก็เลย
เรียกที่ตรงนั้นว่า "ท่าหมีหร่ำ" ซึ่งแปลว่า ท่าที่มีหมีถูกล่ามไว้ หรือ ท่าที่หมีร้อง (นึกถึงภาษาใต้ครับ)
ต่อมาก็เพี้ยนมาเรื่อย จนกลายเป็น ท่ามิหรำ

    ผมก็ไม่ทราบว่าที่มานี้จริงแท้แค่ไหน แต่ฟังได้อยู่ สมเหตุผล แต่คนเมืองลุงนี่เป็นนักเล่านิทาน
ชั้นครูเหมือนกัน นี่ก็หานิทานนายแรงอยู่ ตำนานสร้างเมืองลุงเลยนะนั่น สนุกมาก แต่ชักลืมๆเสียแล้ว

    แล้วเมื่อเข้าเมืองลุงตรงนั้นมองไปทางตะวันออก จะเห็นเขาหัวแตก(หัวแตกอยู่ประตีน) ไปตรงไปทาง
ลำปำผ่านเขาอกทะลุ และเขาเมืองเก่าชัยบุรีที่อยู่ชัยบุรี ไม่ไกลกันนัก สามเขานี้ เขาเล่าว่า ผัวนั้นแอบมีเมีย
น้อย วันหนึ่งเมียหลวงรู้เข้า เลยถือสากตำข้าวมาหาเมียน้อยเพือ่ปรองดอง เฮ้ยๆๆ

    เมียน้อยก็ถือสากตำข้าวอยู่ (สมัยก่อน คนตำข้าวกินเอง) ก็มาประจันหน้ากัน พร้อมปรองดองด้วยสาก
เมียหลวงโดนสากเมียน้อย หัวแตก แต่พุ่งสากสวนโดนอกเมียน้อยทะลุไป ตายไปด้วยกัน ผัวรู้เข้าก็ถึงกับ
อกแตกตายเพราะอาลัยเมียทั้งสอง

    ผัวกลายเป็นเขาเมือง ที่อกแตกก็เป็นที่ว่างกลางหุบอย่างที่เห็นปัจจุบัน เมียหลวงก็กลายเป็นหัวแตก เมีย
น้อยเป็นเขาอกทะลุ

    จำมาก็เท่าเนี้ย....สะบายดี...นะครับป้า
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

pa_เฟี๊ยว

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 13:44 น.  28 พ.ย 55

   จำมาก็เท่าเนี้ย....สะบายดี...นะครับป้า

  หว่าา ๆ ๆ ๆ ... ส-ดีใจ ส-ดีใจ  สะ-บาย-ดี จร้าคุณหลวง งิงิงิ  ...  ส.สู้ๆ

งั๊นขออนุญาติย้อนกลับไปเข้าพัทลุงอีกซะนิดหนาา ... ส.ยกน้ิวให้ ขอมูลแบบนี้จะพลาดได้ยังไงค๊ะ ค้นหามาแล้วจร้าา ... ส.สู้ๆ

pa_เฟี๊ยว

จากบทความเพิ่มเติมจากท่าน : คุณหลวง
ผู้ที่เคยไปอยู่ที่จ.พัทลุง หลายปีอยู่เหมือนกัน  ขอบพระคุณนะค๊ะ ... ส.ยกน้ิวให้

   "ผมก็ไม่ทราบว่าที่มานี้จริงแท้แค่ไหน แต่ฟังได้อยู่ สมเหตุผล แต่คนเมืองลุงนี่เป็นนักเล่านิทาน ชั้นครูเหมือนกัน นี่ก็หานิทานนายแรงอยู่ ตำนานสร้างเมืองลุงเลยนะนั่น สนุกมาก แต่ชักลืมๆเสียแล้ว"
    แล้วเมื่อเข้าเมืองลุงตรงนั้นมองไปทางตะวันออก จะเห็นเขาหัวแตก(หัวแตกอยู่ประตีน) ไปตรงไปทาง
ลำปำผ่านเขาอกทะลุ และเขาเมืองเก่าชัยบุรีที่อยู่ชัยบุรี ไม่ไกลกันนัก สามเขานี้ เขาเล่าว่า ผัวนั้นแอบมีเมีย
น้อย วันหนึ่งเมียหลวงรู้เข้า เลยถือสากตำข้าวมาหาเมียน้อยเพือ่ปรองดอง เฮ้ยๆๆ
    เมียน้อยก็ถือสากตำข้าวอยู่ (สมัยก่อน คนตำข้าวกินเอง) ก็มาประจันหน้ากัน พร้อมปรองดองด้วยสาก
เมียหลวงโดนสากเมียน้อย หัวแตก แต่พุ่งสากสวนโดนอกเมียน้อยทะลุไป ตายไปด้วยกัน ผัวรู้เข้าก็ถึงกับ
อกแตกตายเพราะอาลัยเมียทั้งสอง
    ผัวกลายเป็นเขาเมือง ที่อกแตกก็เป็นที่ว่างกลางหุบอย่างที่เห็นปัจจุบัน เมียหลวงก็กลายเป็นหัวแตก เมียน้อยเป็นเขาอกทะลุ"
...........................











