ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ทำไมพุทธเราจึงมีระบบเจ้าสำนัก

เริ่มโดย เณรเทือง, 18:38 น. 12 ธ.ค 55

ไปน้ำขุ่น

มีแต่คำแกัตัวที่พยายามทำให้กิเลสที่ตัวเองทำดูดีไม่ผิด คนอื่นค่อยยังชั่วไม่ค่อยแสดงตัวอวดรู้ แต่ท่านตั้งตัวเป็นกูรูผูู้รู้ธรรม มันสมควรแล้วเหรอ ลงไปเล่นขี้ให้เค้าเห็นทั้งๆที่สอนธรรม ยกใบไม้ทั้งป่ามาทั้งนั้น สมรมรวมมิตรเมดเล่กิเลศมั่วหมดแล้วท่านน่ะ หลงติดในอวิชชาพากิเลสกอดคอไปกับธรรม กลายเป็นธรรมเทวทัต ฟรีไสตร์มั่วหมดแล้ว เพี้ยนจริตหลอกตัวเอง ว่ามองโลกในแง่ดี กิเลศโน่นนี่ดีพาไปกับตัวไม่ตัดออก ไม่ไหวๆอย่างนี้เสื่อมหลงโลกหลงกิเลศ หลอกตัวเอง อวิชชาครอบงำอยู่อีกเยอะ



ไปน้ำขุ่น

สอนก็สอนให้สุดอย่ากั๊กมาเล่นจ้ำจี้จ้ำไชกับกิเลศ กิเลศจะพาลงนรกในจิตสุดท้าย มันไม่ใช่ของเล่นที่พาไปคู่กัน ต้องตัดกิเลศอยู่ในศีล เป็นกิจเป็นนิตเป็นนิสัยฝังในสันดานเข้าออกฌานสมาธิแม่นยำรวดเร็วที่สุดถึงจะใช้ได้จริงเวลาเจ็บปวดทรมารของกายสังขาล ยามแก่ชรา จิตต้องเป็นประภัสสรจริงๆว่างจริงๆไม่ต้องการเรือนร่างที่อยู่อีกต่อไป

อนิจจา

ว่าเค้าพันนั้นพันนี้ ดูใจตัวเองดีกว่ามั้ย ว่าทนได้บ้างหรือปล่าว
หรือว่าหาคำมาบรรยายสู้คุณหลวงไม่ได้ก็เลยอิจฉา
คุณหลวงมีแฟนคลับมากมาย สงสัยขี้อิจฉานะ
ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง

อิจฉาที่ไหน

นี่แหละความจริงไม่ใช่หลับหูหลับตาดัน โดยที่ไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ถึงแก่นธรรม หลงตัวเองมัวเมาไปกับกิเลศ แต่คิดว่ารู้ธรรม รู้แล้วตัดกิเลศอะไรออกไปได้บ้างล่ะ แล้วจะรู้ไปเพื่ออะไร มีแต่พามั่วติดตัวไป เหมือนคนรู้กฎหมายแล้วยังทำผิดไง มันหนักว่าคนไม่่รู้โทษหนักกว่าลงลึกกว่านานกว่า มีแต่รู้แล้วใช้ช่องกฎหมายหากินยกตัวหาลาภยศสักการะ แต่มันจอมปลอมลวงตา ใช่แค่วาทะกรรมและอาศัยว่าอ่านศึกษาสะสมมานาน อ้างโน่นคนนู้นคนนี้เคยพูดอย่างนี้ ให้อวิชชาหลอกกั้นความรู้ให้คนทีตามหลังไม่ได้มีธรรมที่ตรงและเพิ่มสูคงขึ้นเลย ผู้ติดตามมันต้องแก้กล้าด้วยดูแล้วแต่ละคนที่ตามมาดันให้ ธรรมความรู้ยังผิวเผินหลงผิดอยู่อีกมากมาย สังเกตุไหมเหมือนจัดฉากหน้าม้า 

อนิจจา

อ้างจาก: อิจฉาที่ไหน เมื่อ 04:51 น.  10 ม.ค 56
นี่แหละความจริงไม่ใช่หลับหูหลับตาดัน โดยที่ไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ถึงแก่นธรรม หลงตัวเองมัวเมาไปกับกิเลศ แต่คิดว่ารู้ธรรม รู้แล้วตัดกิเลศอะไรออกไปได้บ้างล่ะ แล้วจะรู้ไปเพื่ออะไร มีแต่พามั่วติดตัวไป เหมือนคนรู้กฎหมายแล้วยังทำผิดไง มันหนักว่าคนไม่่รู้โทษหนักกว่าลงลึกกว่านานกว่า มีแต่รู้แล้วใช้ช่องกฎหมายหากินยกตัวหาลาภยศสักการะ แต่มันจอมปลอมลวงตา ใช่แค่วาทะกรรมและอาศัยว่าอ่านศึกษาสะสมมานาน อ้างโน่นคนนู้นคนนี้เคยพูดอย่างนี้ ให้อวิชชาหลอกกั้นความรู้ให้คนทีตามหลังไม่ได้มีธรรมที่ตรงและเพิ่มสูคงขึ้นเลย ผู้ติดตามมันต้องแก้กล้าด้วยดูแล้วแต่ละคนที่ตามมาดันให้ ธรรมความรู้ยังผิวเผินหลงผิดอยู่อีกมากมาย สังเกตุไหมเหมือนจัดฉากหน้าม้า
คนมีธรรม ไม่มานั่งเถียงหรอก ของอย่างนี้ และที่ท่านทำอยู่นี้เหมือนเป็นการดูถูกคนอ่านคนอื่น ว่าไม่ได้ศึกษา
ซึงบางคนอาจจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยก็ได้ แต่เถียงกันเพื่ออะไร เฉยเสียดีกว่า
เป็นธรรมดานะที่คนเราจะคิดไม่เหมือนกัน ทำไมต้องไปว่าคนอื่นหรือคิดว่าความคิดท่านถูกต้องที่สุดแล้ว
คนอ่านตัดสินใจกันเองได้นะท่าน  ส.สู้ๆ ส.สู้ๆ

