กรณีศึกษา : หนังแห่งตำนานที่โด่งดังที่สุดในยุคปี 1976 (Snuff / 1976)

[คุณาพร.]

กรณีศึกษา  :  หนังแห่งตำนานที่โด่งดังที่สุดในยุคปี 1976 (Snuff / 1976)

ลวงเธอมาชำแหละ.........

ถ้าจะกล่าวถึงหนังสักเรื่องที่เน้นสร้างความตื่นตะลึงและเป็นที่โจษจันของเหล่าผู้ชมในทิศทางติดลบ  ว่าเป็นหนังสยองขวัญอันตราย  ว่าอาจเป็นภาพเหตุการณ์จริงที่ผู้กำกับจงใจ-ตัดให้คนดูได้เห็นถึงวินาทีแห่งชีวิตที่สูญสิ้นอย่างสุดอำมหิต หากนับเฉพาะในปี 1976 เชื่อว่าชื่อของหนังอย่าง "Snuff / 1976" ฉบับของผู้กำกับ Michael Findlay และ Roberta Findlay จะต้องมีติดในลิสต์รายชื่อเป็นลำดับต้นๆแน่...........

"Snuff / 1976" หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า "American Cannibal" ถือเป็นหนังแนว Cult หรือ Cult Movies ที่โด่งดั่งแบบสุดขีดในยุคปี 1976   โดยเชื่อกันว่า Snuff / 1976 ได้รับอิทธิพลมาจากคดีฆาตกรรมสะเทือนโลกของกลุ่ม The Manson Family ที่ ณ ขณะนั้นหัวหน้าของกลุ่มคือ Charles Manson นำสมาชิกลัทธิซาตานบุกบ้านของผู้กำกับ Roman Polanski ผู้กำกับหนังสยองขวัญชื่อดังอย่าง Rosemary's Baby หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า  "ทายาทซาตาน"  ตอนนั้น Charles Manson ต้องการเพียงสั่งสอน Roman Polanski เหตุเพราะมีปัญหาส่วนตัวกัน แต่ปรากฏว่าวันที่ 8 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1969  ผู้กำกับ Roman Polanski ดันไม่อยู่บ้าน  ทิ้งไว้เพียงภรรยาสาวท้องแก่ใกล้คลอดอย่าง Sharon Tate ดาราสาววัย 26 ปี กลุ่มฆาตกรโหดจึงลงมือสังหารและประกอบพิธีกรรมบูชาองค์ซาตาน  พวกเขาใช้มีดแทงลงไปที่ครรภ์ของสาววัย 26 ด้วยมีดถึง 16 แผล  ตัดเต้านมทิ้งทั้งเป็น  กรีด-ชำแหละตั้งแต่บริเวณหน้าอกจนถึงอวัยวะเพศ  จากนั้นกลุ่มของฆาตกรเลือดเย็นจึงใช้เลือดของ Sharon Tate จุ่มด้วยแปรงเขียนคำว่า "pig" ทิ้งเอาไว้ทั้งที่บานหน้าต่างรวมถึงประตู  ซึ่งในการฆาตกรรมเหยื่อครั้งนี้มีการเล่าลือกันว่า Charles Manson ได้ทำการถ่ายทำหนังแบบ Snuff films เอาไว้ด้วย  แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครได้เห็นม้วนเทปดังกล่าว  หรือมีการยืนยันว่ามันมีอยู่จริง  จนหลายคนเรียกม้วนบันทึกเหตุฆาตกรรมสุดสยดสยองในครั้งนั้นว่า "หนังแห่งตำนาน"  อนึ่ง บ้างก็เล่าลือกันไปว่า Snuff / 1976 นอกจากจะได้รับอิทธิพลทางการสร้างจากเรื่องราวสุดโฉดชั่วของกลุ่ม The Manson Family แล้ว หนังอาจได้รับอิทธิพลมาจากอินดี้โหด-จิตนอกกระแสอย่าง The Slaughter ปี 1971 ผลงานการกำกับและเขียนบทของผู้กำกับสุดคัลต์อย่าง Michael Findlay