วนอุทยานเมืองเก่าชัยบุรี
วนอุทยานเมืองเก่าชัยบุรี อยู่ในท้องที่บ้านคอกวัว หมู่ที่ 1 ตำบลชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง มีเนื้อที่ประมาณ 1,875 ไร่ โดยกรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2544

ลักษณะภูมิประเทศ
   เป็นภูเขาหินปูนตั้งอยู่บนพื้นที่ราบกลางทุ่งนาและสวนยางพารา มีหน้าผาสูงชันสลับซับซ้อน เขาชัยบุรีมีจุดสูงสุด 403 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยทั่วไปมีสภาพเป็นโขดหินน้อยใหญ่ ดินเป็นดินเหนียว ดินร่วนปนดินเหนียวและมีดินร่วนปนทรายอยู่เล็กน้อย

ลักษณะภูมิอากาศ
   เนื่องจากตั้งอยู่ในภาคใต้ จึงมีสภาพภูมิอากาศเพียงฤดูฝนและฤดูร้อน มีฝนตกเกือบตลอดปี ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม อากาศค่อนข้างเย็นสบายและฤดูร้อนอยู่ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน สำหรับในที่โล่งบนภูเขาและช่องเขาจะมีลมแรงเนื่องจากเป็นภูเขาตั้งอยู่กลางที่นา

พืชพรรณและสัตว์ป่า
   สภาพป่าเป็นป่าดิบชื้น พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ตะเคียนหิน ยางเสียน กระบาก เหรียง มะม่วงป่า รักเขา พิกุลป่า สมอ ไทรเลียบ งิ้ว ไพล พลอง ฝาด แก้ว หนามขี้แรด นน ไม้พื้นล่างได้แก่ มะกรูดผี ไม้โร (จั๋ง) เต่าร้าง กล้วยป่า ไม้เลื้อยชนิดต่างๆ สมุนไพรมีจำนวนมากได้แก่ คนทีดำ คนทีแดง จันทน์แดง สลัดได ดีปลีเชือก ส้มป่อย กาหลง ขอบชะนางแดง ขอบชะนางดำ ขอบชะนางขาว ดีงู กระดูกไก่ ขันทองพยาบาท เป็นต้น และมีกล้วยไม้ชนิดต่างๆที่สำคัญ ได้แก่ รองเท้านารี
   สัตว์ป่าที่พบ ได้แก่ ลิงต่างๆ ลิ่น ชะมด อีเห็น กระจง กระรอก บ่าง เม่น กระแต นางอาย ค้างคาว สัตว์ป่าจำพวกนก ได้แก่ ไก่ป่า นกขมิ้น นกเขา นกเค้าแมว นกตบยุง เหยี่ยว กาเหว่า นกรอดชนิดต่างๆ นกกางเขนดง นกกางเขนบ้าน นกกินปลี และนกกินแมลงชนิดต่างๆจำนวนมาก