ไม่เสียหาย

เถียงเพื่อแยกธรรมออกจากความเกลือกกลั้วกิเลศ ชี้ให้เห็นมาร ทำให้ธรรมตรงตามธรรมวินัย ไม่ใช่พากิเลศไปนอนกอดศึกษาธรรม ยิ่งคนให้ความสนใจนับหน้าถือตาแล้วจำเป็นต้องถกในธรรมให้เห็นกิเลศมาร จะได้ไม่หลงทางไปอีกนาน กลับมาในทางตรงตามแผนที่ธรรม คือละตัดกิเลศ ไม่ใช่อยู่ธรรมดาลอยๆคบกิเลศกั๊กกิเลศไว้ รู้แล้วไม่ปฏิบัติจะรู้ไปทำหอกอะไร

ดูไม่ผิดเห็นตามความจริง

การมองอย่างไม่เสรแสร้ง ตามความจริง  หลักฐานที่บ่งบอกยืนยัน มันคือการมองที่ถูกที่ควรไม่ใช่มองอย่างเกรงใจกิเลศ มองบิดเบือนสร้างภาพหลอก ข้างนอกโปร่งใสข้างในเป็นโพลง นี่แหละรู้จักรู้เท่าทันกิเลศเมืีอไม่เห็นตรงนี้จะอ้างว่าเห็นตัวเองได้ไง หลอกตัวเองว่าเห็นมากกว่า ยังแยกไม่ออกไม่รู้จักกิเลศเลยด้วยซ้ำ ถ้ารู้จัก ต้องตัดต้องงดเว้น หลบหลีก ไม่ใช่พาตัวเองไปเกลือกกลั้ว

คุณหลวง

    ท่านอาจจะมองผมในแง่ที่ไม่เป็นมิตรมากเท่าไหร่นัก จึงจู่โจมผมเสียมากมายอย่างนี้ แต่ก็ครับ ว่ากันไปเรื่อยๆ มันก็สนุกดี คล้ายๆกับได้ย้อนเวลาไปในวันเก่าก่อนของตัวเอง ทีนี้ ผมก็อาจจะตอบท่านอีกนิดตามประสาปากไม่สุขนะครับ

    ที่ท่านถามว่าจะรู้ไปทำหอกอะไร ผมตอบว่าไม่รู้ไปทำหอกหรืออาวุธใดๆเลยครับ แต่รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามนะครับ แนวทางเราอาจต่างกัน การสั่งสมความรู้แม้ในวันที่เรายังไม่จำเป็นต้องใช้ แต่จิตมันอาจจะบันทึกไว้ใช้ในยามจำเป็นได้ครับ ผมจะเล่าเรื่องแม่ชีรูปหนึ่งให้ฟัง

    แกเป็นคนที่สิ้นหวังในชีวิต ผัวสำมะเล ลูกยิ่งเหลวแหลกจนใจเกินรับปัญหา แกตัดสินใจฆ่าตัวตาย ก่อนที่จะแขวนคอตัวเอง แกพลันนึกถึงคำพระที่เคยฟังมานาน นานจนไม่คิดว่ามันจะมีอยู่ในสมอง แม้เพียงประโยคเดียวว่า "มีแต่คนที่เห็นแก่ตัวจัดจนไม่รู้ว่าชีวิตมีค่าอย่างไรเท่านั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย" แกฉุกคิดมาแล้วก็คิดต่อไปจนกระทั่งแกเลิกฆ่าตัวตายแต่กลับไปหาหนทางสันติ คือการบวช

    แกไม่เคยสนใจธรรมใดๆ การฟังครั้งนั้นก็เพียงแต่การเปิดวิทยุขณะทำงานเท่านั้น แต่มันช่วยชีวิตแกได้ในวันที่แกคิดว่าไม่มีใครช่วยแกได้อีกแล้ว ธรรมะมันมีค่าถึงปานนั้นครับ การสั่งสมบารมีก็คือการสั่งสมความรู้ความสามารถของจิตที่แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรมองข้าม ผมเองก็เคยพ้นจากความทุกข์ในใจที่รุมเร้าได้ด้วยธรรมะที่เคยศึกษามา ผมจึงเห็นว่าธรรมะมีค่ามากแม้ในวันนี้เราไม่สามารถเห็นค่าของมัน

    เพราะว่าจิตเราสามารถเก็บอะไรไว้ได้มากมายเกินกว่าจิตปกติธรรมดาประจำวันจะจาระไนออกมาได้ บางเรื่องมันเก็บไว้ราวกับว่าไม่เคยมี ไม่เคยเจอ ไม่เคยปรากฏแก่มัน แต่เมื่อเวลาที่เหมาะสมด้วยเหตุปัจจัยมันก็จะปรากฏออกมาได้ ผมว่าเรื่องอย่างนี้หลายๆคนคงเคยประสบการณ์ ดังนั้น ธรรมะจึงมีค่าสำหรับคนทุกประเภทที่จะได้ยินได้ฟัง เพราะมันอาจจะมีสักประโยคหนึ่งที่ถูกจริตถูกใจแล้วมันบันทึกไว้เพื่อที่จะนำมาใช้ในยามจำเป็นอย่างที่แม่ชีท่านนั้นประสบ

    ผมจึงมีใจที่จะเผยแผ่ออกไปโดยไม่เคยคิดว่าเหนื่อย ท้อแท้ หรือสิ่งตอบแทนใดๆ เพียงแต่ทำเพราะเห็นว่ามันมีค่า และแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี ดังนั้น หอกที่ท่านให้มามันจึงไม่มีราคาของความเจ็บปวดใดๆเลย เพราะความเจ็บปวดแห่งหอกโลภ โกรธ หลง อิจฉา บ้าอำนาจ หลงตัวเอง ฯลฯ มันมีราคาให้เจ็บกว่าหอกจากปากคนมากมายนัก และโดยไม่ละอายต่อความเลวที่ตนเองยังมีอยู่ เพราะคุณค่าของธรรมอยู่ที่ใจของผู้สัมผัสเอง หากยังติดอยู่กับคนอื่นจนละเลยใจตน ยังตำหนิคนพูด ตำหนิธรรม ตำหนิตนเองจนไม่อาจเห็นประโยชน์ อันนั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป

    ความทุกข์ล้วนเกิดจากความยึดมั่นถือมั่นของใจตน ผมยึดผมก็ทุกข์ไม่มีใครทุกข์ให้ ใครยึดใครก็ทุกข์ผมไม่ทุกข์ให้ได้ อันนี้มันเป็นสันทิฏฐิโก ขึ้นกับจะสามารถยอมรับตนเองได้หรือไม่เท่านั้น

