ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ที่รฦกแห่งการเปิดทางรถไฟหลวงสายใต้ ๒๔๕๙ [หนังสือหายาก]

เริ่มโดย ลูกแมวตาดำๆ, 13:42 น. 22 ธ.ค 52

ลูกแมวตาดำๆ



๑๘

ค่าธรรมเนียม ๑๐ สตางค์ ทุกน้ำหนัก ๑๕ แกรม

ฝากออกไปยังนานาประเทศ ต้องปิดดวงตราค่าธรรมเนียม
๑๕ สตางค์ในน้ำหนัก ๒๐ แกรมแรก ต่อไปต้องเสียค่าธรรมเนียม
๑๐ สตางค์ ทุกๆ ๒๐ แกรมหรือเศษของ ๒๐ แกรม,

ค่าธรรมเนียมสำหรับหนังสือจดทะเบียนฝากถึงตำบลใดๆ ต้อง
ปิดดวงตราค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก ๑๕ สตางค์

ไปรสนีย์บัตร์ที่ส่งไปมาในจังหวัดเดียวกัน ราคาแผ่นละ ๒ สตางค์
ส่งไปต่างหัวเมืองในพระราชอาณาเขตร์ ราคาแผ่นละ ๓ สตางค์
ส่งไปยังนานาประเทศ ราคาแผ่นละ ๕ สตางค์ ถ้ามีตอบด้วย
ราคาแผ่นละ ๑๐ สตางค์

อัตราค่าธรรมเนียมส่งหนังสือพิมพ์ต่างๆ ดังนี้

ส่งถึงผู้รับซึ่งอยู่ในแขวงเมืองเดียวกัน หรือตามหัวเมืองใน
พระราชอาณาจักร์สยาม ต้องปิดดวงตราค่าธรรมเนียม ๒ สตางค์
ทุกน้ำหนัก ๕๐ แกรม

ส่งออกไปยังต่างประเทศ ต้องปิดดวงตราค่าธรรมเนียม ๓ สตางค์
ทุกน้ำหนัก ๕๐ แกรม
อัตราค่าโทรเลขในพระราชอาณาจักร์สยามใน ๑๐ คำแรก หรือ
น้อยกว่าเปนเงิน ๑ บาท คำต่อๆ ไปคิดคำละ ๑๐ สตางค์

โทรเลขที่จะมีไปยังทวีปยุโรป (เว้นประเทศรุซเซียแลเตอรกี)
มีอัตราต่างกัน ตั้งแต่คำละ ๑ บาท ๙๐ สตางค์ ถึง ๓ บาท
๔๐ สตางค์ แล้วแต่จะส่งไปโดยทางสายใด

ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ



๑๙

ทางรถไฟ

นอกจากทางขนาดกว้าง ๑ เมเตอร์ของบริษัทซึ่งมีอยู่เพียง ๑๐๖
กิโลเมเตอร์นั้น ทางรถไฟในประเทศสยามทั้งสิ้นเปนของรัฐบาล คือ
ทางรถไฟหลวงสายเหนือ ๑ แลทางรถไฟหลวงสายใต้ ๑ ทางรถไฟ
สายเหนือนั้น เปนทางขนาดกว้าง ๑.๕๐ เมเตอร์ ทำขึ้นไปทาง
พระราชอาณาเขตร์ภาคเหนือแลภาคตวันออก ส่วนทางรถไฟหลวง
สายใต้ ซึ่งเปนทางขนาด ๑ เมเตอร์นั้น ทำลงไปทางพระราชอาณา
จักร์ภาคใต้ เปนทางรถไฟในระหว่างกรุงเทพฯ กับเมืองปินังแลเมือง
สิงคโปร์ทางทิศใต้ แลเมืองพม่าทางทิศเหนือ

