ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ศาสนาในยามยาก?

เริ่มโดย Mr.No, 21:15 น. 03 ก.ค 56

คุณหลวง

ท่านพี่มิสเตอร์โน...

    คนเรามันพร้อมที่จะโอบรัดตัวเองได้ตลอดเวลาครับ ดังนั้น เวลาที่มีอะไรก็ตามที่ทำให้รู้สึกตนว่าเก่งว่าสำคัญว่าดีกีพร้อมที่จะรับเอาไว้ทันที

    พระพุทธองค์ทรงทราบดีว่าการฤทธิ์นั้นทำให้คนหลงง่ายได้อย่างไร เพราะท่านรู้จักสันดานของกิเลสดี ท่านจึงบอกว่าต้องอาเทสนาปาฏิหาริย์เป็นหลัก หากว่าแสดงฤทธิ์แล้วทำคนเข้าใจธรรมได้ง่ายท่านคงแสดงแบบจัดหนักไปแล้ว

    คนเราชอบอะไรๆที่มันง่าย มันลัดมันสะดวกอย่างท่านพี่ว่าแหละครับ แม้พระนิพพานยังมีคนมักง่ายใช้เงินซื้อเอาก็มี ภิกษุผู้ฉลาด(แกมโกง)ทราบจุดอ่อนของคนดีก็สามารถขายสวรรค์ ขายนิพพาน ขายความรู้ได้ ซ้ำสามารถซื้อปากพระสังฆาธิการให้ไม่ว่าผิดหรือเบี่ยงๆคล้ายว่าจะไม่ผิด ใช่ไหม?

    เคยมีคนแนะนำผมให้ศึกษาเณรคำครับ เพราะศรัทธาในชาติสุดท้าย แน่นอน การทำบุญกับพระอรหันต์เป็นบุญมหาศาล แต่ผมไม่ชอบคนที่พูดถึงคุณของตัวเองง่ายๆเกินไปอย่างนั้น เลยไม่ใส่่ใจ ได้อ่านเทศนาของเณรคำที่รวบรวมไว้ในหนังสือใจดี มีสุข (ตอนที่เกิดเรื่องแล้ว)ก็เห็นว่าเทสนานั้นน่าฟัง น่าปลื้มมากทีเดียว ชาติก่อนเป็นไง ชาติสุดท้ายเป็นไง ถือว่าน่าฟังมากทีเดียวครับ คนที่ศรัทธาจึงไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่มองข้ามจุดเฉลียวใจไปเท่านั้นเองครับ

    สิ่งที่เราควรทำคือเปิดทางปัญญาสู่สังคมมากขึ้นด้วยความปล่อยวาง ใจเย็น แม้ว่ามันน่าแค้นเพียงใดก็ตาม การโยนฟืนใส่ดับไฟป่ามันไม่ก่อผลดีแต่อย่างใด

    นานๆจะจเอกันทีนะครับ

สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

ฅ ฅนหลง

.


...มาแอบฟังเผื่อมีอะไรดีดีบ้าง ส.ก๊ากๆ ส.ยกน้ิวให้

เอาแล้วหล่าว

ยังเน้น วาทะกรรมสล่ะสลวย ปรุงแต่งห่วงภาพพจน์แอบเหน็บๆค้อนๆ มันอั้นไม่สุด เสร็จกิเลศ
อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 07:05 น.  12 ส.ค 56
ท่านพี่มิสเตอร์โน...

    คนเรามันพร้อมที่จะโอบรัดตัวเองได้ตลอดเวลาครับ ดังนั้น เวลาที่มีอะไรก็ตามที่ทำให้รู้สึกตนว่าเก่งว่าสำคัญว่าดีกีพร้อมที่จะรับเอาไว้ทันที

    พระพุทธองค์ทรงทราบดีว่าการฤทธิ์นั้นทำให้คนหลงง่ายได้อย่างไร เพราะท่านรู้จักสันดานของกิเลสดี ท่านจึงบอกว่าต้องอาเทสนาปาฏิหาริย์เป็นหลัก หากว่าแสดงฤทธิ์แล้วทำคนเข้าใจธรรมได้ง่ายท่านคงแสดงแบบจัดหนักไปแล้ว

    คนเราชอบอะไรๆที่มันง่าย มันลัดมันสะดวกอย่างท่านพี่ว่าแหละครับ แม้พระนิพพานยังมีคนมักง่ายใช้เงินซื้อเอาก็มี ภิกษุผู้ฉลาด(แกมโกง)ทราบจุดอ่อนของคนดีก็สามารถขายสวรรค์ ขายนิพพาน ขายความรู้ได้ ซ้ำสามารถซื้อปากพระสังฆาธิการให้ไม่ว่าผิดหรือเบี่ยงๆคล้ายว่าจะไม่ผิด ใช่ไหม?

    เคยมีคนแนะนำผมให้ศึกษาเณรคำครับ เพราะศรัทธาในชาติสุดท้าย แน่นอน การทำบุญกับพระอรหันต์เป็นบุญมหาศาล แต่ผมไม่ชอบคนที่พูดถึงคุณของตัวเองง่ายๆเกินไปอย่างนั้น เลยไม่ใส่่ใจ ได้อ่านเทศนาของเณรคำที่รวบรวมไว้ในหนังสือใจดี มีสุข (ตอนที่เกิดเรื่องแล้ว)ก็เห็นว่าเทสนานั้นน่าฟัง น่าปลื้มมากทีเดียว ชาติก่อนเป็นไง ชาติสุดท้ายเป็นไง ถือว่าน่าฟังมากทีเดียวครับ คนที่ศรัทธาจึงไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่มองข้ามจุดเฉลียวใจไปเท่านั้นเองครับ

    สิ่งที่เราควรทำคือเปิดทางปัญญาสู่สังคมมากขึ้นด้วยความปล่อยวาง ใจเย็น แม้ว่ามันน่าแค้นเพียงใดก็ตาม การโยนฟืนใส่ดับไฟป่ามันไม่ก่อผลดีแต่อย่างใด

