ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ว่าด้วย Galaxy S4 กับเป้าหมายใหม่ของซัมซุง

เริ่มโดย itplaza, 11:05 น. 21 มี.ค 56

itplaza



ข่าวไอทีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวไหนใหญ่เท่ากับงานเปิดตัว Galaxy S4 ของซัมซุงนะครับทำไมถึงเป็นข่าวใหญ่ และใหญ่ในระดับไหน? ตอนนี้คงต้องยกให้ความเด่นดังของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S ของซัมซุงเทียบเคียงได้กับ iPhone ของแอปเปิล โดยทั้งคู่ถือเป็นหัวหอกของสมาร์ทโฟนสองค่ายใหญ่ในปัจจุบัน

งานเปิดตัวมือถือรุ่นท็อปของทั้งสองบริษัท (ซัมซุงช่วงต้นปี แอปเปิลช่วงกลางปี) จึงเป็นที่จับตาของสื่อและนักวิเคราะห์ทั่วโลก เพราะมันจะกำหนดทิศทางของโลกสมาร์ทโฟนไปพร้อมๆ กันด้วย

ผมมีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัว Galaxy S4 ที่นิวยอร์ก ตามคำเชิญของซัมซุงประเทศไทยกับเขาด้วย เลยคิดว่าควรนำประเด็นน่าสนใจที่พบเห็นระหว่างงานมาเล่าต่อในคอลัมน์นี้ครับ (ผมไม่ลงรายละเอียดของตัวสเปกและความสามารถของ S4 มากนัก เพราะหาได้จากข่าวอื่นๆ ที่รายงานไปแล้ว)

ประเด็นที่หนึ่ง สถานที่จัดงานคือนิวยอร์ก

ปกติแล้วซัมซุงจะเปลี่ยนสถานที่จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ Galaxy S ตัวแรกที่สิงคโปร์ Galaxy S II ที่บาร์เซโลนา และ Galaxy S III ที่ลอนดอน

สมาร์ทโฟนของซัมซุง (และผู้ผลิตฝั่งยุโรป-เอเชียส่วนใหญ่) จะวางขายที่ตลาดยุโรปก่อนเพื่อน ตามด้วยเอเชีย จากนั้นถึงไปวางขายที่สหรัฐอเมริกาในภายหลัง ด้วยเหตุผลว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของอเมริกามีความซับซ้อนสูง และผู้ให้บริการเครือข่ายหรือโอเปอเรเตอร์มีอิทธิพลสูงมาก การขายสินค้าให้ได้ผลต้องขายผ่านโอเปอเรเตอร์แบบติดสัญญาใช้งานสองปีเป็นหลัก ส่วนการขายเครื่องเปล่าแบบบ้านเราไม่ได้รับความนิยมมากนัก

รอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาซัมซุงเติบโตเร็วมากจนกลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลก มียอดขายถล่มทลายในยุโรป จีน และเอเชีย แต่ประเทศที่ซัมซุงยังไม่สามารถเป็นเบอร์หนึ่งได้สักทีคือสหรัฐอเมริกา บ้านเกิดของแอปเปิล

สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดผู้ใช้สมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลกมายาวนาน (เพิ่งเสียแชมป์ยอดขายให้จีนเมื่อเร็วๆ นี้) และมีอิทธิพลสูงต่อ "ความคิด" ของสื่อมวลชนฝรั่ง (ซึ่งมักเป็นอเมริกัน) ดังนั้นการที่คนระดับผู้นำความคิด นักธุรกิจ นักพัฒนาแอพยังนิยมใช้แอปเปิลอยู่ ก็ทำให้แอปเปิลได้เปรียบในเรื่องแอพและฐานลูกค้าระดับบนด้วย

ในรอบของ Galaxy S4 ซัมซุงจึงวางแผนจะบุกอเมริกาให้จงได้ โดยเริ่มตั้งแต่ลงทุนเช่าสถานที่ในนิวยอร์ก เมืองหลวงของระบบทุนนิยมโลก เพื่อแสดงให้ชาวอเมริกันเห็นว่าซัมซุงเอาจริงกับงานนี้ ผลก็คือซัมซุงได้รับความสนใจจากสื่อไปไม่น้อย ทีวีทุกช่องรายงานว่าซัมซุงมาเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ในสหรัฐฯ และสื่อมวลชนอเมริกันที่ได้เข้าร่วมงานย่อมมีเยอะกว่าที่ไปเปิดตัวในประเทศอื่นๆ

นอกจากการจัดงานแล้ว ซัมซุงยังซื้อโฆษณาแบบปูพรม จัดงานอีเวนต์ที่จัตุรัสไทมส์สแควร์เรียกกระแสไปพร้อมๆ กันอีกด้วย ในระยะยาวคงต้องรอดูกันว่าซัมซุงจะเจาะตลาดอเมริกาเข้าหรือไม่ครับ
ประเด็นที่สอง ไลฟ์สไตล์สำคัญกว่าสเปกซะแล้ว