ทางรถไฟหลวงสายเหนือที่ได้เปิดรับคนโดยสานแล้วในเวลานี้เปน
ทางยาว ๙๔๘ กิโลเมเตอร์ แลที่กำลังก่อสร้างอยู่อีก ๗๓ กิโลเมเตอร์
ทางสายนี้มีทางแยกต่างๆ ดังนี้ ทางตวันออกแยกไปยังฉะเชิงเทรา
ทางตวันออกเฉียงเหนือแยกไปยังนครราชสีมา, ทางตวันตกเฉียงเหนือ
แยกไปยังสรรคโลกย์ ทางเหนือผ่านนครลำปาง, นครลำพูน, ถึงนคร
เชียงใหม่เปนสุดทาง สถานีใหญ่ต้นทางนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลหัวลำโพง
นอก ฝั่งตวันออกของลำแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากทางสายแยกแล
สายกลางที่กล่าวมาแล้วนี้ ยังมีทางแยกลงไปยังตำบลช่องนนทรี
ถึงลำแม่น้ำเจ้าพระยา เปนสถานีริมแม่น้ำด้วยอีกแห่งหนึ่ง

ทางรถไฟหลวงสายใต้นั้น สถานีใหญ่ต้นทางตั้งอยู่ที่ปากคลอง
บางกอกน้อย ฝั่งตวันตกแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางสายนี้ได้ทำต่อลงไป
จากทางรถไฟสายเพ็ชร์บูรีซึ่งได้สร้างไว้ก่อน แลได้เปิดรับคนโดยสาน

ลูกแมวตาดำๆ



๒๐

แล้วเมื่อปีพระพุทธศักราช ๒๔๔๖ ทางรถไฟหลวงสายใต้นี้จะได้ทำ
ลงไปเชื่อมต่อกับทางรถไฟของประเทศเฟเดอเรเต็ดมาเลสะเต็ดทั้งทาง
ฝ่ายตวันออกแลตวันตกในแหลมมลายู คือ ข้างตวันออกจะได้เชื่อม
ต่อกันที่เขตร์แดนเมืองกลันตัน แลข้างตวันตกที่เขตร์แดนเมืองเคดา
ส่วนที่จังหวัดตรังนั้น ก็เปนสถานีปลายทางแห่งหนึ่งของทางรถไฟ
สายนี้ จากท่าเรือที่จังหวัดตรังนั้น เรือกลไปที่เดินอยู่ในเวลานี้
จะเดินถึงปีนังได้ใน ๑๖ ชั่วโมง

จากเพ็ชร์บูรีไป ทางรถไฟสายนี้ตัดลงไปทางทิศใต้ ผ่านบาง
ตะพาน, ชุมพร, หลังสวนแลสุราษฎร์ธานี เมื่อถึงทุ่งสงแล้วแยก
ออกไปเปนสองทาง ทางหนึ่งแยกไปทางตวันตกยังตรัง ส่วนทาง
ตวันออกนั้นผ่านทางที่แยกไปยังนครศรีธรรมราช, พัทลุง, อู่ตะเภา, ยะลา
แลระแงะ ทางสายแยกนครนั้นยาวเพียง ๓๖ กิโลเมเตอร์

ที่ตำบลอู่ตะเภานี้ มีทางแยกไปยังฝั่งตวันตกแห่งแหลมมลายู
ผ่านเมืองเคดาทางหนึ่งยาว ๔๘ กิโลเมเตอร์ แลแยกลงไปยังสงขลา
อีกทางหนึ่งยาว ๒๘ กิโลเมเตอร์

ทางรถไฟสายใต้ที่สร้างขึ้นเพื่อบำรุงบ้านเมืองให้เจริญ แลเพื่อ
ให้ไปมาได้ตรงในระหว่างกรุงเทพฯ กับมณฑลต่างๆ ในพระราชอาณา
จักร์ภาคใต้ ด้วยในเวลานี้คมนาคมที่มีอยู่ก็มีแต่เรือที่เดินตามชาย
ทะเล หรือทางบกซึ่งเปนทางไกลกันดารมาก เปนต้นว่าถ้าจะไปกับ
เรือกลไปที่เดินอยู่เสมอจากกรุงเทพฯ ถึงสงขลา ก็ต้องใช้เวลา ๔ วัน
หรือถ้าจะเดินทางบกแล้วก็จะต้องใช้เวลาเดือนเศษ แต่ถ้าจะเดินทาง

ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ



๒๑

โดยรถไฟ และเมื่อกรมรถไฟเดินรถเร็ว (เอกสะเปรศ) แล้วก็จะไป
ถึงสงขลาได้ภายใน ๒ วัน ถ้าตริตรองดูแล้วสำหรับประเทศเล็กที่ทำ
การใหญ่โตต้องลงทุนรอนมากมายเช่นนี้ ก็ย่อมจะเปนการใหญ่อยู่
เพราะท้องที่ต่างๆ ที่ทำทางรถไฟผ่านไปนั้น มีพลเมืองเบาบางมาก
นัก ส่วนเวลาที่ย่นเข้าได้นี้ ในบางคราวเวลาเมื่อถ่ายถุงไปรสนีย์ถึง
กรุงสยามลงเรือที่จะเข้ามากรุงเทพฯ นั้น ซึ่งตามธรรมดาต้องคอยฝาก
เข้ามากับเรือที่จะมีเข้ามากรุงเทพฯ นั้น ถ้าต้องคอยเรืออีกด้วยแล้ว
เวลาที่จะย่นเข้าได้อีกโดยส่งถุงไปรสนีย์ขึ้นบกโดยทางรถไฟที่เมืองไปร
ตรงขึ้นมายังกรุงเทพฯ ทีเดียว ก็จะยิ่งน้อยกว่าเวลาที่จะย่นเข้าได้
อันกล่าวมาแล้วนี้

อนึ่งบรรดาคนโดยสานซึ่งขึ้นบกที่ปินัง จะหลีกเลี่ยงการโดยสาน
ไปกับเรือผ่านทางเมืองสิงคโปร์ ซึ่งต้องเดินทางในทะเลไกลมากนั้น
ได้ด้วย ทั้งจะประหยัดเวลาที่ต้องเดินทางอยู่ในเรือแลที่จะต้องคอยเรือ
ที่จะมีเข้ามาจากสิงคโปร์นั้นได้อีกด้วย

การประหยัดเวลาเดินทางลงได้นี้ ใช่แต่จะเปนประโยชน์ใหญ่
สำหรับพวกพ่อค้าพานิชที่อยู่ในกรุงเทพฯ แต่ฝ่ายเดียวก็หามิได้ ย่อม
จะเปนประโยชน์แก่ผู้เดินทางแลชาวต่างประเทศที่ตั้งเคหะสถานอยู่ใน
กรุงสยาม จะลาออกไปพักแลเยี่ยมประเทศบ้านเมืองตนนั้นด้วย ส่วน
สำหรับนักเที่ยวรอบโลกย์ก็น่าจะเหมาะแก่ความประสงค์มาก เพราะ
สำหรับนักเที่ยวเช่นนี้ ถ้าขึ้นจากเรือที่เมืองปินังแลข้ามมาขึ้นรถไฟ
ที่เมืองไปร ซึ่งอยู่ที่ฝั่งตวันตกของแหลมมลายูตรงเกาะปีนังข้ามนั้น

ลูกแมวตาดำๆ



๒๒

ขึ้นมายังกรุงเทพฯ แล้ว ก็จะได้เห็นบ้านเมืองอันน่าดูน่าชมตลอดทาง
อนึ่ง ท้องที่เหล่านั้นจะว่ายังไม่มีใครเคยรู้จักดีนักก็ว่าได้ เมื่อได้เที่ยว
ดูเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครแล้ว ถ้ามีความ
ประสงค์จะกลับทางเรือลงไปเมืองสิงคโปร์ แล้วเดินทางเที่ยวต่อไปใน
ประเทศตวันออกก็ได้ อนึ่งผู้เดินทางเที่ยวในประเทศตวันออก เช่น
เมืองจีนแลเมืองยี่ปุ่นนั้น ถ้าจะเข้ามาเที่ยวในกรุงสยามจะเข้ามา
โดยทางเรือแลกลับทางรถไฟก็ได้เหมือนกัน