    ผมอาจจะแก้ตัวไปเรื่อยก็ได้ สองคนยลตามช่อง เจอไหใบ เปิดมาคนหนึ่งหน้าเบ้ มีแต่ปลาเน่า คนหนึ่งดีใจมีปลาร้ากิน... ส.อืม


สะบายดี...ยามเช้าครับผม อรุณสวัสดิ์ทุกท่านครับ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

เณรเทือง

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 05:53 น.  16 ม.ค 56

  สองคนยลตามช่อง เจอไหใบ เปิดมาคนหนึ่งหน้าเบ้ มีแต่ปลาเน่า คนหนึ่งดีใจมีปลาร้ากิน... ส.อืม

สะบายดี...ยามเช้าครับผม อรุณสวัสดิ์ทุกท่านครับ
จริงครับคุณหลวง เวลาไปเจอลูกพร้าวแห้งลีบในสวนพร้าว บางคนอาจมองผ่าน แต่ถ้าเราใช้มีดพร้าฟันฉับลงไป
บางทีอาจเจอลูกพร้าวเดือยกิน ก็อร่อยกันไปอีกแบบ อธิบายแบบนี้ไม่ทราบเด็กสมัยใหม่เข้าใจกันป่าวววว

ประมาทคือหายนะ

นั่นยังออกรูนั้น อีก หาข้ออ้างข้อแก้ตัวไปได้เร่่ื่อย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่เคร่งและปฏิบัติในศีล คิดหลอกตัวเอง ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ยกตัวอย่างแหล่งอ้างอิงไม่น่าเชื่อถือ ใครเล่า แต่งขึ้นเองรึเปล่า เสียงเขาว่าสาว่า ไม่รู้เรื่องจริงไหม ที่ยกอ้างได้ต้องมาจากประวัติพุทธสาวกในพระไตรปิฎกสิ มีนำ้หนักฟังได้ แล้วคิดว่าบุญกรรมที่ทำมาเหมือนเค้าเหรอ ถึงระลึกช่วยได้ตอนคับขัน พวกท่านทั้งหลาย อยู่อย่างประมาทแล้วอย่างนั้น คุณหลวงท่านพาคนสอนคนให้ดีๆท่านตุปัดตุเป๋๋หลงๆงมๆอยู่ อีกเยอะ อย่าสอนให้เค้าตั้งอยู่ในความประมาทไม่เห็นความสำคัญของศีล ท่านสับสนอยู่อีกมาก อย่าอธิบายธรรมเหมือนฟันธงฉับๆๆ ไปดูไปค้นมาให้ชัวอ้างอิงให้มีที่มาที่มีน้ำหนัก  สอนให้คนหลงผิดบาปกรรมจะตกแก่ท่านโดยไม่รู้ตัว

ประมาทคือหายนะ

ท่านดูเวลาที่ลงโพสเราไม่ได้ตั้งใจหน่วงตกแต่งเลย หลายอย่างที่เราสัมผัสได้บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาคุณหลวง  ถ้าเล่าให้ฟังหมดท่านต้องฟันธงว่าเราบ้าจริงๆ กิเลสมันสร้างปรากฎการหลอนหลอกได้เยอะมาก จนหลายคนคิดว่าเป็นนิมิตร แค่ กิเลสมันหลอกลวงล่อเราเท่านั้น ให้เราสาบานเหมือนเดิมเลย ว่าไม่ได้ตกแต่งและหน่วงเวลา ปรากฎการแปลกๆหลอนๆเหมือนอะไรบางอย่างพยายามติดต่อกับเรามันเริ่มมาตั้งแต่เราสวดมนต์ภาวนา ทั้งวันทั้งคืน กินข้าวมื้อเดียว จนมาทดสอบตบะเล่นๆ อดข้าวสองวันสามคืน ถือว่าน้อยมากเทียบกับพระปฏิบัติดังๆ แต่มันตึงเกินไปแค่ทดสอบให้พอรู้ถึงอำนาจจิต ถึงได้เชื่อหมดโดยไม่ต้องสงสัยทีี่ พระโคตมสอน ตอนนั้นที่ไหนที่เสี่ยงภัยต่อชีวิตไปมาหลายที่ในสามจังหวัดชายแดน ที่ที่เคยเกิดเหตุ  อย่าเชื่อๆ

ประมาทคือหายนะ

ไปคนเดียว ไม่มี คอพเวอร์ มีแต่ภาวนา และระลึกถึงพุทธ ธรรม สงฆ์  คิดว่าฆ่าตัวตายแล้วหล่ะ ช่วงนั้น แต่ไปในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตายโดยไม่ได้ฆ่าตัวตายเอง  แค่ขี้เล็บก็จริงแต่อยากบอกใหีรู้ความเป็นมาเป็นไปนิดหน่อย ยังแค่เด็กเพิ่งหัดเดินเหมือนทีหลายคนเข้าใจก็ได้นะ หรื่อเขาเรียกเด็กเพิ่งขึ้นชอบซิ่ง หลาวๆ  แต่จิตตัวเองใครจะรู้เท่าเรา  เหมือนได้เกิดใหม่อีกมิตินึง  ที่ยากจะลืมและหันหลังให้ธรรมพระโคตมแล้ว อย่าเชื่อๆ

คุณหลวง

อ้างจาก: ประมาทคือหายนะ เมื่อ 19:19 น.  16 ม.ค 56
นั่นยังออกรูนั้น อีก หาข้ออ้างข้อแก้ตัวไปได้เร่่ื่อย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่เคร่งและปฏิบัติในศีล คิดหลอกตัวเอง ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ยกตัวอย่างแหล่งอ้างอิงไม่น่าเชื่อถือ ใครเล่า แต่งขึ้นเองรึเปล่า เสียงเขาว่าสาว่า ไม่รู้เรื่องจริงไหม ที่ยกอ้างได้ต้องมาจากประวัติพุทธสาวกในพระไตรปิฎกสิ มีนำ้หนักฟังได้ แล้วคิดว่าบุญกรรมที่ทำมาเหมือนเค้าเหรอ ถึงระลึกช่วยได้ตอนคับขัน พวกท่านทั้งหลาย อยู่อย่างประมาทแล้วอย่างนั้น คุณหลวงท่านพาคนสอนคนให้ดีๆท่านตุปัดตุเป๋๋หลงๆงมๆอยู่ อีกเยอะ อย่าสอนให้เค้าตั้งอยู่ในความประมาทไม่เห็นความสำคัญของศีล ท่านสับสนอยู่อีกมาก อย่าอธิบายธรรมเหมือนฟันธงฉับๆๆ ไปดูไปค้นมาให้ชัวอ้างอิงให้มีที่มาที่มีน้ำหนัก  สอนให้คนหลงผิดบาปกรรมจะตกแก่ท่านโดยไม่รู้ตัว

    สะบายดี...