    นานๆจะจเอกันทีนะครับ

สะบายดี...
แล้ว ยมกปาฏิหาร ของพระพุทธองค์ ยังไม่จัดหนักอีกเหรอ อ่านให้จริงให้ทั่วๆสิ อิทธิฤทธิ์ที่พระโคตมแสดงเยอะแยะ เจ้าของสวนทำได้เพราะจิตละเอียดสุดๆ และญาณท่านเป็นอนัน ไม่มีผิดพราดใช้เพื่อปรามถูกที่เวลาเพื่อดัดปราบสอนธรรม อ่านให้ดีคิจืนตนาการให้เยอะ อย่าห่วงแต่บทพระเอกสวยงาม การปรามปรามกิเลศที่แท้จริง ถึงเวลาหนักต้องหนัก มี่หนักผ่อนเบา รวนเพื่อที่จะปลุกจริตธาตุแท้ว่าก้นมันมีฝุ่นตะกอนมากแค่ไหน มาๆ แย็บๆๆๆตั้งการ์ดรอถกธรรม ธรรมเรายังเหมือนเดิมไม่จางหาย แค่ตามดูจิตสะกดรอยจิตจับทางกิเลสที่ มารมันกดจอยสติ๊กคุมอยู่  ส.หลก ส.โกรธ ส.อ่านหลังสือ ส.หลกจริง ส.โกรธอย่างแรง ส.บ่น โอม นะจังงัง จงงงงวย ไวรัสธรรมเข้าไปประกบกิเลสในตัวเจ้ารู้เท่าทัน

เอาแล้วหล่าว

ดูอ่านให้ดีนะค่อยมาสอนฟันธง พระโมคเหาะ ทะลุเจาะเวลาไปโลกอนาคตไม่รู้กัลกัป ภัทรกัปไหน อสงขัยกัป งี้ๆกัปๆ ไปอยู่บนขอบบาทพระพุทธเจ้าองค์สูงใหญ่กว่าต้นตาลโตนด ตอนที่ พระพุทธเจ้าปล่อยบาทให้ใคร ตามไปหาเจอ บาตรมาอยู่ที่ใคร พระพุทธเจ้า องค์ต่อไป พระศรีอริยะเมตตรัยคือผู้นั้น พระสารีบุตรเหาะไปหาไม่เจอ พระโมคฤทธิ์เยอะที่สุดรองจากพระพุทธองค์ ทะลุไปโลกอนาคตเลย ไม่เจอ บาตรลอยมาที่ พระ อชิตะ ไง พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ต้องมาเกิดทำทานครั้งยิ่งใหญ่เหมือนพระเวสสันดรก่อน แล้ว มาจุติเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป อายุขัยมนุษย์ในยุคนั้นเป็น แสนปี ครอง ฆราวาสเป็นหลักหมื่นๆปี ถ้าอ่านไม่ถึงทั่ว ประติดประต่อธรรมไม่เป็น จินตนาการ ตบะญาณสั้น เข้าไม่ถึง ข้อมูลต่างๆที่รู้ไม่สามารถ ไขข้อสงสัยได้หรอก บอกไว้นะว่า ธรรมอัตโนมัติ มันมี แค่ระลึก กำลังจิตไม่แตกพร่าน มันมาเอง สมองแค่รับสัญญาแปลตีความหมาย โทรจิต จิตสัมผัส มีจริง เหนือ อายตนะภายนอก รู้ให้เยอะตัดอวิชชาให้ได้มากที่สุด เจ้าจะอัศจรร ในธรรม เป็นไง ถ้าเข้าไม่ถึง เราก็บ้าอีกตามเคย เอาบ้าก็บ้า แค่มาบอกฟ้าบอกอากาศ อีกเยอะ ถ้าปล่อยมากเข้า มารจับสัญญาน กวนขี้เมฆขี้ฝนปั่นป่วนหมด เดี๋ยวก็แผ่นดินไหว เอาบอกแบบบ้าๆ มารมันคุยกับเราอยู่ พระอินทร์ ก็สื่อสารได้ ตอนที่เพ่งจิตแปลงให้ละเอียด เอาตรรกะทางโลกมาคำนวน จะเข้าถึงได้ไง ฟังหลวงตาบัว ท่านพุทธธาตุให้เยอะ พระเกษมท่านกางแผนที่พระพุทธองค์สอนธรรมอยู่ น่าเชื่อถือได้มากที่สุด มามิกส์รวมกับปัตจัตตังของตนด้วย แล้วเจ้าจะเห็นด้วยจิต อย่าเชื่อๆ นี่คือความ บ้าในทางโลก ที่เจ้าเข้าไม่ถึง พระไตรปิฎกของแท้ อ่านเวียนซ้ำไปซ้ำมาไปหน้าถอยหลังอ่านจากหลังไปหน้า ฉีกกรอบทางโลก ปลดพันธนาการ แล้วจะรู้ว่า จิตเจ้าทำอะไรได้มันสนุกมากกว่าเล่นเกมส์ที่สุดยอดทั้งวันทั้งคืน  ส.หลกจริง ส.อ่านหลังสือ ส.โกรธ

เอาแล้วหล่าว

ดูเวลาถ้า ตั้งใจ ให้เวลาลงที่ 13.31 ขอให้เรามีอันเป็นไปตายในสามวันเจ็ดวัน สิ่งศักสิทธิ์ทั่วสากลโลกเป็นพยาน  ส.อ่านหลังสือ

ฅ ฅนหลง


คุณหลวง

    ขอบคุณสำหรับคำติชม คำเตือนครับท่านเอาแล้วหล่าว

    ผมเชื่อครับว่าท่านสุจริตใจที่ได้ตักเตือนผมอยู่เสมอๆมิได้ขาด ความจริงถึงวันนี้ ผมมิได้ติดใจสงสัยท่านอีกแล้วครับผม หากวันนี้มีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากผมเอง เลยต้องมาสาธกยกความอรรถา...นี้ดนึงนะฮ้าฟฟฟฟ(ชอบจังคำนี้) ส.หลกจริง

    คือการที่พระพุทธองค์ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์นั้น ท่านเห็นว่าจัดหนัก เพียงผมเห็นว่าเป็นแค่แสดงพุทธานุภาพเท่านั้นเองครับ คือ ผมมองไปยังชีวิตประจำวันมากกว่า