จนถึงกาลบัดนี้ผู้ที่เข้ามาเที่ยวเยี่ยมเยือนกรุงเทพฯ มีน้อย ก็
คงเป็นเพราะเหตุที่หนทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับเมืองสิงคโปร์ มี
แต่ทางเรือที่น่าเบื่ออยู่ทางเดียว แต่เมื่อมีทางรถไฟแล้ว ถ้าจะเดิน
ทางโดยรถไฟ ก็จะไม่ต้องกังวลถึงการที่จะเดินทางกลับลงไปกับเรือ
ยังสิงคโปร์ ซึ่งในเทศกาลมรสุมนั้น จะไม่เปนความศุขสบายเลย

ทางรถไฟหลวงที่ได้เปิดรับคนโดยสานแล้วในเวลานี้ มีอยู่ดังนี้
รถไฟสายใต้ ๑,๑๗๕ กิโลเมเตอร์ แลกำลังก่อสร้างอยู่ ๑๗๖ กิโล
เมเตอร์ รถไฟสายเหนือที่ได้เปิดเดินแล้ว ๙๔๘ กิโลเมเตอร์ แลที่
กำลังก่อสร้างอยู่ ๒๔๙ กิโลเมเตอร์ รวมทางรถไฟหลวงที่ได้เปิดแล้ว
๒,๑๒๓ กิโลเมเตอร์

ทางรถไฟหลวงสายใต้นั้น ทำผ่านลงไปในคาบสมุทมลายูซึ่งเปน
ส่วนหนึ่งของพระราชอาณาจักร์ทางภาคใต้ ตั้งแต่ ๖ ดีกรี ถึง ๑๓ ดีกรี
แลติจูดเหนือ พลเมืองในพระราชอาณาจักร์ภาคนี้มีทั้งไทยแลมลายู
รวมกันประมาณ ๑,๑๕๐,๐๐๐ คน

ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ



๒๓

ภูมิ์ที่ของพระราชอาณาจักร์ภาคนี้มีภูเขามาก แลสิ่งที่มีประโยชน์
อันเกิดแก่บ้านเมืองแถบนี้ นอกจากเข้าก็มีแร่ธาตุต่างๆ เปนของ
สำคัญ ส่วนแร่ดีบุกนั้นเปนแร่ที่มีแพร่หลายมากกว่าแร่อื่นๆ นอก
จากนี้ก็มีสีต่างๆ ที่ใช้ย้อมผ้า ไม้ต่างๆ ที่มีราคา (ในท้องที่
ต่างๆ แถบนี้ มีป่าไม้ต่างๆ ที่จะใช้ในการปลูกสร้างอยู่มาก) ชัน
ต่าง ๆ, น้ำมันยาง, พริกไทย, ลูกจันเทศ, รังนกอีแอ่น, เต่ากระแล
ไข่จาระเม็ด ขนนกที่แปลกปลาศต่างๆ, หนัง ขนสัตว์ป่าต่างๆ,
แลไหม, โค, กระบือ, แลช้างที่อยู่เป็นฝูงแลโขลงนั้นมีมาก ส่วนม้า
นั้นไม่ใคร่จะมี

บ้านเมืองแลท้องที่ต่างๆ ที่ทางรถไฟผ่านไปนั้น มีของน่าดู
น่าชมสำหรับนักเที่ยวตลอดทาง ส่วนพื้นของภูมิ์ประเทศสองข้างทาง
รถไฟนั้นเล่าก็มีทั้งทุ่ง, นา, ป่า, เขา, แลห้วยธารลหานเหวต่างๆ
นาๆ อันงดงามน่าชมยิ่งนัก

บ้านเมืองที่สำคัญตามทางรถไฟสายนี้ คือ นครปฐม, ราชบูรี,
เพ็ชร์บูรี, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, สงขลา ซึ่งตั้งอยู่
ทางฝั่งตวันออก แลตรังอยู่ทางฝั่งตวันตก

กรุงเทพพระมหานคร

กรุงเทพพระมหานครซึ่งเป็นพระนครหลวงของประเทศสยามนั้น
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ อันเปนปถมบรมกระษัตริย์มหาจักรกรี
บรมราชวงศ์ ได้ทรงสถาปนาขึ้นเมื่อปีพระพุทธศักราช ๒๓๒๕ ตั้ง
อยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากปากน้ำประมาณ ๔๐ กิโล