การเดินทาง
   เส้นทางคมนาคมจากตัวเมืองจังหวัดพัทลุง เป็นถนนลาดยางตลอดสาย ไปทางทิศเหนือถึงบริเวณเขาชัยบุรีและเขาพลู ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร เดินทางต่อไปทางทิศตะวันออก ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร และย้อนกลับลงมาทางทิศใต้เข้าตัวเมืองพัทลุงโดยผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 เป็นระยะทาง 14 กิโลเมตร





pa_เฟี๊ยว

  "ไม่ไกลกันนัก สามเขานี้ เขาเล่าว่า ผัวนั้นแอบมีเมียน้อย วันหนึ่งเมียหลวงรู้เข้า เลยถือสากตำข้าวมาหาเมียน้อยเพือ่ปรองดอง เฮ้ยๆๆ ... 555+
   เมียน้อยก็ถือสากตำข้าวอยู่ (สมัยก่อน คนตำข้าวกินเอง) ก็มาประจันหน้ากัน พร้อมปรองดองด้วยสาก เมียหลวงโดนสากเมียน้อย หัวแตก แต่พุ่งสากสวนโดนอกเมียน้อยทะลุไป ตายไปด้วยกัน ผัวรู้เข้าก็ถึงกับอกแตกตายเพราะอาลัยเมียทั้งสอง
   ผัวกลายเป็นเขาเมือง ที่อกแตกก็เป็นที่ว่างกลางหุบอย่างที่เห็นปัจจุบัน เมียหลวงก็กลายเป็นหัวแตก เมียน้อยเป็นเขาอกทะลุ"


เขาหัวแตก









เขาอกทะลุ










ขอบคุณเครดิตภาพ : ตามชื่อที่ปรากฎเลยจร้าา ...

pa_เฟี๊ยว

ขอบคุณ : คุณหลวงนะค๊ะ ...

   "ชื่อนี้มีที่มาครับ มันมีสองแง่อยู่ ตามที่คนเมืองลุงเขาเล่ามา เคยไปอยู่ที่นั่นหลายปีอยู่เหมือนกัน
"ใกล้ๆนั้นมีสายคลองครับ มีท่าน้ำอยู่(ตรงไหน ผมก็ไม่เคยไปดูถึงที่) น้าน นานมาแล้ว มีคนจับหมีได้ก็เอามาผูกไว้ที่ท่าน้ำแห่งนั้น หมีตัวนั้นก็ร้องไปตามประสาสัตว์ป่าขาดอิสรภาพ คนก็เลยเรียกที่ตรงนั้นว่า "ท่าหมีหร่ำ" ซึ่งแปลว่า ท่าที่มีหมีถูกล่ามไว้ หรือ ท่าที่หมีร้อง (นึกถึงภาษาใต้ครับ)  ต่อมาก็เพี้ยนมาเรื่อย จนกลายเป็น ท่ามิหรำ"

  "ผมก็ไม่ทราบว่าที่มานี้จริงแท้แค่ไหน แต่ฟังได้อยู่ สมเหตุผล แต่คนเมืองลุงนี่เป็นนักเล่านิทานชั้นครูเหมือนกัน นี่ก็หานิทานนายแรงอยู่ ตำนานสร้างเมืองลุงเลยนะนั่น สนุกมาก แต่ชักลืมๆเสียแล้ว" ...
......................................

เจอแล้วเหมือนกัน สี่แยกท่ามิหรำ กะ ต.ท่าแค ค่ะ .... ส.สู้ๆ

งั๊นไปหยุดอยู่ที่ทางแยกรัตภูมินะค๊ะ เหมือนกับว่า "ถนนเพชรเกษม" จะอ้อมเลี้ยวขวาไปอีกแล้ว ... ส.อืม ส.อืม
จากท่อนนี้ "ผ่านเขาชัยสน  ป่าบอน มาถึง 3 แยกคูหาเลี้ยวขวาไปรัตภูมิ ถึง 3แยกท่าชะมวงเลี้ยวซ้ายมาทางหูแร่ ถึงแยกควนลัง"

เล่ามาโล๊ต ...