    อย่างตอนที่พระองค์เสด็จไปโปรดวัคคีย์ทั้งห้านั้น พระองค์ก็หาได้แสดงฤทธิ์ใดๆ เมื่อวัคคีย์ทั้งห้าว่าท่านละความเพียรเสียแล้วจะมาทำไม พระองค์ทรงตรัสถามว่า เมื่อท่านอยู่กับเรานั้นเราเคยกล่าวว่าเราได้บรรลุอนุตตรธรรมบ้างอย่างคราวนี้หรือไม่ คือพระองค์ใช้ความจริงบอก และให้วัคคีย์ทั้งห้าตัดสินเอง โดยมิต้องสบถสาบานใดๆแม้สักคำ

    นักปราชญ์ทั้งปวงล้วนไม่หวั่นไหวในความคิดของคนอื่นครับ แม้เขาจะไม่เฃื่อ จะด่าว่า ดูหมิ่นก็ตาม เพราะท่านทราบความจริงใจของตนดี

    การแสดงฤทธิ์ที่มีในบางคราของพระองค์นั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้นั้นเองครับ

    แม้แต่การโปรดพระพุทธบิดา พระองค์ก็หาได้ใช้ฤทธิ์ใดๆ แม้จะโดนต่อว่าต่อขาน แต่เพียงความจริงใจในวิถีและแสดงธรรมตรงไปตรงมา

    หรือที่สุดหลังการปลงสังขาร พระองค์ทรมานร่างกายอย่างยิ่งด้วยโรคาพาธ แต่ทำไมพระองค์ยังคงเดินไป แทนที่จะเหาะ หรือหายตัวไป ทำไมพระองค์ต้องเสวยสุกรมัทวะ ทั้งๆที่น่าจะสำแดงว่าเสวยแล้วโดยมิต้องเสวยก็ได้ ทำไมต้องเสวยให้ลำบากพระวรกาย ตรงนี้เองครับ ที่เรามองต่างกัน และให้น้ำหนักต่างกัน ผมจึงไม่เห็นว่าพระองค์จัดหนักแต่อย่างใด

    พระองค์มีฤทธานุภาพมากแต่ไม่เคยอวด เมื่อจำเป็นก็ใช้ได้ทันที ไม่เหมือนบางคนที่เคยสนทนากับผม อวดฤทธิ์อย่างโน้นอย่างนี้ องอาจนัก แต่พอถึงความจำเป็นก็ทำไม่ได้ แล้วอ้่างว่าทำได้บางครั้งบางคราวเท่านั้น อันนี้ก็ยกตัวอย่างให้ฟัง ท่านอาจจะคิดว่าผมกระแนะกระแหนอีก แต่หากท่านเคยอ่านมาท่านจะพบว่ามันเป็นความจริง ที่พูดมามิใช่จะข่มจะว่า แต่อยากบอกว่าฤทธิ์มีไว้ใช้มิได้มีไว้อวด

ก็นะ....สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

เอาแล้วหล่าว

วรรคประโยคสองสามบรรทัดสุดท้าย กระแสจิตท่านดำขุ่นมัว มันเป็น บาป จบไม่สวย ท่านยังรู้สึกตัวเองเลย คนอื่นก็สัมผัสได้เช่นกัน ภาคทางโลกกับทางธรรม เราวางจิตคนละที่กันถ้าติดตามสะกดรอยติดตาม เค้าเรียกเอาชั่วได้ชั่ว เอาดีได้ดี จิตที่เราวางมันเหมือนประทับจิตแปลงจำแลงเป็นนู่นนี่นั่นได้ตลอด คือเพ่งจิตไปเข้าใจเรียนรู้ไปทุกภพภูมิ เราขอเรียก อวตารไปสิงอยู่ในร่างต่างๆในภพภูมิต่างๆ ด้วยความเร็วจิตทิศทางพวงมาลัยควบคุมคือจิตเป็นตัวสัมผัส ความแม่นยำคาดคะเนจินตนาการส่วนตัวมันอยู่ที่อวิชชาที่ตัดออกได้มากที่สุดแค่ไหน เราสบายใจที่ท่านเสียดสีกระเเนะกระแหนเราหรือใคร เพราะเราไม่คิดยึดติดว่าเรามีตัวตนถึงมีร่างเนื้อหนังมันเป็นเพียงแค่สถานกักขังคุมขังจิตชั่วคราวเท่านั้น เรา ถือว่าได้ใช้กรรมคืน เบาใจจังเลย วู้ สบายใจจัง มันเป็นเช่นนั้นเอง กิเลสในตัวคน ธรรมดา  ส.หลกจริง  ส-เหอเหอ

Arsenal

   ธรรมะก็คือธรรมชาติครับ  ถ้าใครเข้าใจคำนี้แล้ว  ก็คงหลุดพ้นจากกิเลสต่างๆๆ  ไม่จำเป็นไปอ้างถึงประวัติพระพุทธศาสนาหรือที่มาที่ไป ว่าเป็นอย่างไร  ไม่พูดดูถูกผู้อื่น ยกตัวเองว่าเป็นผู้รู้มากกว่า (ธรรมะจริงแล้ว มีไม่มากครับ แค่จับใจความได้คือความว่าง การปล่อยวางตากห่างละ ที่ทำให้หลุดพ้นในกิเลส ต่างๆ)