เรื่องราวใน Snuff / 1976 บอกเล่าถึงกลุ่มชั่วร้ายนิยมลัทธิซาตานที่มีหัวหน้ากลุ่มเป็นหนุ่มหล่อมาดเนียบชื่อ Satan (รับบทโดย Enrique Larratelli) และเหล่าสาวสวยบริวารนิยมความรุนแรงทั้ง 4 อย่าง Angelica (รับบทโดย Margarita Amuchástegui), Ana (รับบทโดย Ana Carro), Susanna (รับบทโดย Liliana Fernández Blanco) และสาว Carmela (รับบทโดย Roberta Findlay)  หนังเริ่มต้นจากสาว Angelica ที่แอบมาพี้ผงขาวแบบได้อารมณ์สุดๆ ณ โรงงานร้างแห่งหนึ่งแล้วไปเกิดมีปัญหากับสาวๆที่เหลืออีกสามคน แต่ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่ม Satan จะมาจัดการไกล่เกลี่ยปัญหาจนจบ  หนังยังคงดำเนินเรื่องต่อไป และแสดงให้เห็นถึงความโหด อำมหิตของกลุ่มลัทธิซาตานอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช  ฉากที่คงเป็นที่ตรึงตาตรึงใจผู้ชมในยุคนั้นสมัยนั้นจนถึงกับต้องเอามือมาปิดที่เบ้าตาเห็นจะเป็น ฉากที่กลุ่มหญิงแสบลงมือสังหาร-ยิงคุณแม่ลูกติด(ลูกสาววัยประมาณ 13 – 14 ขวบ)อย่างสุดโหดเหี้ยม จนทั้งสองนอนตายจมกองเลือด โดยมีสมาชิกของกลุ่มสาวโหดลัทธินิยมซาตานยืนจ้องมองด้วยแววตาที่แสนปรีดา  นอกจากฉากที่กล่าวผ่านมานี่แล้ว  หากผู้เขียนไม่กล่าวถึงฉากจบของหนังเรื่องนี้ (ราว 10 นาทีสุดท้ายก่อนหนังจบ) ก็คงประหนึ่งทานข้าวมันไก่แต่ไม่ได้ราดน้ำจิ้มสูตรมณฑลไหหลำรสเด็ด  ฉากจบที่ว่านี้เองคือ "โคตรไคลแม็กซ์" ของหนังเรื่องนี้  เป็นฉากที่มีการกล่าวขานกันในหมู่คนดูหนังสยองขวัญในปี 1976 (ในโรงหนัง) ว่า "ผู้กำกับฆาตกรรมนักแสดงจริง  และมีนักแสดงตายจริงในหนังเรื่องนี้"  ฉากดังกล่าวนี้สร้างความวุ่นวายไปกันใหญ่เมื่อหลายคนเชื่ออย่างจริงๆว่ามีการฆาตกรรมนักแสดงในหนัง  นักข่าวก็มาทำการสัมภาษณ์สืบหาข้อมูลกันวุ่นวายโกลาหลว่านักแสดงในเรื่องตายจริงหรือไม่  จนเกือบจะมีการจลาจลขนาดย่อมๆหน้าโรงหนังบางโรง  สุดท้ายทางผู้กำกับต้องออกมาประกาศเองว่าเรื่องข่าวการฆาตกรรมนักแสดงเป็นเพียงการโหมกระแสของทางผู้จัดฉาย-จำหน่ายหนัง  มิใช่เป็นการตายจริงแบบการถ่ายทำ Snuff films แท้แต่ประการใด  และสิ่งที่ผู้ชมทั้งหลายได้เห็นในช่วง 10 นาทีสุดท้ายก่อนหนังจบ  ก็เป็นเพียงการแสดง  เป็นเพียง Fake Snuff film หาใช่ Real Snuff film ดังคำเล่าลือไม่  หลังจากสองผู้กำกับ Michael Findlay และ Roberta Findlay ออกเดินสายทำความเข้าใจกับกลุ่มคนดูอยู่นานพอสมควร ความโกลาหลวุ่นวายจึงสงบลง.........