ลูกแมวตาดำๆ



๒๔

เมเตอร์ หรือ ๒๒.๔ กิโลเมเตอร์โดยทางตรง แม่น้ำนี้เปนท่าเรือ
สำหรับเรือรบแลเรือค้าขาย เพราะกว้างใหญ่แลมีน้ำลึกมาก ที่
เรือทะเลอย่างกินน้ำลึกจะเดินได้สดวกเมื่อได้ข้ามพ้นสันดอนแล้ว การ
ที่มีสันดอนกีดกั้นอยู่เช่นนี้ จึงจำกัดขนาดเรือที่จะขึ้นมาถึงกรุงเทพฯ
ได้นั้น ต้องกินน้ำเพียง ๑๒ ฟีต ๖ นิ้วถึง ๑๔ ฟีต ๖ นิ้ว จึงจะข้าม
สันดอนเข้ามาได้ในเวลาน้ำขึ้นมาก

กรุงเทพพระมหานครนั้น นับว่าเปนเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่าง
ที่นิยมกันในสมัยนี้ได้เมืองหนึ่ง มีถนนหนทางอันงดงามสอาดเรียบ
ร้อย ยานล้อต่างๆ เดินได้สดวกแลจุดโคมไฟฟ้าทั่วไปยาวประมาณ
๑๔๕ กิโลเมเตอร์ มีทางรถรางไฟฟ้ายาวประมาณ ๓๗ กิโลเมเตอร์
กับมีน้ำประปาแลใช้จุดโคมไฟฟ้ากันทั่วไป

อนึ่งควรจะรฦกถึงว่า กรุงเทพฯ เปนเมืองหนึ่งที่ได้ใช้จุดโคม
ไฟฟ้าก่อนข้างฝ่ายตวันออกนี้ประเทศหนึ่ง หรือบางทีก็จะเปนเมืองแรก
ที่ได้เริ่มใช้จุดโคมไฟฟ้าในทวีปอาเซียฝ่ายตวันออกนี้กระมัง

บรรดาคลองใหญ่น้อยต่างๆ ซึ่งมีอยู่มากมายใช้เปนทางสำหรับ
เรือสัญจรไปมาแทนถนนหนทางมาแต่ในกาลก่อนนั้น นักเที่ยวซึ่งชอบ
ท่องเที่ยวรอบโลกย์ ซึ่งเคยได้เข้ามาในกรุงสยามแล้วนั้น ชอบเปรียบ
เทียบกรุงเทพพระมหานครว่าคล้ายกับเมืองวินิศในยุโรป

เนื้อที่ภายในกำแพงพระนคร มีประมาณ ๒๔ ตารางกิโลเมเตอร์
พลเมืองตามบาญชีสัมโนครัวที่ได้สำรวจในครั้งที่สุดมี ๕๔๐,๖๗๙ คน
เคหะสถานบ้านเรือนที่เปนฝากระดานมุงด้วยจากมาแต่เก่าก่อนนั้น ก็

ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ



๒๕

ได้เปลี่ยนเปนตึกรามเสียแล้วโดยมาก แต่ถึงกระนั้นก็ดีกรุงเทพฯ
ยังรักษารูปทรงสนฐานของเมืองในฝ่ายตวันออกอันงดงามน่าดูไว้ได้อย่าง
น่าพิศวง

จากบนภูเขาทองซึ่งเปนที่สูงมากในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง ที่จะแล
เห็นส่วนใหญ่ของพระมหานครได้ดีนั้น จะเห็นยอดมณฑป, ยอดปรางค์
ปราสาทราชถานแลยอดเจดีย์ต่างๆ อันสละสลวยงดงาม แลหลังคา
สีต่างๆ อันมีสีงามสดสอาด หลังคาสีเหล่านี้ คือ หลังคาพระที่นั่ง
ใหญ่น้อยต่างๆ ในพระราชนิเวศ แลโบสถ์วิหารกาญเปรียญตามวัดวา
อารามเปนต้น โผล่สพรั่งขึ้นมาทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง จากหมู่ต้นไม้
อันเขียวชะอุ่ม