เอาแล้วหล่าว

ไม่จัดหนักนะ รู้จริงศึกษาจริงเปล่านี่ หรือแค่เซิร์ทกูเกิ้ล มาแต่งวาทะกรรมเป็นตอนๆให้พอกลมกลืนธรรม
ไฟพุ่งออกตาซ้ายน้ำพุ่งออกตาขวาเดินจงกลมกลางเวหาน้ำพุ่งออกเบื้องล่างฝ่าเท้าไฟพุ่งออกเบื้องบนศรีษะ
จำแลงร่างเป็นพระนอนองค์ใหญ่ พากายหยาบกายหนัก ไปดาวดึงห์ไปภพภูมต่างๆ ไอ้ที่สอนแบบปกติ
ก็หยั่งรู้ใจรู้วาระจิตผู้อื่นเป็นอนัน เราจะไม่รู้ได้ไง เรทติ้งยุคนี้ ต้องอิทธิฤทธิเหาะเหินเดินอากาศ ดูในหนังที่เค้าทำ
มันเป็นจริงในอนาคตได้ทั้งนั้น ที่พระพุทุธองค์แสดงน่ะ มันเหนือชั้นมากกว่าในภาพยนต์จะหยั่งถึงเยอะ
แต่เป็นไปเพื่อธรรมเพื่อข่มปราบปรามเพื่อสอนธรรม

เอามั่ง

author=Arsenal link=topic=188719.msg1253792#msg1253792 date=1377357565]
   ธรรมะก็คือธรรมชาติครับ  ถ้าใครเข้าใจคำนี้แล้ว  ก็คงหลุดพ้นจากกิเลสต่างๆๆ  ไม่จำเป็นไปอ้างถึงประวัติพระพุทธศาสนาหรือที่มาที่ไป ว่าเป็นอย่างไร  ไม่พูดดูถูกผู้อื่น ยกตัวเองว่าเป็นผู้รู้มากกว่า (ธรรมะจริงแล้ว มีไม่มากครับ แค่จับใจความได้คือความว่าง การปล่อยวางตากห่างละ ที่ทำให้หลุดพ้นในกิเลส ต่างๆ)
[/quote] ส.หลก ส.ยกน้ิวให้ เอาเลยป ลดปล่อยปัตจัตตังธรรมที่เข้าใจมาเลย เยี่ยมๆ ส-เหอเหอ

Mr.No

อ้างจาก: เอาแล้วหล่าว เมื่อ 20:38 น.  24 ส.ค 56
วรรคประโยคสองสามบรรทัดสุดท้าย กระแสจิตท่านดำขุ่นมัว มันเป็น บาป จบไม่สวย ท่านยังรู้สึกตัวเองเลย คนอื่นก็สัมผัสได้เช่นกัน ภาคทางโลกกับทางธรรม เราวางจิตคนละที่กันถ้าติดตามสะกดรอยติดตาม เค้าเรียกเอาชั่วได้ชั่ว เอาดีได้ดี จิตที่เราวางมันเหมือนประทับจิตแปลงจำแลงเป็นนู่นนี่นั่นได้ตลอด คือเพ่งจิตไปเข้าใจเรียนรู้ไปทุกภพภูมิ เราขอเรียก อวตารไปสิงอยู่ในร่างต่างๆในภพภูมิต่างๆ ด้วยความเร็วจิตทิศทางพวงมาลัยควบคุมคือจิตเป็นตัวสัมผัส ความแม่นยำคาดคะเนจินตนาการส่วนตัวมันอยู่ที่อวิชชาที่ตัดออกได้มากที่สุดแค่ไหน เราสบายใจที่ท่านเสียดสีกระเเนะกระแหนเราหรือใคร เพราะเราไม่คิดยึดติดว่าเรามีตัวตนถึงมีร่างเนื้อหนังมันเป็นเพียงแค่สถานกักขังคุมขังจิตชั่วคราวเท่านั้น เรา ถือว่าได้ใช้กรรมคืน เบาใจจังเลย วู้ สบายใจจัง มันเป็นเช่นนั้นเอง กิเลสในตัวคน ธรรมดา  ส.หลกจริง  ส-เหอเหอ

[attach=1]

จริง ๆ อ่านที่ท่านเขียนก็เพลินดี เพราะเขียนในสไตล์แบบเอาอิทธิปาฎิหารย์แห่งจิตเข้าว่า อ่านไปงงไปบ้าง...ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

กรณีการบรรยายเรื่องของสภาวะแห่งจิต ซึ่งก็ไม่ได้ปฎิเสธว่าหากจิตได้รับการฝึกอย่างดีแล้วก็อาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำพาให้เราไปสู่การหลุดพ้นอย่างแท้จริงในที่สุด...

แต่บางครั้ง...การคุยเรื่องธรรมแบบนี้โดยเฉพาะการใช้โวหารธรรมในการบรรยายถึงเรื่องจิตที่อ่านดูแล้วมันอาจกลายเครื่องมือวิเศษ..เป็นเรื่องเกินเลยไปถึงภพถึงชาติ ใช้จิตเข้าถึงโน่นนี่สารพัดจนลืมปลายทางอันเป็นเป้าประสงค์.....เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องอันตราย

แม้นในความจริงอย่างผู้ปฎิบัติอาจเข้าถึงได้  แต่มันเสี่ยงเพราะมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ระหว่าง  คำว่า "เพี๊ยน"  กับ คำว่า "เข้าถึงแก่นธรรม" ได้ โดยเฉพาะผู้ที่อ่านที่ยังอยู่ในโลกียวิสัย..กิน..ขี้..."?"...นอน

สิ่งที่อ่านแล้วอยากให้ท่านระวังก็คือ  อาการของการหลง..ติดในฌานหรือหลงในฌาน จนกลายเป็นความเห็นวิปลาส หรือที่แย่กว่านั้นก็คือกรณีของการหลงติดในพวกภพนิมิต  ซึ่งหากหลงเข้าไปติดในฌานเหล่านี้นาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการวิปลาสจนเสียผู้เสียคนไปในที่สุด (เรื่องนี้ผมคิดว่าท่านเข้าใจได้ไม่ยาก)

  คำว่า "ศาสนาในยามยาก?" จึงเป็นนิยามที่แคบกว่า เพราะแค่การตั้งให้เห็นถึงปัญหาของมนุษย์์สเปโต....เบียดบังและใช้ศาสนาพุทธอันอุดมไปด้วยพระธรรมอันงดงามแห่งพุทธองค์มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความเลวและกอบโกยเอาประโยชน์นั้นเข้ากระเป๋า อลัชชี