คุณหลวง

อยู่หลายปี แต่ปีละไม่กี่เดือนนะครับ ไปๆมาๆประสานักบวชพเนจร(ตอนนั้น)ตอนนี้ เป็นฆราวาสพเนจรไม่ได้ บ่วงแน่นเปรี๊ยะ

เขาอกทะลุนั้น เป็นทิวเขายาวพอสมควร(ตามแผนที่ ที่ป้าให้มา) หากขึ้นทางด้านหน้าบัีนได(สร้างสมัยผู้ว่าไหนแล้วไม่ทราบ) บันไดประมาณ ๑๒๐๐ กว่าขั้น จะถึงรูอกทะลุ มีราวเหล็กกั้นกันตก มีคนบอกรักกันมากมายด้วยลิควิด เปเปอร์ (คนนั้นรักคนนี้ ฉันรักเธอ ฯลฯ) ก็ไม่รู้คิดกันอย่างไร เพราะที่มาไม่น่าจะโรแมนติคที่จะบอกรักกันเลย พับผ่าสิ...เอาที่เมียน้อยถูกทิ่มตายมาบอกรักกัน โห..แบด โรแมนซ์ชัดๆ

ประมาณบันไดขั้นที่ ๒๐๐ จะมีทางแยกขึ้นไปสำนักสงฆ์สันตินคร เป็นสและถานที่ปฏิบัติธรรมอีกแนวหนึ่งที่น่าสนใจ และออกไปทางจีนนิดๆ มีอะไรๆน่าสนใจ(สำหรับหลายๆท่าน แต่ไม่ตรงจริตผมนัก)เพื่อนผมก็บวชอยู่ที่นั่นสองสามรูป ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ก้าวหน้าไปมากแล้ว จะได้เป็นรองเจ้าอาวาสในอนาคตอันใกล้  ส.ยกน้ิวให้

มีรูปปั้นพระองค์ใหญ่ มีพระแม่กวนอิมพันมือ มี...น่าท่องเที่ยวและศึกษามากครับ ท่านเจ้าอาวาสก็หนุ่มจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเจ้าอาวาสที่มีความสามารถสูง ท่านขนานนามที่นั่นว่า ดินแดนธรรมภูเขาเก้ายอดแดนมังกร อะไรเทือกนี้แหละ จึงมีอะไรๆแนวพระมหายานจีนไปพอสมควร

และปลายสุดเทือกนั้น เป็นเขามาลัย มีเจดีย์ตระหง่านอยู่ หากโดยสารรถไฟก็ต้องผ่านและเห็นชัด มีถ้ำที่ใหญ่และลึกน่าเที่ยว แต่สมัยนั้น อันตรายเพราะหินถล่มปากถ้ำ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรแล้ว กับอีกอย่างหนึ่งเทศบาลพยายามพัฒนาตรงนั้นให้เป็นที่พักและที่ท่องเที่ยว มีสร้างที่พักคล้ายๆรีสอร์ทหลายหลังอย่างลืมไปว่าไม่เหมาะกับสถานที่ควรแก่การเป็นปูชนียสถานสักเท่าไหร่

ส่วนเขาหัวแตกนั้น เป็นที่ตั้งวัดคูหาสวรรค์ อันเป็นวัดสำคัญอีกที่หนึ่ง หลวงปู่ทวดเคยธุดงค์มาพักที่นี่ รัชกาลที่ ๕ รัชกาลที่ ๙ และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์เคยเสด็จมาและมีพระนามาภิไธยไว้เป็นหลักฐาน อีกปลายเทือกนั้นเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์สันติบรรพต เป็นสำนักปฏิบัติสายพุทธทาส ซึ่งลูกศิษย์ของท่านพุทธทาสมาก่อตั้งและประกาศธรรมมานานกว่า ๓๐ ปีแล้ว

ส่วนที่เขาเมืองนั้นมีอะไรๆน่าสนใจหลายอย่าง ตามประสาที่ตั้งเมืองพัทลุงอยู่ระยะหนึ่งครับ

ตอนนี้ก็อยากติดตามเรื่องราวเมืองลุงครับ มันคล้ายๆวิญญาณครึ่งหนึ่งของผมอยู่ที่นั่น ตอนบวชก็เดินธุดงค์ที่นั่นเกือบทั้งสิ้น หลงเสน่ห์เมืองลุงตลอดมา(แต่ไม่ยักกะได้เมียที่นั่นแฮะ...)