ส่วนพระมหานครตอนสวนดุสิตที่ได้สร้างขึ้นใหม่นั้น ควรได้
รับความชมเชยว่าเปนแบบตัวอย่างอันดีในการกะวางแบบแผนบ้านเมือง
สำหรับสมัยนี้ได้ ที่สวนดุสิตนี้มีพระราชวังซึ่งเปนที่ประทับในกรุงเทพฯ
แห่งหนึ่ง ในระหว่างพระราชวังดุสิตแลพระบรมมหาราชวังนั้น มีถนน
พระราชดำเนินติดต่อถึงกัน ถนนพระราชดำเนินนี้ยาวประมาณ ๓ กิโล
เมเตอร์ กว้างประมาณ ๖๐ เมเตอร์ เปนถนนที่กว้างขวางโอ่โถงร่มรื่น
งดงามยิ่งนัก ด้วยตามสองข้างถนนสายนี้ปลูกต้นไม้เปนระยะตลอด
ทั่วไป อนึ่งในถนนราชดำเนินนี้ มีสพานซึ่งทำด้วยศิลาอ่อนอันวิจิตร์
งดงามสามสพาน ในบริเวณพระราชวังดุสิตที่ปลายทางถนนพระ
ราชดำเนินอันงดงามนี้ เห็นพระที่นั่งอนันตสมาคมอันทำด้วยศิลาอ่อน

ลูกแมวตาดำๆ



๒๖

แลในพระลานน่าพระที่นั่งองค์นี้ มีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระ
รามาธิบดีที่ ๕ ทรงม้าประดิษฐานไว้ด้วย

ที่ทำการค้าขายแลตั้งเคหะสถานของชาวยุโรปโดยมากนั้น อยู่
ข้างภาคใต้แลตวันออกเฉียงใต้แห่งพระมหานคร ซึ่งสถานทูตแล
กงซุลนานาประเทศก็ตั้งอยู่ในแถบนี้โดยมากด้วยเหมือนกัน

พระราชวังซึ่งเปนที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใน
กรุงเทพพระมหานครนั้น คือ พระบรมมหาราชวังแลพระราชวังดุสิต
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีพระราชคฤหสถานจิตร์ลดา
รโหถานในบริเวณสวนดุสิตอีกแห่งหนึ่ง ส่วนสมเด็จพระศรีพัชรินทรา
พระบรมราชินีนารถ พระราชชนนีพระพันปีหลวงนั้น เสด็จประทับอยู่
ณพระตำหนักพญาไทยซึ่งอยู่ใกล้กัน

พระบรมมหาราชวังนั้นมีกำแพงใบเสมาแลป้อมอย่างโบราณอยู่โดย
รอบ ภายในกำแพงนี้เห็นยอดปรางค์แลพระมหาปราสาทต่างๆ อัน
สูงระหงแลพระที่นั่งใหญ่น้อยในพระราชนิเวศเหล่านี้อร่ามล้วนไปด้วย
แก้วแกมสุวรรณ ส่วนภายนอกกำแพงนั้นเล่าก็มีสนามหญ้าแลท้อง
สนามหลวงอันเขียวชะอุ่มราบรื่นเปนที่ประลองกำลังพลแลการกรีฑาต่างๆ
ประกอบเข้ากับถนนหนทางกว้างใหญ่ซึ่งมีสีขาว วัดพระศรีรัตนสาสดา
รามอันสง่างาม แลสถานที่ราชการต่างๆ เหล่านี้ บรรดาชาว
นานาประเทศที่ได้เคยเข้ามาเห็นแล้วนั้น มีความเห็นกันว่าเปนที่
วิจิตร์งดงามน่าพึงชมในฝ่ายบูรพาทวีปแห่งหนึ่ง ถ้าขออนุญาตได้
บรรดาผู้ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนประเทศสยาม ควรเข้าไปชมในพระบรม

ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ



๒๗

มหาราชวังแลพระที่นั่งอนันตสมาคมที่พระราชวังดุสิตนั้นด้วย

บรรดาวัดวาอารามต่างๆ นั้น ยังคงรักษาการก่อสร้างตามแบบ
ฝีมือช่างไทยอย่างโบราณไว้ สถานที่เหล่านี้บางทีจะนับว่าเปนสิ่งที่ควรดู
ควรชมในพระมหานครได้อย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ที่เข้ามาเที่ยวเยี่ยมเยียน
กรุงเทพฯ ควรดู ข้อความที่จะบรรยายต่อไปนี้ จะกล่าวถึงตำนาน
ของวัดที่สำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯ บางวัดโดยสังเขป