ศาสนาในยามยาก... จึงต้องการพุทธบริษัททั้งสี่ มีหน้าที่กอบกู้ให้ศาสนาหลุดพ้นและร่วมกันปกป้องมิให้ใครมาเบี่ยงเบนหรือทำให้พระธรรมอันดีต้องหม่นหมองหรือต้องกลายเป็นเครื่องมือให้ใคร..หรือสำนักไหน..มาแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ

ทั้งหมดที่เขียนคือนิยามของกระทู้   "ศาสนาในยามยาก?" ขอรับท่าน


..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ภาวนาเป็นยัง

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 08:58 น.  25 ส.ค 56
[attach=1]

จริง ๆ อ่านที่ท่านเขียนก็เพลินดี เพราะเขียนในสไตล์แบบเอาอิทธิปาฎิหารย์แห่งจิตเข้าว่า อ่านไปงงไปบ้าง...ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

กรณีการบรรยายเรื่องของสภาวะแห่งจิต ซึ่งก็ไม่ได้ปฎิเสธว่าหากจิตได้รับการฝึกอย่างดีแล้วก็อาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำพาให้เราไปสู่การหลุดพ้นอย่างแท้จริงในที่สุด...

แต่บางครั้ง...การคุยเรื่องธรรมแบบนี้โดยเฉพาะการใช้โวหารธรรมในการบรรยายถึงเรื่องจิตที่อ่านดูแล้วมันอาจกลายเครื่องมือวิเศษ..เป็นเรื่องเกินเลยไปถึงภพถึงชาติ ใช้จิตเข้าถึงโน่นนี่สารพัดจนลืมปลายทางอันเป็นเป้าประสงค์.....เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องอันตราย

แม้นในความจริงอย่างผู้ปฎิบัติอาจเข้าถึงได้  แต่มันเสี่ยงเพราะมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ระหว่าง  คำว่า "เพี๊ยน"  กับ คำว่า "เข้าถึงแก่นธรรม" ได้ โดยเฉพาะผู้ที่อ่านที่ยังอยู่ในโลกียวิสัย..กิน..ขี้..."?"...นอน

สิ่งที่อ่านแล้วอยากให้ท่านระวังก็คือ  อาการของการหลง..ติดในฌานหรือหลงในฌาน จนกลายเป็นความเห็นวิปลาส หรือที่แย่กว่านั้นก็คือกรณีของการหลงติดในพวกภพนิมิต  ซึ่งหากหลงเข้าไปติดในฌานเหล่านี้นาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการวิปลาสจนเสียผู้เสียคนไปในที่สุด (เรื่องนี้ผมคิดว่าท่านเข้าใจได้ไม่ยาก)

  คำว่า "ศาสนาในยามยาก?" จึงเป็นนิยามที่แคบกว่า เพราะแค่การตั้งให้เห็นถึงปัญหาของมนุษย์์สเปโต....เบียดบังและใช้ศาสนาพุทธอันอุดมไปด้วยพระธรรมอันงดงามแห่งพุทธองค์มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความเลวและกอบโกยเอาประโยชน์นั้นเข้ากระเป๋า อลัชชี

ศาสนาในยามยาก... จึงต้องการพุทธบริษัททั้งสี่ มีหน้าที่กอบกู้ให้ศาสนาหลุดพ้นและร่วมกันปกป้องมิให้ใครมาเบี่ยงเบนหรือทำให้พระธรรมอันดีต้องหม่นหมองหรือต้องกลายเป็นเครื่องมือให้ใคร..หรือสำนักไหน..มาแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ

ทั้งหมดที่เขียนคือนิยามของกระทู้   "ศาสนาในยามยาก?" ขอรับท่าน



ท่านต้องอ่านให้เยอะ ฝึกให้เยอะ และลองพลีขีพเพื่อธรรมแบบจริงๆดู ภาวให้เยอะ เมื่อความรู้ที่สะสมพร้อมเก็บ
แล้วจะรู้ได้เองว่า ออมันเป็นอย่างนี้นี่เอง สภาวะจิต วาระจิตแต่บะเสี้ยววินาที ยอมรับว่าเราเอาธรรมนอกกำมือที่พระพุทธ
องค์ไม่แสดง มาคละเคล้าด้วย แต่มันเป็นวิธีที่เราเบี่ยงเบนความสนใจของจิตให้คนที่สนใจธรรมไม่เบื่อ รู้สึกเหมือน อ่านอะไร
ที่น่าติดตามทุกตอน เราสอนผู้ที่มีจริตชอบ อิทธิฤทธิ์ และ อำนาจจิตทำได้มากทุกอย่าง ที่อยากเนรมิตรจิตให้เป็น จิตเรายัง
ทำอะไรได้อีกเยอะ บอกไปดูแล้วในนี้ไม่มีใครเข้าถึง และปรามาสว่าเราบ้า เราไม่ถือแต่ เรารู้ว่าเราพาไปไหน แค่สับขาหลอกมาร
เล่นบ้าง จนมารหงุดหงิด จนไปสิงพวกเจ้าให้ร้อนใจ เป็นจิ้งจกมาทักให้ลังเล เราไม่หลงมารคิดอยู่ในกรอบเหมือนท่านหรอก
ห่วงหน้าตา อยากให้ผู้คนเห็นว่าดูดีน่าเชื่อถือ แน่จริงเอาธรรมที่ไม่ได้ลอกเอาคำใครมามาตกแต่งให้ออกมาจาก จริตธรรมตัวเองแท้จริงสิ อย่าลอก ได้แค่นั้นแหละพวกท่านมัวแต่อยู่ในกรอบ แยกไม่ขาดจากความคิดทางโลก เสียเวลาสอนถกด้วย ไปอ่านพระไตร
ให้ถึงทั่วซักปีแล้วค่อย มาสอนเค้านะ แต่อ่านอย่างเดียวจินตนาการไม่เก่ง ก็ตันเอง คิดให้เยอะด้วย และรู้ทางโลกให้เยอะด้วย แล้ว
ภาวนาให้เยอะด้วย แล้วไปเดินจงกรมในป่าลึกๆคนเดียวด้วย แล้ว ทำสัจจะพลีชีพเพื่อธรรมด้วย จะชั่วข้ามคืน
หรือ วันเดือน ปี ไปเลือกว่าจะทำอะไรก่อน ท่านไม่ได้ฝึกเลย ที่เราใช้จิตสัมผัสดู ที่สัมคัญจิตนาการคิดให้เกิดภาพในสมองทั้งที่
ตายังลืมอยู่แต่จิตแยกไปอยู่หลายที่ได้