    ๑. "...นั่นยังออกรูนั้น อีก หาข้ออ้างข้อแก้ตัวไปได้เร่่ื่อย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่เคร่งและปฏิบัติในศีล คิดหลอกตัวเอง ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ยกตัวอย่างแหล่งอ้างอิงไม่น่าเชื่อถือ ใครเล่า แต่งขึ้นเองรึเปล่า เสียงเขาว่าสาว่า ไม่รู้เรื่องจริงไหม..."

    ผมจำได้ว่าท่านเคยบอกว่าท่านมีญาณที่สามารถเอาจิตวางที่ใดก็จะรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งดวงดาวต่างๆ ผมอนุญาตท่านนะครับ เอาจิตวางที่ผมและตรวจสอบมาดูเลยว่ามีจริงหรือเปล่า อย่าอ้างว่าไม่เห็นตัวแล้วดูไม่ได้ เพราะดวงดาวมันไกลกว่าผม อีกอย่างหนึ่งท่านเองก็เคยคิดว่าผมเป็นนักบวชมาแล้ว อย่าพูดข้างหลังไม่ตรงข้างหน้าสิครับ

    ๒. "...แล้วคิดว่าบุญกรรมที่ทำมาเหมือนเค้าเหรอ ถึงระลึกช่วยได้ตอนคับขัน..."

    คนทั่วไปไม่มีใครรู้บุญกรรมของตนหรอกครับท่าน ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะมีชีวิตอย่างไร เขาควรทำดี มีเครื่องยึดเหนี่ยวใจ ใช่หรือไม่?

    ๓."...อย่าสอนให้เค้าตั้งอยู่ในความประมาทไม่เห็นความสำคัญของศีล..."

    ผมกับท่านอาจจะต่างกันในแนวทางนะครับ แต่การกล่าวว่าผมสอนให้เขาประมาทนี่ ผมว่าท่านอ่านไม่แตก เพราะว่าผมบอกว่า ไม่ว่าคนเราดี-ชั่วอย่างไรก็ตาม ก็ควรศึกษาธรรมะไว้บ้าง เผื่อวันหนึ่งมันมีประโยชน์ขึ้นมา แม้วันนี้ เรายังเลวอยู่ แต่เราก็สั่งสมไปได้ตามกำลังครับผม

    ท่านอ่านพระไตรปิฎก ท่านก็ต้องทราบว่า พระพุทธองค์ทงเล่าถึงอดีตที่ไม่ดีของพระองค์มาหลายตอน และพระองค์ก็ปรับตัว สั่งสมบุญ ธรรมมาเรื่อยๆ การที่บอกคนทั่วไปว่าสั่งสมบุญ ธรรมไปเรื่อยๆ ก็ดีกว่ามองข้ามเสียทีเดียว เพราะเติมทีละนิดๆก็มีวันเต็มได้(มีพระพุทธพจน์เปรียบกับน้ำทีละหยด ท่านรู้ดี?) เป็นการสอนให้ประมาทหรือ?

    แล้วผมฟันธงตรงไหนครับ

    ที่ผมบอกว่า จิตมันสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆมากมาย และมันจะสามารถนำมาใช้ในยามคับขันนั้น ท่านคงไม่บอกว่าท่านจำทุกเรื่องอยู่ตลอดเวลานะครับ ถ้าอย่างนั้น ท่านก็คงจำอดีตชาติมากมายทั้งหมด เก่งยิ่งกว่าพระพุทธองค์สิครับ หรือว่าท่านเคยเจอของที่ท่านวางแล้วลืมไปบ้างไหมครับ?

    เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ หากท่านเห็นว่าตรงไหนผมพูดผิด ท่านก็แสดงของที่ท่านว่าถูกมาแก้สิครับ มันจะได้เป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านท่านอื่นๆด้วย ไม่ใช่เก่งแต่ข่มโดยไม่มีความรู้มาแสดง แล้วอวดความเก่ง ดี มันน่าสงสารนะลูก...


สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ไม่ผ่าน

ไม่ผ่านยิ่งเน่าไปกันใหญ่ คุณ หลวง ลวงธรรม ปลอมปน หลงระเริงเล่นกิเลศ

คุณหลวง

    เธอรู้ไหม ทำไมฉันชอบคุย ชอบเล่นกับเด็กๆ เพราะว่าเด็กๆไม่ค่อยจะมีมายาอะไรมากมาย แม้ว่าบ่อยครั้งที่ฉันถูกเด็กโกง โกหก หรือว่าเอาบ้างฉันก็ยังชอบเล่นกับเด็กอยู่ดี จนมีเพื่อนบางคนเคยถามว่า"ฉันอายุกี่ขวบแล้ว" ส.หลก ส.หลกจริง ส.หลกจริง

    ยิ่งกับเด็กอวดดี ฉันก็ยิ่งสนุกที่จะคุยกับเขา แต่ก็ยอมรับว่าบางทีก็รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกันที่เด็กคนนั้นเอาแต่ใจเกินไป แต่ฉันก็สนุกที่จะคุยกับเขา เพราะสุดท้ายเขาจะหลงทางความอวดดีของเขาเอง

    นั่นคือเหตุผลที่ฉันคุยกับเธอ

    ฉันไม่ได้ดูถูกเธอหรอกนะ แต่ตลอดเวลาที่คุยกันมาฉันก็เห็นเธอเอาแต่ว่าฉันผิดอย่างนั้น อย่างนี้ ตีความไม่เป็นก็หมายเอาแบบที่ตนต้องการ พอฉันอธิบายก็ว่าฉันแก้ตัวไปทุกที แต่เธอก็ไม่สามารถสำแดงออกมาว่าถูกเป็นอย่างไร