วัดพระศรีรัตนสาสดาราม ที่นิยมเรียกกันว่าวัดพระแก้วนั้น
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรกรีบรมนารถ พระพุทธ
ยอดฟ้าจุฬาโลกย์ ปถมบรมกระษัตริย์มหาจักรกรีบรมวงศ์ ได้ทรง
สร้างขึ้นเมื่อสถาปนากรุงเทพพระมหานครอมรรัตนโกสินทร ฯ เมื่อพระ
พุทธศักราช ๒๓๒๕ เปนที่ประดิษฐานพระมหามณีรัตนปฏิมากรแก้ว
มรกฏ พระอารามนี้เปนพระอารามหลวงอยู่ในกำแพงพระบรมมหาราช
วัง ไม่มีพระสงฆ์อยู่ในอารามนี้ พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
แลพระราชพิธีบางอย่างก็ทำในพระอารามนี้ แลเปนที่พระราชวงศา
นุวงศ์ทรงผนวชเปนพระภิกษุสงฆ์ด้วย

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เดิมชื่อวัดโพธารามเปนวัดเก่า
ก่อนสร้างกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในกำแพงพระนคร ข้างทิศใต้แห่งพระบรม
มหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรีบรม
นารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ ทรงสถาปนาใหม่ทั่วทั้งพระอาราม
แล้วพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ครั้ง
ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎา

ลูกแมวตาดำๆ



๒๘

บดินทร พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์แลก่อสร้างเพิ่มเติม
ขึ้นอีกมาก รวมทั้งพระพุทธไสยาศน์ใหญ่ด้วยองค์หนึ่ง ยาว ๑ เส้น
๒ วา ๒ ศอก แลได้เชิญพระพุทธรูปหล่อโบราณต่างๆ ลงมาจากเมือง
ฝ่ายเหนือมาประดิษฐานไว้ในพระอารามนี้เปนอันมาก ด้วยวัดนี้เปน
วัดที่ใหญ่โตมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล ก็ได้ทรง
ปฏิสังขรณ์ทำนุบำรุงเสมอมา

วัดอรุณราชวราราม นามเดิมชื่อวัดแจ้ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้า
พระยาฝั่งตวันตก เปนวัดที่สร้างมาแต่ก่อนตั้งกรุงเทพพระมหานคร
ครั้นต่อมาในรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาอิศร
สุนทร พระพุทธเลิศหล้านภาไลย์ ทรงปฏิสังขรณ์ทั่วทั้งพระอารามแล
ทรงสร้างพระอุโบสถใหม่ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดอรุณราชวราราม
พระบาทสมเด็๗พระรามาธิบดีที่ ๓ ได้ทรงสร้างพระปรางค์ใหญ่อันวิจิตร
งดงามขึ้น ดังปรากฎอยู่ในกาลปัตยุบันนี้ พระปรางค์นี้ยาว ๑ เส้น
๑๓ วา ๑ ศอก ในรัชกาลที่ ๕ เกิดเพลิงไหม้พระอุโบสถ พระบาท
สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้า
อยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ, พระปรางค์, แลสิ่งอื่นๆ ที่ชำรุด
ทรุดโทรมนั้นแทบทั่วไป เมื่อแล้วเสร็จได้มีการมหรศพฉลองเปนการ
ใหญ่ ตามประทีปด้วยโคมไฟฟ้าทั่วทั้งองค์พระปรางค์

วัดสระเกษ ตั้งอยู่ริมคลองมหานาค เดิมชื่อวัดสะแก เปน
วัดที่มีมาก่อนสร้างกรุงเทพพระมหานคร พระบาทสมเด็จพระรามา
ธิบดีที่ ๑ ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทั่วทั้งพระอาราม แล้วพระราชทานนาม

ลูกแมวตาดำๆ


ลูกแมวตาดำๆ