ส่วนรัตภูมิบ้านเกิดผมนั้น ที่มาของชื่อเพราะที่นั่นดินแดงครับ รัตตะ แปลว่า แดง ภูมิ แปลว่า ดิน ว่าตรงๆก็ดินแดง ถิ่นดินแดง แหล่งผลไม้ ....เอ คำขวัญรัตภูมิว่าไงนะ มีน้ำตกบริพัตรด้วย

ถนนเพชรเกษม เมื่อมาถึงสี่แยกคูหาก็จะเลี้ยวขวา ผ่านอำเภอรัตภูมิ สามแยกท่าชะมวงเลี้ยวซ้าย มุ่งขึ้นหาดใหญ่ครับผม ตอนนี้เห็นกำลังขยายเป็นสี่เลนอยู่เป็นช่วงๆครับ

เอาเท่านี้นะครับ ซื้อเวลาเน็ตไว้น้อย ง่วงด้วย ฝนตกอดลอยกระทง นอนให้ลูกถีบหน้าไปก็แล้วกัน(ลูก ๒ ขวบ นอนร้ายสุดๆ ตีนมันชอบอยู่ที่หน้าพ่อมันเสมอ เฮ้อ....)


มีความสุขกับวันฟ้าฝนไม่เป็นใจสักเท่าไหร่นะครับผม                  สะบายดี...

สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

Probass

เพชรเกษม ควนลัง - ท่าชะมวง ช่วงหัวกับท้าย เป็นชุมชนแต่ไม่ยอมขยายถนน  ดันไปขยาย ช่วงหูแร่ ฉลุง สงสัยแถวนั้นได้ต้นไม้เยอะมั้งครับ  ยิ่งแถวควนลัง รถเยอะอีตายนิ
TUF ลุ้น break new high   UVAN @80 บาท --> 106.50 บาท

คุณหลวง

    ผมก็ไม่ทราบเหตุผลหรอกครับท่านโปร ว่าทำไมเขาทำพรรค์นั้น คิดแง่ดีว่า ดีกว่าไม่ทำเสียเลย อย่างน้อยรถเต็มมาแต่ควนลัง แซงไม่ได้ ก็มาได้แซงตรงนั้นแหละ  ส.แลบลิ้น

    ถึงสี่แยกคูหา(มาจากเมืองลุง) เหลียวหลังกลับไปมองจะเห็นเขาลูกหนึ่ง ทางฝั่งตะวันตกของถนน เป็นทิวยาวพอสมควร เพื่อนเล่าว่า แต่ก่อนมีลักษณะคล้ายโคชนกันอยู่ แต่ส่วนที่คล้ายเขาโคนั้นพังลงมาเมื่อหลายปีก่อน มีโคของชาวบ้านหลุดหายไปในเขานั้น ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ชาวบ้านจึงเรียกว่า "เขาโคหาย" หรือ "เขาโคหา" และเพี้ยนจนเป็นคูหาในทุกวันนี้

    มีบริษัทประมูลโม่หินได้เมื่อไม่กี่ปีก่อน จนตอนนี้ชาวบ้านยังคัดค้านกันอยู่ แต่คงต้านไม่ได้ตามเคย แล้วเขาโคหา หรือ โคหาย หรือ เขาคูหา ก็จะหายไปเพื่อการพัฒนา?

สะบายดี....
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

pa_เฟี๊ยว

ขออนุญาตเพิ่มเติมย้อนหลังอีกนะค๊ะ เพราะยิ่งหาก็ยิ่งมันเจ้าค่ะ งิงิงิ ...

จากบทความของท่าน : คุณหลวง


  "เขาอกทะลุนั้น เป็นทิวเขายาวพอสมควร(ตามแผนที่ ที่ป้าให้มา) หากขึ้นทางด้านหน้าบัีนได(สร้างสมัยผู้ว่าไหนแล้วไม่ทราบ) บันไดประมาณ ๑๒๐๐ กว่าขั้น จะถึงรูอกทะลุ มีราวเหล็กกั้นกันตก มีคนบอกรักกันมากมายด้วยลิควิด เปเปอร์ (คนนั้นรักคนนี้ ฉันรักเธอ ฯลฯ) ก็ไม่รู้คิดกันอย่างไร เพราะที่มาไม่น่าจะโรแมนติคที่จะบอกรักกันเลย พับผ่าสิ...เอาที่เมียน้อยถูกทิ่มตายมาบอกรักกัน โห..แบด โรแมนซ์ชัดๆ"

