ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ระวังการบริโภคเมล็ดสบู่ดำ อาจได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 09:39 น. 29 ม.ค 56

ทีมงานประชาสัมพันธ์

สสจ.สงขลา เตือนให้ครูอาจารย์และผู้ปกครองระวังป้องกันเด็กป่วยโรคอาหารเป็นพิษ จากการบริโภคเมล็ดสบู่ดำ อาจได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต

นายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเมล็ดสบู่ดำกว่า 100 รายทุกปี โดยเฉพาะในเด็กนักเรียนประถมศึกษา โดยต้นสบู่ดำเป็นพืชน้ำมันชนิดหนึ่งทางภาคใต้เรียกว่า ต้นหงษ์เทศ สามารถสกัดน้ำมันจากเมล็ดสบู่ดำเพื่อนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซลทดแทนน้ำมันดีเซล เมล็ดสบู่ดำซึ่งมีสารพิษรุนแรงและเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ มีผลต่อระบบทางเดินอาหารและการหายใจหลังรับประทานเข้าไป 30-60 นาที จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการมือเท้าเกร็ง หายใจเร็ว หอบ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยอาการรุนแรงมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปริมาณที่กินเข้าไป
นายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส กล่าวย้ำว่า ขอความร่วมมือผู้ปกครองและครูอาจารย์ช่วยระมัดระวังป้องกันโดยเฉพาะในเด็กนักเรียนประถมศึกษา โดยร่วมป้องกันดังนี้ - ชุมชนหรือโรงเรียนที่ปลูกต้นสบู่ดำไว้ใช้ประโยชน์หรือปลูกไว้สาธิตหรือปลูกไว้ประกอบการเรียนการสอนต้องติดป้ายชื่อต้นไม้ไว้ พร้อมคำแนะนำว่าเป็นพืชมีพิษห้ามรับประทานเมล็ดเพราะจะทำให้เกิดอาการกระสับกระส่าย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน และขาดน้ำ ระวังน้ำยางสบู่ดำถูกผิวหนัง เพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง บวมแดง ปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง หากเข้าตาจะทำให้ตาอักเสบ อาจตาบอดชั่วคราวได้ - โรงเรียนควรล้อมรั้วไว้ให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน เพราะเด็กเล็กอาจลองชิมเมล็ดสบู่ดำ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ - คุณครูและผู้ปกครอง ควรระมัดระวังและแนะนำเด็ก ห้ามนำเมล็ดสบู่ดำมารับประทานอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ หากพบเด็กรับประทานเมล็ดสบู่ดำ วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ ให้เด็กดื่มนมจำนวนมากๆ หรือทำให้อาเจียน และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว หากผิวหนังสัมผัสยางของสบู่ดำให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำสบู่ทันที

ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : สุธิดา พฤกษ์อุดม สวท.สงขลา