    ฉันไม่เคยคิดเอาชนะกับเด็กๆแบบเดียวกับที่ฉันไม่เคยคิดเอาชนะเธอ แต่เพราะเธอไม่ใช่เด็ก ฉันเลยไม่ได้รอมชอมมากแบบเด็กๆ ฉันพยายามที่จะให้เธออธิบายความรู้ออกมาอย่างที่เธออวด

    ฉันเลยอยากถามเธอวันนี้ว่า เธอรู้สึกละอายแก่ใจตนบ้างหรือไม่ กับความอวดในสิ่งที่ตนไม่มี อย่างเรื่องการสามารถเอาจิตวางที่ใดก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งนั้น พอฉันอนุญาตให้ทำกับฉันในสิ่งที่เธอสงสัย เธอก็ทำไม่ได้ เพราะฤทธิ์เดชที่คุยมันไม่มีจริง แถออกไว่าฉันแก้ตัว หากเป็นพระภิกษุ เธอก็ปาราชิกแล้ว ใช่ไหม?

    หรืออย่างในกระทู้ไม่มีศาสนา ที่เธอให้คะแนนฉันผ่าน เป็นเพราะเธออยากบอกว่าเธอเก่งกว่าฉันเท่านั้น หรือมิใช่ หรือเพราะภาษาสำนวนที่ใช้แบบเดียวกับพระคัมภีร์ หรือเพราะเธอรู้? แค่แยกแยะอินทรีย์แห่งจิตยังไม่ได้ เกิดมาเธอเก่งปานนั้น จนไม่ต้องฝึกฝนหรือ ทำไมคนที่เขายังเลวจะไม่ให้โอกาส กำลังใจเขาในการก้าวสู่ทางที่ดีหรือ? แม้วันนี้ยังไม่ดี แต่เมื่อสั่งสมสิ่งดีเข้าไปๆมันก็จะดีได้ในสักวันหนึ่ง ชาติหนึ่งต่ิอๆไป เพราะทุกดวงจิตล้วนหลงผิดมาด้วยกันทั้งนั้น รวมถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกองค์ จึงต้องทรงสั่งสมบารมีกันนับกัปป์กัลป์หลายกัปป์กัลป์

    หากบริสุทธิ์แล้วหรือจะมาเกิด??? พอวันต่อมา ฉันพูดให้ไม่ถูกใจ เธอก็ว่าไม่ผ่าน ตกลงว่าที่ผ่านนั้่นเพราะถูกใจผัสสะทั้งหกของเธอ ไม่ผ่านเพราะไม่ถูกใจผะัสสะทั้งหกของเธอดอกหรือ เธอเคยเห็นพระพุทธองค์ทรงกลับกลอกพระวาจาหรือไม่ ไม่มีหรอก เพราะพระองค์ไม่ได้พูดเอามัน

    การเห็นผีสางเทวดา ไม่ได้แปลว่าเก่งเสมอไป แต่อาจหมายถึงคนจิตอ่อนก็ได้ การโพสท์ลงเวลาเลขสวยก็ยังเอามาโพนทะนาราวกับเด็กๆ หากเป็นอย่างนั้นทุกครั้งจะไม่มีใครว่าเลย เพราะหากไปดูในหน้าสารบัญ เธอจะพบผู้ที่โพสต์ลงเวลาเลขสวยเสมอๆโดยที่เขาก็คงไม่ได้หน่วงเวลาหรอกเธอ

    คนอื่นหลงกิเลสเพราะไม่ถูกใจกิเลศของเธอดอกหรือ? ฉันถึงเคยบอกว่าปล่อยวางฉันลงเสีย แล้วเธอจะสามารถพูดธรรมได้อย่างงดงาม

    แต่ก็เอาเถิดหนา ฉันรู้ดี ว่าเธอไม่สนใจฟังฉันหรอก เพราะเธอตัดสิน ฉันแล้วว่าเลวเกินไป ฉันไม่มีศีลแบบสิกขาบทแบบที่เธอเรียนมาสมัยประถม มัธยม ว้า..นี่ฉันแก้ตัวอีกรึนี่ เธอยังไม่อธิบายเรื่องนี้กับฉันเลนนี่นะ...

    เอาเถิดๆ ฉันคงพูดมากไปแล้วล่ะเมื่อเธอ ส.บ๊ายบายกับฉันแล้ว ฉันก็ขอให้เธอโชคดีนะ   เด็กน้อย...


    สะบายดี...
  ส.สู้ๆ ส.สู้ๆ ส.สู้ๆ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

puiey

ผู้นำคือ ผู้ที่จะทำตนเป็นแนวทางให้ผู้ตามได้เห็นและปฎิบัติตาม มันเป็นธรรมชาติของสังคมครับ มีทุกสังคมมนุษย์ แต่ถ้าผู้นำ นำไปในทางที่ผิด ผู้ตามก็เดินตามทางผิด เพราะฉะนั้นผู้นำความเป็นผู้ที่เดินในทางที่ดี ที่ถูกต้อง จะได้นำพาสังคมไปในทางที่ถูกต้องด้วย สรุปผู้นำ หรือกระทู้นี้เรียกว่าเจ้าสำนัก เป็นหัวใจหลัก และมีความสำคัญมาก (เป็นความเห็นส่วนตัวครับ)
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

