ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

นักวิชาการ ม.อ.เตือนการเปลี่ยนของอากาศ เริ่มส่งผลต่อพืชเศรษฐกิจ

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 15:15 น. 12 ธ.ค 55

ทีมงานประชาสัมพันธ์

นักวิชาการ ม.อ.เตือนการเปลี่ยนของอากาศ เริ่มส่งผลต่อพืชเศรษฐกิจและพืชอาหารของภาคใต้

รองศาสตราจารย์ ดร.สายัณห์ สดุดี ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกในระยะหลายที่ผ่านมา นอกจากจะทำให้เกิดผลกระทบทางภูมิศาสตร์ เช่น การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม และภัยพิบัติต่างๆแล้ว ยังมีผลต่อพืชเศรษฐกิจและพืชอาหารของภาคใต้ โดยเฉพาะข้าว ยางพารา และไม้ผล เนื่องจากต่อไปมีแนวโน้มว่าผลผลิตทางการเกษตรจะลดลง เพราะความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล  ปรากฎการณ์เช่นนี้เห็นได้ชัดเจนขึ้นในระยะ 3-4 ปี ตัวอย่างจากจากที่มีปริมาณฝนมากใน 2 ปีที่ผ่านมา กลับกลายเป็นฝนแล้งในปีนี้


คาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์เอลนินโญ่และลานินญ่า จะเกิดบ่อยขึ้น ฤดูกาลจะเปลี่ยนจากมี "หน้าร้อน" กับ "หน้าฝน" เป็น "แล้ง" กับ "ท่วม" ตอนนี้อยู่ระหว่างรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะไปในทิศทางใด  แต่ที่น่าสังเกตคือสภาพอากาศของจังหวัดสงขลาปัจจุบันจะคล้ายกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย  ซึ่งเกิดจากการขยายตัวที่กว้างขึ้นของเขตร้อนชื้นของโลก  ฤดูของการออกผลของผลไม้ของสงขลากับมาเลเซียและอินโดนีเซีย จะเริ่มตรงกัน คือจะออกในช่วงปีใหม่  ส่วนอากาศของภาคใต้จะขยับขึ้นไปแถวจันทบุรีและระยอง ทำให้ผลไม้ในแถบนั้นจะให้ผลช่วงเวลาเดียวกับภาคใต้
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้เกิดปัญหากับเกษตรกรมาก  จะเห็นได้จากพืชไม้ผลที่อายุยืนและให้ผลตามฤดูกาล เช่น ลองกอง เงาะ มังคุด กลับมาออกผลนอกฤดู  ไม้ผลดังกล่าวต้องการความแห้งแล้งในเดือนมีนาคม เพื่อกระตุ้นการออกดอก เมื่อหน้าร้อนขยับมาเป็นเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม จึงเปลี่ยนเป็นกระตุ้นให้ออกดอกเดือนตุลาคม และจะไปออกผลในช่วงปลายปีต่อต้นปีถัดไป การเปลี่ยนแปลงยังกล่าวในขณะนี้ยังไม่ทราบแน่นอนว่าจะคงอยู่ตลอดไปหรือเป็นเฉพาะช่วงเวลานี้

นอกจากนั้น ยังกระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราเช่นกัน  จากที่เมื่อก่อนใบยางจะร่วงในหน้าแล้ง และจะเริ่มผลิใบใหม่เดือนเมษายนเพื่อรับหน้าฝน  แต่หากมีฝนตกในหน้าแล้ง ใบใหม่จะชื้นและเกิดโรคทำให้ใบร่วง เช่นปีที่ผ่านมา ทำให้วันเปิดกรีดเลื่อนจากพฤษภาคมเป็นกรกฎาคม  ทำวันกรีดลดลง จากประมาณ 150 วัน เหลือ ประมาณ 110 วัน หรือบางพื้นที่อาจจะน้อยกว่านั้น  ซึ่งขณะนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.สายัณห์ สดุดี กำลังทำโครงการวิจัย ผลกระทบของโลกร้อนที่มีต่อยางพาราในภาคใต้ โดยทุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการในเดือนมีนาคม 2556 ใช้เวลาศึกษาวิจัย 2 ปี

"เกษตรกรควรเตรียมการเพื่อรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดย เกษตรกรทำนาควรเปลี่ยนเป็นปลูกข้าวอายุสั้น  ส่วนการปลูกไม้ผลต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาการออกผล หรือเปลี่ยนเป็นปลูกพืชที่  ส่วนที่จะกระทบกับยางคือโรคระบาดเช่นโรครากขาว ซึ่งสามารถทำให้ยางตายทั้งสวนได้  นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ประเทศมาเลเซียเปลี่ยนการปลูกพืชเศรษฐกิจจากการปลูกยาง มาเป็นการปลูกปาล์ม เพราะการเปลี่ยนของอากาศจะกระตุ้นเชื้อโรคบางอย่างให้เจริญเติบโตขึ้น จึงมองว่าต่อไปปาล์มน่าจะพืชเศรษฐกิจของภาคใต้ที่น่าสนใจมากกว่ายาง เพราะไม่กระทบกับปริมาณฝนที่มากขึ้น ส่วนยางนั้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางพื้นที่จะมีช่วงวันกรีดมากกว่าภาคใต้" รองศาสตราจารย์ ดร.สายัณห์ กล่าว

ข้อมูลและที่มา ข่าวโดย นายทวาทศ  สุวรรณโร นักประชาสัมพันธ์  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์