"ประมาณบันไดขั้นที่ ๒๐๐ จะมีทางแยกขึ้นไปสำนักสงฆ์สันตินคร เป็นสและถานที่ปฏิบัติธรรมอีกแนวหนึ่งที่น่าสนใจ และออกไปทางจีนนิดๆ มีอะไรๆน่าสนใจ(สำหรับหลายๆท่าน แต่ไม่ตรงจริตผมนัก)เพื่อนผมก็บวชอยู่ที่นั่นสองสามรูป ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ก้าวหน้าไปมากแล้ว จะได้เป็นรองเจ้าอาวาสในอนาคตอันใกล้"  ส.ยกน้ิวให้























"มีรูปปั้นพระองค์ใหญ่ มีพระแม่กวนอิมพันมือ มี...น่าท่องเที่ยวและศึกษามากครับ ท่านเจ้าอาวาสก็หนุ่มจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเจ้าอาวาสที่มีความสามารถสูง ท่านขนานนามที่นั่นว่า ดินแดนธรรมภูเขาเก้ายอดแดนมังกร อะไรเทือกนี้แหละ จึงมีอะไรๆแนวพระมหายานจีนไปพอสมควร"





"และปลายสุดเทือกนั้น เป็นเขามาลัย มีเจดีย์ตระหง่านอยู่ หากโดยสารรถไฟก็ต้องผ่านและเห็นชัด มีถ้ำที่ใหญ่และลึกน่าเที่ยว แต่สมัยนั้น อันตรายเพราะหินถล่มปากถ้ำ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรแล้ว กับอีกอย่างหนึ่งเทศบาลพยายามพัฒนาตรงนั้นให้เป็นที่พักและที่ท่องเที่ยว มีสร้างที่พักคล้ายๆรีสอร์ทหลายหลังอย่างลืมไปว่าไม่เหมาะกับสถานที่ควรแก่การเป็นปูชนียสถานสักเท่าไหร่"


"ส่วนเขาหัวแตกนั้น เป็นที่ตั้งวัดคูหาสวรรค์ อันเป็นวัดสำคัญอีกที่หนึ่ง หลวงปู่ทวดเคยธุดงค์มาพักที่นี่ รัชกาลที่ ๕ รัชกาลที่ ๙ และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์เคยเสด็จมาและมีพระนามาภิไธยไว้เป็นหลักฐาน อีกปลายเทือกนั้นเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์สันติบรรพต เป็นสำนักปฏิบัติสายพุทธทาส ซึ่งลูกศิษย์ของท่านพุทธทาสมาก่อตั้งและประกาศธรรมมานานกว่า ๓๐ ปีแล้ว"



















สถานที่ตั้ง
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคูหาสวรรค์ เขตเทศบาลเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง

ประวัติความเป็นมา
สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เคยเสด็จประพาสเยี่ยมชมและได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อไว้ที่ผนังถ้ำ

ความสำคัญต่อชุมชน
เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ปูชนียวัตถุสถานส่วนใหญ่เกิดจากศรัทธาของชาวเมืองที่ประสงค์จะสร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ เป็นพุทธบูชาไว้มากมาย ทั้งยังมีร่องรอยประวัติศาสตร์การเสด็จประพาสของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๗๘

Probass

คุณหลวงท่านมาถึงรัตภูมิแล้ว  ป้าย้อนกลับไปเมืองเสกัก (พัทลุง) แล้วหล่าว  ถ้ากลับมาหาดใหญ่ แวะป่าบอนซื้อสัปรดกันตะ  ส-ดีใจ ส-ดีใจ
TUF ลุ้น break new high   UVAN @80 บาท --> 106.50 บาท

pa_เฟี๊ยว

อ้างจาก: Probass เมื่อ 15:15 น.  29 พ.ย 55
คุณหลวงท่านมาถึงรัตภูมิแล้ว  ป้าย้อนกลับไปเมืองเสกัก (พัทลุง) แล้วหล่าว  ถ้ากลับมาหาดใหญ่ แวะป่าบอนซื้อสัปรดกันตะ  ส-ดีใจ ส-ดีใจ

แหมๆๆ ศิษพี่ ก่ ... ส.หัว
ท่านแกอุตส่าเล่ามาให้ฟัง เราก็ชอบจะค้นหานะค๊ะ ... ส.หัว