ภาวนาเป็นยัง

ไม่ได้ด่าว่านะ แต่เรารู้ ด้วยจิตที่เราฝึกมา และกระแสจิตที่ท่านส่งมา และเราแปลสัญญานรู้สึกได้ ภ้าแยกไม่ออก เราจะคิดว่า ความคิดกระแสทุกอย่างที่รู้สึกสัมผัสได้มันมาจากเรา เมื่อจิตส่งเพ่งออกนอกคิดถึงใครนั่นแหละเราส่งไปเคาะประตูจิตเขาแล้ว ก๊อกๆๆ แต่จับ
สัญญานจิตผู้ที่ภาวนาเพ่งอยู่ในร่างกายไม่ได้หรือจิตเพ่งอยู่ในกายตัวเอง  เป็นในๆว่าอย่างนั้น คร่าวก่อนนะ ไปฝึกมาให้เกิดแก่ตัว แล้ว
ระลึกรู้คล้ายๆกัน ไม่ต้องห่วงว่าจะหลงฌานสมาธิ พ้นมาแล้ว เราภาวนา5นาที ก็เรียบร้อย เหมือน รีสตาร์ท รึเซ็ทเครื่องตั้งค่าจากโรงงาน อะไรที่โหลดมาให้รกสมอง โดนล้าง อยู่ ใน รีไซเคิลบิล รอสแกนอีกที่เพื่อความแน่ใจ จิตห้ำหั่นกิเลศพิฆาตมาร จงอยู่กับทุกคน พุทธ ธรรมสงฆ์ สถิตใจ ระลึกดีเพียงเสี้ยววินาทีจงเกิดแก่ท่าน ก่อนตาย สุขคติ ภพภูมิมนุษย์ขึ้นไปหลังได้ ภาวนาคือหัวใจ พระไตรคือแผนที่ บารมี คือ มารที่มาต่อกร สถาพร สุทธาวาส อนาคามี ผล

คุณหลวง

อ้างจาก: Arsenal เมื่อ 22:19 น.  24 ส.ค 56
   ธรรมะก็คือธรรมชาติครับ  ถ้าใครเข้าใจคำนี้แล้ว  ก็คงหลุดพ้นจากกิเลสต่างๆๆ  ไม่จำเป็นไปอ้างถึงประวัติพระพุทธศาสนาหรือที่มาที่ไป ว่าเป็นอย่างไร  ไม่พูดดูถูกผู้อื่น ยกตัวเองว่าเป็นผู้รู้มากกว่า (ธรรมะจริงแล้ว มีไม่มากครับ แค่จับใจความได้คือความว่าง การปล่อยวางตากห่างละ ที่ทำให้หลุดพ้นในกิเลส ต่างๆ)

    เรียน ท่านพี่Arsenalครับ

           หากท่านพี่หมายถึงผมนะครับ ก็ต้องเรียนกันตรงๆว่าที่ผมตอบท่านพี่ไปนั้น มีเจตนาอันสุจริตในการแลกเปลี่ยน ต่อเติมความรู้กันน่ะครับ ผมเองก็ไม่ใช่ผู้รู้ แต่เป็นคนที่กำลังศึกษาอยู่ และอาจจะเป็นการฟุ้งซ่านไปในธรรมมากไปก็ได้จึงได้พยายามแตกแขนงออกไปต่างๆ หากว่ามันกระทบความรู้สึกท่านพี่ผมก็ต้องขออภัยครับ

    สาเหตุที่ผมได้ยกเอาเรื่องศีล๕ มาแตกแขนงออกไปนั้น หาได้เจตนาจะอวดรู้ เพียงแต่ความรู้สึกบางอย่างที่เห็นคนจำนวนมากมักคิดว่าศีล๕จะเป็นคำตอบให้กับสังคมได้ทั้งหมด ผมจึงแยกแยะแจกแจงออกไป โดยหมายว่าจะมีการแลกเปลี่ยนที่ยิ่งๆขึ้นไป

    การยกพุทธประวัติมาอ้างเพื่อเสริมความหมายและที่มาที่ไปของสิ่งที่กำลังแจกแจงอยู่เท่านั้น แน่นอนครับ ผมเองก็ยังไม่ใช่ผู้รู้ และคิดเสมอว่ากระดานลานบุญแห่งนี้จะเป็นเวทีสาธารณะที่เราๆต่างจะได้มาแลกเปลี่ยน แนะนำ ส่งเสริมกันและกัน และแน่นอนครับ การแลกเปลี่ยนกันมันก็มีความขัดแย้งกันไปบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา

    ผมขอแสดงความสุจริตใจต่อท่านพี่ หากการตอบกระทู้ของผมจะมีความหมายไปในทางดูถูกผู้อื่น หรือยกตนแล้วผมก็ขอยอมรับผิดนี้ทั้งสิ้นครับผม และหวังว่าเราจะได้พูดคุย แลกเปลี่ยน นำเสนอ แนะนำเรื่องราวดีๆต่างๆกันต่อไป

    สะบายดี...ในวันแดดอบอ้าวเหลือเกินครับ  ส.สู้ๆ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คุณหลวง

