ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ปวดประจำเดือนกับเเพทย์จีนเกี่ยวกันอย่างไร??

เริ่มโดย dunanxing, 11:24 น. 10 ม.ค 56

dunanxing

ปวดประจำเดือน( Dysmenorrhea)

อาการปวดประจำเดือน หรือที่เรียกกันว่า Dysmenorrhea เป็นอาการปวดท้องน้อยในขณะที่มีประจำเดือน เป็นอาการที่เกิดในหญิงกลุ่มวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นจะพบได้มากที่สุด จะพบเป็นมากในกลุ่มสตรีที่ยังไม่เคยตั้งครรภ์  แบ่งได้เป็น ชนิดปฐมภูมิ ( หรือไม่ทราบสาเหตุ ) ซึ่งพบเป็นส่วนมาก กับชนิดทุติยภูมิ ( หรือมีสาเหตุ ) ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย  อาการปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ (primary dysmenorrhea) จะพบในเด็กสาว ส่วนมากจะเริ่มมีอาการตั้งแต่มีประจำเดือนครั้งแรก หรือไม่ก็เกิดขึ้นภายใน 3 ปีหลังมีประจำเดือนครั้งแรก จะมีอาการมากในช่วงอายุ 15-25 ปี หลังจากวัยนี้อาการจะค่อยๆลดลงบางรายอาจหายปวด ภายหลังแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมีบุตรแล้ว จะมีน้อยที่ยังอาจมีอาการตลอดไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน  ปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ (secondary dysmenorrhea) จะมีอาการปวดครั้งแรกเมื่อมีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป โดยก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีอาการปวดประจำเดือนเลย
ในทางการแพทย์จีน ร่างกายของผู้หญิงมีความสัมพันธ์กับอวัยวะตับเป็นอย่างมาก เพราะ
1. ตับเป็นอวัยวะที่กักเก็บเลือดไว้ก่อนจะปล่อยให้อวัยวะอื่นไปใช้งาน
2. เส้นลมปราณหรือ meridian ของตับมีทางเดินผ่านไปที่อวัยวะเพศและบริเวณหน้าอก
3. ตับเป็นตัวควบคุมการเดินของลมปราณหรือชี่ (Qi) ในร่างกายให้คล่องตัว ซึ่งจะรวมไปถึงการควบคุมอารมณ์ต่างๆด้วย หรือจะพูดในอีกแง่หนึ่งได้ว่าอารมณ์ที่แปรปรวนหรือความเครียดสามารถส่งผลต่อการทำงานของตับได้ด้วย

อาการปวดประจำเดือนเกิดขึ้นมาได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น เกิดจากการติดขัดของการไหลเวียนของเลือดและลมปราณหรือชี่ (Qi)   เกิดจากการพร่องของเลือดและลมปราณหรือชี่ (Qi)   เกิดจากมีความเย็นมากระทำต่อร่างกาย  (คำศัพท์ที่ใช้อธิบายถึงสาเหตุต่างๆยังอาจจะเป็นที่เข้าใจยาก สำหรับผู้อ่านทั่วๆไป ที่ยังไม่คุ้นเคยกับแนวคิดของทฤษฏีการแพทย์จีน เมื่ออ่านไปเรื่อยๆแล้วจะค่อยๆเข้าใจครับ) 


1. ลักษณะของอาการปวดประจำเดือนที่เกิดจากการติดขัดของการไหลเวียนของลมปราณหรือชี่ (Qi)  (เป็นประเภทไม่มีแรง) ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องน้อย ทั้งก่อนมีและในระหว่างมีประจำเดือน อาจมีอาการปวดร้าวไปทางด้านข้างและบริเวณหน้าอก ประจำเดือนมีไม่มากและอาจมีลิ่มเลือด (blood clot)  ร่วมกับอาการกระสับกระส่าย  ตรวจลิ้นพบลิ้นมีฝ้าขาวบางๆ ตรวจชีพจรมีลักษณะเป็นแบบชีพจรตึงเหมือนเส้นลวด (stringy pulse)

2. ลักษณะของอาการปวดประจำเดือนที่เกิดจากการติดขัดของการไหลเวียนของเลือด (เป็นประเภทเลือดคั่ง) ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องน้อย ทั้งก่อนมีและในระหว่างมีประจำเดือน อาการปวดมีลักษณะเหมือนถูกของมีคม  อาการปวดจะมีมากขึ้นเมื่อกดที่หน้าท้อง ประจำเดือนมีสีแดงคล้ำและอาจมีลิ่มเลือด (blood clot) ปะปนอยู่ด้วย บางคนเหมือนมีเศษเนื้อหลุดออกมาด้วย อาการปวดจะทุเลาลงอย่างมากเมื่อลิ่มเลือดหรือก้อนเนื้อหลุดออกมาพร้อมประจำเดือน ตรวจลิ้นพบมีสีม่วงที่ลิ้นอาจพบจุดเลือดเล็กๆบนลิ้นได้ ตรวจชีพจรพบเป็นแบบชีพจรลึกและไม่สม่ำเสมอ (deep & choppy pulse)