พูดถึงฉากพิเศษช่วง 10 นาทีท้ายก่อนที่หนังจะจบ ฉากนี้เองคือฉากที่นักแสดงสาวสวยชื่อ Terry London (รับบทโดย Mirtha Massa) เดินทางมาที่อเมริกาเพราะได้รับการว่าจ้างด้วยเงินก้อนที่ค่อนข้างสูง ให้มาถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง  แต่ปรากฏว่าพอทีมงานพร้อม  ผู้กำกับสั่งคัท(ถ่ายทำ)  เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อนักแสดงหลักที่จะต้องร่วมงานกับสาว Mirtha Massa กลับกลายเป็นสมาชิกของกลุ่มลัทธิซาตานสุดโฉด  หลังจากทำการเล้าโลมจนฝ่ายหญิงไม่พอใจ  ชายหนุ่มร่างยักษ์(ดาราชาย)ก็จับเธอกดลงไปกับพื้นเตียงนอน โดยมีช่างภาพสาวอีกหลายคนคอยช่วยจับแขนและขา  เขาลงมือใช้มีดค่อยๆทิ่มแทง-กรีดเข้าที่หัวไหล่ข้างซ้ายของหญิงสาวจนโลหิตแดงฉานหลั่งไหล  เธอส่งเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดสาหัส  หลังจากนั้นจึงใช้คีมเหล็กตัดนิ้วนางของสาวเจ้าจนนิ้วหลุดออกมาอย่างน่ากลัว  เลือดแดงๆไหลออกมาจากปลายนิ้วไม่หยุด  และใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับหั่น-ชำแหละข้อมือข้างขวาของสาว Mirtha จนแยกออกจากกัน (ฉากนี้เองที่สาว Mirtha เริ่มมีอาการสั่น  น้ำตาไหลออกมาจนอาบแก้ม  จนคนดูเริ่มเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมของจริง) ขณะที่สาวสวยกำลังอยู่ในสภาวะเหม่อ-ขาดสติเพราะเสียเลือดอยู่นั้น  ชายหนุ่มเริ่มใช้มีดสุดคม กรีดลงไปที่ช่องท้องของหญิงสาวอย่างเชื่องช้า  จากนั้นจึงบรรจงล้วงมือทั้งสองข้างลงไปในช่องท้อง  กระชากไส้หลายขดที่อุดมไปด้วยเลือดแดงๆล้นทะลักออกมาจากช่องท้องอย่างคนเสียสติ  หนังตัดเป็นภาพสีดำ มีเสียงของผู้คนในกองถ่ายพูดจากันสับสนฟังไม่เป็นภาษาตามมาเป็นระยะ  หนังจบลงที่ตรงนี้จริงๆ............

Snuff / 1976 หนังของผู้กำกับ Michael Findlay และ Roberta Findlay  ได้รับการจัดเรตจาก IMDB ให้อยู่ในหมวดหมู่ของหนังในกลุ่ม Horror / Thriller  ชื่อหนังเรื่องนี้คือ Snuff หรือ American Cannibal แต่จริงๆแล้วกลับไปใช้สถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่ในประเทศ Argentina  หนังออกฉายครั้งแรกในอเมริกาเมื่อวันที่ 16 มกราคม ปี 1976  ถือเป็นการร่วมทุนของสามประเทศยักษ์ใหญ่อันได้แก่ Argentina, USA เเละ Canada หนังมีความยาวทั้งเรื่องประมาณ 79.56 นาที

[คุณาพร.]

สมัยนั้นเรื่อง Snuff / 1976 ดังในทางลบมาก  เเละระบบการทำเอฟเฟคของหนังยังไม่เจริญก้าวหน้าเฉกเช่นปัจจุบัน  เลยมีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆว่ามีการฆาตกรรมนักเเสดงนำในเรื่องจริง  ช่วงนั้นกระเเสเเรงมากจริงๆ  นักข่าวสืบเรื่องกันวุ่นวายไปหมด  เเต่สุดท้ายความเเตกเพราะผู้กำกับทนไม่ไหวกับกระเเส  ต้องออกมาขอโทษเเละยอมรับกับสื่อว่า "มันเป็นเพียงการเเสดงที่สมจริงมากๆ" (เท่านั้น)  เพราะทางผู้จัดต้องการโหมกระเเสให้คนเข้ามาดูหนังกันเยอะๆ  จะได้กำไรเยอะๆ(พวกนักธุรกิจนี่ตัวดีเลยล่ะ....) ปัจจุบัน Snuff / 1976 กลายเป็นหนึ่งใน "หนังเเห่งตำนานตลอดกาล" ไปเเล้ว  เอวัง.......   

[คุณาพร.]

อ่านไว้เป็นกรณีศึกษานะเออ......