อ้างจาก: เอาแล้วหล่าว เมื่อ 20:38 น.  24 ส.ค 56
วรรคประโยคสองสามบรรทัดสุดท้าย กระแสจิตท่านดำขุ่นมัว มันเป็น บาป จบไม่สวย ท่านยังรู้สึกตัวเองเลย คนอื่นก็สัมผัสได้เช่นกัน ภาคทางโลกกับทางธรรม เราวางจิตคนละที่กันถ้าติดตามสะกดรอยติดตาม เค้าเรียกเอาชั่วได้ชั่ว เอาดีได้ดี จิตที่เราวางมันเหมือนประทับจิตแปลงจำแลงเป็นนู่นนี่นั่นได้ตลอด คือเพ่งจิตไปเข้าใจเรียนรู้ไปทุกภพภูมิ เราขอเรียก อวตารไปสิงอยู่ในร่างต่างๆในภพภูมิต่างๆ ด้วยความเร็วจิตทิศทางพวงมาลัยควบคุมคือจิตเป็นตัวสัมผัส ความแม่นยำคาดคะเนจินตนาการส่วนตัวมันอยู่ที่อวิชชาที่ตัดออกได้มากที่สุดแค่ไหน เราสบายใจที่ท่านเสียดสีกระเเนะกระแหนเราหรือใคร เพราะเราไม่คิดยึดติดว่าเรามีตัวตนถึงมีร่างเนื้อหนังมันเป็นเพียงแค่สถานกักขังคุมขังจิตชั่วคราวเท่านั้น เรา ถือว่าได้ใช้กรรมคืน เบาใจจังเลย วู้ สบายใจจัง มันเป็นเช่นนั้นเอง กิเลสในตัวคน ธรรมดา  ส.หลกจริง  ส-เหอเหอ

     ส.อืม

    นับเป็นอีกคนที่สามารถอ่านกระแสจิตผมได้ เคยมีอยู่คนหนึ่งคุยกันกับผม แล้วสักครู่หนึ่งก็บอกว่าผมมีความเครียดมากเกินไป เขารับรู้ได้จนเหนียวคอไปหมด พูดไม่ได้เลย แล้วฃอตัวหยุดการสนทนาไป ไอ้เราก็ถือโทรศัพท์ค้างแบบงงๆ การรู้จิตผู้อื่นมันแย่ปานนั้นเชียวรึ? หวังว่าท่านจะไม่เป็นอย่างนั้นะครับ  ส.หยิบตาข้างเดียว

    ความจริงหากจะว่ากันให้ถูก ในวรรคสุดท้ายนั้น ผมไม่ได้กระแนะกระแหนดอกครับ ที่พูดไปอย่างนั้น เพราะผมเห็นว่าไม่ว่าผมจะพูดอะไรไปทั้งหมด ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับท่าน และไม่เกี่ยวกับท่านแม้แต่น้อยท่านก็คอยรับเอาไปเป็นคำเสียดสี กระแนะกระแหนไปทั้งสิ้น แถมยกผมเป็นพระเอกวาทะกรรมอีก  ส-เขิน ส.หัว

    สาธุกับความไม่ยึดติดในเนื้อหนังมังสาครับผม  ส.สู้ๆ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้


สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คุณหลวง

อ้างถึงศาสนาในยามยาก... จึงต้องการพุทธบริษัททั้งสี่ มีหน้าที่กอบกู้ให้ศาสนาหลุดพ้นและร่วมกันปกป้องมิให้ใครมาเบี่ยงเบนหรือทำให้พระธรรมอันดีต้องหม่นหมองหรือต้องกลายเป็นเครื่องมือให้ใคร..หรือสำนักไหน..มาแสวงหาประโยชน์อันมิชอบ

    เป็นกำลังใจให้ครับท่านพี่มิสเตอร์โน สาธุกับความตั้งใจอันดียิ่งนี้ครับ เพราะมันเป็นงานยากและหนักอยู่ ทำไปปล่อยไปนะครับ เต็มที่กับหัวใจได้แค่ไหนเป็นเรื่องปล่อย  ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้


สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

หล่าวๆและ

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 13:21 น.  26 ส.ค 56
     ส.อืม

    นับเป็นอีกคนที่สามารถอ่านกระแสจิตผมได้ เคยมีอยู่คนหนึ่งคุยกันกับผม แล้วสักครู่หนึ่งก็บอกว่าผมมีความเครียดมากเกินไป เขารับรู้ได้จนเหนียวคอไปหมด พูดไม่ได้เลย แล้วฃอตัวหยุดการสนทนาไป ไอ้เราก็ถือโทรศัพท์ค้างแบบงงๆ การรู้จิตผู้อื่นมันแย่ปานนั้นเชียวรึ? หวังว่าท่านจะไม่เป็นอย่างนั้นะครับ  ส.หยิบตาข้างเดียว

    ความจริงหากจะว่ากันให้ถูก ในวรรคสุดท้ายนั้น ผมไม่ได้กระแนะกระแหนดอกครับ ที่พูดไปอย่างนั้น เพราะผมเห็นว่าไม่ว่าผมจะพูดอะไรไปทั้งหมด ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับท่าน และไม่เกี่ยวกับท่านแม้แต่น้อยท่านก็คอยรับเอาไปเป็นคำเสียดสี กระแนะกระแหนไปทั้งสิ้น แถมยกผมเป็นพระเอกวาทะกรรมอีก  ส-เขิน ส.หัว

    สาธุกับความไม่ยึดติดในเนื้อหนังมังสาครับผม  ส.สู้ๆ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้


สะบายดี...
เสียดสี บาปอีกแล้ว เอาแล้วหล่าว ทำเนียน แย่งซีน เอาบทพระเอก เข้าใจไปหมดทุกอย่าง แล้วหล่าว  ส.หลกจริง ส.ก๊ากๆ ส.หลก ส.หัว

Arsenal

เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ
ตโจ ทันตา นขา โลมา เกศา

Arsenal

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 13:00 น.  26 ส.ค 56
    เรียน ท่านพี่Arsenalครับ

           หากท่านพี่หมายถึงผมนะครับ ก็ต้องเรียนกันตรงๆว่าที่ผมตอบท่านพี่ไปนั้น มีเจตนาอันสุจริตในการแลกเปลี่ยน ต่อเติมความรู้กันน่ะครับ ผมเองก็ไม่ใช่ผู้รู้ แต่เป็นคนที่กำลังศึกษาอยู่ และอาจจะเป็นการฟุ้งซ่านไปในธรรมมากไปก็ได้จึงได้พยายามแตกแขนงออกไปต่างๆ หากว่ามันกระทบความรู้สึกท่านพี่ผมก็ต้องขออภัยครับ