3. ลักษณะของอาการปวดประจำเดือนที่เกิดจากมีความเย็นมากระทำ (เป็นประเภทขี้หนาว) ผู้ป่วยมีอาการเย็นตามแขนขาและบริเวณท้องน้อย ปวดท้องน้อยทั้งก่อนมีและในระหว่างมีประจำเดือน เมื่อประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อนจะรู้สึกปวดน้อยลง ประจำเดือนจะมาช้าและมีปริมาณไม่มาก ตรวจลิ้นพบลิ้นมีสีเข้มและฝ้ามัน ตรวจชีพจรพบเป็นแบบชีพจรลึกและแน่น (deep & tense pulse)

4. ลักษณะของอาการปวดประจำเดือนที่เกิดจากการพร่องของลมปราณหรือชี่ (Qi) และเลือด (เป็นประเภทเลือดน้อย/ขาดเลือด) ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องน้อยแบบแน่นๆหนักๆ ทั้งในระหว่างมีและหลังมีประจำเดือน ลักษณะของเลือดมีลักษณะเป็นสีแดงซีดๆ รู้สึกสบายขึ้นเมื่อประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อนและกดบริเวณที่ปวด ประจำเดือนมีจำนวนน้อยและมีสีซีดๆ ลักษณะทั่วไปของผู้ป่วยจะดูผิวพรรณซูบซีด ไม่กระฉับกระเฉง ไม่มีแรง มีอาการใจสั่น หายใจสั้นๆ  ตรวจลิ้นพบลิ้นมีสีแดงอ่อนซีดๆฝ้าบางๆ ตรวจชีพจรพบเป็นแบบชีพจรอ่อนแรงและเล็ก (thready & weak pulse)


และเมื่อเปรียบเทียบกับสาเหตุการปวดประจำเดือนในการแพทย์แผนปัจจุบัน ผู้อ่านทั่วไปจะเข้าใจคำอธิบายได้ง่ายกว่ามาก "อาการปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ (primary dysmenorrhea ) จะไม่มีความผิดปกติของมดลูกและรังไข่แต่อย่างใด ปัจจุบันนี้เชื่อว่า มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างมีประจำเดือน และมีการหลั่งสารพรอสตาแกลนดิน (prostaglandins) ออกมามากผิดปกติ จึงทำให้มดลูกมีการบีบเกร็งตัวเกิดอาการปวดที่บริเวณท้องน้อย  ส่วนอาการปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ (secondary dysmenorrhea) มักมีความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่ เช่น เยื่อบุมดลูกงอกผิดที่ (endometriosis ถ้าเป็นที่รังไข่ แพทย์เรียกว่า ซิสชอกโกแลท chocolate cyst) , เนื้องอกมดลูก ( myoma ) , มดลูกย้อยไปด้านหลังมาก , ปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง เป็นต้น เชื่อว่าอารมณ์มีส่วนเสริมความรุนแรงของอาการปวดประจำเดือนทั้ง 2 ชนิด เช่น พบว่าคนที่อารมณ์อ่อนไหวง่ายหรือมีความเครียดจะมีอาการปวดรุนแรงกว่าคนที่มีอารมณ์ดี"จากข้อมูลการซักประวัติผู้ป่วยร่วมกับการตรวจลิ้นและจับชีพจร ทำให้แพทย์จีนสามารถวินิจฉัยโรคได้ว่าอาการที่ผู้ป่วยเป็นอยู่นั้น มีสาเหตุมาจากอะไร และเมื่อทราบสาเหตุแล้ว ขั้นตอนต่อไปจึงจะเริ่มให้การรักษาได้ สำหรับผู้ป่วยในกลุ่มนี้รักษาได้ทั้งการฝังเข็มและทานยาสมุนไพรจีน

ที่มา :http://www.thaiyinyang.com

โปรเเกรมรักษา ระุบบฮอร์โมนในสตรี ปรับสมดุลร่ายกาย ด้วยวิธีธรรมชาติ
โปรเเกรมบำบัดอาการปวดประจำเดือน, มาไม่ปกติ , มาไม่สมํ่าเสมอ ปรับสมดุลร่ายกาย ด้วยวิธีธรรมชาติ
บำรุงเเละเสริมสร้างอวัยวะภายในให้เเข็งเเรงด้วยการฝังเข็ม เเบบ Moxa ,หรือ
อัคคีบำบัด เสริมธาตุไฟให้ร่างกายคุณ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เเละอบอุ่นเส้นลมปราณ (ที่นี่ที่เดียว ส.โอ้โห)
สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic

dunanxing

สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic
สุขจิตเกษมคลินิกการเเพทย์เเผนไทย-จีน
ปรับสมดุลย์ร่างกายตามศาสตร์เเพทย์จีน โดยเเพทย์เเผนจีนปริญญา
ยาจีน ฝังเข็ม ครอบเเก้ว กวาซา
เปิด 9.00-20.00 น.
โทร 086-960-6556
http://www.facebook.com/sukjitkaseamclinic