คิวลุ้นต่อเนื่องกันเลย

[itplaza]

หมอดู หมอเดา ใครจะแม่นกว่ากัน

"โหรทำเนียบ" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ฝั่งพรรคเพื่อไทย ก็หลับตาฟันธง "พงศพัศ พงษ์เจริญ" เข้าวินแน่ แต่พื้นที่ไหนจะได้มากน้อยวิเคราะห์ยาก

ฟากประชาธิปัตย์ก็ส่ง "โหร ส.ว." นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาจับยามสามตา ทำนายว่า "คุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร" จะได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.เบิ้ลอีกสมัย

ต่างฝ่ายต่างเบิ้ลบลัฟ ชิงกระแสข่มคู่แข่งไว้ก่อน

แต่ที่แน่ๆมาถึงตอนนี้ได้เวลาปล่อยทีเด็ดหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายกันแล้ว

ตามสถานการณ์ที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะทำงานด้านนโยบายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย แพลมยุทธศาสตร์หาเสียงช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 มีนาคมว่า คน กทม.ต้องการความเปลี่ยนแปลง ถ้าพรรคเพื่อไทยและ พล.ต.อ.พงศพัศ ชี้แจงให้ดีถึงความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง พล.ต.อ.พงศพัศจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคน กทม.ดีขึ้นได้จริง

เชื่อว่าโค้งสุดท้ายจะมีผลต่อผู้ลงคะแนนที่อยากให้ กทม.ดีขึ้น จะทำให้คนมาลงคะแนนได้มากขึ้น

ประเมินยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยต้องกระตุ้นพลังเงียบออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด เพื่อสู้กับฐานคะแนนต้นทุนของยี่ห้อประชาธิปัตย์

เพราะคะแนนโพลลอยๆประกันความชัวร์ไม่ได้

และก็เป็นอะไรที่ต้องออกแรงยื้อฐานเสียงเก่าไว้อย่างสุดกำลังเหมือนกัน ตามถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการของนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้ง

ผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดยุทธศาสตร์หาเสียงในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย

ลุยอัดสปอตโฆษณาผ่านฟรีทีวี เคเบิ้ลทีวี วิทยุ ไม่เว้นจอแอลซีดีสื่อโฆษณาริมถนน

ทีเด็ดอยู่ที่ช็อตน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 และปลุกผีภาพเผาเมือง

ตามท้องเรื่องประชาธิปัตย์ก็หมดมุก ต้องงัดไม้ตายเก่ามาหากิน

สรุปพรรคเพื่อไทยต้องเหนื่อย 2 เท่า โจทย์แรกต้องปลุกกระแสให้คน กทม.ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำมาสู่โจทย์ข้อสอง เพื่อให้คะแนนที่เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ มีมากกว่า 600,000 คะแนน อันเป็นฐานเก่าของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งรอบที่ผ่านๆมา แพ้พรรคประชาธิปัตย์ ห่างกันกว่า 300,000 แต้ม

ในสถานการณ์ที่ความได้เปรียบยังอยู่ในมือของพรรคประชาธิปัตย์ แค่ประคองฐานเสียงที่เหนียวแน่นของกองเชียร์พ่อยกแม่ยกไว้ที่ระดับ 900,000 คะแนน

ถ้าคนกรุงออกมาใช้สิทธิไม่มากกว่าที่ผ่านมา ก็จองโต๊ะจีนฉลองได้เลย

ห้วงเวลาแห่งความเร้าใจในศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.เหลืออีก 2 สัปดาห์ได้ลุ้นกัน และหลังจากนั้นก็ต้องไปลุ้นกันต่อกับห้วงเวลาวิกฤติของชีวิตประจำวัน

กับประเด็นร้อนๆที่ "เสี่ยเพ้ง" นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ประกาศล่วงหน้าในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า ในเดือนเมษายนนี้ นับแต่วันที่ 4 เป็นต้นไป ประเทศไทยอาจพบกับวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้า

เนื่องจากท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซียได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุการทิ้งสมอเรือ ประกอบกับแท่นขุดเจาะก๊าซของประเทศพม่า ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของไทยเกิดการทรุดตัว ต้องหยุดซ่อมบำรุง จะเริ่มในวันที่ 4 เมษายนนี้ จะทำให้ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าหายจากระบบถึง 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

กระทรวงพลังงานเตรียมประกาศภาวะฉุกเฉิน ขอความร่วมมือจากภาคประชาชน หน่วยงานต่างๆให้ประหยัดการใช้พลังงานในช่วงดังกล่าว เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไปต่อได้

ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะพิสูจน์กึ๋นคนเป็น รมว.พลังงานจะตั้งรับสถานการณ์อย่างไร

แต่ทั้งนี้ก็น่าเอะใจ ยังไม่ทันไรก็ออกตัวยอมรับสภาพกันเป็นนัย เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่คนไทยต้องพึงสังวร เพราะเราพึ่งก๊าซธรรมชาติมากซึ่งก็กำลังจะหมดไป ขณะเดียวกันก็มีคนต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าพลังน้ำ สัมปทานก๊าซก็ไม่ให้ต่อ จึงถึงเวลาที่ทุกคนต้องตัดสินใจอนาคตประเทศร่วมกัน

พูดไปมันก็หนีไม่พ้นโดนพวกจ้องระแวงดักไต๋

เป็นเหลี่ยมอ้างวิกฤติพลังงานเพื่อปูทางนำร่อง ผลักดันโครงการขุดพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย–กัมพูชา มูลค่ามหาศาล ที่ยังคาราคาซัง

ระวังโดนข้อหาจับความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกัน.



อ้างอิง  : ไทยรัฐ
ที่มา http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=24873&page=1