ในงานแถลงข่าว ซัมซุงพูดถึงสเปกของฮาร์ดแวร์ (ซึ่งดีขึ้นจากเดิมทุกจุด) สั้นมาก บอกว่าจอภาพใหญ่ขึ้น แบตเตอรี่ก้อนใหญ่ขึ้น รองรับเครือข่าย 4G ในตัว เพียงแค่นั้น จากนั้นการนำเสนอเกือบชั่วโมงที่เหลือเป็นเรื่องของ "ความสามารถ" ฝั่งซอฟต์แวร์ที่มาช่วยสนับสนุนไลฟ์สไตล์หรือวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ไปแทน



ถ้าลองดูวิดีโอนำเสนอของซัมซุง จะเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายของซัมซุงเปลี่ยนจากผู้ชายที่เชี่ยวชาญไอที กลายเป็นกลุ่มคนทั่วไป ผู้หญิง ผู้สูงอายุ ครอบครัว ฯลฯ ไปแทนแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากฐานผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่กระจายตัวออกไปมากในรอบ 4-5 ปีให้หลังนี้ จากเดิมที่เป็นแค่แกดเจ็ดสุดสมาร์ท ก็กลายมาเป็นอุปกรณ์ประจำตัวของคนเมืองส่วนใหญ่แล้ว

ความสามารถบางอย่างที่ซัมซุงนำเสนอใน Galaxy S4 ไม่ใช่นวัตกรรมที่ซัมซุงคิดค้นเป็นคนแรก เพราะมีแอพลักษณะเดียวกันเป็นจำนวนมากให้ดาวน์โหลดมาใช้งานอยู่แล้ว เพียงแต่ซัมซุงเลือกทำความสามารถหรือแอพแบบเดียวกันให้ตัวเอง แล้วฝังมาพร้อมกับ Galaxy S4 ชนิดว่าเปิดกล่องใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาหรือโหลดแอพมาติดตั้งใหม่

เป้าหมายของซัมซุงคือกลุ่มคนที่ใช้สมาร์ทโฟนโดยไม่ติดตั้งแอพมากนัก (ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก) คนกลุ่มนี้สามารถใช้ Galaxy S4 เพื่อถ่ายภาพคนรู้จักหรือครอบครัว แปลภาษาที่ไม่รู้จัก เล่นเกมหรือฟังเพลงร่วมกับเพื่อนๆ (แน่นอนว่าต้องใช้ S4 ด้วยกัน) โดยไม่ต้องลงแอพเพิ่มเอง

สิ่งที่เป็นของใหม่จริงๆ ผมยกให้เป็นการสร้าง "ปฏิสัมพันธ์" ระหว่างผู้ใช้กับโทรศัพท์ เดิมทีสมาร์ทโฟนเน้นการสั่งงานด้วยนิ้วกดบนหน้าจอ แต่ใน Galaxy S4 ถ้าดูคลิปข้างต้นจะเห็นวิธีการสั่งงานแบบใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาบ้างแล้วนะครับ เช่น การเอามือโบกไปมาใกล้ๆ กับจอโดยไม่ต้องแตะหน้าจอแต่ก็สั่งงานได้ (ซัมซุงเรียก AirView) หรือการหยุดเล่นวิดีโอเมื่อเราไม่ได้หันไปมองที่หน้าจอ (Smart Pause) เป็นต้น ความสามารถพวกนี้ช่วยให้ผู้ใช้สั่งงานโทรศัพท์ได้ง่ายขึ้น ถึงแม้มันจะใช้ได้ไม่ทุกกรณีเหมือนการเอานิ้วจิ้มจอ แต่ก็เป็นพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่น่าสนใจและน่าจับตาดูว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้า มันจะพัฒนาไปในทิศทางไหนต่อ

โดยสรุปแล้ว Galaxy S4 พัฒนาขึ้นจากเดิมในแง่สเปกเครื่อง ถึงแม้จะไม่มีอะไรหวือหวาแต่ก็พัฒนาขึ้น นอกจากนี้ยังรวมเอาซอฟต์แวร์และบริการเพื่อเสริมด้านไลฟ์สไตล์เข้ามาอีกเยอะ เป้าหมายก็คือขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนที่กว้างขึ้นนั่นเองครับ

ผมเชื่อว่า Galaxy S4 น่าจะเป็นมือถือขายดีอันดับต้นๆ ของปีนี้ เนื่องจากปัจจัยทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การตลาด และช่องทางการขายของซัมซุงทั่วโลกช่วยสนับสนุนกันเป็นอย่างดี ส่วนคำถามว่ามันน่าซื้อมาใช้แค่ไหน ต้องรอเครื่องวางขายจริงช่วงปลายเดือนเมษายน เปิดเผยราคาและส่งเครื่องให้สื่อรีวิวจริงจัง ถึงจะตอบคำถามนี้ได้ครับ


มาร์ค Blognone
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=2&news_id=25578&page=1