มีอะไรมากกว่านั้น

ท่านไม่ให้ความสำคัญของศีลคุณหลวง ยังหลงมอมเมาในกิเลสไม่คิดตัด ท่านอวิชชาครอบงำอยู่อีกเยอะ กลุ่มท่านนำสุราเหล้าเบียร์นารีตัณหามาออกอากาศในลานบุญ  เอาใจเพื่อนร่วมกลุ่ม แต่ไม่เคารพธรรม ถามตอบแบบผู้รู้กูรูแต่วาจาสนทนาสวนทาง ท่านไม่รู้สา ไม่รู้จัก กาละเทศะ เราจำเป็นต้องสั่งสอนท่าน ให้หลาบจำ ตรรกะท่านแค่ใช้เสริทหาข้อมูลอ้างอิง มาให้เข้าทางตัวเอง เท่านั้น พูดธรรมแต่เอากิเลสมาคลุกเคล้าแปดเปื้อนธรรม เป็นเยี่ยงอย่างที่คนที่ทำตัวเป็นผู้นำแล้วมาเล่นขี้ให้เห็น มันพาคนอื่นหลงผิดลงเหว ไม่ใช่ทำตัวคลุกเคล้าไปกับกิเลสแล้วอ้างว่าให้จิตตัวเองคิดดีมันบ้าแล้วที่ท่านสื่อให้เห็นอยู่ มันมากยากกว่านั้นเยอะ ท่านห่วงแต่ชื่อเสียงศรัทธาสรรเสริญหัวโขนจนหน้ามืดตาบอดเพี้ยนธรรมเอากิเลสกอดไปกับธรรมมั่วกันไปหมดแล้ว ธรรมที่เอามาอ้างอิงพาดพิงต้องเอามาปฏิบัติด้วย ไม่ใช่แค่รู้แล้วมาโม้อวดมันต้องปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย ศีลคือเกราะกำบังเครื่องห่อหุ้มอุ้มชู ยกลอยตัวข้ามฟาก ทาน ศีลภาวนา ศีลสมาธิปัญญา ท่านยังสับสนในตัวเองเลยสอนให้พาอ้อมวกวนหลงทางอวิชชา ไม่มีศีล เทวดาไม่คุ้มครองปกป้องสนับสนุน มารจะล่อให้หลงธรรมลวงที่ไม่เห็นแก่นหลงผิด นั่งดื่มนั่งเมาหลงนารี กามารม มันของหนัก ลอยไม่ขึ้น ไม่มีทางเดินตรงทาง โซซัดโซเซ ห่วงชื่อเสียงสรรสริญอยู่นั่นแหละมันของหนัก

มีอะไรมากกว่านั้น

กล้าสาบานอย่างเราไม๊ ใครพยายามแต่งเวลาให้เห็นที่ผ่านมา ถ้าใครคนนั้นที่ไม่แต่งเวลวมาสาบานเลย เอาชีวิตความเป็นอยู่หลังจากนี้มาเดิมพัน ในเมื่อรู้แล้ว ว่าผีสางเทวดามีจริง  มันต้องมีใครสังเกตุว่าเหมือนตกแต่งเวลา เลยมาหน่วงเวลาทำตามๆกัน เราเปล่า และสาบานไปแล้ว ไอ้อะไรที่อวดเหมือนคร้ายว่าจะมีฤทธิ์หน่ะมีจริงแต่น้อยเป็นช่วง อย่างจับแก้วนำ้ร้อนโดยไม่ร้อนเร่งให้รู้สึกร้อนให้เย็นเพราะช่วงนั้นสวดมนต๋ภาวนาอย่างหนักมีคนมาจับตัวก็ขนลุก และกำหนดจิตแยกเมฆในตอนที่เมฆหนาฝนกำลังจะเทลง  เป็นช่องโหว่ให้แสงลอดมา  ช่วงทีหมอเสดาะห์เคราะห์ทำพิธีเค้าคงแอบภูมิใจว่าพิธีเค้าขลัง แต่เรากำหนดจิตเองแยกเมฆยังไงแหวกออกแสงส่องลงมา จำไม่ผิดจะเป็นบทสวดปรับภพภูมิแต่ก็ทุกบทสวดที่มีทัวไปในหนังสือสวดมนต์ ไปธุระก่อนเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังว่า จิตเราหลอนรึเปล่า คนอื่นก็เห็นเหมือนเรา แปลกใจแต่เราไม่บอก เดี๋ยวมาๆ ลงไปก่อนแค่นี้นะ

คุณหลวง

โหย...มาแรงอ่ะ

    ผมทำชั่ว ผมก็รับผลชั่ว เมื่อจิตผมผูกกับของชั่วผมก็ไปชั่ว คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ยามจิตผมเหนี่ยวของดีผมก็คิดดี พูดดี ทำดี แต่ว่ากันจริงๆนะ ผมไม่เคยหนักใจว่าใครจะมองผมดี-เลวอย่างไร

    ทองไหลปนมากับหินกับกรวด คนร่อนทองเค้าเลือกเอาทอง ทั้งๆที่ทองมันไม่ได้ประกาศว่ามันคือทอง แต่มันก็เป็นทองวันยังค่ำ สื่อสาธารณะมีคนพูดกันทั้งดี-ชั่ว รวมทั้งผม หากไม่รู้จักร่อนเอาเองก็คงทุกข์ไปเรื่อย

    ผมไม่ได้พูดธรรมเพื่อบอกว่าผมดีและไม่เคยบอกว่าผมดี แต่พูดเพื่อการแลกเปลี่ยน ใครรับ ใครไม่รับ อันนั้นเป็นสิทธิ์ส่วนตัว เพราะผมไม่เป็นของใครและใครๆก็ไม่เป็นของผม

    ในทุกที่มีบุญบาปปะปน แล้วแต่คนจะตั้งจิตตนไปทางใด เมื่อใจมั่นคงมันก็ไม่เสื่อมตามคำคน หากใจไม่มั่นคง ความชั่วของคนอื่นก็ก่อทุกข์แก่ตนได้ จิตที่มีความสงบได้เพราะไม่ยึดติดทั้งดีและชั่วเท่านั้น

    ว่าแต่ท่านแบกเบียร์ที่ผมวางแล้วไว้นานขนาดนี้ จะไม่หนักไม่เมาแย่เหรอครับ  ส.ฉันเอง


สะบายดี...


http://youtu.be/QboGpaSc2Qc
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