หลังสุดเมื่อตุลา มะลิป่าบอนกิโล20 เดี๊ยวนี้มีเฉาะใส่ถุงให้ริมถนนเลยค่ะ
อร่อยหวานอมเปรี้ยว ซื้อเป็นของฝากกลับมาเยอะเลยนิ ...  ส.หัว





ไปต่อนะค๊ะ อ้อมเข้ารัตภูมิตามเส้นทางก่อน ... ส.สู้ๆ

pa_เฟี๊ยว

จากบทความของท่าน : คุณหลวง

แต่สิ่งที่ดึงดูดให้สนใจ กลับเป็นการจะลบภูเขาออกจากแผนที่ซะงั๊น ...  ส.ร้อง ส.ร้อง


    "ส่วนรัตภูมิบ้านเกิดผมนั้น ที่มาของชื่อเพราะที่นั่นดินแดงครับ รัตตะ แปลว่า แดง ภูมิ แปลว่า ดิน ว่าตรงๆก็ดินแดง ถิ่นดินแดง แหล่งผลไม้ ....เอ คำขวัญรัตภูมิว่าไงนะ มีน้ำตกบริพัตรด้วย

    ถึงสี่แยกคูหา(มาจากเมืองลุง) เหลียวหลังกลับไปมองจะเห็นเขาลูกหนึ่ง ทางฝั่งตะวันตกของถนน เป็นทิวยาวพอสมควร เพื่อนเล่าว่า แต่ก่อนมีลักษณะคล้ายโคชนกันอยู่ แต่ส่วนที่คล้ายเขาโคนั้นพังลงมาเมื่อหลายปีก่อน มีโคของชาวบ้านหลุดหายไปในเขานั้น ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ชาวบ้านจึงเรียกว่า "เขาโคหาย" หรือ "เขาโคหา" และเพี้ยนจนเป็นคูหาในทุกวันนี้













    มีบริษัทประมูลโม่หินได้เมื่อไม่กี่ปีก่อน จนตอนนี้ชาวบ้านยังคัดค้านกันอยู่ แต่คงต้านไม่ได้ตามเคย แล้วเขาโคหา หรือ โคหาย หรือ เขาคูหา ก็จะหายไปเพื่อการพัฒนา?




สะบายดี....


ขออนุญาตถ่ายทอดบทกวีค่ะ ... ส.ร้อง

อนิจจาเขาคูหา  โดย ... เนี่ยม ขุนเพชร

"มองดูเขา คูหา  น่าอนาถ
เขาสามารถ  ระเบิดเขา เอาหินขาย
หากท้องถิ่น  ไม่อินัง  นั่งดูดาย
เขาคูหา  คงสูญหาย มลายไป"

"ท่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท่านผู้ช่วย
สารวัตรด้วย  ช่วยเหลือ เพื่อแก้ไข
พวกชาวบ้าน  วานช่วย  ด้วยจริงใจ
เพื่อจะให้  มีอยู่  คู่ตำบล"

"เมื่อบ้านเรา คูหาใต้  ไม่มีเขา
ลูกหลานเรา  จะสาปแช่ง ทุกแห่งหน
หากมีไว้  ให้เหล่า  เยาวชน
ในตำบล  คูหาใต้  ได้ภูมิใจ"

"สัญลักษณ์ เอกลักษณ์ เขาคูหา
ควรรักษา  อย่าให้  หายไปไหน
เป็นมรดก  ตกทอด  ตลอดไป
ภูเขาใหญ่  เหลือไว้  ได้ชื่นชม"

"ท่านที่รับ ผิดชอบ  ตอบสนอง
ผู้เกี่ยวข้อง  ทุกระดับ อย่าทับถม
รักษาเขา  เอไว้  ให้คนชม
อย่าโง่งม  ทำตัว  เช่นวัวควาย"

"หากปล่อยปละ ละเลย  จะเลยเถิด
เมื่อเหตุเกิด  มีผลตาม ความเสียหาย
ทรัพย์สมบัติ  ของชาติ  จะวอดวาย
ภูเขาหาย  เหลือแต่ชื่อ ฝีมือใคร"

"ขอฝากฝัง คนรุ่นหลัง สนใจบ้าง
ช่วยหาทาง  อนุรักษ์  อย่าผลักใส
รีบศึกษา  หาเหตุ  ที่เลศนัย
เพื่อร่วมใจ  กันต่อต้าน การทำลาย"