    สาเหตุที่ผมได้ยกเอาเรื่องศีล๕ มาแตกแขนงออกไปนั้น หาได้เจตนาจะอวดรู้ เพียงแต่ความรู้สึกบางอย่างที่เห็นคนจำนวนมากมักคิดว่าศีล๕จะเป็นคำตอบให้กับสังคมได้ทั้งหมด ผมจึงแยกแยะแจกแจงออกไป โดยหมายว่าจะมีการแลกเปลี่ยนที่ยิ่งๆขึ้นไป

    การยกพุทธประวัติมาอ้างเพื่อเสริมความหมายและที่มาที่ไปของสิ่งที่กำลังแจกแจงอยู่เท่านั้น แน่นอนครับ ผมเองก็ยังไม่ใช่ผู้รู้ และคิดเสมอว่ากระดานลานบุญแห่งนี้จะเป็นเวทีสาธารณะที่เราๆต่างจะได้มาแลกเปลี่ยน แนะนำ ส่งเสริมกันและกัน และแน่นอนครับ การแลกเปลี่ยนกันมันก็มีความขัดแย้งกันไปบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา

    ผมขอแสดงความสุจริตใจต่อท่านพี่ หากการตอบกระทู้ของผมจะมีความหมายไปในทางดูถูกผู้อื่น หรือยกตนแล้วผมก็ขอยอมรับผิดนี้ทั้งสิ้นครับผม และหวังว่าเราจะได้พูดคุย แลกเปลี่ยน นำเสนอ แนะนำเรื่องราวดีๆต่างๆกันต่อไป

    สะบายดี...ในวันแดดอบอ้าวเหลือเกินครับ  ส.สู้ๆ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

ยินดีครับที่จะเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ คุณหลวง   ผมคนนึงที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา  และเห็นด้วยว่าคนสมัยนี้ถือศีล 5 มีน้อยมากๆๆครับ
การทำบุญไม่จำเป็นต้องไปวัดครับ  การห่มผ้าเหลืองไม่ได้แปลว่า ศีลมาก

Arsenal

ศาสนาไม่มีวันเสื่อมครับ  คนต่างหากที่เสื่อมลงๆทุกวัน

มินิคุกกี้

อ้างจาก: Arsenal เมื่อ 22:18 น.  26 ส.ค 56
ศาสนาไม่มีวันเสื่อมครับ  คนต่างหากที่เสื่อมลงๆทุกวัน
ศาสนาเสื่อมครับ แต่ตั้งขึ้นใหม่เมื่อถึงรอบ พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ต้องบอกว่า ธรรมะธรรมชาติไม่มีวันเสื่อม
มันยังอยู่ของมันเรื่อยไปเวียนวนไม่รู้จบในวัฏสงสาร แค่พระพุทธเจ้านับไม่ถ้วนล้านๆๆองค์ไปพบไปรู้ไปเห็นมองทลุจนเจอหนทางหลุดพ้น  พระพุทธเจ้าองค์นี้ อายุขัยน้อยที่สุด และขนคนข้ามฟากได้น้อยที่สุด พุทธศาสนายุคพระโคดมตั้งอยู่แค่ 5,000 ปีแล้วดับไปแล้วรอรอบตั้งขึ้นใหม่ เทียบเป็นเวลาในนรกเทวทัตยังใช้กรรมอยู่ในนรก ไม่รู้กี่นาที โลกเกิดดับไม่รู้กี่ หมื่นแสนล้านครั้ง พระพุทธเจ้าอุบัติผ่านไปไม่รู้กี่สิบร้อยองค์ กว่าเทวทัตใช้กรรมหมดในนรก เกริ่นพอเป็นในๆนะ เข้าใจใกล้เคียงแล้ว ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เทวทัตใช้กรรมหมด ก็จะได้เป็น พระปัจเจกพุทธเจ้า ในไม่รู้กี่ หมื่่น แสนล้านๆๆๆกัปๆๆกัลๆๆๆ อสงไขกัปๆกัลๆ อ่านๆๆพระไตร อ่านๆๆๆ แล้วจะรู้ว่า จิตมันสมมุติสรรสร้างเนรมิตขึ้นมาทั้งนั้น พี่นัอง เอ้า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ร่างกายนี้มีแต่ขี้ ขี้หู ขี็ตา ขี้ฟัน ขี้ ไคล กว่าจะตาย ขี้ที่ขับออกมาจากร่างกายรวมกันแล้วต่อ
หนึ่งคนน่าจะกองเ่ท่าภูเขา เอ้า ยก ย่าง เหยียบ กด ยุบหนอพองหนอ สั้นหนอยาวหนอ เพ่งพิจารณาร่างกาย สัมมาอะระหัง พุธโธๆ เพ่งแสงเทียน เพ่งไฟ เพ่งน้ำ เลือก เอาวิธีไหน ที่ถูกจริตตัวเอง ปฏิบัติครับปฏิบัติ ภาวนาเยอะธรรมออโตเมติก จะมาเอง ส่งจิตวิ่งวุ่นหมดทั่ว สามโลก เทวดามึนกับเราจังแล้ว อะอะอะ หนุกนิ แต่เค้าบอกว่าชอบนิ มันบ้าไม่
ปันใคร ยุคนี้คนบ้าเยอะเค้าบอก ลงนรก คร่าวๆนะถ้าเจ็ดพันล้านคน น่าจะ 90 เปอร์เซนอัป ที่เหลือ เดรรัจฉาน มนุษย์
สวรรค์จริงๆ ไ่ม่รู้สักแสนสองแสนถึงไม๊ อรหันต์ มีเรื่อยไป เล็กๆน้อย จนถึง 5,000 ปี มีตลอดปละปลาย โสดามรรคหรือ
ผลก็พอแล้ว หวังเหมือนนาง วิสาขา ไปชิมรสทิพย์บนสวรรค์ก่อนหลุดพ้น เอ้า ทันรึเปล่า อย่าเชื่อ หกมั่งจริงมั่ง เอายม
อะไร ก็ เราบ้า  ส-เหอเหอ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ธรรมสถิตใจ ดวงตาเห็นธรรมทุกคน พี่น้องร่วมเกิดแก่เจ็บตาย