Mr.No

อ้างจาก: มีอะไรมากกว่านั้น เมื่อ 13:08 น.  23 ม.ค 56
ท่านไม่ให้ความสำคัญของศีลคุณหลวง ยังหลงมอมเมาในกิเลสไม่คิดตัด ท่านอวิชชาครอบงำอยู่อีกเยอะ กลุ่มท่านนำสุราเหล้าเบียร์นารีตัณหามาออกอากาศในลานบุญ  เอาใจเพื่อนร่วมกลุ่ม แต่ไม่เคารพธรรม ถามตอบแบบผู้รู้กูรูแต่วาจาสนทนาสวนทาง ท่านไม่รู้สา ไม่รู้จัก กาละเทศะ เราจำเป็นต้องสั่งสอนท่าน ให้หลาบจำ ตรรกะท่านแค่ใช้เสริทหาข้อมูลอ้างอิง มาให้เข้าทางตัวเอง เท่านั้น พูดธรรมแต่เอากิเลสมาคลุกเคล้าแปดเปื้อนธรรม เป็นเยี่ยงอย่างที่คนที่ทำตัวเป็นผู้นำแล้วมาเล่นขี้ให้เห็น มันพาคนอื่นหลงผิดลงเหว ไม่ใช่ทำตัวคลุกเคล้าไปกับกิเลสแล้วอ้างว่าให้จิตตัวเองคิดดีมันบ้าแล้วที่ท่านสื่อให้เห็นอยู่ มันมากยากกว่านั้นเยอะ ท่านห่วงแต่ชื่อเสียงศรัทธาสรรเสริญหัวโขนจนหน้ามืดตาบอดเพี้ยนธรรมเอากิเลสกอดไปกับธรรมมั่วกันไปหมดแล้ว ธรรมที่เอามาอ้างอิงพาดพิงต้องเอามาปฏิบัติด้วย ไม่ใช่แค่รู้แล้วมาโม้อวดมันต้องปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย ศีลคือเกราะกำบังเครื่องห่อหุ้มอุ้มชู ยกลอยตัวข้ามฟาก ทาน ศีลภาวนา ศีลสมาธิปัญญา ท่านยังสับสนในตัวเองเลยสอนให้พาอ้อมวกวนหลงทางอวิชชา ไม่มีศีล เทวดาไม่คุ้มครองปกป้องสนับสนุน มารจะล่อให้หลงธรรมลวงที่ไม่เห็นแก่นหลงผิด นั่งดื่มนั่งเมาหลงนารี กามารม มันของหนัก ลอยไม่ขึ้น ไม่มีทางเดินตรงทาง โซซัดโซเซ ห่วงชื่อเสียงสรรสริญอยู่นั่นแหละมันของหนัก

แหม.. อ่านแล้วคงต้องขอนมัสการนะขอรับ

พูดเรื่อง เบียร์ ๆ ...ทำท่าไม่ค่อยสบายใจ เพราะเรื่องนี้ ถ้าจะว่าไปผมนี่ละมังที่มักจะชอบชวนคุณหลวงออกทะเลเสียบ่อย ๆ  เพราะชอบชวนคุณหลวงกินเบียร์ให้เสียงานอยู่เรื่อย ส-เหอเหอ

ผมว่าเรากลับมาคุยเรื่องธรรมะแบบชาวบ้าน...เรียบ...ง่าย   ให้ตรงจริตมนุษย์ที่ยังมีกิเลสเป็นอาภรณ์กันบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ครับ...

กระดานลานบุญ...มันไม่ใช่กระดานหลุดพ้น จะได้มานั่งทะเลาะกันว่า ใครถึง..ใครไม่ถึง  มันจะกลายเป็นเสียทั้งสองฝ่าย เพราะสุดท้าย ต่างฝ่ายก็ตกหล่มอวิชชาที่ยึดเอาตัวกู(ถูก)....แบบกู(ถูก) ทั้งนั้น

ผมไม่ปฏิเสธ...เรื่องสำคัญของธรรมชั้นสูง โดยเฉพาะบางท่านที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ หรือตั้งใจใฝ่ฝึกฝน จนมีอภิญญาธรรมชั้นสูง ..ซึ่งนั่นผมถือว่าเป็นสุดยอดแห่งการปฎิบัติในแนวทางที่ท่านผู้รู้ก็บอกว่า มันเป็น "ปัตจัตตัง"

เรื่องของภูมิหน้า..ภพหลัง เรื่องนี้ ไม่มีใครปฎิเสธ สำหรับบุคคลที่เข้าถึง....รวมทั้งผม และเชื่อว่าอีกหลายท่านที่เป็น พุทธมามกะ ก็ยอมรับว่า ที่สุดแห่ง พุทธศาสนา คือการเข้าถึงและหลุดพ้นแห่งอาสวะกิเลส และเข้าสู่ นิพพานสถานะ

สำหรับผม..จะว่าไปก็ยังแค่พวกบัวปริ่ม ๆ .... จะโผล่ก็เหมือนไม่...จะจม ก็ยังถือว่ามีบุญที่ได้ทำเอาไว้บ้างได้ช่วยประคับประคองค้ำจุนสติให้มันไม่หลง..จนเกินมนุษย์

อย่าเครียด...อย่าเอาเป็นเอาตายกันเลยครับ.... คุยกันเพลิน ๆ กันดีกว่านะครับ.
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

อมตะธรรม

ธรรมต้องไปต่อ ไม่สดุดด้วย ความเกรงใจกิเลศ และความหวาดกลัวใดๆ จึงเห็นแสงสว่างแห่งความหลุดพ้นคือ อมตะธรรม นิพพาน ส.โกรธ ส.โกรธ ส.โกรธ ส.โกรธ ส.โกรธ

คุณหลวง

    ท่านพี่Mr.No ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นดอกครับ เพราะว่าหากท่านพี่พูด ผมเงียบ มันก็จบ ท่านพี่ฅนหลงพูด ผมเงียบ มันก็จบ แต่เพราะผมต่อด้วย มันเลยยาว แต่เรายาวไปทางเดียวกัน มันเลยไม่มีปัญหา แต่เมื่อมีคนยาวไปคนละทาง มันก็แย้งกันบ้าง ธรรมดา อินทรียะต่างกัน

    ตอนที่ท่านพี่เอ่ยว่าสนใจธรรมแต่ยังชอบรสชาติเบียร์เมื่อ...สักปีก่อน หรือปีกว่าๆได้แล้วนะ เป็นครั้งแรกที่ท่านพี่นำพูดเรื่องนี้ ผมร้องในใจ เฮ้ย..เจ๋งๆ วาจาตรงดี ผมก็เลยตอบรับไปบ้างตามความเป็นจริง แต่ก่อนตอบ ผมคิดนานพอควร นึกถึงคนที่เข้ามาคุย มาตอบ มาแลกเปลี่ยน มาถามปัญหากันว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ผมคงแย่และเสียศรัทธาไปแน่ๆ แต่สุดท้ายก็คิดว่า คนเราต่างมีดีเลว เราศรัทธากันตามความเป็นจริงของตัวตนจะดีกว่านะ หากผมกลัวเสียชื่อผมคงไม่ยอมรับมาตั้งแต่นั้นแล้วล่ะ

    การเข้าเส้นทางธรรม ไม่ใช่ว่าจะต้องเลิศเลยทีเดียว มันต้องค่อยๆปรับ ค่อยๆแก้กันไป เหมือนกับจะทำอะไรต่างๆนานา สร้างบ้านก็ไม่ใช่ยกมาตั้งทั้งหลังเลย มันต้องผ่าการปรับพื้นปรับอะไร ก่ออะไรไปเรื่อยๆกว่าจะสมบูรณ์ คนที่เริ่มสนใจธรรม แม้ว่ายังเลวอยู่ แต่เมื่อสนใจสิ่งดีๆแล้ว สักวันจะต้องดีขึ้นแน่ๆเรื่อยๆ เราก็ช่วยกันส่งเสริมไปตามกำลัง...เนาะ

    ประการสำคัญคือ เราต้องมีความซื่อตรงต่อตัวเองให้มากที่สุด เพราะความซื่อตรงต่อตัวเอง ยอมรับตัวเองตามความเป็นจริงแล้ว เราจึงจะปรับ แก้ไขมันได้ หากใช้ความดีมาปกปิดตัวเองอยู่ เราก็แก้ไขตัวเองไม่ได้

    การฝึกธรรม ฝึกสมาธิก็เหมือนกัน มันค่อยๆเป็นค่อยๆไป หมั่นตรวจสอบใจตนเองให้มาก สิ่งที่พูดกับความจริงในใจ มันตรงกันไหม ฟังคนอื่นบ้างก็ดี เพราะเขาจะมองมาจากข้างนอกอาจจะเห็นได้ชัดกว่า สิ่งที่เขามองผิดบ้าง อคติบ้างก็ช่างๆมันไปเสีย นักมวย นักบอล นักกีฬาจึงต้องมีโค้ชมีพี่เลี้ยงคอยดู เพื่อมองจุดบกพร่องนั่นเอง นักกีฬาที่อวดตน เก่งเอาเองไม่ฟังใครจึงไม่ประัสบความสำเร็จถึงจุดสุดยอด

    เรื่องจิตใจ แม้จะพูดแบบง่ายๆว่ารู้จักใจตนก็สุดยอดธรรม แต่การรู้จักใจนั่นแหละยากที่สุด เพราะว่าจิตใจมันพร้อมที่จะป้องกันตัวเองให้ดีอยู่ร่ำไป จนละเลยความดีที่แท้จริงไปก็มี แม้คนเลวก็ยังอวดความดีของตนในแบบที่ตนมีตนเป็นว่าดีว่าเด่นว่าสุดยอด

    อย่างการคุยกับท่านผู้นี้ ผมเองก็เคยคิดจะหยุดเลยแล้วล่ะ แต่เมื่อเห็นอะไรมันหลุดมาหลายอย่าง ประสาอยู่ไม่สุข ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ก็เลยคุยเรื่อยๆมา เพื่อกระทุ้งให้เขาแสดงธรรมออกมา อย่าดีแต่อวด และเพื่อให้เขาแหนงใจตัวเองในสิ่งที่เขาอาจจะยังไม่เห็น แม้ว่ามันจะทำให้กระทู้นี้หม่นไปบ้าง น่ารำคาญบ้างจากท่านผู้อ่าน เพราะดูเหมือนการทะเลาะ ถกเถียงกันก็ตาม

   
อ้างจาก: อมตะธรรม เมื่อ 23:53 น.  31 ม.ค 56
ธรรมต้องไปต่อ ไม่สดุดด้วย ความเกรงใจกิเลศ และความหวาดกลัวใดๆ จึงเห็นแสงสว่างแห่งความหลุดพ้นคือ อมตะธรรม นิพพาน ส.โกรธ ส.โกรธ ส.โกรธ ส.โกรธ ส.โกรธ

    ผมคงจะไม่ยกเอาอะไรที่ท่านพูดคำหลังไม่ตรงกับคำหน้ามาเป็นตัวอย่างนะครับ เพราะอยากให้ท่านรู้ด้วยตัวเอง ลองกลับไปอ่านไปทบทวนดู ผมไม่มีเจตนาที่จะทำลายท่าน ที่พูดมาก็เพื่อให้ท่านเห็นตัวเองมากขึ้น กล้าพูดว่าผมหวังดีต่อท่านด้วยจริงใจ แต่ความเลวของผมอาจทำให้ท่านมองความหวังดีของผมไม่เห็น อันนี้ผมก็ทำใจ

    ธรรมจะไปต่อได้ก็ด้วยความไม่เกรงใจตัวเอง ไม่หวาดกลัวต่อความจริงที่ตนเองเป็น ธรรมมันเติบโตได้ด้วยการยอมรับตนได้ตามความเป็นจริงเท่านั้น หากยังไม่สามารถยอมรับตน ยังหลู่คุณครูบาอาจารย์ มันก็เป็นได้เพียงธรรมปฏิรูปเท่านั้น และหลอกลวงตัวเองร่ำไป

   
    ป.ล. สำนักที่แยกออกมาเพราะกิเลสคนก็เยอะครับ วันหลังมีเวลาจะเข้ามาเล่าสู่กันฟังครับ


สะบายดี...  ส.อืม

| บาปใหญ่ - บาปลึก ? |

    คิดว่าดี กว่าเขา ซิเราแย่
มันเพียงแต่ ดีกว่าคน ที่บาปใหญ่
ส่วนตัวเอง บาปลึก นึกให้ไกล
มันบาปหนา อยู่เมื่อไร ให้นึกดู

    เขาติดซ้าย, เราติดขวา, ถ้ามานึก
มันยังติด เหลือลึก กันทั้งคู่
แม่ติดซ้าย เลวกว่า ไม่น่าดู
แต่ติดขวา มันก็หรู อยู่เมื่อไร

    มันเพียงแต่ ดีกว่าคน ที่ยังเลว
ส่วนตัวเอง ก็ยังเหลว ไม่ไปไหน
เฝ้าเกลียดซ้าย รักขวา เป็นบ้าใจ
มันก็ไพล่ พลัดห่าง ทางนิพพานฯ

                      พุทธทาสภิกขุ
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป